
เมื่อเห็นการเสริมทัพของ ซันเดอร์แลนด์ กว่าครึ่งค่อนทีมก่อนฤดูกาล 2025-26 จะเปิด หลายคนบอกว่านี่คือวิถีที่ผิดพลาด เพราะทีมน้องใหม่ในอดีตมากมายเคยลอง "ยกเครื่องใหม่" แต่กลับต้องจบซีซั่นด้วยผลงานที่น่าผิดหวัง
แต่ลูกทีมของ เรชีส เลอ บรีส กำลังร้อนแรงและหักปากกาเซียนเป็นว่าเล่น ไม่ว่าจะด้วยวิธีการเล่น ผลการแข่งขัน และคาแร็คเตอร์
นี่คือเรื่องราวของทีมที่ไม่มีใครคิดว่าจะเริ่มต้นได้ดีขนาดนี้อย่าง ซันเดอร์แลนด์ ... ติดตามเรื่องราวของพวกเขากับ Main Stand
เริ่มต้นจากที่มา
หากเราจะเอาแต่พูดถึงผลงานของ ซันเดอร์แลนด์ ในเวลานี้คงจะไม่แฟร์นัก เพราะกว่าที่พวกเขาจะกลับมาอยู่ในพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง ต้องบอกว่าผ่านช่วงเวลาแย่ ๆ ผิดหวัง และเสียใจมาไม่น้อย จนถึงขนาดที่ต้องตกไปเล่นในลีกวันนานถึง 2 ปีมาแล้ว ก่อนที่ทีมจะมีกาเรปลี่ยนแปลงหลายครั้ง ๆ หลายตำแหน่ง ตั้งแต่เฮดโค้ช ซีอีโอ หรือแม้แต่เจ้าของสโมสร

การเปลี่ยนแปลงสำคัญเกิดขึ้นเมื่อปี 2021 ที่เศรษฐีวัยรุ่น ลูกครึ่ง ฝรั่งเศส-สวิส อายุแค่ 23 ปี อย่าง คีริล หลุยส์-เดรย์ฟัส เข้ามาซื้อหุ้นใหญ่ 64% ทีมก็เริ่มกลับสู่จุดที่ควรจะเป็น เริ่มตั้งแต่การพาทีมเลื่อนชั้นจากลีกวัน และทะลุมาจนถึงพรีเมียร์ลีกในเวลานี้ โดยใช้เวลาแค่ราว ๆ 3-4 ปีเท่านั้น
อย่างที่หลายคนรู้กัน ซันเดอร์แลนด์ เป็นทีมระดับมหาชนแห่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอังกฤษ มีกลุ่มแฟนบอลที่เหนียวแน่น และมีสโมสรเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่แพ้กับลมหายใจ สโมสรนี้คือศรัทธาของพวกเขา
ดังนั้นเมื่อนักธุรกิจหนุ่มผู้นี้เข้ามา เขาเชื่อว่าเรื่องความเป็นท้องถิ่นนิยม คือสิ่งที่จะไม่แตะต้องและทำมันพังเด็ดขาด ซึ่งเชื่อว่าเจ้าตัวคงซึมซับจาก โรแบร์ หลุยส์-เดรย์ฟัส คุณพ่อผู้ล่วงลับ ที่เคยเป็นหุ้นใหญ่ของ โอลิมปิก มาร์กเซย ทีมดังแห่งฝรั่งเศส (ซึ่งปัจจุบัน คีริล ถือหุ้นส่วนน้อยของ โอแอ็ม อยู่ด้วย) มาบ้างไม่มากก็น้อย
แต่สิ่งที่เขาจะทำ คือการเสริมเขี้ยวเล็บ และสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีให้กับทีม ๆ นี้ เพื่อปลายทางสุดท้าย นั่นคือการเรียกศรัทธาที่เคยขาดหายไปของผู้คนในเมืองกลับมาให้ได้ 100% ... ใครก็ตามที่เคยลดทอนความรักลงไปจากความผิดหวังในอดีต จะต้องกลับมาดูฟุตบอลของซันเดอร์แลนด์ด้วยความสุขอีกครั้ง
