Feature

แซมบ้า อันเชล็อตติ : ทำไมโค้ชกลยุทธ์ยืดหยุ่นจึงเลือกคุมนักเตะสายเล่นตามฟีล ? | Main Stand

มีการกล่าวขานกันว่า การแต่งตั้ง คาร์โล อันเชล็อตติ เข้ามาเป็นกุนซือใหญ่ของทีมชาติบราซิล ถือเป็นหนึ่งในการจับคู่ตุนาหงันที่เหมาะสมที่สุดในรอบ 20 ปี 

 

โค้ชที่แตกฉานเรื่องแท็คติกที่สุดในโลก จะรับก็แน่น จะรุกถล่มเอาประตูก็ทำได้ ต้องมาเจอกับกลุ่มนักเตะที่มีความเป็น "แซมบ้า DNA" จะเกิดอะไรขึ้น และจะสร้างแรงกระเพื่อมได้มากแค่ไหน เปลี่ยนแปลงอะไรได้บ้าง ?

ติดตามเรื่องนี้กับ Main Stand 

 

กุนซือต่างชาติคนแรกที่คุมทัพ "เซเลเซา"

เรื่องนี้เราต้องย้อนอดีตไปไกลหน่อย อันที่จริง คาร์โล อันเชล็อตติ ไม่ใช่เฮดโค้ชต่างชาติคนแรกของทีมชาติบราซิลชุดใหญ่ เพราะย้อนกลัยไปในปี 1925 มีกุนซือชาวอุรุกวัยชื่อว่า ราม่อน พลาเตโร่ ในปี 1944 มีกุนซือต่างชาติคนที่ 2 เป็นชาวโปรตุเกสชื่อว่า โชเรก้า และคนที่ 3 คือชาวอาร์เจนไตน์ที่ชื่อว่า ฟิลโป้ นูนเญซ ที่คุมทีมในปี 1965 

เพียงแต่ว่ารายชื่อที่บอกมาทั้งหมด เป็นกุนซือเพียงชั่วคราวเท่านั้น พวกเขาคุมทีมเป็นเวลาเพียง 2-3 เดือน และบางคนก็คุมทีมแค่นัดเดียว ดังนั้นการแต่งตั้ง คาร์โล อันเชล็อตติ กุนซือชาวอิตาเลียน เข้ามาคุมทีมในปี 2025 ถือเป็นการตั้งกุนซือต่างชาติอย่างเป็นทางการคนแรกของทัพ เซเลเซา ก็คงจะไม่ผิดนัก ... และเมื่อเป็นเช่นนั้น การแต่งตั้ง อิล คาร์โล รอบนี้จึงมีเหตุผลแน่นอน 

ทีมชาติบราซิล เป็นชาติที่คว้าแชมป์โลกมากที่สุดถึง 5 สมัย แต่ครั้งสุดท้ายที่คว้าแชมป์ได้ก็ต้องย้อนกลับไปถึงปี 2002 โดยหลังจากนั้น พวกเขาก็ตกรอบอย่างรวดเร็ว และเหนือสิ่งอื่นใดคือทุกครั้งที่ต้องตกรอบ บราซิล ล้วนแพ้ให้กับทีมจากยุโรปทั้งสิ้น ไล่เรียงมาตั้งแต่ ฝรั่งเศส ในปี 2006, เนเธอร์แลนด์ ในปี 2010, เยอรมนี ในปี 2014, เบลเยียม ในปี 2018 และครั้งล่าสุดกับ โครเอเชีย ในปี 2022 

จากที่ไล่เรียงมา คุณจะเห็นว่านอกจากจะแพ้ตกรอบกับทีมยุโรปแล้ว ส่วนใหญ่ยังเป็นการแพ้แบบสู้ไม่ได้ เช่นการโดนฝรั่งเศสยุค อองรี-ซีดาน ครองเกมแบบเด็ดขาด, การแพ้ เบลเยียม ยุค โกลเด้น เจเนอเรชั่น แบบรูปเกมสู้ไม่ได้ และเหนือสิ่งอื่นใด คือการโดนเยอรมนีถล่มเละถึง 7-1 ทั้ง ๆ ที่ตัวเองเป็นเจ้าภาพ ... ดังนั้นเมื่อพวกเขาแพ้ให้กับชาติยุโรปขนาดนี้ พวกเขาก็ต้องแก้ให้ถูกจุด หมองูตายเพราะงู ดังนั้นพวกเขาจึงเลือก คาร์โล อันเชล็อตติ กุนซือผู้เคยคว้าแชมป์ใน 5 ลีกใหญ่ยุโรป และเป็นคนเดียวในประวัติศาสตร์ที่ทำได้ 

