Feature

มาร์ค เกอี : แม้ลงทุนไปแล้ว 300 ล้านปอนด์ แต่ทำไม ลิเวอร์พูล ยังต้องซื้อเขา ?  | Main Stand

หลังจากการลงทุนสะพัด 300 ล้านปอนด์ในซัมเมอร์ปี 2025 ทั้งแนวรุกและมิดฟิลด์อาจถูกมองว่าสมบูรณ์แบบแล้ว แต่ความเปราะบางในแผงรับ และความไม่แน่นอนในอนาคตของตัวหลัก ทำให้ลิเวอร์พูลมองหา มาร์ค เกอี

 


การเสริมทัพครั้งนี้สำคัญแบบไหน และกัปตันทีมของ คริสตัล พาเลซ รายนี้ มีคุณสมบัติตรงสเป็กกับแท็คติกของ อาร์เน่อ ชล็อต แค่ไหน ? ติดตามกับ Main Stand

 

แผลเดิมที่ควรจำ

หลังจบเกมที่แพ้ คริสตัล พาเลซ ในเกม คอมมูนิตี้ ชิลด์ ทำให้แฟนบอลลิเวอร์พูลหลายคนได้เห็นแผลที่ถูกปิดซ่อนไว้ภายใต้หน้าฉากเกมรุกและการเสริมทัพที่ร้อนแรง พวกเขากลับมีปัญหาเรื่องของเกมรับอย่างปฏิเสธไม่ได้ 

แม้ในช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา อาร์เน่อ ชล็อต กุนซือของทีมจะบอกว่าเขาไม่มีความกังวลกับปัญหาเรื่องเซ็นเตอร์แบ็คของทีม โดยเขาบอกต่อว่าแม้ผู้นำในเกมรับอย่าง เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ จะมีอายุ 34 ปีแล้ว แต่เขายังพร้อมลงสนามและเล่นในเกมระดับสูงได้แบบสบาย ๆ  

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่แฟนบอลหงส์แดงรู้สึกกังวลมันไม่ใช่เรื่องของ ฟาน ไดค์ เพราะทุกคนรู้คุณภาพของเขาดีอยู่แล้ว วันไหนที่ต้องเข้ม ต้องตึง ฟาน ไดค์ มักจะเปิดโหมดเทพแบกเกมรับของทีมได้แต่ แต่ปัญหาที่น่าห่วงก็คือการที่ทีมปล่อยตัว ยาเรลล์ ควอนซาห์ หนึ่งในตัวสแตนด์บายให้กับ เลเวอร์คูเซ่น ไปในซัมเมอร์นี้ ขณะที่ โจ โกเมซ ก็เจ็บในช่วงทัวร์เอเชียจากการบาดเจ็บที่เอ็นร้อยหวาย

ถึงตอนนี้ ลิเวอร์พูล ขาดเกมรับทั้งในแง่ของคุณภาพ และจำนวนนับ ในส่วนของจำนวนนับนั้นพวกเขาเหลือแค่ ฟาน ไดค์ และ อิบู โกนาเต้ เท่านั้นที่เล่นในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็กได้แบบธรรมชาติ ส่วนที่เหลือคือนักเตะที่ต้องเล่นแบบ "จำเป็น" แม้พวกเขาจะมีนักเตะที่เล่นในตำแหน่งนี้ได้อย่าง วาตารุ เอ็นโด, ไรอัน กราเฟนแบร์ก และ คอสตาส ซิมิกาส ซึ่งแน่นอนว่านี่ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีพอในฤดูกาลอันยาวนาน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับทีมที่ต้องการลุ้นแชมป์ทุกถ้วยอย่าง ลิเวอร์พูล 