จากนั้นการลงทุนกับทีมก็เริ่มขึ้น โดยหลักสำคัญคือ นักเตะที่อายุไม่เยอะ คุณภาพฝีเท้าต่อยอดได้ ขายทำกำไรได้ในอนาคตเมื่อวันที่ต้องแยกทางกันมาถึง นี่อาจจะเป็นโมเดลง่าย ๆ ที่หลายทีมที่ประสบความสำเร็จทำกัน แต่เอาเข้าจริง สิ่งสำคัญนอกจากเงินทุน คือการเลือกบุคลากรหลังบ้านที่เหมาะสมกับงาน เข้าใจกับสิ่งที่ตัวเองปี และเข้าใจในนักเตะที่จะดึงเข้ามา
แม้ ซันเดอร์แลนด์ จะไม่ใช่ทีมที่สามารถแย่งนักเตะดาวรุ่งฝีเท้าดีกับทีมใหญ่ ๆ ได้ แต่การทำงานร่วมกันระหว่างทีมบริหาร ทีมคัดสรร และทีมโค้ชที่นำโดย เลอ บรีส นั้น ทุกอย่างเป็นเนื้อเดียวกัน


เลอ บรีส รู้แน่ชัดว่าแท็คติกของเขาต้องการนักเตะแบบไหน จากนั้นทีมคัดสรรก็ทำงานด้วยความเข้าใจต่อว่า มีนักเตะคนไหนที่เหมาะกับสิ่งที่ เลอ บรีส เรียกร้อง ซึ่งนั่นเป็นวิธีที่พวกเขาเลื่อนชั้นมาถึงพรีเมียร์ลีกอย่างรวดเร็วตามเป้า และในขณะเดียวกัน แฟนบอลท้องถิ่นก็กลับมาศรัทธาเต็มร้อย และเชียร์ฟุตบอลด้วยความสุขอีกครั้ง
ฮวน ซาร์โตรี ผู้ถือหุ้นสโมสรอีก 36% ที่เหลือ ตีแผ่เรื่องราวการทำทางสโมสรในยุคปัจจุบันไว้ไม่ต่างกัน เขาบอกว่า เหนือสิ่งอื่นใด คือพวกเขาสามารถทำงานร่วมกันได้ ด้วยวิธีการของมืออาชีพ โดยเฉพาะเรื่องการที่ เลอ บรีส ทำให้ทุกคนเห็นภาพว่า สิ่งที่เขาพยายามจะเอามาใส่ให้กับทีม ๆ นี้คืออะไร และทำไมต้องเป็นนักเตะประเภทนี้ หรือคน ๆ นี้
"ผมไม่เคยเห็นรายละเอียดที่ เลอ บรีส ใส่เข้าไปในทีมมาก่อนเลยในช่วงแรก แต่เมื่อเขาเริ่มแชร์วิธีการและการทำงานงานของเขาให้เราฟัง เราประทับใจมากจริง ๆ"
"ผมคิดว่าเมื่อรวมกับความอ่อนน้อมถ่อมตนและความสงบเยือกเย็นของเขาแล้ว เราคิดว่ามันจะเป็นการจับคู่ที่ยอดเยี่ยม และจนถึงตอนนี้ก็ยังดีอยู่" นั่นแหละคือจุดเริ่มต้นในการคืนชีพของ ซันเดอร์แลนด์ และได้กลับมาสู่เวทีสูงสุดของฟุตบอลอังกฤษอีกครั้ง
ฟุตบอลไม่ใช่แค่การร่วมทุกข์ร่วมสุข
จากที่ ซาร์โตรี่ ได้กล่าวไว้ด้านบนไม่กี่บรรทัด ซันเดอร์แลนด์ เดินทางมาถึงจุดสำคัญที่พวกเขาต้องเลือกว่า หลังจากชนะเพลย์ออฟเหนือ โคเวนทรี่ เลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีกขึ้นมาได้ พวกเขาจะทำอย่างไรต่อสำหรับปีหน้า คำถามคือ พวกเขาจะสู้ด้วยขุมกำลังที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา หรือเสริมทัพครั้งใหญ่เพื่อเพิ่มโอกาสอยู่รอด ?