ทิม วิคเกอรี่ ผู้เชี่ยวชาญฟุตบอลอเมริกาใต้ กล่าวยืนยันแนวคิดดังกล่าวว่า "ทุก ๆ แคมเปญนับตั้งแต่ปี 2002 พวกเขาตกรอบทันทีที่ต้องพบกับทีมจากยุโรปในรอบน็อกเอาต์ มันกลายฝันร้ายคอยหลอกหลอนที่พวกเขาอยากเอาชนะให้ได้ และมันเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้พวกเขาเลือกโค้ชจากยุโรปในครั้งนี้ พวกเขาบอกว่า 'ถ้าเราอยากเอาชนะพวกเขา (ชาติจากยุโรป) ในครั้งต่อไป เราต้องการใครสักคนที่รู้จักพวกเขาเป็นอย่างดี'"

นี่ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใดทีมชาติบราซิลคิดเรื่องนี้ตั้งแต่จบฟุตบอลโลก 2022 แล้ว และ อันเช่ เป็นคนที่พวกเขาต้องการมาโดยตลอด และในความจริงพวกเขาก็มีการคุยกันไว้ตั้งแต่ปี 2024 แล้ว เพียงแต่ว่าในตอนนั้น อันเช่ ประสบความสำเร็จอย่างมากในการคุม เรอัล มาดริด ด้วยการคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และนั่นทำให้เขาเปลี่ยนใจคุมทีมต่อไป 

กระทั่งในปี 2025 ก็สมควรแก่เวลา มาดริด มีโอกาสพลาดทุกแชมป์ และนั่นส่งผลให้เขาถูกคาดว่า เมื่อจบซีซั่นจะต้องโดน "ปลดแน่นอน" ซึ่งทำให้ บราซิล ที่แต่งตัวรอ อันเช่ มานาน จัดการทุกอย่างตามที่ต้องการ แม้จะไม่มีการเปิดเผยค่าจ้าง แต่ก็แว่วว่าระดับท็อป 3 ของโลก นอกจากนี้ยังมีออปชั่นจ่ายอีก 5 ล้านยูโรแบบไม่หักภาษี หาก อันเช่ สามารถพาทีมคว้าแชมป์โลกในปี 2026 ได้ 

ไม่ใช่แค่นั้น เรื่องเล็กน้อยทุก ๆ อย่าง บราซิล ก็จัดการให้ อันเช่ ทั้งหมด เหลือให้เขาโฟกัสแก่เรื่องการทำทีมอย่างเดียว ไม่ว่าจะเป็นการเช่าคฤหาสน์ในกรุง ริโอ เด จาเนโร พร้อมการ์ดรักษาความปลอดภัยตลอดเวลา เช่นเดียวกับจัดประกันสุขภาพ และประกันชีวิตด้วยออปชั่นที่จัดเต็มที่สุด 

ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่า บราซิล ต้องการตัว อันเชล็อตติ จริง ๆ ... แล้วแบบนี้กุนซือที่ประสบความสำเร็จในยุโรปจนครบถ้วนแล้ว จึงจะไม่อยากมาท้าทายตัวเองในอเมริกาใต้สักครั้งล่ะ ? 

