Feature

"ไก่ ขี่ ปืน" 6 ปีซ้อน : ช่วงเวลาเดียวที่ สเปอร์ส เหนือกว่า อาร์เซน่อล ชัดเจน | Main Stand

ในประวัติศาสตร์ยาวนานของดาร์บี้แมตช์ลอนดอนเหนือ แทบทุกยุคจะคุ้นตากับภาพ อาร์เซน่อล กด ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ปีกหักซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่มีอยู่ช่วงหนึ่ง เป็นเวลา 6 ปีที่ "ไก่เดือยทอง" ลุกขึ้นมาบินสูงที่สุดในพรีเมียร์ลีก ขณะที่ "ปืนใหญ่" อยู่ในจุดที่แฟนบอลมองแล้วต้องถอนหายใจ

 

ระหว่างปี 2016-2022 คือช่วงเวลาที่คำว่า "St. Totteringham’s Day" หายไปจากพจนานุกรมฝั่งแดงลอนดอน และถูกแทนที่ด้วยความจริงใหม่ว่า "ไก่ ขี่ ปืน" แบบเหนือกว่าชัดเจนที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์

 

ไก่ กำลังสร้าง ปืน กำลังทรุด

สเปอร์ส เติบโตแบบช้า ๆ แต่ต่อเนื่อง จากการเข้ามาบริหารของ ดาเนี่ยล เลวี่ ในช่วงปี 2001 แนวทางของ เลวี่ ไม่มีอะไรมากไปกว่าการสร้างความยิ่งใหญ่ที่ยั่งยืน พวกเขามีโมเดลการทำทีมแบบ "ปั้นแล้วขาย" ต่อยอดทีมขึ้นไปเรื่อย ๆ เน้นไปที่นักเตะดาวรุ่งฝีเท้าดีเป็นหลัก

ในช่วงหลังยุค 2000 ถือเป็นช่วงที่ตำแหน่ง "บิ๊ก 4" อยู่ในสถานการณ์ "ที่เต็ม" ทำให้ สเปอร์ส ก็ต้องพยายามบีบช่องว่างเข้ามาให้แคบลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งพวกเขาเริ่มขึ้นมาอยู่อันดับ 5 และเริ่มเล่นได้ดีขึ้นด้วยการสลับขึ้นมาติดท็อป 4 บ้างในบางซีซั่น จนกระทั่งเริ่มมีการเปลี่ยนวลี "บิ๊ก 4" กลายเป็น "บิ๊ก 6" ในภายหลัง 

สเปอร์ส ใช้เวลาไล่ตามหลังเหล่าบิ๊ก 4 อยู่พักใหญ่ จนกระทั่งความเปลี่ยนแปลงมาเห็นชัด ๆ จากการแต่งตั้งกุนซือหนุ่มชาวอาร์เจนไตน์อย่าง เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ขึ้นมารับตำแหน่งในปี 2014 หลังจากทำผลงานยอดเยี่ยมไว้กับ เซาธ์แฮมป์ตัน 

ณ เวลานั้น "พอช" คือกุนซือหนุุ่มที่ได้รับคำชมเยอะมาก จากแนวคิดการทำทีมที่มีรูปแบบการเล่นชัดเจน เกมรับอาจจะไม่เหนียวมาก แต่ก็มีระบบจนไม่ได้ดูหละหลวมจนเกินไป แต่เกมรุกนั้นยอดเยี่ยม มีความหลากหลาย ตลอดจนมีเกมเพรสซิ่งและการไล่บีบแบบเดือดที่สุดทีมหนึ่งในอังกฤษ 

ทีมชุดนั้นเต็มไปด้วยความห้าวของนักเตะอายุน้อยที่กระหายความสำเร็จ และพรสวรรค์ในเวลาเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น ซน ฮึง มิน, แฮร์รี่ เคน, เดเล่ อัลลี, คริสเตียน เอริกเซ่น, โทบี้ อัลเดอไวเรลด์, แยน แฟร์ตองเก้น, อูโก้ โยริส และอีกหลาย ๆ คนที่ไม่ได้กล่าวถึง

ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น อาร์เซน่อล กำลังเข้าสู่ "ยุคสุดท้าย" ของ อาร์แซน เวนเกอร์ ... "ขงเบ้งเลือดน้ำหอม" กำลังมีปัญหาหนักจากการสนับสนุนของบอร์ดบริหารที่น้อยลงกว่าในอดีตมาก จนแฟนบอลรับทราบและรุมสาบแช่ง สแตน ครองคี่ เจ้าของทีมชาวอเมริกัน 

ขณะที่ตัวของ เวนเกอร์ ก็รับผลกระทบไปด้วย เสียงคำถามที่ดังขึ้นเรื่อย ๆ กลายเป็นทศวรรษที่แฟน ๆ เริ่มตั้งคำถามกับผู้ยิ่งใหญ่อย่าง เวนเกอร์ แต่เหตุผลก็ตรงไปตรงมา เพราะผลงานของทีมตกไปอย่างชัดเจน ขณะที่นักเตะระดับสตาร์อย่าง เชส ฟาเบรกัส กับ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ จากไป คนที่เข้ามาใหม่กลับไม่ใช่ระดับเดียวกัน

แม้เวนเกอร์ยังคุมทีมด้วยสไตล์ที่สวยงาม แต่โลกเปลี่ยนไป พรีเมียร์ลีกกลายเป็นลีกของพละกำลัง เกมเพรสซิ่ง และระบบที่เข้มงวดอาร์เซน่อลซึ่งอิงความคลาสสิกแบบเก่าเริ่มตามเกมไม่ทัน นี่คือช่วงปีที่แฟนบอลอาร์เซน่อลหลายคนยอมรับอย่างหนักใจว่า "อาจถึงเวลาที่เวนเกอร์ต้องไปแล้ว"

 

London is white 

สื่อและนักวิเคราะห์หลายคนพูดถึง สเปอร์ส ในยุคพอชเหมือนกันว่า มีพัฒนาการขึ้นมาอย่างเป็นรูปเป็นร่าง และสร้างตัวตนขึ้นมาเป็นหัวแถวของลีกได้อย่างยอดเยี่ยม ทว่า สเปอร์ส ก็ยังคงทำได้แค่เกือบเท่านั้น พวกเขาไล่ล่า เลสเตอร์ ซิตี้ ในฤดูกาล 2015-16 จนถึงโค้งสุดท้ายแต่ก็พลาดไป ขณะที่ในบอลถ้วยก็ติดโน่นนิด นี่หน่อย ทำให้ไม่มีโทรฟี่ยืนยันความสำเร็จครั้งนั้นให้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาได้ ในขณะที่กำลังจะแซงหน้าคู่ปรับตลอดกาลที่ถึงช่วงลูปของการเปลี่ยนแปลง

อย่างไรก็ตาม สำหรับแฟนบอล สเปอร์ส ก็ต้องบอกว่า "The Poch Era" ถือเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ดีที่สุดช่วงหนึ่งของพวกเขาเลยก็ว่าได้ เพราะในช่วงนี้ พวกเขาขาขึ้นสุดขีด ขณะที่ฝั่ง อาร์เซน่อล ทีมคู่รักคู่แค้นของพวกเขาก็เริ่มจับต้นชนปลายไม่ถูก แม้ในวันที่ เวนเกอร์ ยอมถอย และแต่งตั้ง อูไน เอเมรี่ เข้ามาทำหน้าที่แทน ในฤดูกาล 2018-19

