หนึ่งในดีลซื้อขายที่แพงและถูกจับตามองที่สุดในตลาดฤดูกาลนี้ ก็คงหนีไม่พ้นกองหน้าคนใหม่ของเรือใบสีฟ้า อย่าง โอมาร์ มาร์มูช ที่เก็บข้าวของบินลัดฟ้าจากเยอรมันมาค้าแข้งที่ประเทศอังกฤษ เพื่อเข้ามาเติมเต็มขุมกำลังยุคใหม่ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า และนำแมนเชสเตอร์ ซิตี้ กลับเข้ามาสู่เส้นทางอีกครั้ง
ยอดแข้งพรสวรรค์จาก อียิปต์ โอมาร์ มาร์มูช จะเข้ามาเติมเต็มชิ้นส่วนที่ขาดหายไปของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ได้อย่างไรในยุคนี้ โปรดติดตามไปพร้อมกับเรา MainStand
หลังจาก โอมาร์ มาร์มูช กองหน้าชาวอียิปต์ วัย 26 ปี ย้ายเข้ามาร่วมทีมเรือใบสีฟ้าด้วยค่าตัวราวๆ 75 ล้านปอนด์ ทำให้เกิดการตั้งคำถามมากมายถึงค่าตัวระดับเกือบๆหนึ่งร้อยล้านที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จ่ายไปให้กับ ไอน์ทรัค แฟรงค์เฟิร์ต ว่าเป็นดีลที่แพงเกินเหตุหรือทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า Panic Buy หรือเปล่ากับการแก้ปัญหาฟอร์มฝืดของแนวรุกในปัจจุบัน
แต่ว่า โอมาร์ มาร์มูช เจ้าของเบอร์ 7 คนใหม่ก็ทำให้หลายๆคนเปลี่ยนแนวคิดเพียงแค่การลงสนามนัดแรกหลังจากย้ายมา กองหน้าชาวอียิปต์ วัย 26 ปี รายนี้ ได้ออกสตาร์จเป็นตัวจริงในวันที่พบกับ เชลซี ในเดือนมกราคม ก่อนที่จะทำประตูได้แต่ถูกจับลํ้าหน้าไปอย่างน่าเสียดาย ทำให้วินาทีนั้นของเจ้าตัวเกือบจะเป็นการเปิดตัวในฝันที่จะครองใจบรรดาฝูงชน CityZens ใน เอติฮัด สเตเดี้ยม แต่ด้วยฟอร์มการเล่นของเขาในวันนั้น ความเร็วที่หาตัวจับได้ยาก หาพื้นที่ หาจังหวะจบสกอร์ได้เก่งและยังสามารถปรับตัวเข้าหาแทคติกของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ได้อย่างรวดเร็ว นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้ โอมาร์ มาร์มูช กลายเป็นความหวังใหม่ของแฟนๆเรือใบสีฟ้า
ถึงแม้ โอมาร์ มาร์มูช จะเปิดตัวได้ดีและน่าประทับใจกับฟอร์มการเล่นส่วนตัวใน 4 เกมที่ผ่านมา แต่นักเตะชาวอียิปต์รายนี้ก็ยังไม่สามารถทำประตูให้กับทีมได้เลยแม้แต่ลูกเดียว ทำให้เกมต่อมาของเรือใบสีฟ้าที่ต้องเปิดบ้านรับการมาเยือนของ นิวคาสเซิล ทีมที่ได้ชื่อว่ามีเกมรับที่เหนียวที่สุดอีกหนึ่งทีมใน พรีเมียร์ ลีก ดูเป็นเกมที่ยากของแมนเชสเตอร์ ซิตี้และตัวของ โอมาร์ มาร์มูช
แต่สุดท้าย โอมาร์ มาร์มูช ก็ทำให้เกมกับสาลิกาดงในวันนี้ง่ายกว่าที่ทุกคนคิด เพราะเจ้าตัวยิงประตูแรกในสีเสื้อเรือใบสีฟ้าได้ในนาทีที่ 19 ของเกม ก่อนที่จะทำประตูเพิ่มในนาทีที่ 24 กับ 33 ใช้เวลาเพียงแค่ 14 นาทีเท่านั้นหลังจากประตูแรก ในการทำแฮตทริกแรกให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และยังเป็นแฮตทริกแรกของเจ้าตัวในอาชีพการค้าแข้งอีกด้วย
"มันเป็นวันที่มหัศจรรย์มาก เป็นความรู้สึกที่บ้ามากและมันเป็นแฮตทริกแรกในอาชีพของผม ดังนั้นมันจึงเป็นความรู้สึกที่ดีจริงๆ กับ 3 แต้มนั้น เราทำได้ดีตั้งแต่นาทีแรกและเราทำงานกันได้สำเร็จ ทุกอย่างดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ผมมีความสุขมากที่ได้ช่วยเหลือทีมนี้"
"นอกจากนี้ ผมยังต้องขอบคุณเพื่อนร่วมทีม โค้ช และทีมงาน ทุกคนช่วยเหลือผมตั้งแต่วันแรก ทำให้ผมรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้ มันเป็นบรรยากาศที่น่าอัศจรรย์มาก ผมอยากจะขอบคุณแฟนๆ สำหรับเสียงปรบมือที่แสนไพเราะนี้เหมือนกัน นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้นและเราตั้งตารอเกมต่อไป ผมมีความสุขจริงๆที่ได้ช่วยทีม แต่ตอนนี้เกมได้ผ่านพ้นไปแล้ว เราตั้งตารอเกมต่อไป และเริ่มโฟกัสกับเกมต่อไป"
