ในช่วงปี 1999 เจฟฟ์ จาร์เร็ตต์ นักมวยปล้ำของ WWE เจ้าของแชมป์อินเตอร์คอนติเนนตัล กำลังห้าวถึงขีดสุด และเขาได้ออกมาท้าทายว่าใครก็ตามที่เป็นนักมวยปล้ำของ WWE สามารถขึ้นมาท้าชิงแชมป์ของเขาได้ทั้งหมด ไม่ว่า "ชาย หรือ หญิง"
การเปิดช่องท้าชิงครั้งนี้ ทำให้นักมวยปล้ำหญิงที่ถูกเรียกว่า "ราชินีนักบู๊" อย่าง ไชน่า ขอลองของแชมป์อินเตอร์ฯ ด้วยตัวเองสักครั้ง
และผลการแข่งขั้นก็ทำให้ฝ่ายชายจอมห้าวต้องจดจำไปตลอดอาชีพ เรื่องทั้งหมดเป็นอย่างไร ติดตามกับ Main Stand
ผู้ชายเป็นใหญ่ ผู้หญิงปล้ำไม่เป็น
มีไม่บ่อยครั้งนักที่จะมีนักมวยปล้ำหญิงใน WWE ที่แฟน ๆ ยอมรับว่าปล้ำเก่ง สกิลไมค์ร้ายกาจ และลีลาปล้ำดูสนุกไม่แพ้ผู้ชาย ซึ่งในช่วงปลายยุค 1990s ไชน่า คือนักมวยปล้ำหญิงที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดอย่างแท้จริง
ไชน่า ผู้ได้รับฉายาว่า "หญิงเหล็ก" คือ No.1 ที่ไม่มีนักมวยปล้ำหญิงคนไหนเอาชนะได้ เพราะในช่วงเวลานั้นนักมวยปล้ำหญิงมักจะออกมาในทางขายความเซ็กซี่มากกว่า ทำให้ความเก่งของ ไชน่า เลื่องลือไปไกลและโดดเด่นกว่าผู้หญิงทุกคนในค่าย จนมีความคิดเกิดในกลุ่มแฟนมวยปล้ำว่า "บางทีเธอเอาจะเก่งเท่ากับนักปล้ำชายเลยก็ได้"
นั่นอาจจะเป็นเหตุผลให้ WWE ที่หัวไวเรื่องการตลาดและการขายความบันเทิงในรูปแบบกีฬา พยายามปั้น "หญิง ชิงแชมป์กับ ชาย" ขึ้นมา และคนที่เป็นตัวเปิดก็คือ เจฟฟ์ จาร์เร็ตต์ เจ้าของเข็มขัดแชมป์อินเตอร์คอนทิเนนทัล
เจฟฟ์ จาร์เร็ตต์ เป็นหนึ่งในนักมวยปล้ำที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวคนหนึ่งของยุค 1990s – 2000s แม้เขาจะไม่ใช่ "ซูเปอร์สตาร์แถวหน้า" ในระดับเดียวกับ สโตน โคลด์ สตีฟ ออสติน หรือ เดอะ ร็อค ที่เป็นตัวขายในยุคนั้น แต่ จาร์เร็ตต์ ก็เป็นตัวร้ายระดับคุณภาพ ที่มีบทบาทสำคัญในการปั้นเรื่องราวและสีสันให้กับ WWE อย่างต่อเนื่อง
จังหวะการขายบทบาทของ จาร์เร็ตต์ ถือว่าโดดเด่นในเวลานั้นโดยเฉพาะบทตัวร้าย ที่เขาสามารถพูดจายียวน เล่นกับอารมณ์ของคนดู และมีกิมมิคเฉพาะตัวเป็นจุดขายอย่างการใช้กีตาร์ฟาดใส่คู่ต่อสู้จนเป็นภาพจำ บทบาทเหล่านี้ให้เขาเป็นหนึ่งนักมวยปล้ำที่ แฟน ๆ อยากจะเห็นเขาโดนเอาคืนสักครั้ง และ WWE ก็รู้จุดนี้ … แล้วจะมีอะไรน่าสะใจกว่าตัวร้ายต้องแพ้ให้กับผู้หญิง ? แค่คิดก็สนุกแล้ว
