Feature

Sincaraz : คู่ปรับยุคใหม่ในโลกเทนนิส ผู้รับไม้ต่อจาก เฟเดอเรอร์, นาดาล, โยโควิช | Main Stand

ขึ้นชื่อว่ากีฬาคือการแข่งขัน ทุกกีฬาจึงมีนักกีฬาระดับ "คู่ปรับ" เกิดขึ้นอยู่เสมอ โดยเฉพาะกีฬาเทนนิส ที่มีคู่ปรับดวลแร็กเก็ตแย่งแชมป์กันมาหลายยุคหลายสมัย อาทิ จิมมี่ คอนเนอร์ส กับ อิวาน เลนเดิล, อังเดร อากัสซี่ กับ พีท แซมพราส หรือยุคโอเพ่นสุดคลาสสิคที่มี โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ กับ ราฟาเอล นาดาล กับ โนวัค โยโควิช แย่งชิงความเป็นหนึ่งกันมายาวนาน

 


เมื่อโลกเดินทางมาถึงวันที่สามนักเทนนิสผู้ยิ่งใหญ่อย่าง เฟเดอเรอร์ กับ นาดาล แขวนแร็กเก็ต ขณะที่ โยโควิช ก็โรยรา แฟนเทนนิสต่างมองหาผู้เล่นคู่ปรับหน้าใหม่แห่งยุคที่จะก้าวขึ้นมาทำให้การแข่งขันเทนนิสยังคงเข้มข้นน่าติดตามเหมือนเดิม กระทั่งการมาของ ยานนิค ซินเนอร์ และ คาร์ลอส อัลการาซ สองนักเทนนิสรุ่นใหม่ ที่ใช้ฝีไม้ลายมือห้ำหั่นกันอย่างไม่มีใครยอมใคร แต่ก็ให้เกียรติซึ่งกันและกัน จนถูกยกย่องให้เป็นคู่ปรับระดับคุณภาพของวงการเทนนิสยุคนี้

อัลการาซ กับ ซินเนอร์ กลายมาเป็นคู่ปรับบนสังเวียนเทนนิสได้อย่างไร ติดตามได้ผ่านบทความของ MainStand

 

จุดเริ่มต้นที่แตกต่าง

คาร์ลอส อัลการาซ เริ่มเล่นเทนนิสตั้งแต่อายุ 4 ขวบ ภายใต้การสนับสนุนของคุณพ่อที่เป็นโค้ชเทนนิสประจำเมือง และคุณแม่ที่เป็นพนักงานร้านขายเฟอร์นิเจอร์ เมื่อเห็นว่าลูกตัวเองมีแนวโน้มที่จะไปได้ไกล อัลการาซ จึงได้โอกาสยกระดับฝีมือ ผ่านการติวเข้มของ ฆวน คาร์ลอส เฟร์เรโร่ อดีตนักเทนนิสมือ 1 โลกจากสเปน ดีกรีแชมป์ แกรนด์ สแลม เฟรนช์ โอเพ่น ปี 2003 และแชมป์โลกประเภททีมชาย เดวิส คัพ 3 สมัย กับทีมชาติสเปน ที่มาสอนวิชาลูกสักหลาดระดับอาชีพให้

อัลการาซ พัฒนาตัวเองอย่างรวดเร็ว โดยปี 2020 ประเดิมเข้าสู่สังเวียนอาชีพของ เอทีพี ทัวร์ ในวัย 16 ปี และปลดล็อกแชมป์อาชีพใบแรกได้ในปีถัดมา จากนั้นทุกอย่างก็ไหลไปในอย่างที่ควรจะเป็น อัลการาซ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ สู้กับนักเทนนิสมือดีมากหน้าหลายตา พร้อมไล่เก็บแชมป์ต่อเนื่องตั้งแต่ระดับ 250, 500, 1000 และใช้เวลาเพียง 2 ปี ก็ได้ แกรนด์ สแลม ใบแรกในชีวิตที่ ยูเอส โอเพ่น ปี 2022 อันเป็นจุดเริ่มต้นแห่งช่วงเวลาอันรุ่งเรืองของเขา