เรื่องคล้าย ๆ แบบนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต หากใครยังจำกันในได้ ในฤดูกาล 2020-21 ที่ ฟาน ไดค์ เจ็บยาวไป และกองหลังอย่าง โกเมซ และ โจเอล มาติป พร้อมใจเจ็บสลับกันตลอดซีซั่น ลิเวอร์พูล ในตอนนั้นสาหัสแค่ไหน พวกเขาต้องฝืนใช้งานนักเตะที่ไม่พร้อมสำหรับเกมระดับสูงทั้ง โอซาน คาบัค, รีส วิลเลี่ยมส์ และ แนท ฟิลลิปส์ หรือแม้กระทั่งถอย จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ไปเล่นเซ็นเตอร์แบ็ก นั่นทำให้ฤดูกาลดังกล่าวที่พวกเขาลงเล่นในฐานะแชมป์เก่า กลับต้องกระเสือกระสนจนเกมสุดท้าย กว่าจะคว้าตั๋วไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกได้ ... คงไม่มีแฟนหงส์คนไหนลืมฤดูกาลนี้ได้ และไม่อยากให้ทีมมองข้ามเรื่องแนวรับอีก

ในซัมเมอร์ 2025-26 พวกเขาใช้เงินเสริมทัพไปแล้วกว่า 300 ล้านปอนด์ในตลาดซื้อขายครั้งนี้เพื่อนักเตะที่เข้ามาใหม่อย่าง เฌเรมี่ ฟริมปง, มิลอส เคอร์เคซ, โฟลเรียน เวียตซ์ และ อูโก เอกิติเก้ แต่ถ้าเรามองให้ลึกขึ้น และหักลบกลบนี้จากเงินที่ทีมขายนักเตะคนอื่น ๆ ออกไป เท่ากับว่า ณ ตอนนี้ พวกเขาใช้เงินสุทธิในการเสริมทัพยังไม่ถึง 100 ล้านปอนด์เลยด้วยซ้ำ ดังนั้น พวกเขาจึงไม่ควรหยุดในตลาดซื้อขายครั้งนี้ เพราะปัญหาที่สามารถใช้เงินแก้ได้มีอยู่ โดยเฉพาะเรื่องตัวเลือกในเกมรับที่เราพูดถึงกัน

การหาเซ็นเตอร์แบ็กดาวรุ่งที่พร้อมเข้ามารับบทบาทเป็นตัวหมุนเวียนไมใช่เรื่องใหม่สำหรับหงส์แดง เพราะพวกเขาพยายามหานักเตะแบบนี้มาแล้วตลอดตลาดซื้อขายในช่วง 2 ปีล่าสุด เมื่อสองปีก่อน พวกเขาสนใจ ลีวาย โคลวิลล์ กองหลังเชลซี แต่ก็พลาดเพราะนักเตะต่อสัญญา ซีซั่นที่แล้วช่วงหนึ่งพวกเขาก็มีข่าวกับ เลนี่ โยโร่ แต่นักเตะก็เลือก แมนฯ ยูไนเต็ด ที่การันตีโอกาสการลงเล่นเป็นตัวจริงให้ และในซัมเมอร์นี้ล่าสุดคือ ดีน เฮาเซ่น กองหลังของ บอร์นมัธ แต่สุดท้ายนักเตะก็อยากจะเล่นให้ทีมในฝันอย่าง เรอัล มาดริด มากกว่า 

สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าแม้ ชล็อต บอกว่าเขาไม่เป็นห่วงเกมรับ แต่เขามองหานักเตะตำแหน่งนี้ในตลาดซื้อขายมาโดยตลอด ... และตอนนี้มันถึงเวลาที่เหมือนกับเป็นภาคบังคับแล้ว ไม่ว่าจะเป็นกองหลังดาวรุ่ง หรือกองหลังแบบไหนก็ตาม พวกเขาต้องซื้อใครสักคนมาแบ่งเบาภาระของ ฟาน ไดค์ และ โกนาเต้ ซึ่งหนนี้ดูเหมือนจะไม่พลาดเป้า เพราะการเข้ามาของกองหลังดีกรีทีมชาติอังกฤษจากคริสตัล พาเลซ อย่าง มาร์ค เกอี ที่แม้ไม่ใช่ดาวรุ่งอายุน้อย แต่คุณสมบัติเขาก็น่าสนใจไม่แพ้ใครแน่นอน 

 

มาร์ค เกอี : "นักบู๊ นักบุ๋น"

แม้ มาร์ค เกอี จาก คริสตัล พเาลซ จะไม่ใช่ดาวรุ่งตามทรงที่ ลิเวอร์พูล อยากจะได้ แต่เขาเป็นตัวเลือกที่ดีในเวลานี้

