ทันทีที่สิ้นสุดการนับคะแนนเลือกตั้งเพื่อหาประธานาธิบดีของประเทศเมื่อปี 2017 ไลบีเรีย ชาติเล็กๆ ในทวีปแอฟริกา ก็กลายเป็นกระแสที่ทั้งโลกพร้อมจะจับตามอง
เมื่อผู้นำคนใหม่ของประเทศแห่งนี้ไม่ใช่ผู้สมัครสายการเมืองโดยตรง หากแต่เป็นอดีตนักฟุตบอลที่เก่งที่สุดในโลกอย่าง จอร์จ เวอาห์ และนีคือช่วงเวลาที่เหล่าผู้สนับสนุนของเขาจะได้ฉลองและหวังจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นภายใต้รุ่งอรุณของขวัญใจชาวไลบีเรียทั้งประเทศ
คะแนนเสียงของตำนานแข้งเจ้าของบัลลงดอร์ มีมากกว่าคู่แข่งอย่างนาย โจเซฟ โบอาไค มากถึงร้อยละ 60 ซึ่งถือเป็นมติที่ได้รับเสียงอย่างเป็นเอกฉันท์ ดังนั้นได้เวลาที่เขาจะเปลี่ยนแปลงบ้านเกิดเมืองนอนให้เป็นไปในทิศทางที่ควรจะเป็น
"พี่น้องชาวไลบีเรีย ผมรับรู้ได้อย่างชัดเจนถึงความรู้สึกของคนทั้งประเทศ ผมตระหนักถึงความสำคัญและความรับผิดชอบของหน้าที่ซึ่งผมน้อมรับในวันนี้ การเปลี่ยนแปลงกำลังจะเกิดขึ้น" นี่คือข้อความบนทวิตเตอร์ของเขาหลังจากได้รับเลือกให้นั่งบนเก้าอี้อันทรงเกียรติของประเทศ
เขาอยากจะเปลี่ยนแปลงอะไร? และอะไรที่ทำให้เข้ามาเล่นการเมืองซึ่งเป็นสิ่งที่ว่ากันว่าหากได้ลองเข้ามาถืออำนาจแล้วไม่วายต้องโดนเกลียดแน่นอน ติดตามเรื่องราวทั้งหมดพร้อมกับ Main Stand ได้ที่นี่
"คิงจอร์จ" วีรบุรุษนอกสนาม
ความยอดเยี่ยมในเพลงแข้งของ เวอาห์ ทำให้เขาถูกชาว ไลบีเรีย เรียกว่า "คิงจอร์จ" เขาใช้ความเก่งและชื่อเสียงในฐานะนักฟุตบอลช่วยทำหลายสิ่งหลายอย่างให้กับประเทศชาติตั้งแต่ยังไม่แขวนสตั๊ด
การที่เขามีเพื่อนฝูงในวงการฟุตบอลมากมายทำให้เขาสามารถจัดเกมฟุตบอลการกุศลเพื่อเข้าโครงการต่างๆ ของ ไลบีเรีย ได้อย่างต่อเนื่อง เขารู้ดีว่าประชากรระดับรากหญ้าขาดอะไรบ้าง เพราะ เวอาห์ เกิดและเติบโตในสลัม ในเมืองคลาลาทาวน์ ในกรุงมอนโรเวีย เมืองหลวงของประเทศ ซึ่ง ณ เวลานั้น ไลบีเรีย ยังเป็นประเทศที่ยากจนที่สุดในทวีปแอฟริกาอีกด้วย
ไลบีเรีย เป็นประเทศที่ไม่เคยมีการเลือกตั้งที่ราบรื่นเลยนับตั้งแต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ในยุค 1940 เป็นต้นมา ด้วยเหตุผลที่ขั้วอำนาจเก่าๆ ปรับและแก้กฎหมายแบบตามใจฉัน ทำอย่างไรก็หาทางออกที่โดนใจทุกฝ่ายไม่ได้ เพราะเมื่อกลุ่มไหนขาดผลประโยชน์ก็มักจะมีการก่อคลื่นใต้น้ำจนกลายเป็นสงครามกลางเมืองเสมอๆ ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีผู้นำถึง 2 คนที่ถูกลอบสังหารขณะดำรงตำแหน่งอีกด้วย
อย่างไรก็ตามการก้าวผ่านชีวิตอันมืดมนจนกลายเป็นบัวที่พ้นน้ำอาจจะทำให้ เวอาห์ สามารถใช้ชีวิตอยู่ในยุโรปแบบสบายๆ ก็ยังได้ แต่เมื่อเกิดมาเป็นคนแล้ว การได้รับหลายสิ่งจากฟุตบอลเขารู้สึกว่าตนเองนั้นยังมีสิ่งที่ต้องคืนให้กับสังคมบ้าง โดยจุดเริ่มต้นเล็กๆ เกิดขึ้นในปี 1996 ณ ตอนนั้น เวอาห์ เพิ่งคว้ารางวัลบัลลงดอร์มาหมาดๆ และเขามีคิวที่จะต้องย้อนกลับมาลงเล่นให้กับทีมชาติ ไลบีเรีย
