“เขาไม่ได้แค่สำคัญต่อผม แต่เขาสำคัญต่อนักเตะเกมรุกของทีมเราทุกคนด้วย”
อาร์เน่อ ชล็อต กุนซือของ ลิเวอร์พูล พูดถึงบทบาทของ อเล็กซิส แม็คอัลลิสเตอร์ ที่ฝากไว้กับทีมในซีซั่น 2024-25 พร้อมสำทับว่า “เป็นนักเตะไม่กี่คนบนโลกที่เล่นตำแหน่งเบอร์ 8 ได้ดีที่สุด ณ เวลานี้”
สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องเซอร์ไพรส์ หากคุณมองภาพกว้างและค่อย ๆ เจาะไปให้ลึกกับผลงานของกองกลางวัย 26 ปีรายนี้
ไปชำแหละซีซั่นที่ดีที่สุดในชีวิตของเขา กับการเปลี่ยนแปลงบทบาทครั้งสำคัญของ แม็คอัลลิสเตอร์ กับ Main Stand
เริ่มต้นที่ไบรท์ตัน
นักเตะที่เก่ง ๆ ที่เกิดในทวีปอเมริกาใต้หลายคนมักจะมาเจอจุดสะดุดของอาชีพค้าแข้งในวันที่พวกเขาต้องย้ายข้ามฟากมาเล่นในยุโรป โดยเฉพาะที่ประเทศอังกฤษ เพราะวัฒนธรรมความเป็นอยู่ที่แตกต่าง สไตล์ฟุตบอลที่ฉีกหนีกันสุดขั้ว เน้นพละกำลัง ความเร็วของจังหวะเกม และความแข็งแรง นั่นเองที่ทำให้นักเตะอิมพอร์ทหลายคนปรับตัวไม่ทัน และกลายเป็นผู้แพ้ที่ต้องถอยออกไปเองในภายหลัง หรืออย่างดีก็แค่ประคองตัวเอาไว้ แต่ไม่เคยทำได้ดีเหมือนตอนเล่นที่บ้านเกิดเลย
อย่างไรก็ตาม ความสุดยอดของนักเตะอเมริกาใต้ก็มีมากมายหลายประการ โดยเฉพาะเรื่องเทคนิคและพรสวรรค์ที่ยากจะหานักเตะท้องถิ่นในอังกฤษเทียบ ดังนั้น ไบรท์ตัน สโมสรระดับกลางค่อนล่างที่พยายามสร้างทีมด้วยหลักสูตร "มันนี่บอล" จึงได้พยายามหานักเตะอเมริกาใต้ที่มีความพิเศษเฉพาะตัว และในขณะเดียวกันก็มีศักยภาพพอที่จะปรับตัวมาเล่นในเกมฟุตบอลที่มีคุณภาพความเข้มข้นในเชิงแท็คติกเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งตัวอย่างที่ดีที่สุก็คือการคว้าตัว อเล็กซิส แม็คอัลลิสเตอร์ มาจาก อาร์เจนติโนส จูเนียร์
แม็คอัลลิสเตอร์ เป็นนักเตะอาร์เจนไตน์ที่มีเชื้อสายสกอตแลนด์อยู่ในตัว พ่อของเขาเคยลงเล่นร่วมกับ ดิเอโก้ มาราโดน่า มาก่อน โดยทีมแมวมองของ ไบรท์ตัน เล่าถึงเหตุผลที่พวกเขาตัดสินใจซื้อแม็คอัลลิสเตอร์มาร่วมทีม ก็ด้วยเหตุผลที่เป็นนักเตะที่มีความยืดหยุ่น และมีศักยภาพรอบด้านที่สามารถเล่นได้หลายตำแหน่งในแดนกลางตั้งแต่เบอร์ 6 เบอร์ 8 หรือแม้กระทั่งเบอร์ 10 เขาก็เคยเล่นมาหมดแล้ว ซึ่งสไตล์การเล่นที่ครอบคลุมนี้ถูกใจ แกรม พ็อตเตอร์ กุนซือของ ไบรท์ตัน ในเวลานั้นเป็นอย่างมาก
ฟุตบอลของ ไบรท์ตัน เป็นฟุตบอลที่เปลี่ยนรับเป็นรุกอย่างรวดเร็วตามแบบฉบับฟุตบอลสมัยใหม่ ดังนั้น แม็คอัลลิสเตอร์ จึงกลายเป็นเป้าหมายในการเสริมทัพของพวกเขา โดย พ็อตเตอร์ พูดถึง แม็คอัลลิสเตอร์ เพิ่มเติมว่า "เขาเป็นกองกลางในแบบที่เรามองหา นักเตะที่มีความดุดันและทัศนคติในการแย่งฟุตบอลกลับมา และในขณะเดียวกันก็เป็นนักเตะที่มีจินตนาการในการเล่นเกมรุกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการออกบอลเพื่อสร้างโอกาสโจมตี หรือแม้แต่การเติมขึ้นมายิงประตูเอง"