ตัดภาพไปที่ฝั่งของ ยานนิค ซินเนอร์ ไม่ได้เริ่มเล่นเทนนิสตั้งแต่แรก ด้วยความที่คุณแม่ของเขาทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟอาหารที่ลานสกีแห่งหนึ่งของอิตาลี ได้สัมผัสกับธรรมชาติและนักท่องเที่ยวที่แวะมาเล่นสกีบ่อย ๆ ทำให้ ซินเนอร์ หัดเล่นสกีตั้งแต่ 3 ขวบ แล้วหัดเล่นอย่างจริงจังจนสามารถลงแข่งขันได้ตอนอายุ 8 ขวบ ได้แชมป์เยาวชนแห่งชาติประเภทสลาลม ทว่าช่วงระหว่างนั้นเขาก็มีโอกาสลองเล่นฟุตบอล และเล่นเทนนิสบ้าง

ซินเนอร์ ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเล่นเทนนิสเป็นกีฬาหลักเลย เขาชอบเล่นสกีกับเตะฟุตบอลมากกว่า แต่เมื่อเข้าสู่ชีวิตวัยรุ่น ด้วยสรีระที่เปลี่ยนไป ตัวสูง ผอม บวกกับพบว่าตัวเองชอบเล่นกีฬาประเภทที่ได้ดวลกับคู่ต่อสู้แบบตัวต่อตัว ตรงหน้ามากกว่า ทำให้ ซินเนอร์ เปลี่ยนมาเล่นเทนนิส ซึ่งเขาก็ทำได้ดี ได้รับการสนับสนุนจากคุณพ่อที่เป็นแฟนเทนนิส และได้เรียนกับ ริคคาร์โด้ ปิอัตติ โค้ชชาวอิตาลี ที่มีประสบการณ์ติวเตอร์นักเทนนิสชั้นแนวหน้าอย่าง โนวัค โยโควิช, อิวาน ลูบิซิช, มิลอส ราโอนิค มาแล้ว

ถึงจะไม่ได้เริ่มเล่นเทนนิสตั้งแต่แรก ทว่าหนุ่มน้อยจาก เซาธ์ ติโรล ก็มีพัฒนาการที่พุ่งแรงเกินกว่าเด็กทั่วไป เข้าสู่ เอทีพี ทัวร์ ในฐานะดาวรุ่งน่าจับตา และแจ้งเกิดด้วยการคว้าแชมป์เทนนิสดาวรุ่งรายการใหญ่ เอทีพี เน็กซ์ เจน ปี 2019 ก่อนต่อยอดไปสู่การซิวแชมป์ เอทีพี ทัวร์ ใบแรกในชีวิตที่ โซเฟีย บัลแกเรีย ปีต่อมา ได้แชมป์ก่อนหน้า อัลการาซ ว่าที่คู่แข่งในอนาคตของเขาเพียง 1 ปี

แม้เส้นทางเริ่มต้นจะต่างกัน กระนั้นทั้ง อัลการาซ และ ซินเนอร์ ต่างก็เติบโตขึ้นมาเป็นนักเทนนิสหนุ่มที่น่าจับตามองใน เอทีพี ทัวร์ แล้วก็เป็นเรื่องธรรมดาที่สองนักเทนนิสฝีมือดีรุ่นใหม่ จะถูกลิขิตให้มาดวลกันบนสังเวียนอาชีพในอีกไม่นาน

 

ถึงเวลาเผชิญหน้า

หลังจากเคยเห็นหน้าค่าตากันในระดับแชลเลนเจอร์มาแล้ว ปี 2021 ที่การระบาดของโควิด-19 เริ่มทุเลาลง ยานนิค ซินเนอร์ กับ คาร์ลอส อัลการาซ ที่กลายเป็นนักหวดรุ่นใหม่น่าจับตาทั้งคู่ ก็ได้ฤกษ์โคจรมาเจอกันเสียที พวกเขาดวลกันครั้งแรกในศึก ปารีส มาสเตอร์ ที่ฝรั่งเศส ช่วงปลายปี ปรากฏว่าแมตช์แรกที่เจอกันเป็น อัลการาซ ที่ตอนนั้นคือมือ 35 ของโลก เอาชนะ ซินเนอร์ ไปได้ 2 เซตรวด