 

อิล คาร์โล ชื่อนี้การันตี 

ตลอดอาชีพการทำงานอันยาวนาน อันเชล็อตติ ถูกเรียกว่าเป็นผู้แตกฉานในเชิงกลยุทธ์อันดับ 1 เลยก็ว่าได้

เหตุผลก็เพราะเขาไม่มีแท็คติกและรูปแบบการเล่นที่ตายตัว ยกตัวอย่างเช่นเมื่อคุณนึกถึง เป๊ป คุณจะนึกถึงฟุตบอลที่เน้นการครองบอลและผ่านบอลไปทั่วสนาม และเมื่อคุณคิดถึง เยอร์เก้น คล็อปป์ คุณจะเห็นภาพในหัวทันทีว่า ฟุตบอลของเขามีความมุทะลุดุดัน ขึ้นสุด-ลงสุด ตลอดเวลา ทว่า อันเช่ ไม่ใช่แบบนั้น 

เพราะทุกครั้งที่เขาเปลี่ยนทีมไปอยู่ทีมไหน โดยเฉพาะในช่วง 10-20 ปีหลังสุดมานี้ อันเช่ กลายเป็นโค้ชที่ไม่มีแผนการเล่นตายตัว ไม่ว่าจะไปที่ไหน เขาจะทำความเข้าใจและทำความรู้จักกับนักเตะที่มีในทีม จากนั้นค่อยเลือกระบบการเล่นที่เหมาะสมกับวัตถุดิบที่มีอยู่ 

และไม่ใช่แค่นั้น ในช่วงหลัง ๆ อันเช่ ยังสามารถปรับเปลี่ยนวิธีการเล่นของทีมตัวเองได้อย่างลื่นไหล เกมไหนจะให้บุกแหลกก็ทำได้ เกมไหนจะให้ตั้งรับแน่น ๆ เน้นตีหัวเข้าบ้าน เขาก็แสดงให้เห็นมาแล้วเช่นกัน เรียกได้ว่าวิธีการที่ยืดหยุ่นของเขาถือเป็นหนึ่งในส่วนสำคัญที่ทำให้ เรอัล มาดริด กลายเป็นทีมที่คว้าแชมป์ยุโรปเป็นว่าเล่นในช่วงหลัง 

ดังที่กล่าวมาคุณจะเห็นได้ว่า อันเช่ ไม่เคยมีปัญหาส่วนตัวหรือสั่งให้นักเตะคนไหนเปลี่ยนแนวทางการเล่นแบบหักดิบเลยสักครั้ง แม้นักเตะเหล่านั้นจะไม่ใช่นักเตะที่เข้าใจแท็คติกของทีมมากนัก แต่เขาก็มีวิธีค่อย ๆ เปลี่ยนให้นักเตะคนนั้น ๆ กลายเป็นคนที่สร้างประโยชน์ให้กับทีมได้ในท้ายที่สุด ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ 2 นักเตะชาวบราซิลอย่าง โรดรีโก้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง วินิซิอุส จูเนียร์ ที่เคยเป็นนักเตะที่แม้แต่เพื่อนร่วมทีมยังยี้ แต่สุดท้าย อันเช่ ก็เปลี่ยนให้เขาเป็นตัวรุกริมเส้นที่อันตรายที่สุดในโลกในเวลาแค่ 1-2 ปีเท่านั้น 

"ผมหลีกเลี่ยงความขัดแย้งที่ไม่จำเป็น ผมไม่ชอบความตึงเครียด ผมชอบหาวิธีรับมือกับความกดดันโดยทำให้มันเป็นเรื่องเล็กที่สุด เพื่อให้ลูกทีมของผมได้ทำงานของพวกเขาอย่างสงบที่สุด" อันเชล็อตติ บอกวิธีการทำงานของเขาผ่านหนังสือชีวประวัติที่ชื่อว่า "Carlo Ancelotti Quiet Leadership" 

นี่แหละ น่าจะเป็นแนวทางที่ทำให้เขาเหมาะอย่างยิ่งในการคุมทีมชาติบราซิล ทีมชาติที่นักเตะในทีมมี DNA ในเรื่องของพรสรรค์ มีความเป็นศิลปินลูกหนัง และเล่นบอลในเชิงใช้ความรู้สึกและจินตนาการ มากกว่าที่จะยึดตามแท็คติกแบบเป๊ะ ๆ ซึ่ง อันเช่ มีวิธีในการปรับแก้นักเตะเหล่านี้ โดยที่พวกเขาไม่ออกอาการต่อต้าน และ ณ จุดนี้มันเป็นเรื่องของบารมีต่าง ๆ ที่เขาสั่งสมมาตลอดอาชีพการคุมทีมของเขา

