เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.2015 ทีมชาติไทย ออกเดินทางไปป้องกันแชมป์ฟุตบอลซีเกมส์ 2015 ที่ประเทศสิงคโปร์ โดยมี โชคทวี พรมรัตน์ ทำหน้าที่เฮดโค้ชคุมทัพ
ณ ตอนนั้น ไทย กำลังประสบความสำเร็จด้วยขุมกำลังที่เหนือกว่าทุกชาติ เพราะหลายคนขึ้นไปเล่นชุดใหญ่กันแล้ว ถึงขนาดที่ว่าช่วงเวลานั้นโปรแกรมซีเกมส์กับชุดใหญ่ (คัดฟุตบอลโลก) มีคิวเตะชนกัน แต่ไม่ได้ระคายเคืองกับชุดใดเลย และแบ่งแยกทีมออกเป็น 2 ชุดแบบสบายๆ
ไทย ไปในฐานะแชมป์ 14 สมัย และแชมป์เก่าจากครั้งที่แล้ว ด้วยขุมกำลัง 20 คน คือ ชนินทร์ แซ่เอี๊ยะ, สมพร ยศ, พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา, สุริยา สิงห์มุ้ย, เชาว์วัฒน์ วีระชาติ, อดิศร พรหมรักษ์, สารัช อยู่เย็น, ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์, อาทิตย์ ดาวสว่าง, ภิญโญ อินพินิจ, นูรูล ศรียานเก็ม, นฤบดินทร์ วีรวัฒน์โนดม, ปกรณ์ เปรมภักดิ์, ธนบูรณ์ เกษารัตน์, ชนาธิป สรงกระสินธ์, ทริสตอง โด, เจนรบ สำเภาดี, ชนานันท์ ป้อมบุบผา, ศิวกร จักขุประสาท, รุ่งรัฐ ภูมิจันทึก
รอบแรก ไทย โชว์ความเกรียงไกรด้วยการชนะ 5 นัดรวด คือ ชนะ ลาว 6-0 (ชนานันท์ ยิงคนเดียว 4 ประตู), ชนะ ติมอร์ เลสเต 1-0, ชนะ มาเลเซีย 1-0, ชนะ บรูไน 5-0, ชนะ เวียดนาม 3-1 เข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่ม
รอบรองชนะเลิศ พบ อินโดนีเซีย ซึ่งเหมือนเป็นเกมที่ยาก แต่ ไทย ยิงเบาะๆ 5-0
นัดชิงชนะเลิศ ไทย ดวล เมียนมาร์ คู่แข่งที่ประมาทไม่ได้เพราะเป็นนัดตัดสินแชมป์ แต่ ไทย ก็เอาชนะไปได้แบบไม่ยากเย็นเท่าไหร่นัก 3-0
เบ็ดเสร็จ 7 เกม ไทย ชนะรวด ยิงได้ 24 ประตู และเสียแค่ลูกเดียว
ไทย ได้เหรียญทองไปครองเป็นสมัยที่ 15 ท่ามกลางเสียงชื่นชมนักเตะและทีมงานชุดนี้ที่แสดงให้เห็นว่าเหนือกว่าทุกชาติในอาเซียนอย่างแท้จริง