เขาอายุ 25 ปี ผ่านประสบการณ์การเล่นทีมชาติอังกฤษลงเล่นในทัวร์นาเมนต์ใหญ่อย่าง ยูโร 2024 ที่ผ่านมามาแล้ว ขณะที่กับสโมสร เจ้าตัวแบกเกมรับของ คริสตัล พาเลซ มาถึง 4 ซีซั่นติดต่อกัน ซึ่งค่อนข้างสะท้อนคุณภาพการเล่นของเขามากพอโดยที่ไม่ต้องอธิบายอะไรเยอะ 

กับ พาเลซ เกอี เป็นคนสำคัญของทีมมาเสมอ เขาแสดงงให้เห็นถึงทักษะความเป็นผู้นำที่เหนือชั้นกว่าอายุจริง เขาใจเย็นภายใต้แรงกดดัน และเชี่ยวชาญในการแย่งบอลจากแนวหลัง ซึ่งสอดคล้องกับสไตล์การเล่นของลิเวอร์พูลเป็นอย่างดี 

ในฤดูกาล 2024-25 ที่ผ่านมา สถิติของ เกอี ถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่ของ "กองหลังระดับท็อป" ของพรีเมียร์ลีก ในเรื่องการดวลชนะคู่แข่งแบบตัวต่อตัว โดยเขาทำได้เฉลี่ย 4.94 ครั้งต่อ 1 เกม นอกจากนี้ยังมีสถิติอีก 2-3 อย่างที่เขามีตัวเลขดีกว่าคู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟของ ลิเวอร์พูล อย่าง ฟาน ไดค์ และ โกนาเต้ ด้วย 

อาทิ การเก็บบอลจังหวะ 2 (recoveries) 4.27 ครั้งต่อ 90 นาที (ฟาน ไดค์ 3.11, โกนาเต้ 3.45) และสถิติการเข้าปะทะต่อเกม ที่ เกฮี มีตัวเลขที่ 1.0 ครั้งต่อเกม (ฟาน ไดค์ 0.54, โกนาเต้ 0.92) เป็นต้น นี่คือส่วนประกอบของสายบู๊ในเกมรับที่เป็นเหตุผลว่าทำไม ลิเวอร์พูล ต้องการตัวนักเตะที่มีคุณภาพสามารถทดแทนตัวหลักได้ในเวลานี้ได้แบบที่ มาร์ค เกอี เป็น 

และอีกเหตุผลหนึ่งที่ ลิเวอร์พูล จะได้ประโยชน์จากเขามาก ๆ ก็คือ เกอี เป็นเซ็นเตอร์ยุคใหม่ที่ปราดเปรียว คล่องตัวในระดับหนึ่ง และเป็นคนที่ไม่ได้แค่เล่นเกมรับอย่างเดียว แต่เขาสามารถขึ้นเกมได้ด้วยตัวเอง และขึ้นมามีส่วนร่วมกับเกมรุกได้ด้วย ซึ่งนี่คือคุณสมบัติที่สำคัญมากสำหรับการเป็นกองหลังของทีมอย่าง ลิเวอร์พูล ที่มีแท็คติกเน้นเกมรุกที่รวดเร็ว และพยายามเอาฟุตบอลขึ้นไปเล่นในแดนบนให้ได้มากที่สุด 

โดยตัวของ เกอี ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาคือเซ็นเตอร์แบ็กที่พัฒนาการเล่นและเล่นกับลูกฟุตบอลได้ดีตลอดอาชีพการงานของเขา โดยในซีซั่น 2024-25 เขาเป็นกองหลังที่สร้างโอกาสในเกมรุกได้ถึง 0.47 ครั้งต่อเกม มากที่สุดเหนือเซ็นเตอร์ทุกคนในลีก นอกจากนี้ยังมีสถิติการเลี้ยงบอลสำเร็จ 85.7% ซึ่งติดท็อป 4 ในตำแหน่งกองหลัง สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าไม่เพียงแต่จะคล่องตัวในการนำบอลออกจากแนวรับเท่านั้น แต่เขายังแสดงให้เห็นแล้วว่าเขาสามารถสร้างโอกาสให้กับเพื่อนร่วมทีมได้ในขณะเดียวกันอีกด้วย 