การเดินทางกลับบ้านเกิดหนนี้ เวอาห์ มีนัดกับคนๆ หนึ่ง นั่นคือ เนลสัน แมนเดล่า ชายผู้เป็นตำนานอันเกรียงไกรของประเทศแอฟริกาใต้ จากการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและได้เป็นประธานาธิบดีของประเทศ
"สวัสดี เป็นอย่างไรบ้างพ่อความภูมิใจของแอฟริกา (The Pride of Africa)" แมนเดล่า ทัก เวอาห์ แบบนั้นและมันทำให้เขาสะดุดจนเกิดบทสนทนาที่ยาวขึ้น รู้ตัวอีกที แมนเดล่า ก็ส่งพลังบวกให้กับ "คิง จอร์จ" อย่างไม่รู้ตัว
"ผมได้สนทนาบางเรื่องกับ เนลสัน แมนเดล่า เขาบอกผมว่า หากผมถูกเรียกร้องให้สร้างประโยชน์ให้ประเทศ จงอย่าลืมที่จะเลือกทำในสิ่งที่ถูกต้อง และผมกำลังทำตามคำแนะนำนั้น" เวอาห์ เล่าย้อนถึงเหตุการณ์ในปี 1996 ซึ่งกลายเป็นจุดเปลี่ยนในมุมมองของเขา
เวอาห์ จึงเริ่มเคลื่อนไหวในช่วงเวลาหลังจากนั้น เขาทำเท่าที่กำลังตัวเองทำไหวด้วยการเข้าเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ หรือ UNICEF
ปัญหาที่เขาต้องการแก้ในเวลานั้นไม่ใช่เรื่องของการเมืองหรือการปกครอง เพียงแต่เป็นเรื่องที่ใกล้ตัวประชาชนคนรากหญ้า นั่นคือการสนับสนุนโครงการด้านการศึกษายาต้านโรคเอดส์ นอกจากนี้เขายังพยายามแบ่งรายได้ส่วนตัวมาสร้างโรงเรียนสอนฟุตบอลที่มีระบบแบบมืออาชีพ ซึ่งโรงเรียนแห่งนี้กลายเป็นสถานที่สร้างนักฟุตบอลทีมชาติไลบีเรียในภายหลัง
นี่คือการเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือเพราะอดีตของโรงเรียนฟุตบอลแห่งนี้ถือว่าโหดร้ายไม่น้อย นี่คือสถานที่ที่ในอดีตใช้ฝึกทหารเด็กเพื่อป้อนเข้าสู่กองทัพ ไลบีเรีย การเข้ามาของ เวอาห์ เหมือนเป็นการดึงปืนออกจากมือเด็กๆ และโยนลูกฟุตบอลที่ใส่ความสนุกเข้าไปข้างในอุปกรณ์ทรงกลม แม้จะไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่สามารถเปลี่ยนแปลงประเทศได้ แต่เขาก็ได้หว่านเมล็ดพันธ์แห่งความฝันไว้ตั้งแต่วันนั้นแล้ว เพียงแต่รอเวลาที่พร้อมที่สุดเท่านั้นที่เขาจะเข้ามาสานต่องานชิ้นใหญ่ให้สำเร็จ
เมื่อตั้งธงไว้ว่าประเทศต้องเปลี่ยนแปลงด้วยกำลังของตนและประชาชนที่ต้องการออกสิทธิ์ใช้เสียง เวอาห์ มีจุดมุ่งหมายในช่วงแรกเริ่มคือต้องการที่จะยุติความรุนแรงของสงครามกลางเมืองที่คร่าชีวิตผู้คนในประเทศไปแล้วถึง 250,000 คน นับตั้งแต่ปี 1989 จนถึง ปี 2003
"หัวใจของจอร์จโคตรน่ากราบ ไม่น่าเชื่อจริงๆ ว่าเขากำลังพยายามนำความภาคภูมิใจกลับสู่บ้านเกิด ฟุตบอลเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ดูดีในประเทศไลบีเรีย เมื่อเอ่ยถึงประเทศของเรามีแต่คนเห็นภาพของการรบราฆ่าฟันทั้งนั้น" โทมัส โคโจ้ เพื่อนร่วมทีมชาติ ไลบีเรีย ของ เวอาห์ กล่าวถึงด้านที่เขาเคยสัมผัสเวอาห์อย่างใกล้ชิด
