จากข่าวที่ นักฟุตบอลดีกรีทีมชาติมาเลเซีย 3 คน ถูกทำร้ายร่างกายและสาดน้ำกรด ในช่วงเวลาห่างกันเพียง 3 วัน จนทำให้หลายฝ่ายเกิดความกังวลความปลอดภัยของนักฟุตบอล และตั้งข้อสงสัยว่า นี่จะเป็นคดีต่อเนื่องหรือไม่
กรณีนี้ "อ๊อฟ" สรวิชญ์ วิชิตโชติ สื่อกีฬาที่ติดตามความเคลื่อนไหวฟุตบอลมาเลเซีย และทำงานให้กับสื่อกีฬาในมาเลเซีย อย่าง SNE Sports วิเคราะห์ประเด็นนี้กับทีมงาน Main Stand ว่ากรณีที่เกิดขึ้น ทั้งสามเหตุการณ์มีความเกี่ยวพันกันหรือไม่
1. อัคยาร์ ราชิด(ตรังกานู เอฟซี)
เคสนี้เป็นเคสที่ถูกวิ่งราวทรัพย์หน้าคอนโด ซึ่งคนร้ายได้โทรศัพท์มือถือ กับกระเป๋าสตางค์ไป ส่วนอัคยาร์ ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยที่หัวเข่าและศีรษะ เหตุการณ์ในลักษณะนี้ มีให้เห็นทั่วไปตามหน้าข่าวอาชญากรรมในมาเลเซีย หรือในโซเชี่ยล
2. ไฟซาล ฮาลิม(สลังงอร์ เอฟซี)
เคสนี้ถูกคนร้ายขี่มอเตอร์ไซค์(2 คน คนขี่ 1 คนซ้อน 1)มาประกบบริเวณด้านข้างของรถ ในขณะที่ไฟซาลกำลังจะขึ้นรถ และสาดน้ำกรดใส่ ก่อนขี่มอไซค์หลบหนีไป
ขณะนี้ ไฟซาล ยังคงรักษาตัวอยู่ในรพ. ที่เมืองชาห์อลัม รัฐสลังงอร์ ซึ่งอยู่ในระยะประคองอาการ จากแผลไฟไหม้ระดับ 4 ที่บริเวณแขนซ้าย(หนักสุด) และตามลำตัว
นี่นับว่าเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ สำหรับการโดนสาดน้ำกรด ซึ่งแทบไม่เคยเกิดขึ้นในสังคมมาเลเซียมาก่อน น่าจะเกิดจากความแค้นส่วนตัว หรือมีเจตนาเจาะจงที่จะทำร้ายกันเลย เพราะผู้ก่อเหตุรู้ว่า ไฟซาล ฮาลิม มาที่ห้างสรรพสินค้า และมีคนขี่มอเตอร์ไซค์ และคนซ้อนเป็นคนสาดน้ำกรด และยังพูดทิ้งท้ายอีกว่า "ขอให้โชคดี"
จึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญและมีเป้าหมายมาทำร้าย ฮาลิม โดยเฉพาะ ขณะนี้ยังจับคนร้ายไม่ได้
3. ซาฟิค ราฮิม (JDT)
เคสนี้ถูกคนร้าย 2 ขี่มอไซค์เข้ามาทุบด้านหลังกระจกรถ ที่จอดอยู่บริเวณใกล้กับสนามซ้อมของ JDT ใกล้กับจตุรัสของรัฐยะโฮร์(ตามคำให้การในใบแจ้งความ) ซึ่งเคสนี้นักเตะไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
แต่สำหรับเหตุการณ์โจรทุบรถในมาเลเซีย ถือเป็นเหตุการณ์ที่สามารถเกิดขึ้นได้ในมาเลเซีย หากนำรถไปจอดในพื้นที่สาธารณะ เช่น ริมถนน เป็นต้น(ไม่ใช่ที่จอดรถแบบเก็บค่าบริการ ที่อยู่ในอาคารหรือพื้นที่ส่วนบุคคล ซึ่งปลอดภัยกว่า)
อีกทั้ง ซาฟิค ราฮีม ใช้รถแบรนด์ญี่ปุ่นยี่ห้อดัง ซึ่งคนในมาเลเซียรู้กันดีว่า ใครใช้รถแบรนด์นี้ ถือว่ามีฐานะประมาณหนึ่ง
กล่าวโดยสรุป สรวิชญ์ “อ๊อฟ” เชื่อว่า ทั้งสามเหตุการณ์ ไม่มีความเกี่ยวข้องกัน และอาจเป็นเหตุบังเอิญที่มาเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ต่อเนื่องกันพอดี