แน่นอนว่าการเล่นได้ทั้งบู๊ทั้งบุ๋นของเขามันตรงสเป็กกับที่ ลิเวอร์พูล ต้องการ ทว่าไม่มีนักเตะคนใดที่ไร้จุดอ่อนและเรื่องที่น่าเป็นห่วง ซึ่ง เกอี ก็มีเหมือนกัน สิ่งที่น่ากังวลเกี่ยวกับเขาคือ ตอนที่เขาเล่นให้กับ พาเลซ เขาไมได้เล่นในระบบเซ็นเตอร์ฮาล์ฟคู่ แต่เป็นการยืนในระบบ 3 เซ็นเตอร์ ภายใต้ระบบการเล่น 3-4-2-1 ของกุนซือ โอลิเวอร์ กลาสเนอร์ ที่พาเลซ  ซึ่งการเล่นแบบ "หลังสาม" ได้ปกปิดจุดอ่อนบางอย่างของเขาเช่นกัน 

จุดอ่อนของ เกอี คือเรื่องลูกกลางอากาศและความแข็งแกร่ง เนื่องจากเขาไม่ใช่กองหลังที่ตัวใหญ่มากนัก (สูง 182 เซนติเมตร) เขาตัวเล็กกว่า ฟาน ไดค์, โคนาเต้ และ โกเมซ อย่างน้อย 10 เซนติเมตร และที่น่าห่วงก็เพราะว่าสถิติในปีที่แล้วของเขาในการ "ดวลชนะลูกกลางอากาศ" อยู่ที่เพียง 44.8% เท่านั้น มันคือการชนะลูกโหม่งที่ไม่ถึงครึ่ง ซึ่งทำให้เขารั้งท้ายในสถิติดังกล่าวของนักเตะเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ (ฟาน ไดค์ 72.1%, โกนาเต้ 70.8% และ โกเมซ 69.2%)

เกอี จะต้องปรับตัวพอสมควรกับการต้องมายืนในระบบคู่เซ็นเตอร์หากเขาย้ายมาอยู่กับ ลิเวอร์พูล เพราะทีมคู่แข่งที่เล็กกว่ามักจะอาศัยลูกโด่งโจมตีเป็นประจำ และแน่นอนว่าตัวเลขสถิตินี้ใคร ๆ ก็ต่างก็รู้และเข้าถึงได้ไม่ยาก หาก เกอี ยืนเป็นเซ็นเตอร์ให้ลิเวอร์พูล พวกเขาอาจจะต้องเจอความเสี่ยงในกรเล่นลูกกลางอากาศมากกว่านี้ที่ผ่าน ๆ มาแน่ 

นอกจากนี้ที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ คือสถานะของเขาก็จะเปลี่ยนไปด้วย จากคนที่เคยการันตีตัวจริงที่พาเลซ แต่ที่นี่เขาจะต้องลบจุดอ่อน เพิ่มขุดแข็ง และท้าทายตัวเพื่อสอดแทรกเข้ามาเป็น 11 ตัวจริงให้ได้ ซึ่งไม่ใช่งานง่ายแน่นอนสำหรับการเบียดนักเตะอย่าง ฟาน ไดค์ หรือ โกนาเต้ ในเวลานี้ ... ซึ่งในทางกลับกันมันอาจจะเป็นความท้าทายให้กับ เกอี หากเขาอยากจะยกระดับตัวเองขึ้นมาอีกขั้น 

 

ของแถมจาก เกอี 

เกอี อายุ 25 ปี มีประสบการณ์พอตัว และที่สำคัญคือราคาของเขาจะไม่แพงมากแน่นอนเพราะเขาเหลือสัญญากับ พาเลซ อีกแค่ปีเดียวเท่านั้น ซึ่งนั่นบีบให้ฝั่ง ลิเวอร์พูล ที่อยากได้ และนักเตะที่อยากย้าย เป็นฝั่งที่ได้เปรียบในดีลนี้ ราคาของเขาจึงลดลง จากที่ พาเลซ เคยตั้งราคาไว้ที่ 60-70 ล้านปอนด์ ในซีซั่นที่แล้ว อาจจะเหลือเพียง 35-40 ล้านปอนด์ ตามความคาดหมายของนักข่าวสายตลาดซื้อขายหลาย ๆ คน ... นี่คือการลงทุนที่ถูกเวลาอย่างแท้จริง