ทั้งหมดที่กล่าวมาตอบโจทย์ตรงใจของ พ็อตเตอร์ ทุกข้อ ฟุตบอลของ ไบรท์ตัน ในยุคที่มี แม็คอัลลิสเตอร์ คุมแดนกลางนั้น คุณจะได้เห็นความเป็นเขาสะท้อนออกมาในเกม กล่าวคือความยืดหยุ่นในวิธีการเล่นที่เล่นได้หลายแบบ ไม่ว่าทีมจะเล่นแบบครองบอลเป็นหลักในเวลาเจอกับทีมที่ด้อยกว่า หรือการเล่นแบบที่เน้นเกมรับไม่เน้นครองบอล แต่เน้นที่การสวนกลับด้วยจังหวะการเล่นที่รวดเร็วแม่นยำ ไบรท์ตัน ในยุคนั้นก็ทำได้ดีทั้งนั้น
ความสุดของ แม็คอัลลิสเตอร์ ค่อย ๆ ฉายขึ้นมาจนกลายเป็นกองกลางที่มีชั้นเชิง มีออร่าความเป็นจอมทัพมากขึ้นเรื่อย ๆ และเฉิดฉายสุด ๆ ในช่วงปี 2022 ที่เขาติดทีมชาติ อาร์เจนตินา ไปคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกที่ประเทศกาตาร์ ซึ่งหลังจากจบทัวร์นาเมนต์นั้น ลิเวอร์พูล ในยุค เยอร์เก้น คล็อปป์ ก็คว้าตัวเขาไปร่วมทีมด้วยการฉีกสัญญาในราคาแค่ 35 ล้านปอนด์ ... และจุดเปลี่ยนสู่การเล่นอีกระดับของเขาก็เริ่มขึ้นหลังจากนั้น
เบ็ดเสร็จที่แดนกลาง
"เมื่อผมได้พูดคุยกับ เยอร์เก้น คล็อปป์ หลังจากคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก ผมรู้ถึงความต้องการของเราที่ตรงกัน นั่นคือการขับเคลื่อนทีมไปยังจุดที่สามารถคว้าแชมป์ให้ได้มากกว่านี้ ด้วยวิธีการที่เด็ดเดี่ยว" แม็คอัลลิสเตอร์ พูดถึงการย้ายมา ลิเวอร์พูล
ส่วน คล็อปป์ ก็พูดถึง แม็คอัลลิสเตอร์ ว่า เป็นนักเตะที่ตอบโจทย์มาก ๆ ในเชิงแท็คติก เพราะสามารถปรับเปลี่ยนบทบาทการเล่นได้หลากหลาย และเหนือสิ่งอื่นใดคือสิ่งที่ คล็อปป์ ให้ความสำคัญมาก ๆ ก่อนจะเซ็นสัญญานักเตะทุกคนมาร่วมทีม นั่นคือเรื่องของ "คาแร็คเตอร์" กล่าวคือ คล็อปป์ เหมือนมีความสามารถพิเศษในการมองเห็นคาแร็คเตอร์ของความเป็นผู้ชนะในตัวนักเตะแต่ละคน บางครั้งเขาให้ความสำคัญของเรื่องนี้มากกว่าสถิติและตัวเลขด้วยซ้ำ ซึ่ง แม็คอัลลิสเตอร์ เป็น 1 ในตัวอย่างที่เห็นภาพได้มากที่สุด
"นอกจากความสารพัดประโยชน์ของเขา อเล็กซิส ยังเป็นนักเตะที่มี IQ ฟุตบอลสูงมาก เขาสงบนิ่งพร้อม ๆ กับมีทักษะต่าง ๆ ที่ยอดเยี่ยม คาแร็คเตอร์ของเขายอดเยี่ยม มีความเป็นมืออาชีพ ให้ความสำคัญในภาพรวมของทีมเป็นอันดับแรก สิ่งนี้จะทำให้เขาเป็นนักเตะที่เก่งขึ้นได้อีกมาก ภายใต้การดูแลของทีมงาน ลิเวอร์พูล" คล็อปป์ ว่าแบบนั้น
