
กรานิต ชาก้า กัปตันทีมซันเดอร์แลนด์ ได้รับเสียงชื่นชมอย่างล้นหลามว่าเป็น "การเซ็นสัญญาแห่งฤดูกาล" และถือเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเส้นทางอาชีพของเขาเอง
เมื่อ "แมวดำ" คว้าตัวกองกลางวัย 33 ปีมาจาก ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ด้วยค่าตัว 13 ล้านปอนด์ในช่วงซัมเมอร์ 2025 ที่ผ่านมา แฟนบอลส่วนใหญ่ยังไม่แน่ใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป แต่สิ่งที่เขามอบให้กลับเกินความคาดหมาย
ลูกยิงไกลสุดสวยของชาก้าในเกมที่เสมอกับเอฟเวอร์ตัน 1-1 พาซันเดอร์แลนด์กลับขึ้นไปติดท็อป 4 ของพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง อันดับในฝันสำหรับทีมน้องใหม่ที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมา เจมี่ คาร์ราเกอร์ อดีตกองหลังลิเวอร์พูล กล่าวผ่าน Sky Sports ก่อนเกมว่า
"เขาน่าจะเป็นการเซ็นสัญญาที่ดีที่สุดของฤดูกาล ใครในพรีเมียร์ลีกจะมีอิทธิพลได้ขนาดนี้อีก ?"
หลังจบเกมที่ชาก้าได้รับเลือกเป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำแมตช์ คาร์ราเกอร์เสริมอีกว่า
"เขาโดดเด่นอีกครั้ง เหนือกว่าแทบทุกคนในสนาม"
ผู้นำทั้งในและนอกสนาม
อิทธิพลของชาก้าในทีมแมวดำ เห็นได้ชัดจากแทบทุกสถิติสำคัญ เขาไม่เพียงเป็นหัวใจในแดนกลาง แต่ยังอยู่ในกลุ่มอันดับต้น ๆ ของลีกในหลายด้าน
- แอสซิสต์ 3 ครั้ง มีเพียง 3 ผู้เล่นในลีกที่ทำได้มากกว่า (ทั้งสามคนทำได้ 4 ครั้ง)
- สร้างโอกาสทำประตูรวมอยู่อันดับ 11 ร่วม
- มีเพียง 2 คนเท่านั้นที่สร้างโอกาสจากลูกตั้งเตะได้มากกว่าเขา (9 ครั้ง)
- จ่ายบอลยาวสำเร็จ 52 ครั้ง เป็นรองเพียง มาร์กอส เซเนซี่ ของบอร์นมัธ (56 ครั้ง) แต่เปอร์เซนต์จ่ายบอลยาวสำเร็จของชาก้ามากกว่า
จากการใช้โอกาสน้อยกว่า (87-138)
นอกจากนี้ เขายังติดใน 20 อันดับแรกของลีก ทั้งในด้านจำนวนการจ่ายบอล (552 ครั้ง), การส่งบอลเข้ากรอบเขตโทษ (56 ครั้ง) และการแย่งบอลคืน (49 ครั้ง) และล่าสุด เขายังปลดล็อกประตูแรกในพรีเมียร์ลีกนับตั้งแต่สมัยเล่นให้อาร์เซน่อล ในเกมสุดท้ายของฤดูกาล 2022-23 อีกด้วย
เรจิส เลอ บริส ผู้จัดการทีมซันเดอร์แลนด์ กล่าวถึงลูกทีมคนสำคัญว่า