"อันชล็อตติ คือคนที่สำคัญกับผมมาก สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับเลยคือเขาสนับสนุนผมมาตลอด ตอนแรกผมบอกตรง ๆ ว่าผมไม่ชอบการไปเล่นในตำแหน่งเบอร์ 9 ผมว่ามันไม่เหมาะกับผม แต่ อันเชล็อตติ มีวิธีการที่จะโน้มน้าวคุณเสมอ ... มันยากที่อยู่ดี ๆ จะมาเปลี่ยนตำแหน่ง แต่ถ้า อันเชล็อตติ คิดว่าผมทำได้ ผมจะเชื่อใจเขา 100% ผมพร้อมจะทำตามสิ่งที่เขาบอก เพราะมันจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง" นี่คือสิ่งที่ โรดรีโก้ นักเตะของ มาดริด และทีมชาติบราซิลชุดปัจจุบันยืนยันด้วยตัวเอง

ขณะที่ในรายของ วินิซิอุส ที่เคยเป็นนักเตะที่เลี้ยงบอลพร่ำเพรื่อและเล่นมากจังหวะโดยไม่จำเป็นนั้น อันเช่ ก็ใส่ใจมากด้วยการให้เวลากับนักเตะคนนี้เป็นพิเศษ และวิธีการของเขาไม่ใช่การบอกหรือต่อว่าให้เขาเลี้ยงบอลน้อยลง แต่เงื่อนไขที่ อันเช่ ตั้งไว้คือ อยากให้ วินี่ เลือกยิงประตูให้เร็วขึ้น 1 จังหวะ และสัมผัสบอลให้น้อยลงเวลาอยู่ในกรอบเขตโทษของคู่แข่ง  

วิธีการพูดคุยของ อันเชล็อตติ ไม่ใช่การต่อว่า แต่เป็นการสอนโดยที่เขายังทำให้ วินิซิอุส เชื่อว่าตนเองยังคงเป็นคนสำคัญของทีม เพียงแค่ต้องเล่นให้มั่นใจมากขึ้น มั่นใจในการจ่าย มั่นใจในการยิงประตู เหมือนกับที่เขามั่นใจในการเลี้ยงบอลของตัวเอง

นี่คืออีกหนึ่งเหตุผลที่ บราซิล ต้องเลือกเขา นักเตะบราซิลที่มีความติสต์สูงตามพรสวรรค์ ทำให้พวกเขาเลือกจะเล่นตามใจตัวเองและเกาะกับแท็คติกไม่ค่อยได้ ดังนั้นเมื่อพวกเขาต้องมาเจอกับโค้ชที่มีความลื่นไหลและยืดหยุ่นในเชิงแท็คติกมากที่สุดอย่าง อันเช่ ก็ต้องบอกว่าเป็นมวยถูกคู่คนดูถูกใจอย่างแท้จริง จะมีใครเอานักเตะบราซิลมาอยู่ในระบบได้ดีมากกว่า อันเช่ อีกในโลกนี้ ?

 

ผู้เชี่ยวชาญเกมเดิมพันสูง

จุดแข็งอย่างหนึ่งของ อันเชล็อตติ คือความสามารถในการทำให้ทีมนิ่งโดยไม่เกิดดราม่า ... เรื่องนี้มันบอกผ่านการทำงานของเขามาโดยตลอด เพราะในเกมใหญ่ ๆ เกมกดดัน ๆ อันเช่ มักจะมีท่าทีที่สงบ และเลือกวางกลยุทธ์ที่เหมาะสม เลือกนักเตะที่ใช่ในเกมลักษณะนี้เสมอ แม้บางครั้งจะแพ้ แต่ถ้าคุณดูฟุตบอลของ อันเช่ มาโดยตลอด คุณจะเห็นว่าเขาเป็นฝ่ายชนะมากกว่าแพ้อย่างแน่นอน 

คาแร็คเตอร์ที่นิ่งสงบของเขา ซึ่งมักแสดงออกให้เห็นด้วยการยกคิ้วขึ้นเล็กน้อยในช่วงเวลาสำคัญ นอกจากนี้นักเตะของ มาดริด หลายคนก็ออกมาเปิดเผยว่า ภาษากายของ อันเช่ ช่วยให้ห้องแต่งตัวของทีมที่ทรงพลังที่สุดในโลก และทำให้นักเตะในทีมรู้สึกมั่นคง และลงสนามไปด้วยความมั่นใจว่า "ทุกอย่างจะต้องโอเค และเราจะเป็นผู้ชนะ" 

