
ก่อนหน้านี้ เวย์น รูนีย์ อดีตกองหน้า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แสดงความเห็นผ่านคอลัมน์ใน BBC ช่วงที่ ลิเวอร์พูล ฟอร์มตกแพ้เกมลีก 4 นัดติดต่อกัน โดยมุ่งไปที่ เฟอร์จิล ฟาน ไดจ์ค กับ โม ซาลาห์ สองผู้เล่นตัวเก๋าของทีม
ครั้งนั้น รูนีย์ บอกว่า ลิเวอร์พูล ขาดผู้เล่นที่มีความเป็นผู้นำในการพาทีมผ่านวิกฤติยากลำบาก แม้แต่ ฟาน ไดจ์ค กับ ซาลาห์ ก็มีท่าทีที่เปลี่ยนไป ไม่แสดงความเป็นผู้นำที่ดี ออกมาอย่างที่ควรจะเป็น
ก่อนที่ ฟาน ไดจ์ค ที่เพิ่งช่วย "หงส์แดง" คืนฟอร์มชนะ แอสตัน วิลล่า 2-0 นัดล่าสุด ออกมาตอบโต้อดีตดาวยิง "ปีศาจแดง" ทำนองว่าเพิ่งจะออกมาวิจารณ์ทีมของเขา ทั้งที่ก่อนหน้านี้ตอน ลิเวอร์พูล ฟอร์มดี กลับไม่ออกมาพูดอะไร
กัปตันชาวดัตช์ ถือโอกาสร่ายยาวว่า "ผมไม่เห็นได้ยินเขา (รูนีย์) พูดอะไรสักอย่างเมื่อปีที่แล้ว เอาตามตรง ผมไมได้รู้สึกแย่อะไร แค่พูดถึงนักเตะที่ชัดเจนว่าเป็นตำนาน เป็นนักเตะสำคัญที่สร้างแรงบันดาลใจให้คนมากมาย ผมพูดได้แต่ในแง่ดี แต่ผมรู้สึกว่าคำพูดเหล่านั้นมันดูจะมาช้าไปสักหน่อย"
"นั่นเป็นความเห็นส่วนตัวของผม ผมว่ามันง่ายที่จะโทษนักเตะคนอื่น ทั้งที่เขารู้ดีว่าเราเล่นร่วมกันได้ดีพอๆ กับทุกคนที่กำลังช่วยให้ทีมผ่านสถานการณ์นี้ และอย่างที่บอกไป ปีที่แล้วตอนที่ทุกสิ่งมันไปได้สวย คุณไม่ได้ยินเสียงใครพูดอะไรเลย มันเป็นแบบนี้แหละ"
"นักวิจารณ์เขาต้องทำหน้าที่ มันเป็นแบบนั้น และอย่างที่ผมบอก เขามีความเห็นของตัวเอง และเราก็ต้องรับมือกับมัน มันไม่มีความรู้สึกแย่อะไรหรอก ผมไม่ได้เก็บมาใส่ใจเลย มันตลกดีที่ว่าเมื่อปีที่แล้วเราไม่ได้ยินเสียงวิจารณ์เลยเพราะเห็นชัดว่ามันไปได้สวย และเราถูกมองว่าเป็นผู้นำ"
"แล้วเมื่อถึงปีนี้ พอทุกอย่างมันไม่เป็นไปอย่างที่เราต้องการในช่วง 2-3 สัปดาห์ เพราะเราทำหน้าที่ได้ไม่ดีพอ นั่นแหละคือชีวิตที่เราเป็น (ถูกวิจารณ์) เรารู้สึกถึงความรับผิดชอบ เราต้องการเป็นตัวอย่างด้วยการเป็นผู้นำ"
"ผมรู้ดีว่าถ้าเราไม่ได้ผลการแข่งขันที่ดีที่สุดหรือทำโชว์ฟอร์มไม่ดี ผมและผู้จัดการทีมจะถูกตั้งคำถามเสมอ นั่นคือส่วนหนึ่ง ผมต้องการทำผลงาน ไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เป็นเพื่อทีม เพื่อสโมสร"
"เมื่อมันเกิดช่วงเวลาที่ยากลำบาก ผมพยายามช่วยเพื่อนร่วมทีม เมื่อสิ่งต่างๆ มันไม่เป็นไปด้วยดี ผู้คนก็ตั้งคำถามกัน นั่นแหละโลกที่เราอยู่ มันมีช่องทางมากมายที่ทุกคนจะพูดอะไรก็ได้ตามใจชอบ และมันจะเป็นเรื่องใหญ่โต"
"ผมได้ยินข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ (อาร์เน่อ ชล็อต) ว่าอยู่ในความกดดัน อะไรแบบนั้น แต่ผมไม่คิดว่าทีมของเราจะตัดสินใจอะไรแบบหุนหันพลันแล่น เราทุกคนรู้สึกได้ และผมคิดว่าพวกคุณก็คงเห็นว่าเราจะหาทางออกกันได้"
"แน่นอนว่ามันไม่มีอะไรการันตี แต่เราร่วมมือกันได้ ตราบใดที่เราเชื่อมั่น ถ่อมตัว และทำงานกันต่อไป ผมรู้สึกว่าเราทำได้ ทุกคนก็รู้สึกเหมือนกัน เราต้องก้าวต่อไป และในใจผมไม่มีข้อสงสัยใดๆ เลย ถึงการทำสิ่งที่เราทำร่วมกัน"