นี่คือคำพูดหลังจบเกมของ โอมาร์ มาร์มูช หลังเจ้าตัวทำแฮตทริกช่วยให้ทีมถล่มนิวคาสเซิลไปได้ 4-0 และคว้า แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ไปครองได้สำเร็จ
ด้วยฟอร์มการเล่นที่ดีวันดีคืนกับความมั่นใจที่เพิ่มขึ้นของนักเตะชาวอียิปต์รายนี้ แถมยังปรับตัวเข้ากับระบบของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า และเพื่อนร่วมทีมได้อย่างรวดเร็ว มันจะส่งผลดีต่อ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มากๆในอนาคต แล้วถ้าวันไหนที่ โอมาร์ มาร์มูช กับ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ สามารถเชื่อมหากันได้อย่างลงตัว ด้วยสไตล์การเล่นที่ซัพพอร์ตกันและกันได้เป็นอย่างดี ทำให้เขาสามารถแบ่งเบาภาระหน้าที่ทำประตูจาก เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ได้ไม่มากก็น้อยและอาจจะทำให้คู่หูเจนใหม่ของเรือใบสีฟ้าถือกำเนิดขึ้นก็เป็นได้
จุดเปลี่ยนของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในฤดูกาลนี้ที่เป็นสาเหตุที่ทำให้ฟอร์มตกอย่างน่าใจหาย ก็คงเป็นการหายไปของกองกลางตัวเก่งอย่าง โรดรี้ ที่ได้รับบาดเจ็บหนักไปตอนช่วงต้นฤดูกาล แต่อีกหนึ่งสาเหตุที่ส่งผลไม่แพ้กันก็คงหนีไม่พ้นการย้ายออกไปของ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ นักเตะสารพัดประโยชน์ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่ได้ย้ายไปค้าแข้งในสเปน กับ แอตเลติโก้ มาดริด แล้วทีมไม่ได้เซ็นใครเข้ามาแทนที่ ทำให้บางเกมทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ไม่มีตัวแก้เกมหรือไม้ตายที่เป็นทีเด็ดมากพอเพื่อดึงผลการแข่งขันกลับมา
แต่การมาย้ายเข้ามาของ โอมาร์ มาร์มูช ที่เรียกได้ว่าเป็นแข้งสารพัดประโยชน์ในแนวรุกอีกหนึ่งคนบนเวทีบุนเดสลีก้า กองหน้าชาวอียิปต์รายนี้ สามารถเล่นริมเส้นได้ทั้งสองฝั่ง แถมยังขยับเข้ามายืนตรงกลางหลังกองหน้าได้อีก ด้วยสไตล์ที่ไปกับบอลได้ดี มีความเร็ว กล้าเล่น หาพื้นที่และหาโอกาสจบสกอร์ได้ดี ทำให้ความครบเครื่องและความรอบด้านของ โอมาร์ มาร์มูช จะสามารถเข้ามาช่วยยกระดับความอันตรายในเกมรุก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ได้เป็นอย่างดี ประจวบเหมาะกับฟอร์มการเล่นของผู้เล่นตัวรุกของเรือใบสีฟ้าในฤดูกาลนี้ที่ยังไม่ดีเท่าที่ควร ไม่ว่าจะเป็น ฟิล โฟเดน ที่ฟอร์มเก่งหายไปอย่างน่าตกใจหรือฟอร์มของ เจเรมี่ โดคู กับ แจ็ค กรีลิช ที่ยังไม่ดีเท่าที่ควร มีเพียงแค่ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ กับนักเตะใหม่อย่าง ซาวินโญ่ เท่านั้น ที่ดูเป็นความหวังในแนวรุกของทีมในเวลานี้
ทำให้ตอนนี้ดีล 75 ล้านปอนด์ของ โอมาร์ มาร์มูช บวกกับฟอร์มการเล่นของเจ้าตัว ที่ลงสนามให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปแล้ว 5 นัด ยิงได้ 3 ประตู ตั้งแต่ย้ายมาในตลาดหน้าหนาวที่พึ่งปิดตัวลงไปไม่นาน ดูเปร่งประกายและเป็นความหวังยุคใหม่ของแฟนบอล แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อย่างแท้จริง
ในอนาคตเราไม่รู้ว่า โอมาร์ มาร์มูช จะเป็นดีลที่คุ้มเม็ดเงินของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรือไม่และจะนำ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กลับไปอยู่ในจุดที่ควรจะอยู่ได้หรือเปล่า แต่ตอนนี้ก็ยอมรับได้ว่าเรือใบสีฟ้ายุคใหม่ในมือของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ได้เริ่มขึ้นแล้วตั้งแต่แข้งชาวอียิปต์รายนี้ได้ย้ายเข้ามาร่วมทีม