คำตอบคือ คีริล หุ้นใหญ่ทีมแมวดำ ได้พูดคุยกับ เลอ บรีส โดยตรง และต่างฝ่ายต่างมองเห็นว่า แม้การลงทุนเพิ่มเพื่อซื้อนักเตะจำนวนมากเสริมทัพจะเป็นความเสี่ยง และไม่ได้การันตีว่าจะรอดตกชั้น แต่พวกเขามองโลกจากความเป็นจริงเช่นกัน เพราะเมื่อมองไปที่ขุมกำลังจากชุดเลื่อนชั้น ต่อให้ทีม ๆ นี้จะสปิริตดีแค่ไหน แต่คุณภาพเป็นสิ่งที่สำคัญ และการที่ทีมน้องใหม่พรีเมียร์ลีก 3 ทีม ตกชั้นทั้งหมด 2 ปีติดต่อกัน มันทำให้พวกเขาตัดสินใจลงทุนครั้งใหญ่ในซัมเมอร์ 2025 ที่ผ่านมา

"ผมคิดว่าสถิติแสดงให้เราเห็นว่า หากคุณไม่ทำอะไรที่พิเศษ ๆ แตกต่างจากเดิม คุณก็มีแนวโน้มที่จะกลับไปสู่แชมเปี้ยนชิพได้ง่ายขึ้น" คีริล ที่ปัจจุบันอายุ 27 ปีกล่าว
"ดังนั้นเราจะไม่กำหนดงบประมาณ แต่เราจะเลือกซื้อความทะเยอทะยาน และพยายามนำผู้เล่นในแบบที่เราต้องการเอามาให้ได้มากที่สุด ไม่สำคัญว่าเราจะใช้เงินไปเท่าไหร่ แต่สิ่งสำคัญคือเราได้ผู้เล่นตรงตามแบบฉบับที่เราต้องการหรือเปล่าต่างหาก"
หลังจาก คีริล ร่ายนโยบายไม่นานนัก ซันเดอร์แลนด์ ก็ใช้เงินไป 161 ล้านปอนด์กับนักเตะใหม่ 15 คน ซึ่งถือเป็นการใช้จ่ายในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์สำหรับทีมที่เลื่อนชั้นขึ้นมา ซึ่งในตอนแรกเป็นเรื่องทำใจยากมาก แม้กระทั่งแฟนบอลซันเดอร์แลนด์หลายคนก็ยังดูจะงง ๆ กับการเปลี่ยนแปลงภายในเวลาอันสั้น เพราะนักเตะชุดเลื่อนชั้นคือฮีโร่ของพวกเขา และพวกเขาไม่อยากให้สโมสรเดินตามวัฏจักรของโลกทุนนิยม ที่ในทางตรงกันข้าม มันเหมือนกับการ "เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล"
แต่อย่างได้บอกไป บอร์ดบริหารและทีมโค้ช ดีดลูกคิดอ่านทุกสถิติและลงความเห็นอย่างละเอียดแล้วว่า ยังไงก็ต้องซื้อคุณภาพ แม้ไม่ใช่หลักประกัน 100% แต่มันก็ช่วยเพิ่มโอกาสอยู่รอดได้
ส่วนเรื่องที่แฟนบอลกลัวว่าทีมจะเสียคาแร็คเตอร์เดิมไปนั้น เลอ บรีส ช่วยพยายามอธิบายให้ทุกคนเข้าใจว่า ผู้เล่นที่เข้ามาใหม่ จะมาด้วยหัวใจที่ใหญ่เท่ากัน เพราะทีมสรรหาไม่ได้เลือกนักเตะจากแค่ฝีเท้าเท่านั้น แต่จะเลือกคนที่มีคาแร็คเตอร์ของผู้ชนะ และพร้อมจะเสียสละเพื่อทีมด้วย
