Feature

มีคู่มือพร้อม ! "เป่ายิ้งฉุบ" การวัดดวงประจำวันที่จริงจังจนเป็นการแข่งขันระดับโลก | Main Stand

เป่า ยิ้งงงง (ลากเสียง) ชุ้บ ! นี่คือเกมที่ไร้อุปกรณ์ใดนอกจากแค่มือของคุณเท่านั้น เกม ๆ นี้อยู่กับเรามานานตั้งแต่จำความได้
 



เรามักจะใช้มันในการตัดสินในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องเสมอ ๆ อาทิ "เป่ายิ้งฉุบกันใครแพ้ลงไปทิ้งขยะ, เป่ายิ้งฉุบกันใครชนะได้เลือกก่อน" อะไรเทือกนี้

เรียกได้ว่ามันคือความแฟร์ที่จับต้องได้ โดยไม่ต้องใช้กรรมการ ทุกคนบนโลกนี้ เข้าใจกติกาของมันเป็นอย่างดี และที่สำคัญที่สุด ผู้แพ้มักจะต้องยอมรับความพ่ายแพ้ได้แบบไร้ข้อโต้แย้ง (ยกเว้นเสียว่าผู้ชนะจะออกช้ากว่าจนน่าเกลียด)

อย่างไรก็ตาม ในความง่ายนี้ มีเรื่องราวมากมายอยู่เบื้องหลังการ เป่ายิ้งฉุบ ทั้งที่มาที่ไป และศาสตร์ที่ลึกซึ้ง รวมถึงผลประโยชน์ระดับมหาศาลจนคุณไม่อยากจะเชื่อ และนี่คือตำนานเกมที่ฮิตที่สุดในโลก ที่เราอยากให้คุณทึ่งกับมันมากกว่าที่เป็นอยู่

 

ศาสตร์ที่มนุษย์อยากเอาชนะ

"ด้วยมือแค่ข้างเดียวคุณสามารถเอาชนะคู่แข่งได้" เรื่องราวเริ่มต้น อาจจะไม่เข้มข้นเหมือนการประดาบของของจอมยุทธ์ ทว่ามันคือการใช้สมองมากกว่ากำลัง และกำเนิดในอาณาจักรจีนสมัยราชวงฮั่น เมื่อ 206 ปีก่อนคริสตกาลเลยทีเดียว

โดยที่มาที่ไปของการใช้ กรรไกร ค้อน กระดาษ เป็นสัญลักษณ์แห่งความเท่าเทียม ทั้ง 3 สิ่ง สามารถเป็นผู้แพ้และผู้ชนะ ได้ในรูปแบบบของงูกินหาง

ค้อน : ชนะกรรไกร แต่แพ้กระดาษ
กระดาษ : ชนะค้อน แต่แพ้กรรไกร
กรรไกร : ชนะกระดาษ แต่แพ้ค้อน

มันจึงเป็นทางออกที่ดีสำหรับการตัดสินอะไรบางอย่างที่หาข้อตกลงไม่ได้ ความง่ายและเที่ยงตรง ไม่ต้องใช้สถานที่ ไม่ต้องมีอุปกรณ์

ร่างกายของคู่ดวลทั้งสองคนไม่จำเป็นต้องแข็งแรง และไม่จำเป็นต้องซ้อมการเป่ายิ้งฉุบ ทำให้ช่วงเวลาหลังจากนั้นการละเล่นดังกล่าวถูกส่งต่อไปยังอารยธรรมต่าง ๆ ในหลายดินแดนของทวีปเอเชีย โดยเฉพาะที่ญี่ปุ่น ซึ่งอาจจะมีการปรับเปลี่ยนไปบ้างในแต่ละท้องถิ่น จนกระทั่งในปี 1924 มีการถูกส่งต่อไปสหราชอณาจักร ในที่สุดแล้วก็กลายเป็นที่เข้าใจตรงกันทั่วโลก