การเปลี่ยนโค้ชเป็นอูไน ถูกคาดหวังว่าจะเป็นการเริ่มต้นใหม่ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับไม่เป็นไปตามภาพที่จินตนาการไว้ อูไนโดนสื่อวิจารณ์หลายเรื่อง ทั้งระบบที่ไม่มีเอกลักษณ์ เกมรุกไม่ไหลลื่น เกมรับพังง่าย ทีมขาดแกนหลักที่ไว้ใจได้ เรียกได้ว่าในทุกพื้นที่ของสนาม มองไปทางไหนก็ห่างไกลคำว่า "ยอดเยี่ยม" เมื่อเทียบกับอดีตอันยิ่งใหญ่เมื่อทศวรรษที่แล้ว 

นอกจากนี้ อูไนยังเจอปัญหาในห้องแต่งตัว มีข่าวความไม่ลงรอย นักเตะบางคนหมดศรัทธา มีการเปลี่ยนแปลงตัวกัปตันทีมบ่อยเกินไป และอีกหลายอย่างที่ไม่ได้กล่าวถึง ... แน่นอนว่านี่คือสิ่งที่ผู้เขียนไม่ได้คิดไปเอง เพราะมองจากสภาพแวดล้อม และกระแสของแฟนปืนในเวลานั้น มันยืนยันได้เลยว่าทีมมีปัญหาจริง ๆ และอูไนก็มีแววจะไม่ใช่คน ๆ นั้นที่พวกเขาเฝ้ารอ 

เรื่องนี้ยืนยันได้จากในช่วงเวลานั้น ถือเป็นยุคทองของช่อง ArsenalFanTV (AFTV ปัจจุบัน) เลยก็ว่าได้ เพราะช่วงสัมภาษณ์หลังเกมต่าง ๆ เรามักจะได้เห็นแฟนปืนใหญ่ออกมาระบายอารมณ์ ด่าโค้ช ด่านักเตะ เป็นไวรัลบนโลกออนไลน์ทุกสัปดาห์ ซึ่งอันที่จริงมันเป็นรายการที่ดูตลก เพราะผู้ให้สัมภาษณ์แต่ละคนช่างสรรหาคำมาด่า และจัดอารมณ์เต็ม ๆ แบบไม่มีกั๊ก ทว่าในอีกทางหนึ่ง มันก็สะท้อนให้เห็นว่า ช่วงเวลานั้นคือช่วงเวลาที่แสนเจ็บปวดของแฟนปืนใหญ่เช่นกัน 

ในเวลาที่ สเปอร์ส กำลังฉายแสง อาร์เซน่อล กลับหลงทางอย่างสมบูรณ์ 3 ฤดูกาลที่ไก่เดือยทองผยองเหนือปืนใหญ่ 2016-17 สเปอร์สเป็นรองแชมป์ ส่วนอาร์เซน่อลจบอันดับ 5, 2017-18 สเปอร์สจบอันดับ 3 ส่วนอาร์เซน่อลจบอันดับ 6 ขณะที่ 2018-19 ยิ่งเจ็บแสบ สเปอร์ส จบอันดับที่ 4 แถมเข้าชิงในถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ส่วน อาร์เซน่อลจบอันดับ 5 ด้วยแต้มที่น้อยกว่าแค่ 1 แต้ม ... ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันเป็นช่วงเวลาที่แฟนสเปอร์สตีปีกขนาดไหน 

มันคือยุคทองของการ "เอาคืน" แบบเต็มปากเต็มคำ สิ่งที่แฟนสเปอร์สพูดกันบ่อยคือ "St. Totteringham's Day ตายแล้ว" "London is white" และอื่น ๆ ตามประสาเกรียนฝรั่ง

ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นลูปที่แฟนปืนใหญ่ต้องรับความจริงว่า ความเป็นรองให้อริร่วมเมืองครั้งนี้ คือความรู้สึกที่ตรงไปตรงมาที่สุด ในยุคที่แฟนอาร์เซน่อลเจ็บปวดที่สุดยุคหนึ่ง

 

