อีกเพียงไม่ถึง 1 ปีเท่านั้น มหกรรมฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่าง ฟุตบอลโลก 2026 จะถูกจัดขึ้นที่ประเทศสหรัฐอเมริกา แคนาดา และเม็กซิโก ในช่วงวันที่ 11 มิถุนายน ถึง 19 กรกฎาคม
ความพิเศษในฟุตบอลโลกครั้งนี้ คือ การเวียนมาเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกของเม็กซิโกอีกครั้งในรอบ 40 ปี หลังจากฟุตบอลโลก ปี 1986 ซึ่งเป็นฟุตบอลโลกครั้งประวัติศาสตร์ที่มีเรื่องน่าจดจำมากมาย หนึ่งในเรื่องถูกพูดถึงมากที่สุด คือ การทำประตูโดยแฮนด์บอล (Hand of God) ของ ดิเอโก้ มาราโดน่า ในเกมรอบ 8 ทีมสุดท้าย ระหว่างทีมชาติอาร์เจนตินาปะทะทีมชาติอังกฤษ
ในวาระครบรอบ 40 ปี "หัตถ์พระเจ้า" Main Stand พามาย้อนดูเรื่องราวความขัดแย้งของ 2 ยักษ์ใหญ่แห่งวงการลูกหนัง ระหว่างอาร์เจนตินากับอังกฤษ ที่ประเด็นความบาดหมางของทั้งคู่ไปไกลมากกว่าการแข่งขันฟุตบอล แต่คือเรื่องราวของศักดิ์ศรี สงคราม และ การเมือง
หมู่เกาะฟอล์กแลนด์
หมู่เกาะฟอล์กแลนด์ เป็นหมู่เกาะที่อยู่ห่างจากแผ่นดินอาร์เจนตินาไปทางทิศตะวันออกประมาณ 480 กิโลเมตร แต่หมู่เกาะนี้อยู่ภายใต้การปกครองของรัฐบาลอังกฤษ ประเทศที่อยู่ห่างไกลจากเกาะนี้มากถึง 13,000 กิโลเมตร
ความคิดของสาธารณชนชาวอาร์เจนไตน์ หมู่เกาะฟอล์กแลนด์เป็นของอาร์เจนตินา โดยได้รับการส่งมอบเกาะนี้มาจากกษัตริย์สเปน ในช่วงต้นทศวรรษที่ 1800 แต่อังกฤษได้อ้างกรรมสิทธิ์เหนือหมู่เกาะฟอล์กแลนด์มาตั้งแต่ทศวรรษที่ 1600 ตอนที่กองทัพเรืออังกฤษเดินทางมาถึงเป็นครั้งแรก
กระทั่งปี 1982 ประธานาธิบดีอาร์เจนตินา เลโอโพลโด กัลเทียรี่ ต้องการสร้างคะแนนนิยมให้แก่ตนเอง ด้วยการปลุกกระแสชาตินิยม กลบปัญหาที่ถาโถม ทั้งด้านเศรษฐกิจ และความชอบธรรม จากการเป็นผู้นำที่สืบทอดอำนาจเผด็จการทหาร เขาจึงสั่งกองทัพเรือบุกหมู่เกาะฟอล์กแลนด์ ขับไล่ผู้ปกครองชาวอังกฤษออกไป
รัฐบาลอังกฤษภายใต้การนำของ นายกรัฐมนตรีหญิง มาร์กาเร็ต แธตเชอร์ จึงส่งกองทัพเรือตอบโต้อาร์เจนตินา การรบกินระยะเวลา 10 สัปดาห์ ทำให้ทหารอาร์เจนตินาเสียชีวิต 649 นาย ทหารอังกฤษเสียชีวิต 255 นาย และอาร์เจนตินาเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ต่ออังกฤษอย่างหมดรูปในสงครามครั้งนี้
ความพ่ายแพ้ทำให้ประชาชนชาวอาร์เจนตินาเจ็บปวดอย่างมาก ความฝันจะทวงคืนหมู่เกาะฟอล์กแลนด์ถูกทำลายลงโดย "จักรวรรดินิยมอังกฤษ" พวกเขาเก็บความโกรธนี้ไว้ในใจ ก่อนจะไประเบิดความแค้นในเกมฟุตบอลที่เกิดขึ้นในอีก 4 ปีต่อมา กับฟุตบอลโลก 1986 ที่ประเทศเม็กซิโก
เกมฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
22 มิถุนายน 1986 ฟุตบอลโลกรอบ 8 ทีมสุดท้าย เป็นการโคจรมาพบกันระหว่างทีมชาติอาร์เจนตินา กับทีมชาติอังกฤษ
ก่อนเกมจะเริ่มขึ้น ทุกฝ่ายจับตามองไปยังสองนักเตะที่ดีที่สุดในทัวร์นาเมนต์นี้ ได้แก่ ดิเอโก้ มาราโดน่า จอมทัพฟ้าขาว ที่ทำไป 1 ประตู กับ 4 แอสซิสต์ และ แกรี่ ลินิเกอร์ ศูนย์หน้าทีมสิงโตคำราม ที่ทำไป 4 ประตู