หลายร้อยปีผ่านไป บนความง่ายนี้เอง กลับกลายเป็นความท้าทาย เมื่อมีคำกล่าวที่ว่าเป่ายิ้งฉุบขึ้นอยู่กับดวงล้วน ๆ ไม่มีใครชนะได้ตลอด ก็ได้เวลาเหล่ามนุษย์ขี้สงสัยอย่างเรา ๆ จะต้องทำการทดลองกันว่าจริงหรือไม่กับคำนิยามนี้

จนที่สุดแล้วการแข่งขันเพื่อพิสูจน์ว่า เป่ายิ้งฉุบ ไม่ใช่เรื่องของดวงแต่เป็นเรื่องของฝีมือ ก็เกิดขึ้นแบบจริงจังเมื่อปี 2002 ที่มีการแข่งขันเป่ายิ้งฉุบชิงแชมป์โลก ภายใต้การจัดของ World Rock Paper Scissors Society หรือสมาคมคนรักการเป่ายิ้งฉุบนั่นเอง

 

ความยากของการเอาชนะเกมที่ง่ายที่สุด

เหล่าผู้อยากเอาชนะแม้แต่เรื่องเล็ก ๆ อย่างเป่ายิ้งฉุบรวมตัวกันในชื่อของ World Rock Paper Scissors Societyในปี 2002 เพื่อเป็นแหล่งแลกเปลี่ยนเทคนิคการเอาชนะในเกมเป่ายิ้งฉุบระหว่างสมาชิกในเครือข่าย

พวกเขาอยากที่จะเป็นมืออาชีพในการเป่ายิ้งฉุบ และร่วมกันผลักดันจนเกิดการเขียนหนังสือที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีบนโลกนี้อย่าง "The Official Rock Paper, Scissors Strategy Guide" (แนะนำการเล่นเป่ายิ้งฉุบอย่างเป็นทางการ) ได้ยินทีแรกคงไม่มีใครคิดจะควักเงินในกระเป๋าซื้อความรู้ในสิ่งที่เรารู้อยู่แล้ว

อย่างไรก็ตามอย่าให้หน้าปกของหนังสือเล่มนี้หลอกคุณได้ เพราะก่อนจะออกมาเป็นสมาคมและหนังสือสักเล่ม พวกเขาพยายามที่จะผลักดันเป่ายิ้งฉุบให้เป็นกีฬาที่ได้รับการยอมรับตั้งแต่ช่วงปี 1995 จนกระทั่งการเวลาผ่านไป "สมาคมลับ" ก็มีสมาชิกเยอะขึ้นเรื่อย ๆ พวกเขามีผู้สมัครใหม่ ๆ ที่เดินทางมาจากประเทศต่าง ๆ กว่า 20 ประเทศ จนถึงตรงนี้พวกเขารู้แล้วว่ามีคนเห็นพ้องต้องกันจำนวนไม่น้อย จนในที่สุดแล้วเรื่องของการแข่งขันชิงแชมป์โลกก็เกิดขึ้นจนได้

"มีหลายคนบนโลกนี้ที่ไม่น่าจะได้มีโอกาสแข่งขันในมหกรรมกีฬาใหญ่ ๆ การจะทำแบบนั้นได้คุณต้องฝึกหนักทั้งชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการเล่นฟุตบอลโลก การได้ไปโอลิมปิก หรือการได้เป็นนักกีฬาอาชีพในระดับสูง”

“แต่เป่ายิ้งฉุบนั้นแตกต่าง ทุกคนมีโอกาสที่จะแข่งขันและเป็นแชมป์โลกได้ ดังนั้นมันจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเราจึงมีสมาชิกมาจากมากมายหลายประเทศ" เกรแฮม วอล์คเกอร์ หนึ่งในผู้ก่อตั้งสมาคมเป่ายิ้งฉุบกล่าว