"การเสริมทัพเป็นไปตามแผนของเราทุกอย่าง ส่วนเรื่องการสร้างเอกลักษณ์ของทีมนั้น เราไม่เคยทิ้งกฎข้อนี้เด็ดขาด" เลอ บรีส กล่าวก่อนซีซั่นเปิด
"เราจะสร้างทีมที่เต็มไปด้วยความสามัคคี และเต็มไปด้วยนักเตะที่พร้อมเสียสละตัวเองสามารถช่วยเล่นเกมรับ-รุก ด้วยกันอย่างแข็งขัน ... เราอาจจะมีปัญหาเรื่องการครองบอล แต่เราจะพยายามเล่นฟุตบอลที่ดี และหลากหลาย นี่คือคาแร็คเตอร์ที่เราพยายามจะสร้างขึ้นตั้งแต่การคัดสรร ไปจนถึงช่วงการรวมทีมในช่วงปรีซีซั่น"
"ขอให้ทุกคนมั่นใจว่า ตอนนี้พวกเราไม่ได้เริ่มต้นใหม่จากศูนย์ เพราะเราได้สร้างอัตลักษณ์ที่ชัดเจนเอาไว้อยู่แล้ว" เลอ บรีส ทิ้งท้าย

และอัตลักษณ์นั้นคือ "ทีมหนุ่มที่กล้าเล่น กล้าสู้" ตลอด 3 ฤดูกาลที่ผ่านมา ซันเดอร์แลนด์เป็นทีมที่มีอายุเฉลี่ย 11 ตัวจริง "น้อยที่สุดในแชมเปี้ยนชิพ" และปีนี้ก็ยังคงอยู่ในอันดับสองรองจากเชลซีเท่านั้น ดาวรุ่งที่โดดเด่นมีทั้ง โนอาห์ ซาดิกี, ฮาบิบ เดียร่า, ไทร ฮูม, เชมสดีน ทัลบี และนายทวารที่ได้คำชมมาก ๆ ในช่วง 11 เกมแรกของซีซั่นนี้อย่าง โรบิน โรฟส์
ขณะเดียวกับที่รักษาอัตลักษณ์ของทีมคนหนุ่ม พวกเขาก็ไม่ลืมที่จะเติมเรื่องประสบการณ์และผู้นำที่แท้จริงในสนาม หนึ่งในดีลที่ทรงคุณค่าคือ การกล้าลงทุนกับนักเตะอายุย่าง 34 ปีอย่าง กรานิต ชาก้า ด้วยราคา 15 ล้านปอนด์ ซึ่งถือเป็นราคาที่สูงมาก แต่เมื่อคุณพิจารณาจากสิ่งที่ ชาก้า ทำให้ทีมเวลานี้ ... ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาก้าวเข้ามารับบทบาทพี่ใหญ่ของกลุ่มนักเตะดาวรุ่งได้อย่างลงล็อก ทำให้ทีมมีศูนย์กลางคนสำคัญ สามารถผ่านสถานการณ์ยาก ๆ ไปได้อย่างยอดเยี่ยม และกลายเป็นส่วนผสมของทีมม้ามืดที่มาแรงที่สุดในช่วงโค้งแรกของพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้
การเริ่มต้นที่ 'เหลือเชื่อ'
ถึงตอนนี้แม้จะผ่านไปแค่ 11 เกมของฤดูกาล 2025-26 แต่เราจะปฏิเสธเรื่อง ซันเดอร์แลนด์ เป็นทีมม้ามืดได้อย่างไร ? ในเมื่อพวกเขาเล่นได้อย่างแข็งแกร่งในสนาม เก็บได้ 19 แต้ม รั้งอันดับ 4 ของตาราง แถมยังน็อกแชมป์สโมสรโลกอย่าง เชลซี ถึง สแตมฟอร์ด บริดจ์ ตามด้วยการไล่ตีเสมอ อาร์เซน่อล 2-2 ทั้ง ๆ ที่ก่อนเกมนี้ ทัพปืนใหญ่ไม่เสียประตูมานานถึง 8 เกมติดต่อกัน ?