ปีแรกในการเป็นนักเตะของ ลิเวอร์พูล แม็คอัลลิสเตอร์ รับบทบาทเป็นกองกลางหมายเลข 6 ซึ่งไม่ใช่ตำแหน่งที่เขาถนัดมากที่สุด โดยเขาต้องรับหน้าที่ควบคุมเกมและการเล่นระหว่างไลน์ ซึ่งตำแหน่งนี้สำคัญมาก ๆ ในการเล่นของทีม ลิเวอร์พูล ที่เป็นทีมที่ดุดันเน้นเพรสซิ่งสูง เบอร์ 6 ของทีม จะต้องทำหน้าที่ให้ "กลางไม่ขาด" ยามใดที่ทีมต้องการเล่นเกมรุก เขาต้องเข้ามาสนับสนุนตัวรุกคนอื่น ๆ ให้ได้ทันท่วงที และเวลาที่ทีมต้องการเกมรับเขาก็ต้องอยู่ตรงนั้นเสมอ เป็นคนแรก ๆ ที่รับผิดชอบการตัดเกมและเปลี่ยนจากรับเป็นรุกด้วย
แม้จะไม่ใช่ตำแหน่งถนัดที่สุด แต่ แม็คอัลลิสเตอร์ ก็แทบไม่ต้องปรับตัวมากนักกับการเล่นเช่นนี้ เพราะความอเนกประสงค์ของเขา มันเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่เล่นในอาร์เจนตินาแล้ว นอกจากนี้ตำแหน่งเบอร์ 6 ยังเป็นบทบาทที่เขาเคยได้รับผิดชอบมาบ้างตั้งแต่ตอนเล่นให้กับ ไบรท์ตัน และตอนเล่นให้กับทีมชาติอาร์เจนตินา
เพียงแต่การมาอยู่กับ ลิเวอร์พูล และเล่นในเกมระดับสูงทุกสัปดาห์ ทำให้การพัฒนาของเขาก้าวขึ้นมาอีกขั้นโดยเฉพาะเรื่องการอ่านสถานการณ์ของเกมให้ขาด อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมตลอดแทบทั้งเกม เพื่อให้ทีมสามารถแย่งบอลได้ และกลับมาเป็นฝ่ายสร้างจังหวะโจมตีให้คู่แข่งอย่างต่อเนื่อง
เขากลายเป็นหมากสำคัญในเชิงแท็คติกของคล็อปป์ และเป็นนักเตะที่มีวิถีนอกสนามแบบมืออาชีพแบบที่ คล็อปป์ ชอบ ซึ่งมีการเปิดเผยกันในหมู่นักเตะของ ลิเวอร์พูล ว่า แม็คอัลลิสเตอร์ มักจะโดนเพื่อนร่วมทีมแซวว่า "ลูกชายของคล็อปป์" เนื่องจากความสนิทสนมและการสนับสนุนที่ คล็อปป์ มอบให้กับ แม็คอัลลิสเตอร์ ตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีม และคำพูดของ คล็อปป์ ก็ยืนยันเรื่องนี้ได้ว่าสิ่งที่คนอื่นแซวกันนั้น ไม่ได้เกินจริงแต่อย่างใด
"ผมรักเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเจอกัน และเมื่อได้ทำงานร่วมกัน ผมพบว่าเขาเป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยม และเป็นคนที่ยอดเยี่ยม ผมมีความสุขมากที่ได้เขามาร่วมทีมของเรา" ถ้าไม่มีท่อนสุดท้าย นี่มันประโยคบอกรักในหนังโรแมนติกชัด ๆ
ปีแรกของ แม็คอัลลิสเตอร์ กับ ลิเวอร์พูล จบลงด้วยการลงเล่นในลีก 33 นัดยิงไป 5 ประตูทำไป 4 แอสซิสต์ และช่วยทีมคว้าแชมป์ คาราบาว คัพ ได้สำเร็จ นอกจากนี้เขายังได้รับการยกย่องจากแฟนบอลและสื่อว่าเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่มีอิทธิพลต่อเกมมากที่สุดของทีมในฤดูกาลนั้น
น่าเสียดายที่ ลิเวอร์พูล จบแค่อันดับ 3 ในลีก และที่น่าเสียดายกว่าก็คือการที่ คล็อปป์ ประกาศลาออกก่อนซีซั่นจบ ซึ่งมันกระทบกับนักเตะที่ย้ายมาใหม่เพราะมี คล็อปป์ เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ แม็คอัลลิสเตอร์ ย้ายมาแน่ ๆ