ในปี 2002 พวกเขามีการแข่งขันชิงแชมป์โลกเป็นครั้งแรก ณ เวลานั้นไม่มีใครบนโลกนี้คิดว่าจะมีการแข่งขันเป่ายิ้งฉุบที่จริงจังและทุ่มทุนสร้างได้ขนาดนี้ นั่นจึงทำให้นักข่าวจากทั่วทุกสารทิศ มาติดตามรายการข่าว เหนือไปกว่านั้นคือผู้เดินทางมาแข่งขันที่มากกว่าที่คาดไว้เยอะมาก  

มันเหมือนกับที่ วอล์คเกอร์ เคยกล่าวไว้ สำหรับเป่ายิ้งฉุบ ทุกคนมีโอกาสเป็นแชมป์โลกได้ทั้งนั้น และการมีชื่อประดับในฐานะแชมป์ครั้งแรก ย่อมดึงดูดผู้เข้าแข่งที่ตั้งใจมาแข่งโดยเฉพาะ หรือนักท่องเที่ยวที่ถือโอกาสมาลองวัดดวงกันเป็นจำนวนมาก

"คุณและเพื่อนของคุณสามารถเข้าแข่งกันในเกมนี้ได้พร้อม ๆ กัน สิ่งที่คุณต้องเตรียมมามีเพียง 4 อย่างเท่านั้นนั่นคือ ค้อน กรรไกร กระดาษ และ เซนส์ของคุณเอง" วอล์คเกอร์ เผยถึงเหตุผลที่กระแสตอบรับการแข่งขันของเขาล้นหลามแบบไม่น่าเชื่อ

ส่วนกติกาคร่าว ๆ ของการเป่ายิ้งฉุบยิงแชมป์โลก คือการเล่นกันแบบ 2 ใน 3 (ใครชนะถึง 2 ครั้งก่อนก็ถือเป็นผู้ชนะในเกมไป) นอกจากนี้ยังมีกติกายิบย่อย อีกมากมายหลายจุด อาทิ การนับจังหวะก่อนลงที่คำว่าฉุบ ! หรือ ก่อนที่จะเริ่มดวลกันต้องได้ยินทั้งสองฝ่ายพูดว่าพร้อมก่อน เพื่อกันการเล่นที่เผลอ

การแข่งขันเป่ายิ้งฉุบ ชิงแชมป์โลก มีมาอย่างต่อเนื่องถึง 11 ปี ซึ่งความแตกต่างก็คือไม่มีใครผูกขาดแชมป์ได้ โลกของกอล์ฟอาจจะมี ไทเกอร์ วูดส์ และโลกของการว่ายน้ำอาจจะมี ไมเคิล เฟลป์ส แต่สำหรับโลกของการเป่ายิ้งฉุบแทบไม่มีใครทำแบบที่กล่าวมาได้เลย มีผู้เล่นจาก แคนาดา เพียงคนเดียวเท่านั้นที่คว้าแชมป์ได้ 2 ครั้งติดต่อกัน

ค้อน กรรไกร กระดาษ คือ 3 สิ่งทีมีอยู่กับตัว แต่ เซนส์ คือสิ่งที่ตัดสินเกมนี้ และศาสตร์แห่งการเอาชนะแบ่งแยกออกเป็นหลากหลายวิธี ซึ่งสิ่งที่ไม่น่าเชื่อสำหรับเรื่องนี้คิอมีทฤษฎีที่กล่าวถึงวิธีการเอาชนะเป่ายิ้งฉุบเยอะมาก

และต้องกล่าวคำว่า "ไม่น่าเชื่อ" อีกสักครั้งว่าเรื่องเล็ก ๆ แบบนี้จะกลายเป็นบทความยอดฮิตของวารสารทางวิชาการต่าง ๆ เลยทีเดียว

สำนักข่าวใหญ่อย่าง Fox News ยืนยันว่ามีความแตกต่างระหว่างนักเป่ายิ้งฉุบมือโปรกับมือใหม่ เรียกง่าย ๆ ว่าพวกมือใหม่มักจะเล่นแบบไม่ได้วิเคราะห์อะไร และจากการจดสถิติพวกเขาจะไม่ออกอย่างเดิมซ้ำสองครั้ง