ที่แสบกว่าคือ ชัยชนะของ อัลการาซ วันนั้น ฉุดรั้งให้ ซินเนอร์ ซึ่งกำลังลุ้นโควต้าท็อป 8 ไปเล่นศึกใหญ่ส่งท้ายปี เอทีพี ไฟนอลส์ 2021 ต้องหล่นไปอยู่อันดับ 9 จนในที่สุดเขาก็ชวดตั๋วเป็น 1 ใน 8 นักเทนนิสของโลก เข้าไปแข่งศึกใหญ่ในบ้านเกิดตัวเองเสียได้ เล่นเอาเจ้าตัวถึงกับบ่นเสียดาย กระนั้นเอง ชัยชนะของนักหวดชาวสเปนวันนั้น ได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นคู่ปรับของสองนักหวดที่อายุห่างกัน 2 ปี (ซินเนอร์ อายุมากกว่า อัลการาซ)

"ผมคิดว่า ยานนิค กับตัวผมเอง น่าจะเป็นคู่แข่งที่ยอดเยี่ยมกันในอนาคต" อัลการาซ กล่าว ส่วน ซินเนอร์ พูดกลับไปว่า "ผมหวังว่าเราจะได้เล่นกันมากกว่านี้อีก"

นับตั้งแต่นั้นมา อัลการาซ และ ซินเนอร์ ก็โคจรมาดวลกันอีกในหลายทัวร์นาเมนต์ โดยส่วนใหญ่จะได้สู้กันในรายการระดับ เอทีพี ทัวร์ 1,000 แต้ม และ แกรนด์ สแลม ในรอบลึกๆ เนื่องจากทั้งสองมีแรงกิ้งติดท็อป 10 อย่างสม่ำเสมอ ทำให้หลายแมตช์ที่เจอกันของทั้งคู่ มักเกิดขึ้นในรอบรองชนะเลิศ หรือรอบชิงเสียส่วนใหญ่ และด้วยความที่ทั้งสองต่างมีฝีมือการหวดที่ยอดเยี่ยม ดังนั้นเจอกันทีไรก็มีผู้ชมจำนวนมากคอยติดตามแบบไม่กระพริบตา

ในรอบชิงชนะเลิศ แกรนด์ สแลม เฟรนช์ โอเพ่น ปี 2024 ที่ฝรั่งเศส ถือเป็นอีกหนึ่งแมตช์ที่ อัลการาซ กับ ซินเนอร์ สู้กันได้สนุกเร้าใจ ดวลกันถึง 5 เซต ซึ่งสุดท้ายก็เป็น อัลการาซ เอาชนะ ซินเนอร์ 3-2 เซต คว้าแชมป์ เฟรนช์ โอเพ่น แถมยังเป็นที่จดจำด้วยว่าสู้กันลากยาวถึง 4 ชั่วโมง 9 นาที ไปเลย

ก่อนที่แฟนเทนนิสบนโลกออนไลน์ จะเรียกการเจอกันของพวกเขาทั้งสองอย่างน่ารักว่า "ซินการาซ" (Sincaraz) ซึ่งเป็นการเอาชื่อของทั้งสองคนมารวมกัน และเรียกแบบนี้ทุกครั้งที่เมื่อไหร่ก็ตามทั้งสองมาดวลกันอีก

 

ปีทองของ "ซินการาซ"

ปี 2025 เรียกว่าเป็นปีที่ความเป็นคู่ปรับของ ยานนิค ซินเนอร์ กับ คาร์ลอส อัลการาซ เปล่งประกายที่สุดก็ว่าได้ เมื่อพวกเขาเผชิญหน้ากันบนคอร์ตเทนนิสถึง 5 ครั้ง และทั้งหมดก็เป็นรอบชิงชนะเลิศของรายการใหญ่ทั้งสิ้น ไล่ตั้ง อิตาเลียน โอเพ่น (อิตาลี), แกรนด์ สแลม เฟรนช์ โอเพ่น (ฝรั่งเศส), แกรนด์ สแลม วิมเบิลดัน (อังกฤษ), ซินซินเนติ โอเพ่น (สหรัฐอเมริกา) และ แกรนด์ สแลม ยูเอส โอเพ่น (สหรัฐอเมริกา) ทุกแมตช์ที่เจอกันล้วนสู้กันดุเดือด ชนิดว่าไม่มีแมตช์ไหนที่จบแบบ 2-0 เซต หรือ 3-0 เซตเลย ยืดเยื้อไม่ยอมกันจนมืดค่ำเสมอ

