Feature

ครั้งหนึ่งเคยลาจาก…วันนี้กลับมา เมื่อ "เดอะ สเปเชียล วัน" โชเซ่ มูรินโญ่ กลับ สแตมฟอร์ด บริดจ์ อีกครั้ง | Main Stand

บรรยากาศในห้องแต่งตัวเชลซีเต็มไปด้วยความสะเทือนใจ เมื่อ โชเซ่ มูรินโญ่ เดินเข้าไปกล่าวคำอำลาต่อนักเตะแต่ละคน หลายคนกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ขณะที่บางรายก้มหน้าซ่อนความรู้สึก

 


ซาโลมอน กาลู อดีตศูนย์หน้าของทีม เล่าย้อนความทรงจำที่ยังชัดเจน แม้จะผ่านมาเกือบสองทศวรรษนับจากวันที่ "เดอะ สเปเชียล วัน" แยกทางกับสโมสรครั้งแรกในปี 2007

"มันไม่ใช่เพียงการสูญเสียผู้จัดการทีม" กาลูกล่าว "สำหรับพวกเรา เขาคือที่ปรึกษา เป็นคนที่คอยสนับสนุน และพร้อมจะต่อสู้เคียงข้างนักเตะเสมอ"

กาลูอธิบายว่า เหตุผลที่มูรินโญ่ถูกขนานนามว่า "เดอะ สเปเชียล วัน" ไม่ได้มาจากฝีมือการคุมทีมเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเพราะอิทธิพลและพลังบางอย่างที่เขานำมาสู่สโมสร ซึ่งทำให้ทุกคนรอบตัวรู้สึกถึงความพิเศษนั้นได้อย่างชัดเจน

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีประสบการณ์ที่สวยงามกับกุนซือชาวโปรตุเกส ตั้งแต่การกลับมาคุมเชลซีในรอบสอง ระหว่างปี 2013-2015 ไปจนถึงการผจญภัยกับสโมสรอื่น ๆ ตลอดเส้นทางอาชีพที่ผ่านมา

ตอนนี้ เบนฟิก้า กำลังตั้งความหวังว่า เสน่ห์และบารมีของมูรินโญ่จะกลับมาเปล่งประกายอีกครั้งในเวทีใหญ่อย่างยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก โดยเฉพาะแมตช์คืนสู่ถิ่นเก่า สแตมฟอร์ด บริดจ์ ในวันอังคารที่ 30 กันยายน ที่จะถึงนี้

โฆเซ่ เปเซโร เพื่อนสนิทของกุนซือวัย 62 ปี เปิดเผยว่า ความตั้งใจของมูรินโญ่นั้นชัดเจนยิ่งกว่าแค่การได้กลับมาคุมทีมในเวทีใหญ่ของยุโรป "เขาอยากเอาชนะเชลซี เพื่อบอกกับทุกคนว่า 'ฉันยังอยู่ที่นี่'" เปเซโรกำชับ

หลังถูก เฟเนร์บาห์เช่ ปลดเมื่อเดือนสิงหาคม 2025 โอกาสคืนเวทียุโรปของ โชเซ่ มูรินโญ่ ดูเลือนราง แต่สถานการณ์กลับพลิก เมื่อ รุย คอสต้า ประธานเบนฟิก้าโทรหาขณะเขาพักผ่อนที่บาร์เซโลน่ากับภรรยา หลังเพิ่งปลด บรูโน่ ลาจ จากความพ่ายแพ้ต่อ คาราบัค ก่อนการเลือกตั้งสโมสรเดือนหน้า

คอสต้ายืนยันภายหลังว่าทั้งสองตกลงสัญญา 2 ปี มูลค่าเริ่มต้นราว 3 ล้านยูโรต่อปี และเพิ่มเป็น 4 ล้านยูโรในซีซันถัดไป พร้อมเงื่อนไขยกเลิกได้ภายใน 10 วันหลังจบฤดูกาล ตัวเลขนี้แม้ห่างไกลจากค่าจ้างยุครุ่งเรือง แต่สะท้อนความยืดหยุ่นของทั้งคู่

นี่คือการหวนคืนเบนฟิก้าในรอบ 25 ปี นับจากประสบการณ์สั้น ๆ เมื่อปี 2000 แต่ครั้งนี้มูรินโญ่กลับมาในฐานะกุนซือผู้มากประสบการณ์ และ โฮเซ่ โมไรส์ อดีตผู้ช่วยใกล้ชิดยืนยันว่า เขาไม่ใช่มือใหม่ไร้ชื่อเสียงเหมือนในวันนั้นอีกแล้ว

"โชเซ่ไม่ได้มีแค่ประสบการณ์ ความทะเยอทะยาน และทัศนคติของผู้ชนะ" อดีตผู้ช่วยใกล้ชิดกล่าว "แต่เขายังมีพรสวรรค์ในการสร้างทีมให้แข็งแกร่งกว่าผลรวมของนักเตะทุกคน"

ย้อนกลับไปเมื่อครั้งแรกที่ก้าวสู่เบนฟิก้า ยังไม่มีใครรู้ว่าเขาจะไปได้ไกลแค่ไหน ทว่ามูรินโญ่ก็สามารถจุดประกายขึ้นมาได้ และจากนั้นเขาก็สะสมความสำเร็จจนคว้าแชมป์ใหญ่ 26 รายการกับสโมสรยักษ์ใหญ่อย่าง ปอร์โต้, เชลซี, เรอัล มาดริด, อินเตอร์ มิลาน, แมนฯ ยูไนเต็ด และ โรม่า

อย่างไรก็ตาม เวลาล่วงเลยกว่าทศวรรษนับตั้งแต่เขาคว้าแชมป์ลีกครั้งล่าสุด และมากกว่าห้าปีแล้วที่เขาไม่ได้สัมผัสเวทีแชมเปี้ยนส์ลีก ล่าสุดยังเพิ่งผ่านช่วงยากลำบากกับเฟเนร์บาห์เช่

คำถามคือ ชายผู้เคยถูกขนานนามว่า "เดอะ สเปเชียล วัน" จะสามารถพาตัวเองย้อนกลับไปสู่จุดสูงสุดได้อีกครั้งหรือไม่?