นักวิจารณ์หลายคนบอกว่า งานนี้ต้องยอมใจผู้บริหารและโค้ชของทีมที่ตัดสินใจเสริมทัพแบบไม่กลัวเจ๊ง แม้ตอนแรกจะขัดใจแฟนบอล และการเปลี่ยนนักเตะครึ่งค่อนทีมก็มักจะโดนกูรูวิจารณ์ แต่ตอนนี้ถ้าจะบอกว่ากลุ่มนักเตะที่เข้ามาใหม่คือความต่างของ ซันเดอร์แลนด์ ในซีซั่นนี้ ก็คงไม่ใช่คำพูดที่เกินเลยไปนัก
"มันเป็นการเริ่มต้นที่น่าเหลือเชื่อและเป็นการออกสตาร์ซีซั่นที่พวกเขาควรได้คำชม มันไม่ใช่เรื่องฟลุกแน่นอน" ทรอย ดีนี่ย์ ให้สัมภาษณ์กับรายการของ BBC
"ทีมส่วนใหญ่มักจะใช้ผู้เล่นที่ทำให้พวกเขาเลื่อนชั้นขึ้นมา แต่ซันเดอร์แลนด์โหดมาก พวกเขาเปลี่ยนผู้รักษาประตูและผู้เล่นเกือบทุกคนแล้วบอกว่า 'เราจะพยายามและอยู่รอด' พวกเขาไม่เพียงแต่จะมีความเชื่อมั่นว่าพวกเขาสามารถอยู่รอดได้ แต่พวกเขายังจะคิดว่า 'คุณคิดว่าเราจะสามารถขึ้นไปอยู่ใน 10 อันดับแรกได้หรือเปล่า ?"
"มันเป็นการตั้งคำถามที่บ้ามากสำหรับแฟน ๆ ซันเดอร์แลนด์เมื่อ 2-3 เดือนก่อน แต่ตอนนี้เหรอ พวกเขาได้เห็นแล้ว การเปลี่ยนยกทีม ทำให้ทีมของพวกเขาเปลี่ยนโฉมหน้าไปในเชิงบวกจากปีที่แล้วจริง ๆ"
ขณะที่ ไมเคิล คาร์ริค อดีตนักเตะ แมนฯ ยูไนเต็ด และ เฮดโค้ชของ มิดเดิลสโบรช์ ที่เคยดวลกับทีม ซันเดอร์แลนด์ ของ เลอ บรีส มาแล้ว พูดถึงทีมชุดปัจจุบันในแง่มุมที่แตกต่างออกไป เขามองว่าไม่ใช่เรื่องของการเสริมทัพอย่างเดียว แต่มันคือการกำหนดวิธีการเล่นที่เหมาะสม ชัดเจนกับขุมกำลังที่มี ทุกอย่างจึงรันไปได้อย่างรวดเร็ว โดยใช้เวลาปรับให้เข้ากันน้อยมาก ๆ
"สิ่งสำคัญนอกจากความเหลือเชื่อในผลงานของซันเดอร์แลนด์ ก็คือพวกเขามีรากฐานที่ดี และพวกเขาไม่เคยมองข้ามรากฐานนั้น พวกเขาแค่ต่อยอดมันด้วยคุณภาพที่สามารถสร้างความแตกต่างในเกมได้มากขึ้น"
"พวกเขาเป็นทีมที่ใจเย็น ไม่บุ่มบ่าม และเลือกปล่อยให้คู่แข่งเป็นฝ่ายครองบอลให้เต็มที่ แต่ในทางเดียวกัน พวกเขาได้เตรียทางหนีทีไล่ที่สามารถสร้างอันตรายให้ทุกทีมได้เช่นกัน พวกเขาครองบอลเฉลี่ยแค่เกมละ 42% แต่นั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่ พวกเขาเตรียมการมาเพื่อสิ่งนี้"
"มันค่อนข้างชัดว่า เลอ บรีส ได้จัดระเบียบทีมของเขามาอย่างดี และให้ลูกทีมมีจิตที่จดจ้องกับการตัดบอล และเอาชนะในการดวลให้ได้มากกว่าการครองบอลในระยะเวลานาน ๆ" คาร์ริค ไขความสำเร็จของ ซันเดอร์แลนด์ ในตอนนี้