ในปี 2002 เวอาห์ ประกาศเลิกเล่นฟุตบอล ถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องเล่นเกมต่อไป โลกของฟุตบอลจบลง เหลือแต่เกมการเมืองที่มีแต่เขาเท่านั้นที่จะสามารถทำมันให้ลุล่วงได้
ชักธงรบเพื่อบ้านเกิด
เสียงของนักกีฬาที่เป็นฮีโร่ของคนทั้งประเทศนั้นคือเสียงที่น่าฟัง ณ จุดนี้ถือว่า เวอาห์ กุมความได้เปรียบเอาไว้
เขารู้ว่าสิ่งที่มีอยู่ในมือสามารถเอาไปสานต่อได้ จนกระทั่งตั้งพรรคการเมืองของตัวเองขึ้นมาโดยใช้ชื่อว่า "คองเกรส ฟอร์ เดโมเครติก เชนจ์" หรือ CDC ในปี 2005
เพียงแต่ว่าเขาเองก็เดินเกมพลาดไป เพราะมัวคิดถึงแต่สิ่งที่ตัวเองมีจนลืมมองสิ่งที่ตัวเองขาด แม้เขาจะมีชื่อเสียงแต่เขาไม่สามารถสร้างการยอมรับในวงกว้างได้ เพราะ ณ ตอนนั้นเขาไม่ได้เรียนหนังสือจากการต้องเริ่มเล่นฟุตบอลจริงจังตั้งแต่อายุ 15 ปี ดังน้ันวุฒิการศึกษาที่ติดตัวจึงมีเพียงแค่วุฒิระดับ ป.6 เท่านั้น
จุดอ่อนนี้ทำให้พรรคของเขาพ่ายแพ้อย่างราบคาบในการเลือกตั้งปีนั้น...
แม้จะพ่ายแพ้ แต่ก็เป็นจุดเปลี่ยน เขารู้แล้วว่าตัวเองขาดอะไร และควรจะเพิ่มสิ่งไหน ดังนั้นเวอาห์ในวัย 40 ปี ตัดสินใจกลับไปเรียนหนังสือให้จบ ป.6 จนจบมัธยมปลาย เท่านั้นยังไม่พอ นอกจากแก้ไขปัญหาเก่าเขายังเสริมเขี้ยวเล็บด้วยการ จบปริญญาตรีด้านบริหารธุรกิจที่มหาวิทยาลัยเดฟรี ในรัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา และจบปริญญาโทด้านรัฐประศาสนศาสตร์ ในอีกสองปีต่อมา ตอนนี้พรรคการเมืองของเขาพร้อมแล้ว โดยเล็งไปที่เก้าอี้วุฒิสมาชิกในสภาก่อน
สิ่งที่ เวอาห์ ให้คำมั่นกับชาวไลบีเรียในเวลานั้นคือ จะเพิ่มงบประมาณสนับสนุนเรื่องศาสนาและการศึกษาทั้งสายสามัญและสายอาชีพเพื่อหวังให้ชาติได้เจริญจากรากฐาน เมื่อประชาชนมีความรู้ พวกเขาจะไม่ยอมให้ใครได้จูงจมูกง่ายๆ และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือความรู้สามารถเอาชนะความจนได้อย่างชะงัดแน่นอน
"เรามาอยู่ที่นี่เพื่อพูดถึงอนาคตประเทศและประชาชนของเรา ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาประชาชนของเรายากจน และไร้การศึกษา ผมรู้ปัญหานี้ เหมือนที่ทุกท่านรู้กันผมเองก็เป็นเหยื่อของความยากจน ซึ่งส่งผลให้ผมไม่มีโอกาสได้ศึกษาเล่าเรียน" เวอาห์ กล่าวในช่วงปี 2014
นโยบายนี้ทำให้เขาเอาชนะ โรเบิร์ต เชอร์ลีฟ ลูกชายของประธานาธิบดี เชอร์ลีฟ เอลเลน จอห์นสัน และกลายเป็นนักกีฬาผิวดำคนแรกในทวีปแอฟริกาที่ได้รับเลือกให้เข้ามานั่งในสภา ชัยชนะครั้งแรกทำให้เขามีโอกาสได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่ชัดเจน ไม่มีเสแสร้ง 99,226 เสียงโหวตของเขาคิดเป็น 78% ของคะแนนเสียงทั้งหมด นี่คือชัยชนะครั้งแรกในเวทีการเมืองที่ขาวสะอาดของ "คิงจอร์จ" ผู้เกรียงไกร