เกมเริ่มขึ้นโดยทีมชาติอังกฤษเป็นฝ่ายเขี่ยบอลเริ่มเกม ในครึ่งแรกทั้งอังกฤษและอาร์เจนตินาเป็นฝ่ายพลัดกันรับพลัดกันรุก ยังไม่มีฝ่ายใดได้ทำประตูได้
ก่อนที่จังหวะประวัติศาสตร์จะเกิดขึ้น ในช่วงครึ่งหลัง นาทีที่ 51 อาร์เจนตินาเป็นฝ่ายบุกพาบอลขึ้นหน้า สตีฟ ฮอดจ์ กองหลังอังกฤษ สกัดบอลพลาด ทำให้บอลลอยโด่งไปยังปากประตูของอังกฤษ ปีเตอร์ ชิลตัน นายด่านสิงโตคำราม พยายามจะเคลียร์บอลทิ้ง แต่มาราโดน่ากระโดดพุ่งตัวเอามือไปชกบอลเข้าประตู ฝ่ายอังกฤษพยายามประท้วงผู้ตัดสินใจว่าเป็นแฮนด์บอล แต่ผู้ตัดสิน อาลี บิน นาสเซอร์ จากตูนิเซีย ที่ไม่เห็นเหตุการณ์อย่างชัดเจน วินิจฉัยว่า ไม่เป็นแฮนด์บอล อาร์เจนตินานำอังกฤษ 1-0
และอีกเพียง 4 นาทีต่อมา ในนาทีที่ 55 มาราโดน่าเลี้ยงครึ่งผ่านผู้เล่นอังกฤษ 5 คน ก่อนจะไปดวลกับชิลตันและแตะหลบยิงด้วยซ้าย อาร์เจนตินาขึ้นนำอังกฤษ 2-0
ก่อนที่อังกฤษจะได้ประตูตีไข่แตก 10 นาทีสุดท้ายก่อนจบเกมในนาทีที่ 81 จอห์น บาร์นส์ เปิดบอลด้วยเท้าซ้าย ลินิเกอร์กระโดดโหม่งบอลเข้าประตูไป จบเกมอาร์เจนตินาชนะอังกฤษ 2-1
ชัยชยะต่ออังกฤษ ส่งผลให้อาร์เจนตินาผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศไปพบทีมชาติเบลเยียม ก่อนเอาชนะไปด้วยสกอร์ 2-0 เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศพบทีมชาติเยอรมันตะวันตก ทัพฟ้าขาวชนะด้วยสกอร์ 3-2 อาร์เจนตินาคว้าแชมป์โลกสมัยที่สองได้สำเร็จ
ปะทุเชื้อไฟความขัดแย้ง
ความพ่ายแพ้ของอังกฤษต่ออาร์เจนตินา ทำให้นักเตะและแฟนบอลชาวอังกฤษเกิดความไม่พอใจ พวกเขามองว่าการทำแฮนด์บอลมาราโดน่าไม่ควรถูกนับเป็นประตู ทั้งยังกล่าวหาว่ากรรมการจงใจโกงของพวกเขา
และชาวอังกฤษก็ยิ่งทวีความโกรธมากขึ้นไปอีก จากการสัมภาษณ์ของมาราโดน่าที่ไม่เคยมีการขอโทษอย่างตรงไปตรงมา ทั้งยังไม่ยอมรับว่าเขาจงใจใช้มือ มาราโดน่ากล่าวว่า "ประตูนั้นส่วนหนึ่งมาจากหัวของผม และอีกส่วนหนึ่งมาจากหัตถ์ของพระเจ้า (Hand of God)"
ชัยชนะต่ออังกฤษที่นำไปสู่การคว้าแชมป์โลก ทำให้ประชาชนชาวอาร์เจนตินาแห่มาให้กำลังใจมาราโดนา และยกย่องเขาเป็น "ฮีโร่แห่งชาติ" เพราะการชนะอังกฤษไม่เพียงแค่ชนะ "คู่แข่ง" เท่านั้น ยังถือเป็นการชนะ "ศัตรู" เป็นการแก้แค้นหลังความอัปยศของอาเจนตินาในสงครามเกาะฟอล์กแลนด์
ภาพยนตร์สารคดี "Diego Maradona" (2019) ได้เปิดเผยฟุตเทจสำคัญของมาราโดน่าที่พูดถึงชัยชนะต่ออังกฤษที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งเรื่องหมู่เกาะฟอล์กแลนด์ มาราโดนากล่าวว่า "ชัยชนะต่ออังกฤษเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ และเป็นการแก้แค้นให้กับชาวอาร์เจนตินาทุกคน" เขายังกล่าววลีประวัติศาสตร์ว่า "คนที่ขโมยของจากขโมย มีสิทธิ์ได้รับการให้อภัยร้อยปี"
โดยวลีนี้มาราโดน่าต้องการสื่อว่า แม้เขาจะใช้มือทำประตูซึ่งเป็นการโกง แต่เขาขโมยของจากขโมย ก็คืออังกฤษที่ได้แย่งชิงเกาะฟอล์กแลนด์ไปจากอาร์เจนตินานั่นเอง
ดังนั้นมาราโดน่าจึงมองว่าหัตถ์พระเจ้าเป็น "การโกงที่ชอบธรรม" เพื่อการคืนความยุติธรรมให้แก่ชาวอาร์เจนตินาทุกคน
คู่ปรับตลอดกาล ?