ส่วนทางด้านสถิติก็บอกตรงกับความเห็นของ คาร์ริค เพราะตอนนี้ ซันเดอร์แลนด์ เป็นทีมที่ครองบอลน้อยที่สุดเป็นอันดับ 3 ของลีก (รองจาก เอฟเวอร์ตัน และ เวสต์แฮม) ขณะที่เรื่องการเอาชนะการดวลและกาารเข้าปะทะนั้น มีแค่ แมนฯ ซิตี้ ทีมเดียวที่มีสถิติดีกว่า ... สถิติดังกล่าวบอกเราว่า ซันเดอร์แลนด์ คือทีมที่ซื้อเกมรับ เน้นการเข้าทำเร็ว และใช้ความห้าวของนักเตะหนุ่มในการท้าดวลให้เป็นประโยชน์ ก่อนจะปิดฉากด้วยการสวนกลับ ซึ่งเน้นที่ความเร็ว และแม่นยำ โดยสถิติบอกว่า ซันเดอร์แลนด์ เป็นที่มีค่า xG 12.42 แต่พวกเขายิงไปแล้วทั้งหมด 14 ประตู
ณ ตอนนี้ 19 แต้มจาก 11 เกม คือสถิติที่ดีที่สุดสำหรับทีมน้องใหม่ในรอบ 17 ปีของพรีเมียร์ลีก หลายคนเริ่มจะประเมินพวกเขาสูงขึ้น แต่ เลอ บรีส ก็ได้ออกมายืนยันว่า ณ ตอนนี้เป้าหมายของพวกเขาคือการหนีตกชั้นให้ได้ก่อน ขณะที่เรื่องอื่น เขาจะปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไป และถ้ามันได้มากกว่านี้ก็นับว่าเป็นโบนัสที่ทีมจะสามารถใช้ต่อยอดให้ดีขึ้นในซีซั่นต่อ ๆ ไป
รากฐานที่ดี และการไม่ลืมที่จะต่อยอดให้ทีมแข็งแกร่งขึ้นบนวิธีการของตัวเอง คือสิ่งสำคัญของ ซันเดอร์แลนด์ ชุดนี้ ... พวกเขารู้จักตัวเอง และรู้ว่าควรจะเล่นแบบไหนเพื่อเก็บแต้มให้ได้ในเกมนั้น ๆ นั่นจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมพวกเขาจะมีฟอร์มการเล่นที่ดี และได้ผลการแข่งขันที่เหลือเชื่อหลายครั้งจนถึง ณ ตอนนี้
ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับการรักษาคุณภาพ และพิสูจน์ตัวเองกับบททดสอบที่ยากขึ้นเรื่อยๆ เพราะตอนนี้ไม่มีใครกล้ามองข้ามซันเดอร์แลนด์อีกแล้ว ... จากนี้ของจริงจะเริ่มขึ้น แล้วเรามารอดูกันว่า ทัพแมวดำจะมีทักษะในการเอาตัวรอดอย่างไร ในวันที่ทุกทีมระแวดระวังพวกเขามากขึ้น นี่คือสิ่งที่น่าสนใจจริง ๆ ในฤดูกาลที่ยังอีกยาวไกล
แหล่งอ้างอิง
https://www.bbc.com/sport/football/articles/cx2pxy797ndo
https://www.premierleague.com/en/news/4446905/sunderland-make-best-start-by-a-promoted-club-for-17-years
https://www.thesun.co.uk/sport/37212909/premier-league-youngest-owner-sunderland-kyril-louis-dreyfus/
https://understat.com/league/EPL
https://www.theguardian.com/football/2025/may/24/sunderland-promoted-to-premier-league-championship-playoff-final-sheffield-united
https://www.reuters.com/sports/soccer/premier-league-survival-still-target-says-sunderland-coach-2025-10-25/