เส้นเรื่องเช่นนี้ถือเป็นจุดขายของ WWE ในยุคที่เรียกว่า "แอตติจูด" (Attitude) มาโดยตลอด ดังนั้นไม่มีเหตุผลอะไรที่พวกเขาจะจับนักมวยปล้ำหญิงที่แฟน ๆ อยากจะเห็นปล้ำชิงแชมป์กับผู้ชาย มาดวลกันเพื่อชิงเข็มขัดแชมป์อินเตอร์ฯ กับเจ้าของแชมป์ที่ยียวนกวนประสาทที่สุดคนหนึ่ง ศึกมวยปล้ำคู่นี้จึงถูกเริ่มขึ้นจากจุดนั้น
เปิดหน้าท้าให้เลย
ย้อนกลับไปก่อนแมตช์ดังกล่าวจะเกิดขึ้น จาร์เร็ตต์ ที่ถือเข็มขัดแชมป์ได้ประกาศท้าทายว่า ทุกคนใน WWE สามารถท้าชิงแชมป์กับเขาได้หมด เขาสามารถจะเจอกับใครก็ได้ ไม่จำกัดเพศ ใครที่คิดว่ากล้าก็ประกาศตัวเข้ามาเลย
นั่นทำให้ ไชน่า ที่เป็นเบอร์ 1 ของฝั่งผู้หญิงเป็นคนตอบรับ ... แต่ถ้าเรื่องมันจบง่าย ๆ แค่นี้ก็คงไม่สนุก บทจึงถูกเขียนมาว่าก่อนจะชิงแชมป์ ต้องมีเกมเรียกน้ำย่อยก่อน พวกเขาจึงจัดให้ ไชน่า เปิดศึกชิงตำแหน่ง "ผู้ท้าชิง" กับนักมวยปล้ำชายอีกคนอย่าง บิลลี่ กันน์ ซึ่งก็ประกาศตัวอยากท้าชิงกับ เจฟฟ์ จาร์เร็ตต์ เช่นกัน
เพื่อความแฟร์และส่งกระแสให้คนอยากจะดูเพิ่มขึ้น ไชน่า และ กันน์ ถูกจับมาเจอกันก่อน และเป็น ไชน่า ที่ยืนยันความแกร่งด้วยการเอาชนะ กันน์ ได้สำเร็จในการหาผู้ท้าชิง ซึ่งในระหว่างที่ 2 ผู้ท้าชิงกำลังจะดวลกันบนเวที ก็เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ จาร์เร็ตต์ จะสุมไฟให้เรื่องนี้น่าดูขึ้นไปอีก
จาร์เร็ตต์ ทำตัวเป็นวายร้ายตัวพ่อตามบทบาท และเริ่มทะเลาะ ปั่นป่วน และทำร้ายนักมวยปล้ำหญิงใน WWE มากขึ้นเรื่อย ๆ เริ่มตั้งแต่ การบอกว่านักมวยปล้ำหญิงไม่ควรมาอยู่บนเวทีนี้ ควรจะอยู่บ้านทำครัวและทำงานบ้านไปตามประสาผู้หญิงจะดีกว่า เรียกได้ว่าเป็นการประกาศศึกกับผู้หญิง WWE เลยก็ว่าได้
จากนั้นคลื่นลูกต่อไปโดย จาร์เร็ตต์ ก็ตามมา เริ่มจากการมีปัญหากับผู้จัดการสาวส่วนตัวของเขาอย่าง "เดบรา" จากนั้นก็เดินหน้าก่อกวนผู้หญิงทุกคนใน WWE และที่สร้างความจดจำมากที่สุด คือการเอากีตาร์ฟาดใส่ตำนานนักมวยปล้ำหญิงอย่าง "เม ยัง" และใช้ท่า Figure Four Leg Lock จนสิ้นท่า สร้างความหมั่นไส้ให้ตัวเอง และเพิ่มเส้นเรื่องการรังแกผู้หญิงให้เข้มข้นขึ้นอีก