แต่ชีวิตคนเราก็แบบนี้ ... ไม่มีใครสามารถคาดเดาอนาคตของตัวเองได้ว่าจะเจอกับอะไร ? โลกจะเหวี่ยงสิ่งใดมาเป็นบททดสอบต่อไปให้เรา เช่นเดียวกับ แม็คอัลลิสเตอร์ ที่จะต้องเริ่มปีที่ 2 กับ อาร์เน่อ ชล็อต โค้ชคนใหม่ที่เข้ามาทำหน้าที่แทนคล็อปป์ที่เป็นพ่อของเขา ซึ่งโค้ชชาวดัตช์คนนี้ก็มีบทบาทใหม่ที่ "ต้องเป็นเขา" เท่านั้น นั่นคือบททอดสอบต่อไปของ แม็คอัลลิสเตอร์
มิดฟิลด์แชมป์พรีเมียร์ลีก
จาก 4-3-3 ที่เขารับหน้าที่เป็นแกนกลางสำคัญของทีมทั้งรุกและรับในยุคของ คล็อปป์ แม็คอัลลิสเตอร์ ถูกปรับเปลี่ยนมาเล่นเป็นเบอร์ 8 ในระบบ 4-2-3-1 ในยุคของ ชล็อต และการเปลี่ยนโค้ช เปลี่ยนระบบ และเปลี่ยนตำแหน่งครั้งนี้ ผลักดันทั้งเขาและทีมไปอีกระดับเมื่อเวลาผ่านไป
ชล็อต อธิบายตำแหน่งของ แม็คอัลลิสเตอร์ ว่าเป็นตัว "ระหว่างกลาง" หรือ "อินเตอร์มีเดียต" รับหน้าที่อยู่ระหว่าง มิดฟิลด์ตัวรับ ที่เป็นตำแหน่งเดิมของเขาในปีที่แล้ว ซึ่งปีนี้ ไรอัน กราเฟนแบร์ก ก้าวขึ้นมาทำหน้าที่ตัวคุมจังหวะเกมแทนที่เขา เช่นเดียวกันคือการเป็นตัวเชื่อมบอลจากตัวรับถึงตัวรุก แม้ดูแล้วจะเป็นบทบาทที่คล้าย ๆ กัน แต่ แม็คอัลลิสเตอร์ อธิบายความแตกต่างในยุค ชล็อต ว่า "เขาให้ผมมีอิสระในการเคลื่อนที่และมีส่วนร่วมกับเกมรุกมากขึ้น"
นอกจากนี้ในบางจังหวะที่ทีมต้องเล่นเกมรับเป็นหลัก ชล็อต ก็มักจะใช้ แม็คอัลลิสเตอร์ ถอยลงไปเล่นในระบบมิดฟิลด์คู่ (Double Pivot) กับกราเฟนแบร์ก เพื่อให้เกมตรงกลางกระชับ และเพิ่มความเข้มข้นในการปิดพื้นที่เกมรับมากขึ้น ไม่เสียประตูง่าย ๆ
ผลลัพธ์ของการเปลี่ยนแปลงบทบาทของ แม็คอัลลิสเตอร์ เห็นชัดมาก ๆ เพราะ ลิเวอร์พูล ในยุค ชล็อต กลายเป็นทีมที่เลือกเดินเกมในจังหวะที่หลากหลายกว่าในยุคของ คล็อปป์ กล่าวคือในยุคของ คล็อปป์ อาจจะเน้นการเข่นฆ่าบดขยี้คู่แข่งเพื่อเอาบอลมาเล่นเกมรุกตลอดทั้งเกม แต่ยุคของ ชล็อต นั้นจะมีการเปลี่ยนจังหวะ ช้า-เร็ว ซึ่งเป็นส่วนสำคัญมาก ๆ ที่ทำให้ ลิเวอร์พูล กลายเป็นทีมที่รักษาผลการแข่งขันหลังจากได้ประตูขึ้นนำก่อน ซึ่งสถิติในซีซั่นนี้ก็ยืนยันว่าเมื่อ หงส์แดง ยิงประตูได้ก่อน พวกเขาเป็นทีมที่สามารถเก็บชัยชนะ และเก็บแต้มได้มากที่สุดในพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้
เชื่อว่าถ้าใครได้ดูเกมของ ลิเวอร์พูล ตลอดทั้งซีซั่น คุณจะพบว่าคู่กลางของทีมชุดนี้กลายเป็นพระเอกตัวจริงหากมองข้ามการถล่มประตูยับ ๆ ของโม ซาลาห์ ตัวของ แม็คอัลลิสเตอร์ นั้นถึงขั้นได้รับคำชมจากสื่อหลายเจ้าว่า ณ ตอนนี้เขาเป็นเบอร์ 8 ที่สมบูรณ์แบบที่สุดในยุโรป เพราะเป็นคนที่มีคุณสมบัติรอบด้านทั้งการการควบคุมเกมที่ยอดเยี่ยม การจ่ายบอลที่แม่นยำ และความสามารถในการอ่านเกมที่เฉียบคม