ถ้าเหล่าบีกินเนอร์ออกค้อนในตาแรก รอบต่อไปให้คุณเตรียมตัวออกกรรไกรไว้ได้เลย เพราะมีโอกาสสูงเนื่องจากพวกเขามักจะออกไม่กรรไกรก็กระดาษในตาต่อไป นี่คือแท็คติกที่มีชื่อในวงการเป่ายิ่งฉุบว่า "The Roshambollah Trap"

นอกจากนี้ยังมีการแสดงออกทางกายภาพ ที่จะออกมาเองโดยธรรมชาติหากไม่ยอมปิดซ่อนไว้ อาทิการสวิงข้อศอกไปมาเกิน 2 ครั้ง สิ่งที่ตามมาคือผู้เล่นคนนั้นจะออกกระดาษ

และอีกทริกหนึ่งคือ หากผู้เล่นทำการกำมือและเขย่าขึ้นลงก่อน สิ่งที่ตามมาหลังจากนั้นคือการออกค้อน เรียกได้ว่าทักษะแบบนี้ต้องอาศัยการจับตามอง และตัดสินใจในเสี้ยววินาทีกันเลยทีเดียว

ด้าน เกรแฮม วอล์คเกอร์ หนึ่งในผู้ก่อตั้งสมาคมเป่ายิ้งฉุบ แนะนำไว้ 4 วิธีนั่นคือ การประเมินสถานการณ์ก่อนว่า เรานำอยู่หรือตามอยู่ (จากการแข่งขัน 2 ใน 3)

และหลังจากนั้นจึงไปสู่ขั้นต่อไปได้ หากเราเป็นฝ่ายตามหลัง มีโอกาสมากที่อีกฝั่งจะออกกรรไกร เพราะเชื่อกันว่ากรรไกรเป็นตัวแทนทางสัญลักษณ์ของการโจมตี

ขณะที่การออกกระดาษนั้นมักจะออกมาในรูปแบบของสถานการณ์แบ่งรับแบ่งสู้ (อารมณ์ประมาณว่าแพ้ได้อีก 1 ครั้งไม่เป็นไร) แต่ก็ยังเห็นเหลี่ยมชนะอยู่บ้าง และท้ายที่สุดผู้เล่นมักจะออกค้อนในสถานการณ์หลังชนฝา

ยัง ... ยังไม่จบ งานวิจัยของ Chris Wang นักคณิตศาสตร์ ได้วิเคราะห์การเป่ายิ้งฉุบด้วยทฤษฎีเกมแบบคลาสสิก (Classical game theory) ซึ่งเขาก็พบว่าจะให้ดีต้องอย่าเล่นแบบสุ่มหรืออกมั่ว ผู้เล่นจะต้องออกค้อน กรรไกร กระดาษโดยไม่ซ้ำกันในแต่ละรอบ เพื่อไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามสามารถคาดเดาเกมการเล่นของตัวเองได้

ทฤษฏีนี้มีการทดลองกับคนจำนวน 360 คน และแต่ละคนจะเล่นคนละ 300 รอบ ซึ่งผลที่ออกมาก็คล้ายไปทางเดียวกันคือเขาจับสังเกตได้ว่าผู้ชนะมักจะออกซ้ำอย่างเดิม และผู้แพ้จะเป็นฝ่ายเปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่เพื่อแก้เกม  นอกจากนี้ยังมีสถิติเล็ก ๆ น้อยที่น่าสนใจมากมาย เช่น การออกกรรไกรในตาแรกมีสถิติที่จะมีโอกาสชนะมากที่สุด เป็นต้น

Zhijian Wang จากมหาวิทยาลัย Zhejiang University ในประเทศจีน เรียกทฤษฎีดังกล่าวว่า "การตอบสนองตามเงื่อนไขของเกม" ซึ่งแม้จะฟังดูง่าย แต่เป็นเรื่องยากมากที่จะมีใครเร็วพอที่จะตรวจสอบสิ่งต่าง ๆ รอบข้างของตัวเองและคู่แข่งได้ทัน ก่อนจะถึงการแข่งครั้งต่อไป  