จุดจบของ "ไก่ ขี่ ปืน" และการเริ่มต้นใหม่ของอาร์เซน่อล

อย่างไรก็ตาม ความสุขของแฟน สเปอร์ส ที่เคยได้ใส่ อาร์เซน่อล ก็เริ่มไม่จีรัง เพราะช่วงปลายปี 2019 สเปอร์ส ตัดสินใจปลดโปเช็ตติโน่ แม้เขาจะพาทีมไปถึงรอบชิง UCL ก็ตาม

ว่ากันว่าในเวลานั้น บอร์ดบริหารของ สเปอร์ส คิดว่าเกิดความอิ่มตัวภายในทีม และมองว่า พอช เป็นโค้ชที่สร้างได้ แต่อาจจะยังต่อยอดไม่ถึง จึงไม่มีความสำเร็จแบบที่จับต้องได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายคนรู้ดี ... หลังจากการปลดโปเช็ตติโน่ สเปอร์สก็ต้องกลับมาเผชิญช่วงเวลาที่ดีและแย่สลับกันไป เหมือนอย่างที่พวกเขาเคยเป็น

ในเวลาเดียวกัน อาร์เซน่อล เริ่มวางโครงสร้างใหม่ภายใต้การบริหารทีมของ จอช ครองคี่ ลูกชายของเจ้าของที่แฟนบอลเกลียดอย่าง สแตน ครองคี่ การเปลี่ยนแปลงที่จริงจังก็เกิดขึ้นในช่วงเวลาหลังจากนั้น และมันช่วยเปลี่ยนแปลงบรรยากาศของแฟนบอลจนพวกเขามองตระกูล ครองคี่ ด้วยภาพลักษณ์ที่ดีขึ้น จากการมาของ จอช ผู้ที่ได้รับคำชมเรื่องความใส่ใจ

รายการจาก แซม ดีน จาก The Telegraph บอกว่า บทบาทของ จอช ครองคี่ ที่อาร์เซนอลในปัจจุบัน มีอิทธิพลมากกว่าตอนที่ครอบครัวของเขาเข้ามามีส่วนร่วมกับสโมสรครั้งแรก โดยเขาโดดเด่นในฐานะคนที่ใส่ใจและทุ่มเททางอารมณ์มากกว่า ส่วน สแตน ก็มักจะออกมาพูดถึงแฟน ๆ เพื่อยืนยันความกระหายของเขาเสมอว่าต้องการทำทีมให้ดีขึ้น และทวงคืนความยิ่งใหญ่กลับมา 

การแต่งตั้ง มิเกล อาร์เตต้า แบบกลางคันหลังจากปลด เอเมรี่ ช่วงปลายปี 2019 แม้จะไม่ได้ช่วยให้ อาร์เซน่อล จบอันดับในลีกเหนือ สเปอร์ส ทันที (ซีซั่น 2019-20 สเปอร์ส จบอันดับ 6 อาร์เซน่อล จบอันดับ 8) แต่ก็ได้ปลดแอกด้วยแชมป์ เอฟเอ คัพ ซึ่งทำให้แฟนปืนใหญ่ยิ้มออก และพวกเขาได้มีอะไรมาคุยทับอริร่วมเมืองอีกครั้ง 

หลังจากแชมป์ดังกล่าว ก็ถือเป็นช่วงต่างฝ่ายต่างก็พยายามเริ่มยุคสมัยใหม่ ไก่เดือยทองพยายามหนีจากเงาของพอช เพื่อสร้างทีมที่ไปถึงแชมป์ให้ได้ ซึ่งส่วนใหญ่ก็ล้มเหลว แม้จะทุ่มเงินให้กับยอดโค้ชอย่าง โชเซ่ มูรินโญ่ หรือ อันโตนิโอ คอนเต้ ก็ตาม 

ขณะที่ฝั่งปืนใหญ่ หลัง อาร์เตต้า คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ได้ ก็โซซัดโซเซ กว่าจะสร้างทีมที่ลงตัว พวกเขาก็ยังจบอันดับในตารางเป็นรอง สเปอร์ส ทั้งในซีซั่น 2020-21 (สเปอร์ส จบอันดับ 7 - อาร์เซน่อล จบอันดับ 8) และ ซีซั่น 2021-22 (สเปอร์ส จบอันดับ 4 - อาร์เซน่อล จบอันดับ 5) 