โชเซ่ มูรินโญ่ยอมรับว่า วันนี้เขามี "ความเสียสละมากขึ้น" และ "เห็นแก่ตัวน้อยลง" แต่ความดุดันก็ยังไม่หายไปไหน ผู้จัดการทีมเบนฟิก้ายืนยันว่าเขาไม่ได้กลับบ้านเกิดเพื่อ "ก่อสงคราม" โดยเจ้าตัวได้โทรศัพท์ไปพูดคุยกับ อังเดร วิลลาส-โบอาส ประธานปอร์โต้ และ เฟรเดริโก วารานดาส หัวเรือใหญ่สปอร์ติ้ง เพื่อย้ำว่าตนมุ่งมั่นกับฟุตบอลเท่านั้น

โฆเซ่ เปเซโร เพื่อนสนิท บอกว่า "คนอื่นอาจยอมแพ้ แต่เขาไม่เคย เขามีชีวิตอยู่เพื่อฟุตบอล และไม่ชอบคำว่าแพ้" คำพูดนี้สะท้อนบุคลิกที่ยังคงชัดเจน ตั้งแต่สัปดาห์แรกกับเบนฟิก้า เขาก็แสดงออกทันที ไม่ว่าจะเล็งเป้าไปที่ VAR ต่อว่าผู้ตัดสินในช่วงพักครึ่ง หรือแม้แต่ตำหนิลูกทีมต่อสาธารณะว่า "ไร้เดียงสา" หลังเสียประตูช่วงท้ายเกม

ซาโลมอน กาลู อดีตศิษย์เก่าเชลซีรู้จักนิสัยตรงไปตรงมานี้ดี "สิ่งที่ผมเคารพที่สุดคือความซื่อสัตย์ เขาไม่เคยประจบสอพลอใคร" กาลูกล่าว พร้อมเล่าถึงเหตุการณ์ที่ถูกอดีตกุนซือแซวหลังยิงใส่อินเตอร์ในปี 2010 "ตอนอยู่กับฉัน แกยังยิงไม่ได้ขนาดนี้เลยนะ ระวังตัวหน่อย !"

กาลูเชื่อว่าแม้กาลเวลาจะเปลี่ยนไป แต่มูรินโญ่ก็ยังคงเป็นคนเดิม ตรงไปตรงมาและไม่กลัวที่จะพูดทุกอย่างทั้งแง่บวกและแง่ลบกับลูกทีม ซึ่งเป็นทั้งเสน่ห์และเอกลักษณ์ที่ติดตัวเขามาตลอดเส้นทางอาชีพ

ความบังเอิญของตารางแข่งขันทำให้ โชเซ่ มูรินโญ่ เตรียมพาทีมเบนฟิก้าเยือน สแตมฟอร์ด บริดจ์ อีกครั้ง และประวัติศาสตร์บอกชัดเจนว่าไม่เคยมีอะไรน่าเบื่อเมื่อเขาอยู่บนม้านั่งของทีมคู่แข่ง

ในอดีต เขาเคยประกาศว่า "จูดาสคือที่หนึ่ง" หลังจากแฟนเชลซีหันหลังให้เขาช่วงคุมทีม แมนฯ ยูไนเต็ด และยกนิ้วสามนิ้วเพื่อบอกจำนวนแชมป์ลีกที่เคยคว้ากับสโมสร แถมยังเคยรับงานคุมสเปอร์สในปี 2019 ทั้งที่เคยพูดว่าจะไม่ทำเช่นนั้นเพราะ "รักแฟน ๆ เชลซีมาก" ก็ตาม

ถึงแม้ภาพของเขาจะไม่ได้อยู่บนกำแพงแห่งตำนานหรือเสื้อโค้ตอาร์มานี่ที่เคยใส่จะไม่โดดเด่นในพิพิธภัณฑ์เชลซีอีกต่อไป แต่แฟนบอลและผู้ที่เคยร่วมงานกับเขาไม่ได้ลืมสิ่งที่เขาทำให้สโมสร

ทิม โรลส์ แฟนบอลเชลซีผู้ถือตั๋วปีของสโมสรคาดว่า มูรินโญ่จะได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น "เขาทำเพื่อสโมสรมากมาย คว้าแชมป์ลีกสามสมัย และพลิกสถานการณ์ของสโมสรให้กลับมาได้อีกหลายครั้ง ผมไม่คิดว่าจะมีเรื่องบาดหมางเกิดขึ้น"

เกมนี้อาจให้ความรู้สึกต่างออกไป เพราะเขาไม่ได้คุมทีมคู่แข่งในประเทศ แต่สำหรับผู้ที่รู้จักเขาดีอย่างโมไรส์ ยืนยันว่า "เราทุกคนต่างพัฒนา แต่ความมุ่งมั่นและไฟของโชเซ่ยังคงไม่เคยดับ"

 

เรื่องโดย ชินภัทร มุทะสัง นักศึกษาฝึกงาน

 

ที่มา :

https://www.bbc.com/sport/football/articles/cyv65jdvq08o

 

Author

Main Stand

Stand ForAll สื่อกีฬาที่เข้าถึงทุกคน

Graphic

ปฐวี ยอดเนียม

Man u is No.2 But YOU is No.1