"เขามีค่ามากสำหรับเรา โดยเฉพาะกับทีมที่เต็มไปด้วยนักเตะดาวรุ่งและหน้าใหม่ในพรีเมียร์ลีก ประสบการณ์ของเขาคือสิ่งที่ช่วยยกระดับทั้งทีม เขามีความมุ่งมั่น อยากแข่งขัน และตั้งมาตรฐานให้เพื่อนร่วมทีมทุกวัน"
ด้าน จอนนี่ อีแวนส์ อดีตกองหลังของทีมเสริมว่า
"เขาคือคนที่ทุกคนในทีมพึ่งพาได้ ทั้งในสนามและนอกสนาม และที่สำคัญคือผลงานของเขาโดดเด่นจริง ๆ"
จาก "ตัวร้ายอาร์เซน่อล" สู่ผู้นำผู้สงบนิ่ง
นี่คือการกลับมาครั้งที่สองของชาก้าในอังกฤษ หลังจากลงเล่นให้อาร์เซน่อล 297 นัด ระหว่างปี 2016–2023 ก่อนย้ายไปเลเวอร์คูเซ่น ซึ่งเขามีส่วนสำคัญในการพาทีมคว้าแชมป์บุนเดสลีกาแบบไร้พ่ายภายใต้การคุมทีมของ ชาบี อลอนโซ่
แม้ในตอนแรก เลเวอร์คูเซ่นจะไม่ต้องการปล่อยตัว แต่ท้ายที่สุดเขาก็เลือกเส้นทางใหม่กับซันเดอร์แลนด์ และกลายเป็นหัวใจสำคัญของทีมทันที ชาก้ากล่าวอย่างตรงไปตรงมาหลังทำประตูแรกให้ต้นสังกัดใหม่ว่า
"ผมไม่เคยคิดว่าจะได้กลับมาที่อังกฤษอีก แต่ฟุตบอลไม่มีอะไรแน่นอน การได้อยู่ที่นี่ทำให้ผมมีความสุข และผมพยายามใช้ประสบการณ์ที่มีเพื่อช่วยทีมในทุกวัน"
ช่วงเวลาที่อาร์เซน่อลอาจไม่ใช่บทที่ราบรื่นที่สุดในชีวิตค้าแข้งของเขา เคยถูกใบแดงถึง 5 ครั้ง และเคยมีเหตุการณ์วิวาทะกับแฟนบอลจนถูกยึดปลอกแขนกัปตันทีม แต่เขาก็พลิกสถานการณ์กลับมาได้ภายใต้การดูแลของ มิเกล อาร์เตต้า จนกลายเป็นผู้เล่นคนสำคัญของทีมก่อนย้ายออกไป อีกทั้ง คาร์ราเกอร์ ยังได้กล่าวชื่นชมอีกว่า
"หลังจากสิ่งที่เขาผ่านมาที่อาร์เซน่อล เขาแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งทางจิตใจที่ยอดเยี่ยม ถ้าเขาพาซันเดอร์แลนด์จบในครึ่งบนของตาราง หรืออย่างน้อยอยู่รอดในพรีเมียร์ลีกได้ เขาจะถูกจดจำไปอีกนาน"
มาร์โก กับเบียดินี่ อดีตกองหน้าซันเดอร์แลนด์ พูดถึงเขาผ่าน BBC Radio Newcastle ว่า
"ตอนอยู่กับอาร์เซน่อล หลายคนมองว่าเขาเป็นนักเตะที่ดุดันเกินไป แต่ตอนนี้เราเห็นอีกด้านหนึ่งของเขา ที่สุขุมและเป็นผู้นำอย่างแท้จริง"
"เขามีสมาธิมากขึ้น ใจเย็นขึ้น และเป็นมืออาชีพสุด ๆ สำหรับทีมที่มีนักเตะอายุน้อยแบบนี้ การมีเขาอยู่ถือเป็นของล้ำค่า"
และปิดท้ายด้วยประโยคติดตลกจากกับเบียดินี่ว่า
"เราต้องห่อเขาด้วยสำลีไว้เลย เพื่อให้เขาได้ลงครบ 38 นัดในฤดูกาลนี้"
เรื่อง : ชินภัทร มุทะสัง นักศึกษาฝึกงาน
ที่มา :
https://www.bbc.com/sport/football/articles/c93dw01j595o