วิคเกอรี่ กล่าวถึงเหตุผลเรื่องนี้เพิ่มเติมว่า "อันเชล็อตติเป็นตัวเลือกหลักของทีมชาติบราซิลมาตลอด เพราะเขาเป็นผู้นำองค์ความรู้สู่การไปถึงความสำเร็จแบบที่ไม่มีใครเทียบได้ เขาปลูกฝังวัฒนธรรมและความคิดระดับสูงตลอดเวลา ทำให้นักเตะเย่อหยิ่ง และมองว่าตัวเองเป็นผู้อยู่เหนือกว่าคู่แข่ง นั่นคือสิ่งที่เขาทำกับนักเตะของ เรอัล มาดริด"

เรียกได้ว่าเมื่อ บราซิล ได้ อันเชล็อตติ มาคุมทีม นอกจากพวกเขาจะได้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์แล้ว พวกเขาจะได้ผู้นำในห้องแต่งตัวที่นำความนิ่งสงบมาให้ แม้สถานการณ์ข้างนอกนั้นจะหนักหน่วงเหมือนพายุเข้าก็ตาม ... ซึ่งทีมชาติบราซิล จะต้องเจอสถานการณ์แบบนี้แน่ ๆ ในเกมรอบลึก ๆ เวลาเจอกับคู่ต่อสู้เก่ง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคู่ต่อสู้จากยุโรปที่พวกเขาแพ้มาตลอด 

ต้องบอกว่าการแต่งตั้ง อันเช่ ครั้งนี้เป็นอะไรที่ถูกฝาถูกตัวอย่างที่สุดเท่าที่ทีมชาติบราซิลจะหาได้แล้ว เขาคือโค้ชที่มีทั้งแท็คติกและความเข้าใจความเป็นมนุษย์ของนักเตะแต่ละคนเป็นอย่างดี ทีมชาติบราซิล จะสามารถเล่นเกมในแท็คติกที่เข้มข้นขึ้นได้ ภายใต้การเล่นโดยไม่ทิ้งสไตล์แซมบ้า ... นี่คือสิ่งที่สื่อทั่วโลกมองว่ามันกำลังจะเกิดขึ้น 

แต่การไปถึงแชมป์โลกนั้นยากเย็นเหลือเกิน ... และอีก 1 ปีเราจะได้เห็นกันว่า อันเช่ จะเปลี่ยนทีมชาติบราซิลที่ว่ากันว่าอ่อนแอที่สุดในรอบหลายปีกลับมาเป็นทีมที่ตึงจัดได้สักแค่ไหนกันแน่ 

 

แหล่งอ้างอิง

https://www.beinsports.com/en-us/soccer/la-liga/articles-video/does-carlo-ancelotti-regret-not-signing-with-brazil-here-s-what-he-said-2024-11-08
https://www.bbc.com/sport/football/articles/c8072kvmd23o
https://playingfor90.com/understanding-all-the-details-about-carlo-ancelotti-s-arrival-in-brazil-01jv2hw275g3
https://onefootball.com/en/news/how-carlo-ancelottis-selection-of-rodrygo-goes-won-them-el-clasico-37140654
https://en.as.com/soccer/rodrygo-i-dont-like-playing-as-a-number-9-but-i-do-it-because-i-believe-in-ancelotti-n/
https://www.theguardian.com/football/blog/2022/apr/12/carlo-ancelotti-champions-league-real-madrid
https://www.managingmadrid.com/2024/1/19/24043676/carlo-ancelotti-quality-young-players-force-not-necessary-real-madrid-atletico-press-conference
https://theathletic.com/5266454/2024/02/11/vinicius-jr-bellingham-rodrygo-real-madrids-front-line-is-something-special/ 

Author

ชยันธร ใจมูล

นักเขียนลูกสอง จองเรื่องฟุตบอลและมวยโลก รู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่เขียนแล้วอินทุกเรื่อง

Graphic

อรรนพ สะตะ

graphic design ผู้ชื่นชอบกีฬาฮอกกี้, เกมส์, เดินเขา เป็นชีวิตจิตใจ