นอกจากราคาที่สุดคุ้มแล้ว ของแถมที่ ลิเวอร์พูล จะได้จาก เกอี คือ ความเป็นผู้นำและคาแร็คเตอร์ของ เกอี เอง โดยตัวเขาเป็นกัปตันทีมของ คริสตัล พาเลซ มานาน สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงคุณสมบัติความเป็นผู้นำและความเคารพที่เขาได้รับจากเพื่อนร่วมทีม ความเป็นผู้ใหญ่ในสนามของเขาเห็นได้ชัดจากการวางตำแหน่งและการตัดสินใจอย่างมีวินัย

ลิเวอร์พูลให้ความสำคัญกับผู้เล่นที่มีคุณสมบัติทางจิตใจที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก และความสามารถของกองหลัง ดิ อีเกิลส์ ในการรักษาความสงบภายใต้แรงกดดันจะถือเป็นข้อดีอย่างมากสำหรับทัพหงส์แดง  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสโมสรมักจะต้องเข้าไปมีส่วนร่วมในเกมใหญ่ๆ บ่อยครั้ง คุณสมบัตินี้ของ เกอี จึงมีประโยชน์อย่างมาก พูดง่าย ๆ ก็คือ เกอี ไม่ใช่นักเตะที่ดิบ และต้องพัฒนาใหม่ทั้งหมด หากเขาได้เล่นคู่กับ ฟาน ไดค์ หรือ โกนาเต้ คุณสามารถมั่นใจว่าเขาสามาระรับผิดชอบตัวเองได้ โดยไม่ต้องให้ใครมาแบกจนเสียสมดุลเกมรับของทีมแน่นอน 

ด้วยคุณสมบัติและราคาที่กล่าวมาทั้งหมด ทำให้ เกอี ดูเหมือนจะเป็นดีลที่เหมาะสมกับสิ่งที่ ลิเวอร์พล มองหา การเข้ามาของเขาจะเติมเกมรับให้ทีมได้ไม่ว่าจะมองในแง่ของจำนวนนับ หรือแง่คุณภาพของเกมในสนามก็ตาม 

นี่คือก้าวสำคัญที่ มาร์ค เกอี จะก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะแถวหน้าของพรีเมียร์ลีก สิ่งสำคัญในอดีตล้วนเป็นสิ่งที่ทำให้ หงส์แดง พยายามคว้าตัวเขาให้ได้ แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า คือเมื่อเขาเป็นนักตะของ ลิเวอร์พูล และแบกความกดดันในการเป็นนักเตะของทีมยักษ์ใหญ่ไว้บนบ่า จะเป็นการตัดสินเขาอีกครั้งว่าเขาสามารถรับมือกับบทบาทใหม่ และความท้าทายที่ใหญ่ขึ้นนี้ได้อย่างไร 

เกอี จะสอบผ่านหรือไม่ อีกไม่นานเราคงได้เห็นกันด้วยตาของตัวเองแน่นอน  

 

แหล่งอ้างอิง

https://www.nytimes.com/athletic/6518018/2025/07/27/liverpool-centre-back-transfers/
https://onefootball.com/fr/news/why-marc-guehi-is-the-perfect-fit-for-liverpool-40707512
https://www.bbc.com/sport/football/articles/czxeedy1wqgo
https://www.thisisanfield.com/2025/06/marc-guehi-what-liverpool-could-sign-progressive-passer-and-duel-winner/

Author

ชยันธร ใจมูล

นักเขียนลูกสอง จองเรื่องฟุตบอลและมวยโลก รู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่เขียนแล้วอินทุกเรื่อง

Graphic

อรรนพ สะตะ

graphic design ผู้ชื่นชอบกีฬาฮอกกี้, เกมส์, เดินเขา เป็นชีวิตจิตใจ