บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มีคิวทำศึกฟุตบอล AFC Champions League Elite เจอกับ อัล อาห์ลี ยอดทีมเงินถุงเงินถังแห่งประเทศซาอุดีอาระเบีย ในวันที่ 26 เมษายน
อัล อาห์ลี ถูกยกให้เป็นอีก 1 ตัวเต็งในการคว้าแชมป์รายการนี้ เนื่องจากขุมกำลังของทีมที่ต่างอัดแน่มเต็มไปด้วยผู้เล่นชั้นนำดีกรีผ่านการเล่นลีกเวทียุโรปมาอย่างคับคั่ง ทั้ง ริยาด มาห์เรซ, โรเบอร์โต้ ฟีร์มิโน่, ไอแวน โทนีย์ รวมไปถึง เอดูอาร์ เมนดี้ และอีกมากมาย
มิหนำซ้ำ อัล อาห์ลี ยังตั้งเป้าในการคว้าแชมป์รายการนี้เป็นอย่างมาก เนื่องจากนับตั้งแต่ก่อตั้งสโมสรขึ้นมา พวกเขายังไม่เคยก้าวไปถึงการคว้าแชมป์ ACL ได้แม้แต่ครั้งเดียว ซึ่งถือว่าเป็นศึกหนักพอสมควรสำหรับการโคจรมาเจอกันในรอบนี้ของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
วันนี้ Main Stand จึงขอพาผู้อ่านทุกท่านไปทำความรู้จักกับสโมสรแห่งนี้ให้มากขึ้น และไปเจาะขุมกำลังของทีมก่อนที่จะมีคิวลงดวลกับทัพ “ปราสาทสายฟ้า” ในช่วงเวลา 23:30 น. ของวันนี้ ร่วมติดตามเรื่องราวของสโมสร อัล อาห์ลี ไปพร้อมกันได้ที่นี่
อัดแน่นไปด้วยสตาร์ดัง
ชื่อเสียงของ อัล อาห์ลี ในปัจจุบัน อาจไม่ถูกพูดถึงหรือแม้แต่เป็นที่ยอมรับเทียบเท่ากับ อัล นาสเซอร์, อัล อิตติฮัด รวมถึง อัล ฮิลาล เท่าไหร่นัก
หากยกผลงานของพวกเขาในปัจจุบันยังถือว่าค่อนข้าง “ห่างชั้น” กับ 3 ทีมที่กล่าวมาก่อนหน้านี้พอสมควร หนักไปมากกว่านั้น ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ฤดูกาล 2021-22 อัล อาห์ลี ยังเคยพลาดท่า “ตกชั้น” ลงไปเล่นในลีกรองของประเทศซาอุดีอาระเบียมาแล้วอีกด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม จากการเข้ามาของกลุ่มทุน “PIF” หรือที่รู้จักกันในนาม “กองทุนความมั่งคั่งของประเทศซาอุดีอาระเบีย” ที่เข้ามาเทคโอเวอร์ซื้อหุ้น 75 เปอร์เซ็นต์ของสโมสร อัล อาห์ลี ไปในช่วงปี 2023 พร้อมกับ อัล นาสเซอร์, อัล อิตติฮัด และ อัล ฮิลาล ส่งผลให้พวกเขามีงบประมาณในการไล่ซื้อสตาร์ชื่อดังเข้ามาร่วมทีมแบบไม่ขาดสาย
เราจึงได้เห็นชื่อของ ริยาด มาห์เรซ ปีกจอมลากเลื้อยของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้, โรเบอร์โต้ ฟีร์มิโน่ กองหน้าตัวหลอกของ ลิเวอร์พูล , ไอแวน โทนีย์ กองหน้าฟอร์มแรงจาก เบรนท์ฟอร์ด, เอดูอาร์ เมนดี้ ผู้รักษาประตูจอมเก๋าจาก เชลซี, ฟรองค์ เคสซิเย่ กองกลางอดีตนักเตะ เอซี มิลาน และ บาร์เซโลน่า เลือกหันหลังให้กับฟุตบอลยุโรป และหันมารับเงินอู้ฟู้กับทาง อัล อาห์ลี
ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น ยังมีผู้เล่นอีกหลายรายที่มาจากทวีปยุโรป ที่แม้ว่าชื่อเสียงอาจไม่โด่งดัง มากเท่าไหร่นัก แต่ถ้าหากพูดถึงคลาสฝีเท้าของผู้เล่นเหล่านี้ยังถือว่าสามารถโลดแล่นอยู่ในเวทียุโรปกับสโมสรชั้นนำได้อีกหลายปีเช่นกัน