แมตช์ดาวเด่นของทั้งคู่ในปี 2025 คือรอบชิง เฟรนช์ โอเพ่น ที่โรลังด์ การ์รอส ซึ่งก็เป็นอีกครั้งที่ ซินเนอร์ และ อัลการาซ เค้นพลังสู้กันถึง 5 เซต แล้วก็เป็น อัลการาซ ที่ย้ำแค้นเอาชนะไปได้อีก 3-2 เซต คว้าแชมป์ที่ โรลังด์ การ์รอส เป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน พร้อมสถิติเป็นแมตช์ที่ทั้งคู่สู้กันนานที่สุด 5 ชั่วโมง 29 นาที

นอกเหนือจากการเจอกันเองตามแมตช์ต่าง ๆ ปีนี้ ซินเนอร์ กับ อัลการาซ ต่างก็ประสบความสำเร็จในการลงเล่นอาชีพในระดับพอกัน ทั้งคู่ได้ แกรนด์ สแลม คนละ 2 รายการ รักษาตำแหน่งมือท็อปของโลกไว้ได้เหนียวแน่นไม่มีตกหล่น

แน่นอนว่าสิ่งที่ทำให้ ซินเนอร์ กับ อัลการาซ โดดเด่นจนกลายเป็นคู่ปรับบนสังเวียนได้ คือฟอร์มการเล่นที่คงเส้นคงวากว่าผู้เล่นคนอื่น จริงอยู่ว่าที่ผ่านมา วงการเทนนิสในยุคหลังที่ไม่มีดาวค้างฟ้าอย่าง โรเจอร์ เฟเดอเรอร์, ราฟาเอล นาดาล ซึ่งเลิกเล่นไปแล้ว หรือแม้แต่ โนวัค โยโควิช ที่กำลังนับถอยหลังสู่การรีไทร์ จะมีนักเทนนิสรุ่นใหม่พุ่งตัวขึ้นมาเป็นดาวเด่นมากหน้าหลายตา

แต่สิ่งที่พวกเขาไม่มีเหมือนกับ ซินเนอร์ และ อัลการาซ คือความสม่ำเสมอ มีหลายคนคว้าแชมป์รายการต่างๆ ของ เอทีพี ทัวร์ ได้ สร้างชื่อฮือฮา แต่พอรายการต่อมาก็ฟอร์มตกลงไป เล่นได้ไม่ดีเท่าเดิม ผิดกับฝั่ง ซินเนอร์ และ อัลการาซ มีมาตรฐานของตัวเองที่สูง อย่างน้อยถึงไม่ได้เป็นแชมป์ แต่ก็ยังผ่านเข้ารอบลึก ๆ ทำคะแนนสะสมเข้าแรงกิ้งจนอยู่ในระดับท็อปตลอด นั่นคือสิ่งที่ทำให้ "ซินการาซ" แตกต่างจากคนอื่น

 

อิทธิพลจาก 3 นักหวดผู้ยิ่งใหญ่

นอกจากกำลังแข่งกันเก็บเกี่ยวความสำเร็จในเส้นทางเทนนิสอาชีพ หากติดตามดูการเล่นของคู่นี้มาอย่างจริงจังจะพบว่า ทั้ง คาร์ลอส อัลการาซ และ ยานนิค ซินเนอร์ ต่างก็ได้รับอิทธิพลจากรุ่นพี่ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามในยุคก่อนหน้าอย่าง โรเจอร์ เฟเดอเรอร์, ราฟาเอล นาดาล และ โนวัค โยโควิช มาแบบเต็มระบบเลยทีเดียว โดยเฉพาะสไตล์กับวิธีการเล่นของทั้งคู่

