ก่อนเกมที่เชลซี จะเอาชนะ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง คว้าแชมป์สโมสรโลก 2025 ไปนอนกอด แฟนบอลจำนวนไม่น้อยได้ทำนายไว้ว่าทีมของหลุยส์ เอ็นริเก้น่าจะเอา “สิงห์บลูส์” ของเอ็นโซ่ มาเรสก้าลงได้ไม่ยาก ด้วยผลงานตลอดฤดูกาลที่ผ่านมา รวมถึงเรื่องชื่อชั้นแชมป์คอนเฟอเรนซ์ ลีกกับแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ปี 2025
แม้กระทั่งตอนประกาศรายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริง แฟนเชลซี เองก็ยังไม่เข้าใจเอ็นโซ่ มาเรสก้า ที่เอา รีซ เจมส์ ออกสตาร์ทในแดนกลาง และให้ มาโล กุสโต ประจำการตำแหน่งแบ็กขวา
ทว่าเอ็นโซ่ มาเรสก้าทำให้การคาดการณ์ข้างต้นและข้อสงสัยทั้งหมดพังทลายลง เพราะเพียงแค่จบ 45 นาทีแรกเชลซี ก็ออกนำเปแอสเช ไปถึง 3-0 จากโคล พาลเมอร์ สองประตูและ เจา เปโดร
เอ็นโซ่ มาเรสก้า ทำอย่างไรให้เชลซี สามารถกำราบ เปแอสเช สำเร็จ … เปิดแท็คติกของกุนซือรายนี้ไปพร้อมกับ Main Stand
3 ประตูที่เชลซี ยิงได้ในเกมนี้ล้วนแล้วเป็นการโจมตีทางฝั่งซ้ายเปแอสเช ทั้งสิ้น ซึ่งอยู่ในความดูแลของนูโน่ เมนเดส แบ็กซ้ายเบอร์ท็อป ๆ ของโลก ณ ปัจจุบัน
อย่างไรก็ตามเอ็นโซ่ มาเรสก้า ได้เห็นจุดบอดของแบ็กซ้ายทีมชาติโปรตุเกส และแผนการเล่นของเปแอสเช
นั่นคือการที่ หลุยส์ เอ็นริเก้ ใช้ นูโน่ เมนเดส ขึ้นมาเติมเกมรุกบ่อยครั้ง ทำให้เกิดพื้นที่ว่างบริเวณที่เขารับผิดชอบ ซึ่งจุดนี้แหละที่ทำให้ เอ็นโซ่ มาเรสก้า เลือกส่งโคล พาลเมอร์ ลงเล่นในบทบาทฝั่งขวา แบบเดียวกับที่เคยเล่นภายใต้ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ คอมโบร่วมกับ มาโล กุสโต
หลังจบเกม เอ็นโซ่ มาเรสก้า ให้สัมภาษณ์อธิบายความคิดของเขาทั้งหมดในการวางแผนเจอกับเปแอสเช โดยเริ่มว่า
“อย่างที่เราวางแผนไว้ เรารู้ว่ากองกลางของพวกเขามีสามคน สองคนจะคอยประกบ รีซ เจมส์ กับ มอยเซส ไคเซโด้ ส่วน วิตินญ่า จะตามประกบ เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ”
“พอทีมพวกเรามาวิเคราะห์กันแล้ว เราก็เห็นว่านี่แหละคือโอกาสที่ดีที่จะเจาะพื้นที่ว่างฝั่งซ้าย และเราก็ใช้โคล พาลเมอร์ กับมาโล กุสโต ที่เป็นแบ็กสายบุกทางขวาเพื่อสร้างความได้เปรียบในพื้นที่ฝั่งนั้น”
และ เอ็นโซ่ มาเรสก้า ยังบอกอีกว่านี่เป็นแค่เพียงหนึ่งในแบบแผนการเล่นอันหลากหลายของเชลซี โดยเปรียบเปรยกับการเล่นหมากรุกดังนี้