เริ่มจาก กาบรี้ เวก้า แข้งวันเดอร์คิดชาวสเปนชื่อดังจาก เซลต้า บีโก้, โรเจอร์ อิบันเญซ กองหลังจอมแกร่งอดีตนักเตะ โรม่า, เมริห์ เดมิลาล อดีตกองหลัง ยูเวนตุส และ อตาลันต้า รวมไปถึงในรายสุดท้ายอย่าง กาเลโน่ ริมเส้นตัวจี๊ด อดีตเดอะแบกของ เอฟซี ปอร์โต้ ที่เพิ่งถูกทาง อัล อาห์ลี ทุ่มซื้อตัวมาร่วมทีมเมื่อช่วงตลาดซื้อขายนักเตะหน้าหนาว 2025 ด้วยค่าตัวสูงถึง 50 ล้านยูโร
มากไปกว่านั้น เฮดโค้ชคนปัจจุบันของ อัล อาห์ลี อย่าง มัทเธียส ไยส์สเลอ กุนซือหนุ่มวัย 37 ปีชาวเยอรมนี ก็เติบโตจากการเป็นหนึ่งในเฮดโค้ชจากทีมในเครือของ “เรดบูล” ที่ผ่านการคุมทีม ทั้ง ลีฟเฟอริง เมื่อปี 2021 รวมไปถึง เรดบูล ซัลบวร์ก ทั้งทีมชุดเยาวชนและทีมชุดใหญ่ในปี 2021
ด้วยความที่เป็นหนึ่งในกุนซือภายใต้เครือของ เรดบูล และอายุยังน้อยเพียง 37 ปีเท่านั้น ส่งผลให้ทาง มัทเธียส ไยส์สเลอ ถูกยกให้เป็นอีกหนึ่งกุนซือ “วันเดอร์คิด” ที่น่าจับตามอง เป็นอย่างมาก ก่อนที่ผลงานของเจ้าตัวจะไปเข้าตาบอร์ดบริหารของ อัล อาห์ลี กระชากตัวเขามาคุมทีมในปี 2023
ทีมที่ผู้คนในซาอุฯ ไม่ค่อยพูดถึง
แม้ว่าจะมีทั้งการเสริมตัวผู้เล่นชื่อดังมาจากยุโรปหลายราย รวมไปถึงการคว้าหนึ่งในเฮดโค้ชที่มีศักยภาพสูงอย่าง มัทเธียส ไยส์สเลอ แต่ก็ต้องพูดกันอย่างตรงไปตรงมาว่า อัล อาห์ลี ก็ยังไม่ใช่ทีมที่สปอร์ตไลท์ส่องไปถึงมากนักในปัจจุบัน
เพราะด้วยความที่ในลีกซาอุดีอาระเบีย มีทั้ง อัล นาสเซอร์ ที่มี “CR7” คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซูเปอร์สตาร์ชื่อดังทีมชาติโปรตุเกส เป็นตัวชูโรงของทีม ส่วนทางฝั่ง อัล อิตติฮัด ก็มีทาง คาริม เบนเซม่า กองหน้าตัวเก่งชาวฝรั่งเศส เป็นตัวชูโรงด้วยเช่นกัน
ขณะที่ฝั่งของ อัล ฮิลาล แม้ว่าจะไม่ได้มีซูเปอร์สตาร์ชื่อเสียงโด่งดังแบบทั้ง อัล นาสเซอร์ และ อัล อิตติฮัด แต่นักเตะโควตาต่างชาติของพวกเขาก็ต่างเป็นนักเตะที่ผ่านการลงเล่นเวทียุโรปมาอย่างโชกโชน และองค์ประกอบของทีมถือว่าแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก สามารถคว้าแชมป์ ซาอุดี โปร ลีก มาครองในฤดูกาล 2023-24 ที่ผ่านมา
เหตุนี้เองหากจะบอกว่า อัล อาห์ลี เปรียบเป็นทีม “ลูกเมียน้อย” ที่ไม่ค่อยได้รับกระแสจากบรรดาสื่อและแฟนบอลก็ถือว่าพูดแบบนั้นได้เช่นกัน
และด้วยความที่ได้รับกระแสถูกพูดถึงน้อยกว่า 3 ทีมที่กล่าวมา ทางฝั่งของ ริยาด มาห์เรซ ดาวเตะของทีม เคยออกมาให้ความคิดเห็นกับเรื่องนี้เช่นกัน เผยว่ารู้สึกแปลกใจที่ อัล อาห์ลี ไม่ได้รับกระแสที่มากนัก แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีที่ทำให้พวกเขาเล่นกันได้อย่างไม่กดดัน