ยังมีอีกหลายเคสที่นักมวยปล้ำหญิงโดน จาร์เร็ตต์ ทำร้ายหรือเล่นโกงใส่ เรียกได้ว่า ณ เวลานั้น จาร์เร็ตต์ ขายความถ่อยอย่างต่อเนื่อง จนภาพลักษณ์ความเป็นตัวร้ายของเขาสุกงอมแบบสุด ๆ
เมื่อภาพตัวร้ายชัด ก็ได้เวลาที่นางเอกจะออกโรง ในคืนก่อนศึก Unforgiven จาร์เร็ตต์ พยายามเล่นงานทีมงานผู้หญิงของ WWE อีกครั้ง และหนนี้ ไชน่า ปรากฏตัว เข้ามาช่วยด้วยการใช้กระทะฟาดหัว จาร์เร็ตต์ ก่อนถอดกางเกงในของเขาเอามาใส่ พร้อมเปลี่ยนให้เขาใส่ชุดของผู้หญิง ... นี่เป็นฉากที่ฮือฮา และทำให้ทุกคนรู้ว่าแมตช์ชิงแชมป์อินเตอร์ฯ ระหว่าง ไชน่า และ จาร์เร็ตต์ จะต้องเกิดขึ้นแน่
แล้วการปะทะระหว่าง ไชน่า และ จาร์เร็ตต์ ยกแรกก็เริ่มขึ้นในศึก Unforgiven เมื่อวันที่ 26 กันยายน 1999 ... เพียงแต่ว่าถ้า ไชน่า ชนะตั้งแต่ตรงนี้มันคงจะเป็นเส้นเรื่องที่เดาง่ายเกินไป ดังนั้น WWE จึงทำให้เรื่องทั้งหมดยกระดับความมันและเข้มข้นขึ้นไปอีก ด้วยการให้ ไชน่า เป็นฝ่ายโดนโกงและพลาดแชมป์ในแมตช์นั้น เพื่อให้ศึกต่อไปที่วางให้เป็นเวทีใหญ่เดือดดาลขึ้นอีกเป็นเท่าตัว
ตอนจบเยี่ยงราชินี
สุดท้าย เจฟฟ์ จาร์เร็ตต์ ก็ประกาศว่าจะปล้ำกับ ไชน่า อีกครั้งในศึก No Mercy วันที่ 17 ตุลาคม 1999 ในแมตช์ที่ชื่อว่า Good Housekeeping ซึ่งเป็นแมตช์ที่สามารถใช้อุปกรณ์เครื่องใช้ในบ้านเป็นส่วนหนึ่งในการปล้ำได้ ... หรือพูดง่าย ๆ ก็คือเขาตั้งใจเล่น ไชน่า ให้ร่วงจนเลิกปล้ำ และใช้อุปกรณ์เหล่านี้ในการกลับไปเป็นแม่บ้านหลังแพ้ศึกนี้
ทั้งไม้กวาด, กระทะ, ที่ปัดฝุ่น และแม้แต่เครื่องดูดฝุ่น ก็กลายเป็นอาวุธในค่ำคืนนั้น ทุกอย่างพร้อมแล้ว ที่คือฉากที่ดีที่สุดที่ตัวร้ายอย่าง จาร์เร็ตต์ จะต้องแพ้ด้วย "อาวุธของผู้หญิง" ในแบบที่เขาพยายามจะยัดเยียดตลอดมา
ในขณะเดียวกันก็สะท้อนถึงความปรารถนาของแฟน ๆ ที่อยากเห็นมวยปล้ำแบบฮาร์ดคอร์ และความเอ็นเตอร์เทนเช่นนี้ ... แมตช์นี้ยังคงดำเนินไปตามเนื้อเรื่องและไม่เคยพยายามจะเป็นอะไรที่มันไม่ใช่ ไชน่า ประเคนอุปกรณ์ทุกอย่างที่ทีมงานเตรียมมาใช้ในแมตช์นี้ ตั้งแต่ไม้ถูพื้น ฝาโถส้วม ถังขยะ แม้กระทั่งของกินอย่าง กล้วย วิปครีม และ พาย ใส่ จาร์เร็ตต์ จนน่วม