ฟุตบอลโลก 1986 ทำให้กระแสความเกลียดชังในเกมลูกหนังระหว่างอาร์เจนตินากับอังกฤษปะทุขึ้นมาอย่างรุนแรง หลังคู่นี้เคยมีประเด็นกันตั้งแต่ฟุตบอลโลก 1966 ที่อังกฤษเป็นเจ้าภาพ ก่อนชนะไป 1-0 ในเกมรอบ 8 ทีมสุดท้าย ที่ทัพสิงโตคำรามกล่าวหาว่า แข้งฟ้าขาวเล่นตุกติกทั้งเกม
สองชาตินี้พบกันอีกครั้งในฟุตบอลโลก 1998 ที่ฝรั่งเศส รอบ 16 ทีมสุดท้าย ซึ่งก่อนเกม สื่อทั้งสองฟากฝั่งปลุกกระแสชาตินิยมอย่างเต็มที่
โดยจังหวะที่เดือดที่สุดของเกม เกิดขึ้นในนาทีที่ 47 ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ กองกลางอาร์เจนตินา สกัดใส่ เดวิด เบ็คแฮม กองกลางซูเปอร์สตาร์ของอังกฤษ เบ็คแฮมล้มลงไปนอนกับพื้น หลังจากนั้น เบ็คแฮมตอบโต้ซิเมโอเน่ด้วยการยกขาขวาไปกระแทกขาหลังของซิเมโอเน่ แม้จะไม่รุนแรงนัก แต่ซิเมโอเน่ได้เหลี่ยมล้มลงไปนอนกับพื้น ผู้ตัดสิน คิม มิลตัน นีลเซ่น จากเดนมาร์ก ให้ใบแดง เดวิด เบ็คแฮม ทีมชาติอังกฤษเหลือ 10 คน
จบ 90 นาทีของคู่นี้ เสมอกันด้วยสกอร์ 2-2 ต่อเวลาพิเศษ ไม่มีใครทำอะไรได้ ต้องดวลจุดโทษ ก่อนอาร์เจนตินาชนะอังกฤษด้วยสกอร์ 4-3 ย้ำแค้นอีกครั้งหลังจากปี 1986
4 ปีต่อมา ทั้งคู่โคจรพบกันอีกครั้งในฟุตบอลโลก 2002 ที่ญี่ปุ่นกับเกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพร่วม ในรอบแรก กลุ่ม F ที่ประเทศญี่ปุ่น และในที่สุดทีมชาติอังกฤษก็ทำได้สำเร็จในการแก้แค้นอาร์เจนตินา โดยได้ประตูจากจุดโทษของ เดวิด เบ็คแฮม อังกฤษชนะด้วยสกอร์ 1-0 เป็นการชนะอาร์เจนตินาในรอบ 16 ปี
จากเรื่องสงครามหมู่เกาะฟอล์กแลนด์ หัตถ์พระเจ้า ใบแดงของเบ็คแฮม จนถึงจุดโทษของเบ็คแฮม เรียกได้ว่าทุกครั้งที่ทีมชาติอาร์เจนตินาลงแข่งขันเผชิญหน้ากับทีมชาติอังกฤษ ดีกรีความเดือดไม่แพ้แมตช์ใดในโลก เพราะการแข่งขันฟุตบอลของทั้งสองชาติไม่ใช่เป็นเพียงการฟาดแข้งธรรมดา แต่คือเรื่องศักดิ์ศรี การเมือง และ สงครามที่อยู่เบื้องหลังการแข่งขันของผู้เล่นทั้ง 22 คนในสนาม
คงต้องติดตามกันว่า ในฟุตบอลโลก ปี 2026 ฟ้าขาวกับสิงโตคำรามจะโคจรมาพบกันอีกครั้งหรือไม่ ซึ่งหากทั้งสองทีมเผชิญหน้ากันอีกครั้ง คงเป็นแมตช์ที่แฟนฟุตบอลทั่วโลกจับตามองอย่างแน่นอน
แหล่งอ้างอิง
https://www.the101.world/maradona-hand-of-god/
https://www.bbc.com/thai/international-60941031
https://themomentum.co/something-between-falkland-war/
https://www.thesoccerworldcups.com/head_to_head/england_vs_argentina.php
https://www.britannica.com/event/Falkland-Islands-War
https://www.fifa.com/en/articles/diego-maradona-argentina-england-hand-of-god-1986