เขาผลักดันเรื่องการต่อสู้กับโรค อีโบล่า ที่ระบาดในช่วงเวลานั้นเพื่อให้ทุกคนตระหนักรู้ถึงความร้ายแรง เวอาห์ ทำทุกอย่างทั้งในฐานะคนของ ยูนิเซฟ และคนที่นั่งในสภา เขาจัดอาทุนจากการกุศลต่างๆ นอกจากนี้ยังร่วมร้องเพลงเพื่อเรียกร้องให้ทุกคนร่วมมือกันสู้กับโรคร้ายนี้อีกด้วย
เก้าอี้ประธานาธิบดีที่รอคอย
การได้เป็นสมาชิกวุฒิสภาแม้จะทรงเกียรติแต่ก็ยังไม่มีอำนาจมากพอสำหรับสิ่งที่เขาต้องการจะเปลี่ยนแปลง ปัญหาปากท้อง, การศึกษา และ การรักษาพยายาม เพิ่มคุณภาพชีวิตคือสิ่งที่ เวอาห์ อยากจะทำมากกว่ารัฐบาลชุดก่อนๆ ที่มักจะมุ่งเน้นเรื่องกองทัพจนประเทศต้องประสบกับปัญหาความยากจนมาตลอด
"ผมอยากจะเป็นประธานาธิบดีเพราะผมคิดว่าผมนี่แหละคือคนที่สามารถทำประโยชน์ให้ประเทศมากกว่าใครก็ตามที่ได้รับตำแหน่งนี้" เวอาห์ ในวันที่เป็นแค่ สว. กล่าวอย่างมั่นใจ
เขาต้องกลายเป็นประธานาธิบดีให้ได้ และจากชัยชนะครั้งแรกในปี 2014 มันทำให้เขาเห็นช่องทางที่จะเอาชนะครั้งที่สองได้ เหนือสิ่งอื่นใดนโยบายของพรรคจะต้องร่างขึ้นเพื่อเห็นแก่ประชาชนในประเทศเป็นอันดับ 1 เขาประกาศต่อสู้กับการทุจริตทุกรูปแบบอันเป็นจุดเริ่มต้นของความเน่าเฟะในวงการอื่นๆที่ตามมาเป็นเงาตามตัว นอกจากนี้เขายังไม่ลืมทีจะปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจในประเทศเพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างแดนให้มากขึ้น อย่างไรก็ตามในการเลือกตั้งครั้งนี้นอกจากจะต้องเอาชนะใจประชาชนแล้ว เวอาห์ ต้องไม่ลืมว่าเขายังต้องชนะขั้วอำนาจเก่าอย่างพรรค Unity Party ให้ได้อีกด้วย ซึ่งนี่คือเรื่องที่ยากมากๆ เพราะพรรคนี้ถือครองอำนาจมาเกิน 10 ปี มีฐานเสียงแน่นหนา และมีประสบการณ์มากกว่าพรรค CDC ของเขาหลายช่วงตัว
เปิดตัวคู่แข่ง
โจเซฟ ยูมาห์ โบอาไค ชื่อนี้เป็นเสี้ยนหนามคอยขวางเส้นทางความยิ่งใหญ่ของ เวอาห์ เสมอ นับตั้งแต่ปี 2005 ที่ "คิงจอร์จ" ตั้งพรรคและลงเลือกตั้ง เรียกได้ว่าพรรค Unity Party คือหนึ่งในครูคนแรกๆ ที่สอนให้พรรค CDC ของ เวอาห์ รู้จักความพ่ายแพ้ ในการชิงเก้าอี้ผู้นำสูงสุดของประเทศ
โบอาไค ถือเป็นเบอร์รองของพรรค เขารับหน้าที่รองประธานาธิบดีของ ไลบีเรีย ตั้งแต่ปี 2006 ซึ่งถือเป็นคนสนิทของ เอลเลน จอห์นสัน ประธานาธิบดีหญิงคนแรกที่มาจากการเลือกตั้งของทวีปแอฟริกา
ชื่อเสียงของเวอาห์ อาจจะคุ้นหูผู้คนภายนอกมากกว่า แต่ประสบการณ์ของ โบอาไค ถือว่าเขี้ยวลากดิน เขาคือกลุ่มพลเมืองชั้นแรกของประเทศ มีการศึกษา, ฐานะร่ำรวย และมีพวกพ้องมากมายจากการอยู่บนเส้นทางการเมืองมาตั้งแต่ปี 1980
เขาไต่เต้าขึ้นมาดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรภายใต้ประธานาธิบดี ซามูเอล โด และยังเป็นประธานการประชุมสมาคมพัฒนาข้าวแอฟริกาตะวันตกที่มีสมาชิกกว่า 15 ประเทศ รวมถึงการเป็น ประธานกรรมการ บริษัท ไลบีเรียวู้ดคอร์ปอเรชั่น และ บริษัท ปิโตรเลียมไลบีเรีย อีกด้วย