และถ้าจะเอาสถิติตและตัวเลขมายืนยัน ก็พบว่าสถิติสำคัญ ๆ ในตำแหน่งห้องเครื่อง ไม่ว่าจะเป็นสถิติการดวลชนะ (9.2 ครั้งต่อเกม), การตัดบอล (9.3 ครั้งต่อเกม), การเผชิญหน้า 1-1 บนพื้น (9.1 ครั้งต่อเกม) สถิติเหล่านี้สะท้อนถึงความสามารถในการเล่นทั้งเกมรุกและเกมรับของเขา และถือว่าเป็นบทบาทที่มีผลต่อการส่ง ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในซีซั่นนี้อย่างแท้จริง
แม้การต้องบอกลากับ คล็อปป์ จะเป็นการยากต่อการทำใจของ แม็คอัลลิสเตอร์ ในทีแรก แต่มาจนถึงตอนนี้ ต้องยอมรับว่าการมาของ ชล็อต ยกระดับการเล่นของเขาไปอีกขั้น และทำให้เขามีความสำคัญต่อทีมชุดนี้มากยิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งตัวของ ชล็อต เองก็พูดถึง แม็คอัลลิสเตอร์ ไม่ต่างจากคล็อปป์ โดยเจ้าตัวเปิดใจหลังมิดฟิลด์ชาวอาร์เจนไตน์พาทีมคว้าแชมป์ลีกสมัยที่ 20 ว่า
"แม็คอัลลิสเตอร์ เป็นหนึ่งในผู้เล่นไม่กี่คนในโลกที่มีความสามารถพิเศษในการผสมผสานระหว่างความฉลาดในการเล่นและทักษะทางเทคนิคที่ยอดเยี่ยม เขาและ ไรอัน กราเฟนแบร์ก เป็นมิดฟิลด์ตัวลึกที่ยอดเยี่ยม พวกเขาไม่เพียงสำคัญกับผม แต่ยังสำคัญกับแนวรุกของเราด้วย พวกเขาอยู่เบื้องหลังของประตูมากมายที่เราทำได้" คำกล่าวของ ชล็อต ประโยคนี้ยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า ยิ่งเวลาผ่านไปนักเตะชาวอาร์เจนไตน์รายนี้ก็เก่งกาจขึ้นเรื่อย ๆ
บทบาทที่เปลี่ยนไปไม่ใช่อุปสรรค แต่ถูกมองว่าคือความท้าทายใหม่ ๆ ที่เขาต้องยกระดับตัวเองเพื่อก้าวข้ามไปให้ได้ ... ปัจจุบันในวัย 26 ปี แม็คอัลลิสเตอร์ กำลังอยู่ในช่วงอายุที่ใกล้ช่วงพีกที่สุดของนักเตะอาชีพ ดังนั้นมันจึงน่าสนใจว่าในปีต่อ ๆ ไป เขาจะงัดอะไรมาโชว์ให้เราได้เห็นอีกหรือไม่ และที่สำคัญเขาจะพาตัวเองไปอยู่จุดที่แฟนบอลทั่วโลกไร้ข้อโต้แย้งว่า "เขาเป็นกองกลางที่ดีที่สุดในโลก" ได้อย่างไร ?
นี่อาจจะเป็นความท้าทายใหม่ของเขาที่พวกเราต่างรอการพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งของ อเล็กซิส แม็คอัลลิสเตอร์ คนนี้
แหล่งอ้างอิง
https://www.liverpoolfc.com/news/all-you-need-know-about-alexis-mac-allister
https://onefootball.com/es/noticias/from-argentina-to-anfield-alexis-mac-allister-the-story-so-far-37852655
https://www.nytimes.com/athletic/4715648/2023/08/07/alexis-mac-allister-liverpool-celtic-origins/
https://www.bbc.com/sport/football/65843401
https://www.goal.com/en/lists/liverpool-alexis-mac-allister-drops-hint-on-his-future-amid-real-madrid-transfer-links/blt7908fea0d7c23e25