อัลการาซ ถูกยกย่องว่าเป็นผู้เล่นที่หยิบเอาจุดเด่นของรุ่นพี่ทั้งสาม มาประยุกต์ใช้กับตัวเอง ทั้งร่างกายที่แข็งแกร่ง เคลื่อนที่เร็วคล้ายกับ ราฟา นาดาล ขณะเดียวกันก็มีลูกแบ็กแฮนด์สองมือที่ทรงประสิทธิภาพ และเคลื่อนที่ออกด้านซ้าย-ขวาของคอร์ตได้ไวเหมือนกับ โนวัค โยโควิช ส่วนลูกโฟร์แฮนด์ของ อัลการาซ ที่แข็งแกร่งและสวยงามในเวลาเดียวกัน ก็ได้รับอิทธิพลมาจาก โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ ชายที่เขาติดตามชมผลงานมาตั้งแต่เด็ก

เรื่องนี้แม้แต่ โนวัค โยโควิช ซึ่งเคยดวลกับ คาร์ลอส อัลการาซ และพ่ายแพ้มาแล้ว ยังเอ่ยปากยืนยันว่า อัลการาซ มีส่วนผสมของ นาดาล, เฟเดอเรอร์ และตัวเขา อยู่ในคนเดียว "ผู้คนต่างพูดถึงเกมของ คาร์ลอส ซึ่งมีองค์ประกอบบางอย่างมาจาก โรเจอร์, ราฟา และตัวผม ผมเห็นด้วยกับเรื่องนั้น ผมคิดว่าเขาเก่งกาจทั้งสามแบบเลย"

ส่วนฟากของ ซินเนอร์ ผู้เงียบขรึม ถึงจะมีจุดเด่นที่การหวดลูกบริเวณเบสไลน์ด้วยโฟร์แฮนด์กับแบ็กแฮนด์ที่ดุดันหนักหน่วง ขณะเดียวกันก็สามารถควบคุมอารมณ์ให้เยือกเย็นได้ในทุกสถานการณ์ รักษาสมดุลการเล่นขณะแข่งขันได้ดี ซึ่งก็เป็นอิทธิพลที่ได้รับมาจาก "เฟดเอ็กซ์" จนมีท่วงท่าเล่นที่สง่างาม ชนิดที่ตำนานผู้ยิ่งใหญ่จากสวิตเซอร์แลนด์ ก็ยังเอ่ยปากชม "สิ่งที่ผมชอบเกี่ยวกับตัวเขาก็คือการตีลูกโฟร์แฮนด์ และแบ็คแฮนด์ ด้วยความเร็วที่เกือบจะเท่ากันเลย"

 

ความเคารพนับถือต่อกัน

อีกเรื่องที่ทำให้ความเป็นคู่ปรับของ "ซินการาซ" ดูสง่างาม และได้รับคำชมอย่างมาก คือการเป็นนักเทนนิสที่สู้กันอย่างเต็มที่ในสนาม พร้อมกับการให้ความเคารพ ให้เกียรติซึ่งกันและกัน

หลังจากดวลกันมาหลายต่อหลายครั้งในสนาม อัลการาซ พูดถึง ซินเนอร์ คนที่เขาเจอหน้าบ่อยกว่าครอบครัวตัวเอง ด้วยความชื่นชมว่า "ผมคิดว่าการเป็นคู่แข่งของเรานั้น เป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมสำหรับพวกเราและสำหรับวงการเทนนิส ทุกครั้งที่เราแข่งกัน ผมคิดว่าวิธีการเล่นของเราอยู่ในระดับสูงมาก ผมไม่เห็นผู้เล่นคนไหนที่สามารถแข่งขันในระดับเดียวกับพวกเราได้เลยเมื่อต้องเผชิญหน้ากัน"

ส่วนฝั่งของ ซินเนอร์ ตอบกลับถึงเพื่อนและคู่แข่งในสนามของตัวเอง ที่มีส่วนช่วยในการผลักดันให้เขาอยากพัฒนาฝีมือให้เก่งขึ้นกว่าเดิม "ผมอยากขอบคุณ คาร์ลอส สำหรับการเป็นผู้เล่นในแบบที่เขาเป็น มันเป็นเรื่องยากที่จะได้เล่นกับนาย แต่เราต่างก็มีความสัมพันธ์ที่ยอดเยี่ยมกันที่นอกสนามด้วย"