จากงานวิจัยและการทดลองที่เอ่ยมาทั้งหมด จะเห็นได้ว่าค่อนข้างจะไปในทิศทางเดียวกัน นั่นคือ การออกแบบสุ่มไม่ใช่วิธีที่ฉลาดนัก   

ฉะนั้นจงเข้าใจไว้เสีย แม้แต่เกมง่าย ๆ อย่างเป่ายิ้งฉุบ คุณก็สามารถจะขยับโอกาสการเอาชนะได้หากมีการวางแผนที่ดีตามที่เหล่าผู้เชี่ยวชาญว่าเอาไว้

 

เป่ายิ้งฉุบเอามาใช้กับเรื่องใหญ่ ๆ ในชีวิตประจำวันได้จริงหรือ ?

การแข่งขันเป่ายิ้งฉุบชิงแชมป์โลกอาจจะไกลตัวของเราเกินไป ดังนั้นเราจึงขยับมาดูเรื่องที่ใกล้ตัวขึ้นมาอีกนิด โดยเรื่องนี้เกิดขึ้นที่ญี่ปุ่น และเกิดขึ้นกับวงไอดอลชื่อดังอย่าง AKB48 ที่หยิบเอาเป่ายิ้งฉุบมาทำให้เป็นเกมที่ตื่นเต้น จนเหล่าแฟนคลับติดกันงอมแงม

โดยปกติแล้วการเลือก เซ็นเตอร์ ของแต่ละซิงเกิ้ลนั้นเป็นอะไรที่ละเอียดอ่อนมาก เมื่อเหล่าไอดอลแต่ละคนมีโอตะเป็นของตัวเอง ที่พร้อมจะเปย์ทุกสิ่งทุกอย่างให้กับคามิโอชิ (คนที่ชอบที่สุดในวง) ได้รับหน้าที่การเป็นศูนย์กลางของเพลงที่คนทั้งโลกจะได้เห็น  

ดังนั้นการตัดสินเลือกสมาชิกเซ็นบัตสึ หรือเซ็นเตอร์ แบบเดิมคือการคัดเลือกจากสายตาของผู้บริหาร ที่มองว่าใครเด่น ใครทำผลงานดีเหมาะกับซิงเกิลนั้น ๆ หรือในช่วงที่ใช้การตัดสินจากผลโหวตและผู้บริหารนั้นมีแต่ไอดอลคนเดิม ๆ ที่ได้รับการคัดเลือก จึงทำให้เกิดความไม่แฟร์สำหรับเหล่าไอดอลที่ไม่ได้มีแฟนคลับมากมายนัก ในฐานะผู้สนุบสนุนพวกเขา ต่างคิดว่าคามิโอชิของตัวเอง ก็มีดีไม่แพ้ใครอยู่แล้ว  

ปัญหานี้เกิดขึ้นมาสักพัก จนที่สุดแล้ว ทีมงานก็ตัดสินใจลบคำครหาทุกสิ่งอย่าง ด้วยการเพิ่มวิธีเลือกเซ็นเตอร์ อีกหนึ่งทาง ด้วยการเป่ายิ้งฉุบง่าย ๆ สั้น ๆ อย่างนั้นเลย ....