ไม่ใช่แค่อุปกรณ์เท่านั้น ไชน่า ยังใช้ท่ามวยปล้ำมากมายหลายท่า ตั้งแต่ท่าล็อก ท่าสแลมต่าง ๆ จนได้ใจแฟน ๆ ไปเต็ม ๆ และท้ายที่สุดเธอปิดฉากแมตช์นี้ด้วยการใช้ กีตาร์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของ จาร์เร็ตต์ต์ ฟาดเขาเข้าไปเต็มหัว และกดนับ 3 ได้สำเร็จ
ดูผิวเผินนี่เหมือนจะเป็นแมตช์ที่สร้างให้เกิดความเท่าเทียมระหว่างหญิงกับชายไม่มีอะไรที่น่าตื่นเต้นมากนัก แต่ Bleacher Report ยกให้นี่คือแมตช์สุดคลาสสิกติดอันดับ เพราะนี่คือแมตช์ที่สร้างประวัติศาสตร์ที่ในที่สุดก็ประกาศให้ ไชน่า เป็นผู้หญิงที่ปฏิวัติวงการมากที่สุด
นอกจากนี้ แมตช์ดังกล่าวยังเป็นหนึ่งในแมตช์ลูกเล่นที่น่าจดจำและสนุกสนานที่สุดแห่งยุคสมัย และไม่ว่าจะมีเรื่องแง่ลบถาโถมใส่ ไชน่า มากแค่ไหน แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนต้องยอมรับก็คือ เธอก็เป็นส่วนสำคัญของ WWE ในยุคแอตติจูดที่เป็นตำนานเล่าขานอย่างแท้จริง
ไชน่า สร้างประวัติศาสตร์ จากการทำงานหนักเพื่อพิสูจน์ว่าเธอสามารถแข่งขันกับนักมวยปล้ำผู้ชายได้ และเธอสามารถคว้าทุกสิ่งที่เธอเคยได้รับตลอดช่วงอาชีพ
การเมืองหลังเวทีและความสัมพันธ์ของเธอกับ "ทริปเปิลเอช" มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่ ? นั่นคือข้อสงสัยที่ไม่อาจเลี่ยงได้ แต่ที่แน่ ๆ The Game ไม่ได้อยู่เคียงข้างเธอบนเวที มีแต่เธอเท่านั้นที่แสดงความแข็งแกร่งออกมาได้อย่างน่าดูน่าชม จนเป็นขวัญใจของแฟน ๆ ... เธอมีหน้าที่ต้องทำตามสัญญา และเราสามารถพูดได้เต็มปากว่า "เธอก็ทำสำเร็จอย่างงดงาม"
"เธอคือตัวแทนของยุค Attitude … หน้าตา คาแรกเตอร์ และพลังของเธอทำให้แฟน ๆ เชื่อว่าเธอสามารถยืนอยู่บนเวทีเดียวกับผู้ชายได้อย่างภาคภูมิ" นี่คือคำพูดของ เจฟฟ์ จาร์เร็ตต์ เมื่อเขาถูกถามย้อนไปแมตช์ปะทะกับหญิงจอมพลังคนนี้
แหล่งอ้างอิง
https://bleacherreport.com/articles/2239155-wwe-classic-of-the-week-chyna-vs-jeff-jarrett-from-no-mercy-1999
https://www.thesignaturespot.com/articles/revisited-rivalries-jeff-jarrett-vs-chyna
https://www.cagematch.net/?id=111&nr=204
https://wrestlingrecaps.com/2015/04/30/reliving-a-feud-27-jeff-jarrett-vs-chyna-in-wwf-99/