โปไฟล์ใหญ่โตของ โบอาไค ทำให้กลุ่มประเทศเพื่อนบ้านยอมรับเขาในฐานะนักการเมืองมือเก๋า ที่มีลีลาวาทะศิลป์ในการพูด การเลือกตั้งครั้งล่าสุด นายโบอาไค ได้รับการผลักดันจากพรรคให้ก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 แทนเพราะ ด้วยชื่อเสียงที่ไม่ได้ฟอนเฟะจนเกินไป ขณะที่ เอลเลน จอห์นสัน ที่เป็นประธานาธิบดีคนเก่านั้นประสบกับสถานการณ์ตรงกันข้าม เธอถูกสั่งให้ออกจากพรรคในความผิดฐานแทรกแซงการเลือกตั้งพร้อมกับสมาชิกพรรคคนสนิทอีก 4 คน
“โป๊ะเช้ะ” เข้าตำราเสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพลเข้าอย่างจัง
ช่วงเวลานั้น ไลบีเรีย ประสบปัญหาคอร์รัปชั่นและเศรษฐกิจตกต่ำจนกลายเป็นบ๊วยในทวีปแอฟริกา ดังนั้นการดัน โบอาไค ขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 เพื่อเข้ามาท้าชิงเก้าอี้ประธานาธิบดี จึงถูกเคาะเป็นมติของพรรคในท้ายที่สุด
การมาของนาย โบอาไค เป็นเหมือนกับสายลมที่เปลี่ยนทิศของพรรค Unity ที่เริ่มได้รับความนิยมน้อยลง เขาเคลมตัวเองว่าการขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของเขาเหมือนเป็นการเอา รถแข่งที่จอดในอู่มาเป็นเวลานาน นี่คือช่วงเวลาที่รถคันนี้จะได้ออกวิ่งแบบเหยียบคันเร่งจนมิดเท้า หลังจากหลบอยู่ในร่มเงามาถึง 12 ปี
แต่รถแข่งคันนี้แค่เพียงได้ติดเครื่องก็ต้องพบว่ามีรถแข่งอีกหนึ่งคันที่รอจะได้วัดวามแรงให้รู้ดำรู้แดงกันไป ... รถคันที่ 2 คือ จอร์จ เวอาห์ ที่มาพร้อมกับคู่คิดที่ทำให้นาย โบอาไค ต้องตาค้าง
ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร
ขึ้นชื่อว่าการเมืองก็เหมือนกันแทบทุกประเทศ เราไม่สามารถแน่ใจได้เลยว่าคู่แข่งทางการเมืองจะกลายเป็นเพือนรบเคียงบ่าเคียงไหล่บนสนามเลือกตั้งในอนาคต การที่นาย โบอาไค ขึ้นเป็นหมายเลข 1 ของพรรค Unity เท่ากับว่า เอลเลน จอห์นสัน อดีตหัวหน้าพรรคเจ้าของฉายา "หญิงเหล็ก" จะโดนลดชั้นลงมาหลังจากครองตำแหน่งมา 12 ปี ยิ่งไปกว่านั้น รัฐธรรมนูญของไลบีเรียยังล็อกให้ประธานาธิบดีสามารถดำรงตำแหน่งได้เพียง 2 สมัยเท่านั้นอีกด้วย นี่คือช่วงเวลาที่ เวอาห์ และพรรค CDC เห็นช่องทางอะไรบางอย่าง
"ศัตรูของศัตรูคือมิตร" คำนี้คือคำที่สุดคลาสสิกสำหรับเรื่องของการเมือง พรรค CDC ได้ตัวสมาชิกคนสำคัญคือ เอลเลน จอห์นสัน เชอร์ลีฟ คนที่คว้าชัยเหนือเวอาห์ในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีปี 2005 นี่แหละ คือคนที่มีประสบการณ์และจะสามารถเข้ามาเพิ่มเติมสิ่งที่ เวอาห์ ขาดหายไปได้อย่างได้ไร้รอยต่อ
มกราคมปี 2017 พรรค CDC พร้อมแล้วที่จะท้าชนเพื่อชิงหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศ ไลบีเรีย