เรียกได้ว่าหลังจากซีซั่น 2019-20 จบลง สถานการณ์ของทั้ง 2 ทีม ก็ต้องเน้นไปที่การโฟกัสกับการค้นหาแนวทางตัวเอง มากกว่าการทำอันดับจบเหนือกว่าคู่ปรับแห่งลอนดอนเหนือ 

และเมื่อมาถึงตอนนี้ก็อาจจะพอบอกได้ว่า อาร์เซน่อล เจอสิ่งที่ตามหาก่อน เพราะแม้ถึงจะยังไม่มีแชมป์เพิ่ม แต่ผลงานในสนาม อันดับในตาราง และ รูปแบบการเล่นที่ได้รับคำชื่นชม มีเอกลักษณ์ของตัวเอง ก็กลายเป็นหนึ่งในเครื่องช่วยยืนยันว่า พวกเขาพัฒนาขึ้นทุก ๆ ปี 

ซึ่งแน่นอนว่ามันสวนทางกับ สเปอร์ส ที่หลังลงทุนใหญ่กับการสร้างสนาม งบประมาณในการเสริมทัพก็ลดลง เหนือสิ่งอื่นใดคือ พวกเขาไม่มีโค้ชคนไหนที่ทำทีมยาว ๆ ได้ใจนักเตะและแฟนบอลแบบที่ โปเช็ตติโน่ ทำได้ แม้จะพยายามเปลี่ยนโค้ชมาแล้วหลายราย

6 ปีที่ สเปอร์ส เหนือกว่า อาร์เซน่อล จึงเป็นเหมือน "ช่วงเปลี่ยนผ่านของทั้งสองสโมสร" สเปอร์ส ขึ้นสูงสุดเพราะการทำงานอันยอดเยี่ยมของ โปเช็ตติโน่ และ อาร์เซน่อล ตกต่ำที่สุดในยุค เวนเกอร์ ตอนปลาย กับ อูไน เอเมรี่

หลังจากนั้นบทบาทก็สลับกันอีกครั้ง อาร์เซน่อลกลับมาพร้อมปรัชญาที่ชัดเจน ขณะที่สเปอร์สพยายามหาตัวตนใหม่เรื่อยมา แต่แม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ปี 2016-2022 ยังคงเป็นช่วงเวลาเดียวที่แฟนสเปอร์สได้พูดดัง ๆ ว่า "ไก่ ขี่ ปืน … แบบไม่ต้องเถียง" และเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ดีที่สุดของสโมสร นับตั้งแต่เข้าสู่ยุคพรีเมียร์ลีกเลยทีเดียว

 

แหล่งอ้างอิง

https://www.theguardian.com/football/2020/may/08/peak-pochettino-how-a-golden-age-of-recruitment-transformed-tottenham
https://premierleaguenow.co.uk/2025/02/22/mauricio-pochettino-tottenham/
https://www.theguardian.com/football/2018/apr/20/arsene-wenger-to-leave-arsenal-at-the-end-of-the-season
https://www.espn.com/soccer/story/_/page/Why-Arsene-Wenger-really-decided-to-leave-Arsenal-/why-arsene-wenger-really-decided-leave-arsenal
https://www.givemesport.com/why-unai-emery-was-sacked-as-arsenal-manager/

Author

ชยันธร ใจมูล

นักเขียนลูกสอง จองเรื่องฟุตบอลและมวยโลก รู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่เขียนแล้วอินทุกเรื่อง

Photo

วัชพงษ์ ดวงแปง

Main Stand's Backroom staff

Graphic

อรรนพ สะตะ

graphic design ผู้ชื่นชอบกีฬาฮอกกี้, เกมส์, เดินเขา เป็นชีวิตจิตใจ