ส่วน ร็อด เลเวอร์ ตำนานนักเทนนิสแห่งยุค 1960 จากออสเตรเลีย ยกย่อง ซินเนอร์ กับ อัลการาซ ว่าเป็นของขวัญของวงการเทนนิสแห่งยุคสมัยใหม่ "ความเป็นคู่แข่งที่เพิ่มมากขึ้นของพวกเขา คือของขวัญแห่งวงการเทนนิส ความเคารพอย่างแท้จริงที่พวกเขามีต่อกันนั้นคือสิ่งที่สอดคล้องกัน และไม่ว่าแพ้หรือชนะ พวกเขาแข่งขันกันด้วยความสนุกสนาน มีคลาส และมีความเป็นน้ำใจนักกีฬา นั่นคือสิ่งที่หล่อหลอมให้พวกเขาเป็นผู้เล่นระดับแชมป์"

ที่ผ่านมา แฟนเทนนิสหลายคนพากันคอมเมนต์บนโลกอินเตอร์เน็ตว่า วงการเทนนิสยุค 2020 คงถึงคราวน่าเบื่อไร้แรงจูงใจที่จะติดตามชม หลังหมดยุคของการต่อสู้กันของ "บิ๊กทรี" อย่าง โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ กับ ราฟาเอล นาดาล ซึ่งเลิกเล่นไปแล้วทั้งคู่ หรือ โนวัค โยโควิช ที่สอดแทรกขึ้นมาแย่งแชมป์กับทั้งสองคนอย่างสนุก ก็กำลังโรยรา ใกล้จะรีไทร์ตามกันไป

กระนั้นก็พิสูจน์แล้วว่าไม่จริง เพราะในที่สุดก็มี อัลการาซ กับ ซินเนอร์ ขึ้นมาโชว์ฟอร์มเก่งอย่างสม่ำเสมอ และรับช่วงต่อจากพวกเขาได้ จนทำให้วงการเทนนิสอาชีพชาย ยังคงได้รับความสนใจจากผู้ชมเช่นเดิม ด้วยฝีมือและการห้ำหั่นกันของผู้เล่นที่เหล่าคอมเมนเตเตอร์เรียกกันว่าเป็น "บิ๊กทู" ของโลกเทนนิสยุคใหม่

นับจนจบศึก แกรนด์ สแลม ยูเอส โอเพ่น ปี 2025 อัลการาซ กับ ซินเนอร์ สู้กันมาแล้ว 15 ครั้ง อัลการาซ มีสถิติที่ดีกว่า ชนะมา 10 ครั้ง ส่วน ซินเนอร์ ชนะ 5 ครั้ง แต่ก็ใช่ว่าการแข่งขันของทั้งคู่จะหมดลงเพียงเท่านี้ เพราะด้วยฝีมือที่ยังอยู่ในระดับท็อป อายุยังน้อยกันทั้งคู่ แฟนเทนนิสก็เชื่อมั่นว่าจะได้ดูการต่อสู้กันของ "ซินการาซ" ไปอีกนานหลายปี

 

แหล่งอ้างอิง

https://www.bbc.com/sport/tennis/articles/clyl0j40yr2o
https://www.townandcountrymag.com/leisure/sporting/a65995524/jannik-sinner-carlos-alcaraz-rivalry-timeline/
https://www.independent.co.uk/sport/tennis/carlos-alcaraz-jannik-sinner-head-to-head-record-b2821854.html
https://en.wikipedia.org/wiki/Alcaraz%E2%80%93Sinner_rivalry

Author

วัลลภ สวัสดี

ฟังไปเรื่อย ดูไปเรื่อย เขียนไปเรื่อย

Graphic

อภิสิทธิ์ โชติพิบูลย์ทรัพย์

Art Director ผู้รับเหมางานภาพกราฟิกหน้าปกบทความทุกชิ้น