"นี่คือไอเดียที่ยอดเยี่ยม เธอเป็นเหมือนเพื่อนร่วมห้องของผมสำหรับการอยู่ในสภา เอลเลน คือผู้หญิงที่ทำงานหนัก เธอเป็นชาวไลบีเรียที่มีคุณสมบัติเหมาะสมและคนที่นี่รักเธอ ผมเชื่อมั่นเรื่องความเสมอภาคทางเพศ ดังนั้นการได้เธอมาเป็นรองประธานคือสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุด" เวอาห์ สุดปลื้มปิติสำหรับการเสริมเขี้ยวเล็บครั้งนี้
เวอาห์ ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว เอลเลน จอห์นสัน มีฐานเสียงของกลุ่มคนรุ่นเก่าอยู่ในมือ เขาเองก็มีฐานเสียงของคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบนโยบายเพื่อการศึกษาและเศรษฐกิจ นอกจากนี้ในสังคมยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญของการเสมอภาคทางเพศการรวมทีมของ เวอาห์ และ เอลเลน จึงกลายเป็นเหมือนดรีมทีมที่เล่นเกมแบบ 2 รุม 1 กับนายโบอาไคเลยทีเดียว
ด้านนาย โบอาไค ใช้การสงบสยบความเคลื่อนไหว ประเมินอดีตเจ้านายเก่าของเขาใหม่ แต่ว่ามันสายเกินไป การเสีย เอลเลน ไปให้พรรคของคู่แข่งทำให้พรรคของเขาเสียฐานเสียงเดิมไปเป็นเงาตามตัว เขาเริ่มรู้แล้วว่าเค้าลางของความพ่ายแพ้กำลังมาเยือนเขาในเร็ววัน
กฎของการเลือกตั้งคือพรรคที่จะชนะจะต้องได้รับเสียงจากประชาชนทั้งประเทศเกิน 50% นี่คือโจทย์ที่ยากสำหรับทั้งคู่ จริงอยู่ที่พวกเขาเป็น 2 พรรคตัวเต็ง แต่ก็ยังมีพรรคเล็กๆ ที่เป็นตัวแปรสำคัญที่จะช่วยให้พวกเขาได้เก้าอี้ในสภาและสามารถขึ้นเป็นประธานาธิบดีได้
เกมการเมืองตามล่าหาเสียงขับเคลื่อนไปอย่างเข้มข้น ในการเลือกตั้งครั้งแรกพรรคของ เวอาห์ ทำได้ดีกว่าด้วยการกวาดคะแนนเสียงจนกลายเป็นผู้ชนะใน 11 เขตจากเขตเลือกตั้งทั้งหมด 15 เขต เหนือสิ่งอื่นใดคือ เสียงจากเมืองหลวงที่มีผู้มาลงคะแนนมากที่สุดคือเขตที่ เวอาห์ รวบกินได้อย่างเหนือกว่าชัดเจน เขาได้คะแนนเสียงไปทั้งหมด 276,558 เสียงหรือเกือบ 50% ของจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์ ขณะที่นาย โบอาไค ได้ไปเพียง 27% (ราว 120,000 เสียง)
อย่างไรก็ตาม โบอาไค ยังไม่แพ้เสียทีเดียวคะแนนเสียงของฝั่ง เวอาห์ ยังไม่ถึง 50% ดังนั้น จึงต้องมีการเลือกตั้งรอบตัดสินเกิดขึ้นในเดือนธันวาคมปีเดียวกัน โดยคราวนี้เหลือม้าเพียง 2 ตัวเท่านั้น เขาต้องขยับและหาเสียงอีก แต่ที่สุดแล้ว นโยบายการเน้นประเทศไปสู่อนาคตของ เวอาห์ ก็ยังคงครองใจคนรุ่นใหม่ที่มาออกสิทธิ์ใช้เสียงเหมือนเคย ขณะที่กลุ่มคนอายุ 47-68 ปี ซึ่งเป็นฐานเสียงของ โบอาไค กลับออกมาเข้าคูหาเพียงแค่ 26% เท่านั้น
61.5% คือตัวเลขคะแนนเสียงของฝั่ง เวอาห์ นี่คือชัยชนะที่ถล่มทลาย เพราะคู่แข่งอย่าง โบอาไค และพรรค Unity ได้คะแนไปเพียง 38.5 เท่านั้น
แม้ได้รับชัยชนะ แต่เขารู้ว่าตัวเองยังมีงานต้องทำ นั่นคือการรวมเหล่าพรรคการเมืองต่างๆ ให้เข้ามาเป็นหนึ่งเดียวกับ CDC บนวิสัยทัศน์เดียวกันนั่นก็คือทำงานหนักเพื่อประชาชน