ซึ่งไม่น่าเชื่อว่ามันได้ผล เพราะมีคนสนใจที่จะเข้าชมเป็นจำนวนมหาศาล เรียกได้ว่าการออก ค้อน กรรไกร กระดาษ เพียงแค่ 3 อย่างนี้ มีโอกาสเปลี่ยนอนาคตกันได้ง่าย ๆ

โดยมีการเลือกเซ็นเตอร์ จากการเป่ายิ้งฉุบมาแล้วตั้งแต่ปี 2010 จนถึงปัจจุบัน เรียกได้ว่าเป็นการตัดสินที่เห็นชัด ๆ ว่า ใครแพ้ ใครชนะ

และเมื่อยิ่งงานเป่ายิ้งฉุบได้รับความสนใจจากแฟน ๆ มากขึ้นกว่าเดิม ทางค่ายก็ถือโอกาสหารายได้จากจุดนี้ทันที สรุปได้ว่าเป็นการหาทางออกที่วิน ๆ กันทุกฝ่ายเสียจริง ๆ

นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งเคสที่ใช้การเป่ายิ้งฉุบชี้ขาดสิทธ์ประโยชน์มูลค่ามหาศาล ในปี 2005 ทาคาชิ ฮาชิยาม่า ซีอีโอ ของบริษัทผลิตโทรทัศน์ของญี่ปุ่น ตัดสินใจขายรูปวาดจากศิลปินชื่อดังอย่าง ปิกัสโซ่ หรือ แวน โกะ ที่เขาเก็บสะสมไว้สู่เวทีประมูล  

ซึ่งที่สุดแล้วก็มี 2 บริษัทที่ยื่นข้อเสนอในระดับที่พอ ๆ กัน จนทำให้เขาตัดสินใจไม่ได้ว่าจะขายรูปภาพที่มีมูลค่า 16 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ให้ใครดี สุดท้าย ฮาชิยามะ จึงให้ทั้งสองบริษัทเป่ายิ้งฉุบกันตัดสินผลชี้ขาดไปเลย

"มันอาจจะดูแปลกนะ แต่ผมเชื่อว่านี่คือการตัดสินใจที่ดีที่สุดของการเลือก 2 สิ่งที่ดีเท่า ๆ กัน" ฮาชิยาม่า กล่าวถึงวิธีที่ทำให้เข้าเลิกปวดหัวแบบติดตลก

โลกของการเป่ายิ้งฉุบนั้นกว้างใหญ่กว่าที่เราคิด มีทั้งเทคนิค และ เดิมพันจำนวมาก จนทำให้มันเป็นศาสตร์ที่น่าสนใจและเรียนรู้เอาไว ้

เพราะถึงแม้ว่าคุณจะไม่ได้เอาไปแข่งชิงแชมป์โลก, ชิงตำแหน่งเซ็นเตอร์ในบางซิงเกิลของวง AKB48 และ ประมูลรูปวาด แต่ถ้าคุณมีเข้าใจหลักทางจิตวิทยาของการ เป่ายิ้งฉุบ แล้วล่ะก็ อย่างน้อย ๆ คุณจะเอาไปใช้ในชีวิตประจำวันได้แน่ ...

หลังจากนี้การเป่ายิ้งฉุบอาจจะทำให้คุณไม่ต้องเป็นคนคอยวิ่งไปซื้อข้าวยามที่อยู่กับกลุ่มเพื่อน หรือเป็นคนล้างห้องน้ำในตอนที่อยู่กับแฟนของคุณก็เป็นได้


แหล่งอ้างอิง

https://www.theallabout.com/hot-news/akb48-%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A8%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%81%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%9B/
https://en.wikipedia.org/wiki/Rock%E2%80%93paper%E2%80%93scissors
www.foxnews.com%2Fstory%2F2006%2F03%2F20%2Frock-paper-scissors-sport.html&h=AT3bfWxAjFU6Pi8ugq_WnWtXcHYAIu1KuN4O38CBtxrGc2JqbNrSAm9FQbmru1t4x9pHcn7nOwb1-hrdEDIwWz5pFM0yDhRon2Rc7GvzCt3XGkdLiZP2eRab9yBkOeVClXQd-A
https://priceonomics.com/the-world-of-competitive-rock-paper-scissors/
http://www.scimath.org/article-mathematics/item/7801-2017-12-19-01-42-39

Author

ชยันธร ใจมูล

นักเขียนลูกสอง จองเรื่องฟุตบอลและมวยโลก รู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่เขียนแล้วอินทุกเรื่อง