“มันเป็นแผนการเล่นที่เราวางไว้ ผมเคยพูดหลายครั้งแล้ว เราพยายามใช้แผนการเล่นที่หลากหลาย และพยายามช่วยให้ผู้เล่นอยู่ในตำแหน่งที่พวกเขาสามารถแสดงศักยภาพได้อย่างเต็มที่”
“ผมเคยบอกว่าผมชอบหมากรุกนะ แต่ไม่ได้เก่งอะไรหรอก ผมก็แค่อยากเล่นให้เก่ง แต่มันยังไม่ถึงขั้นนั้น ผมแค่ชอบเฉย ๆ”
“ตอนที่เราวิเคราะห์เกม เราเห็นชัดว่าด้านซ้ายของพวกเขาเปิดพื้นที่ไว้เยอะ เราเลยวางแผนจะเจาะตรงนั้น และมันก็ได้ผล แต่จริง ๆ แล้ว ผมว่าเราชนะเกมนี้ตั้งแต่ 10 นาทีแรก”
“เพราะทีมเราลงสนามด้วยทัศนคติที่ชัดเจนว่าเรามาเพื่อชนะ ในขณะเดียวกันก็ยังให้ความเคารพคู่แข่ง ซึ่งเราก็ยอมรับว่า เปแอสเช คือทีมที่ดีที่สุดในโลกตอนนี้”
“แต่สุดท้าย ต่อให้โค้ชจะวางแผนไว้ดีแค่ไหน มันก็ขึ้นอยู่กับนักเตะในสนามว่าพวกเขาจะทำได้หรือเปล่า และวันนี้ลูกทีมของผมทำได้อย่างยอดเยี่ยมจริง ๆ”
“แนวคิดของเราคือเล่นแบบตัวต่อตัว (man-to-man) ผมคิดว่า เปแอสเช เป็นทีมที่เก่งมาก และถ้าคุณปล่อยให้พวกเขามีเวลาครองบอล พวกเขาจะจัดการคุณได้แน่นอน"
"ในความเห็นส่วนตัวของผม คุณต้องเพรสพวกเขาอย่างเข้มข้นที่สุด ซึ่งในช่วง 10 นาทีแรกของเกม เราทำตรงนั้นได้ดี”
“เอาตามตรงเราอยากทำแบบนั้นให้ได้ตลอดทั้ง 90 หรือ 95 นาที แต่เราก็รู้ว่าด้วยสภาพอากาศแบบนี้ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเล่นด้วยความเข้มข้นระดับนั้นได้นาน แต่เราก็พยายามเล่นให้ดุดันที่สุด และไม่ปล่อยให้พวกเขามีเวลาอยู่กับบอล”
นอกจากนี้เมื่อเอ็นโซ่ มาเรสก้า ถูกถามถึง โรเบิร์ต ซานเชส ที่องค์ลง ออกบอลสวยหลายจังหวะ เขาให้คำตอบแบบคม ๆ ส่งท้ายว่า
“เกี่ยวกับโรเบิร์ต ผมมักจะพูดเสมอว่า คู่แข่งนี่แหละที่เป็นคนให้คำตอบกับเรา ถ้าคู่แข่งเล่นแบบที่เปแอสเชเล่น เราก็ต้องใช้บอลยาวและให้ผู้รักษาประตูเตะเปิดหรือสาดบอลออกไป มันขึ้นอยู่กับสิ่งที่คู่แข่งทำ ว่าเราจะตอบโต้แบบไหน"
สรุปแล้วแผนเกมของเชลซีคือการฉวยโอกาสจากพื้นที่ว่างที่เกิดจากการสลับตำแหน่งของนักเตะเปแอสเช สร้างความได้เปรียบในพื้นที่ริมเส้นหรือกลางสนามเพื่อเจาะพื้นที่ว่างหลังไลน์ พิสูจน์ได้จากการที่เชลซี มีสถิติด้อยกว่าเปแอสเชแทบทุกด้าน โดยเฉพาะเปอร์เซนต์ครองบอล (เชลซี 33%, เปแอสเช 67%) ยกเว้นจำนวนครั้งการยิงประตู
น่าติดตามเป็นอย่างยิ่งว่าในฤดูกาล 2025-26 เชลซี ของ เอ็นโซ่ มาเรสก้า จะดีพอที่จะยืนระยะต่อกรแย่งแชมป์พรีเมียร์ลีก หรือ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก หรือไม่