แต่เหนือสิ่งอื่นใด คือต้องมีการเคลียร์ใจกับผู้แพ้อย่างนาย โบอาไค นักการเมืองสายเก่าเกม เพื่อจะได้ทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น ซึ่งจากจุดนี้นาย โบอาไค ไม่มีอาการโกรธแค้นหรือผิดหวังแต่อย่างใด ท้ายที่สุดเขายกมือสนับสนุนเวอาห์ และพร้อมจะทำงานเพื่อประเทศชาติไปด้วยกัน
"ความรักของผมที่มีต่อประเทศแห่งนี้มันลึกซึ่งยิ่งกว่าความปรารถนาที่จะนั่งตำแหน่งประธานาธิบดีของผม ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ผมต้องเรียก จอร์จ มานเน่ห์ เวอาห์ ว่าคือผู้นำเพื่อให้เป็นไปตามการปกครองแบบประชาธิปไตย ผมขอแสดงความยินดีกับเขาที่เอาชนะการเลือกตั้งครั้งนี้"
"ผมเองยังเชื่อว่าตัวเองมีประโยชน์ที่จะช่วยเขาในอนาคต ผมยังสามารถช่วยประเทศชาติได้ แม้ที่สุดแล้วผมจะไม่ใช่กัปตันเรือแต่อย่างๆ น้อยผมก็ขอมีส่วนร่วมให้เรือลำนี้เดินทางไปข้างหน้าได้อย่างราบรื่น" นายโบอาไคกล่าวหลังพ่ายแพ้สำหรับตำแหน่งที่รอคอยมาแสนนาน
ขณะที่ เวอาห์ รับลูกและคลายกังวลสำหรับทุกๆ ฝ่าย เขาไม่กลัวว่าจะมีใครเป็นหนอนบ่อนไส้ แม้แทบทุกคนจะเคยเป็นคู่แข่ง แต่ตอนนี้จุดมุ่งหมายรัฐบาลของเขาต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน และหากมีผู้ใดคิดคดทรยศต่อบ้านเมือง เขาจะจัดการขั้นเด็ดขาดแบบไม่ใยดีอย่างแน่นอน
"ในอีกไม่กี่วันข้างหน้าเราจะรวบรวมรัฐบาลที่สามารถต่อสู้เพื่อประชาชนและเป็นแรงบันดาลใจเพื่อขับเคลื่อนพี่น้องชาวไลบีเรียให้ได้ ผู้ที่ได้รับเลือกทุกคนจะต้องมีความคิดไปในทิศทางเดียวกันนั่นคือการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้สังคมระดับรากหญ้า ส่วนพวกที่จ้องแต่จะหาวิธีโกงกินบ้านเมือง ผมรับรองได้คนพวกนี้จะไม่มีที่อยู่ในรัฐบาลของผมแน่นอน"
ชัยชนะครั้งใหญ่เกิดขึ้นแล้ว จอร์จ เวอาห์ กลายเป็นประธานาธิบดีคนล่าสุดของ ไลบีเรีย การเดินเกมที่แสนแยบยลนำมาสู่ชัยชนะที่ขาดลอย ไม่ใช่แค่ในสนามฟุตบอลเท่านั้นที่ “คิง จอร์จ” อ่านจังหวะเข้าทำประตูและเล่นกับดักล้ำหน้าได้อย่างเชี่ยวชาญ ในสนามการเมืองเขาก็มีชั้นเชิงในการดำเนินการไปสู่ความสำเร็จเช่นกัน
ยุคใหม่ของคิงจอร์จ
"เราเฉลิมฉลองกันก็เพราะว่า จอร์จ เวอาห์ จะกลายเป็นคนที่เข้ามาจุดประกายให้กับเยาวชนในประเทศไลบีเรีย ผมหวังว่า จอร์จ เวอาห์ จะจัดหางานและสนับสนุนการศึกษาสำหรับคนหนุ่มสาว ผมหวังว่าเราจะได้เรียนฟรี และราคาสินค้าอุปโภคบริโภคจะลดลง" กลุ่มผู้สนับสนุนของ เวอาห์ ออกมาฉลองกันเต็มที่ หลังจากชายที่พวกเขาเลือกสามารถเอาชนะและกลายเป็นผู้นำประเทศได้
"ผมขอประกาศต่อสาธารณชนว่า นับตั้งแต่วันนี้ชีวิตของชาวไลบีเรียจะต้องถูกเปลี่ยนแปลง นี่คือภารกิจของผมในตำแหน่งประธานาธิบดี" เวอาห์ ประกาศหลังจากรู้ว่าเทพนิยายการเมืองของเขาเป็นจริง
เวอาห์ แสดงจุดยืนอย่างชัดเจน หลังจากได้รับการแต่ตั้งเขาประกาศว่าจะลดเงินเดือนของตัวเองลง 25% เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการต่อสู้กับการล้มเหลวและขาดทุนทางเศรษฐกิจในประเทศของเขา
"เศรษฐกิจไม่ดี รัฐบาลของเรายากจน การเงินของเราอยู่ในภาวะตกต่ำ เงินเฟ้อกำลังเพิ่มขึ้น อัตราการว่างงานก็สูงในประดับประวัติการณ์ กองทุนสำรองระหว่างประเทศของเราร่อยหรอในตอนนี้" เขาไม่กลัวที่จะบอกความจริงกับประชาชน ถึงแม้จะเป็นความจริงที่โหดร้าย แต่มันเป็นเหมือนยาขมที่จะทำให้ทุกคนได้ตื่นตัวและรับรู้ว่า ณ เวลานี้บ้านเมืองกำลังตกระกำลำบากถึงจุดไหน
"ผมเชื่อว่าสิ่งที่เหมาะสมที่สุดแล้ว เราทุกคนควรเสียสละและกลับมาให้ความสนใจประเทศของเรากันสักที"
"ผมไม่ต้องการที่จะเอ่ยคำสัญญาพล่อยๆ กับผู้คนในสิ่งที่ผมไม่สามารถทำได้ ผมอยากจะทิ้งมรดกเอาไว้ เมื่อใดก็ตามที่ประชาชนเลือกที่จะให้อำนาจและเลือกให้คุณเป็นผู้นำ นั่นแสดงว่าพวกเขามีกำลังมีความหวัง และผมจะไม่มีวันทรยศความไว้วางใจจากประชาชนของผมแน่นอน"
เวอาห์ ซื้อใจประชาชนด้วยคำว่าสัญญา ส่วนตอนจบจะสวยงามหรือไม่ ในอนาคตเวลาจะให้คำตอบกับเราเอง
แหล่งอ้างอิง
https://www.reuters.com/article/us-liberia-weah/exclusive-liberian-president-elect-weah-tempers-expectations-plans-agriculture-push-idUSKBN1ER1GD
https://www.businessinsider.com/george-weah-premier-league-football-liberia-president-2018-1#nelson-mandela-was-the-reason-weah-went-into-politics-he-said-the-ex-footballer-told-the-guardian-when-i-had-a-conversation-with-nelson-mandela-many-years-ago-he-told-me-that-if-i-was-called-on-to-serve-my-country-i-must-do-the-right-thing-i-am-acting-on-that-advice-8
https://www.bbc.com/thai/international-42509104
https://theirworld.org/news/liberia-president-george-weah-launches-10-year-education-plan
http://dailypost.ng/2017/12/30/george-weah-reveals-plan-liberia/
https://www.dw.com/en/liberian-president-elect-george-weah-on-his-plans-for-the-country/a-40866675
http://www.espn.in/soccer/liberia/story/3366151/president-george-weah-announces-salary-cut-in-light-of-liberian-economic-situation
https://www.dw.com/en/liberia-youth-hope-george-weah-victory-will-bring-change/a-41970988
https://thaipublica.org/2014/09/liberia/
https://www.bbc.com/news/world-africa-42503700
https://www.unicef.org/people/people_george_weah.html
https://frontpageafricaonline.com/opinion/six-reasons-why-george-weah-will-be-liberia-s-next-president/
http://www.africanews.com/2017/12/29/vp-boakai-accepts-defeat-congratulates-george-weah-for-runoff-win/