“ถ้าให้ผมพูดตามตรง ผมแปลกใจมากที่ อัล อาห์ลี ไม่ค่อยได้รับการพูดถึง เพราะหากดูที่กองเชียร์และเกียรติประวัติของสโมสร พวกเขาควรได้รับกระแสที่มากกว่านี้ แต่ผมก็คิดว่ามันก็ถือเป็นเรื่องดีเช่นกัน เพราะว่าทำให้แรงกดดันที่พวกเราควรเจอลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด”
นอกเหนือจากนั้น โมฮาเหม็ด นอร์ อดีตตำนานทีมชาติซาอุดีอาระเบีย ก็เป็นอีกหนึ่งรายที่เคยออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ เผยว่าข้อได้เปรียบของ อัล อาห์ลี ที่มีมากกว่าทั้ง อัล นาสเซอร์, อัล อิตติฮัด และ อัล ฮิลาล คือเป็นทีมไม่ได้ถูกจับตามองมากนัก และมองว่าเหตุนี้เองจะทำให้ อัล อาห์ลี ไม่มีความกดดันในการเล่นบอลเอเชีย และจะสามารถคว้าแชมป์ ACL Elite ปีนี้ไปครองได้สำเร็จ
“ผมขอสวนกระแสหลาย ๆ คน ผมคิดว่า อัล อาห์ลี จะคว้าแชมป์ฟุตบอลเอเชียปีนี้มาครอง เพราะพวกเขาแสดงให้เห็นแล้วว่าศักยภาพและชื่อชั้นนักเตะของทีมดีมากขนาดไหน มิหนำซ้ำแฟนคลับของพวกเขายังตามไปเชียร์เต็มสนามในทุกนัด ซึ่งมันเป็นเรื่องดีต่อการเล่นในแต่ละนัด”
“อีกหนึ่งประเด็นที่ผมมอง อัล อาห์ลี จะเป็นตัวเต็งในการคว้าแชมป์ ก็คือเรื่องของข่าวนอกสนาม เพราะเราจะเห็นได้ว่าส่วนใหญ่แล้ว อัล อาห์ลี แทบไม่มีข่าวอื้อฉาวหรือได้รับการพูดถึง เหมือนกับทีมในซาอุฯ ทีมอื่น ๆ ดังนั้นผมคิดว่าเรื่องพวกนี้ มันถือว่าเป็นข้อได้เปรียบของ อัล อาห์ลี ที่ไม่ต้องรับแรงกดดันมากนัก”
เกมรุกยังมีปัญหา
นอกเหนือจากเรื่องราวนอกสนามแล้ว หากพูดถึงเรื่องในสนามของ อัล อาห์ลี ในปัจจุบัน แม้ว่าพวกเขาแทบจะหมดสิทธิ์ในการเป็นแชมป์ลีกฤดูกาล 2024-25 เป็นที่เรียบร้อย หลังจากพวกเขามีคะแนนตามหลังจ่าฝูงอย่าง อัล อิติฮัด อยู่มากถึง 10 คะแนน และเหลือโปรแกรมการแข่งขันอยู่เพียง 5 นัดเท่านั้น
แต่อย่างไรก็ตามหากไปดูในรายละเอียดเชิงลึกของทีม จะเห็นได้ว่าจุดแข็งของพวกเขาในฤดูกาลนี้คือ “เกมรับ” ของทีม ที่ปัจจุบันเสียประตูเพียง 29 ประตูเท่านั้น เป็นทีมที่เสียประตูน้อยที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ในศึก ซาอุดี โปร ลีก เวลานี้ เป็นรองเพียง อัล คาดิซิย่า ที่เสียประตูไปทั้งหมด 26 ประตูในฤดูกาลนี้
หากพูดว่าจุดแข็งของ อัล อาห์ลี ในปีนี้คือเกมรับ จุดอ่อนของพวกเขาที่แสดงออกมาให้เห็นอย่างเด่นชัดเช่นกัน นั่นคือการทำประตูของผู้เล่นในแนวรุก ที่เห็นได้ชัดเจนเลยว่าหากนัดไหนที่ ไอแวน โทนีย์ กองหน้าดาวซัลโวของทีม เล่นไม่ออกหรือมีผลงานที่ตกลงไปไม่สามารถทำประตูใส่คู่แข่งได้ ผลลัพธ์ในเกมนัดนั้นของ อัล อาห์ลี จะจบลงด้วยผลเสมอไม่ก็แพ้เท่านั้น
นอกจากนี้ดูเหมือนว่าเหล่าบรรดาซุปเปอร์สตาร์ในแนวรุกของ อัล อาห์ลี อย่างเช่นในรายของ ริยาด มาห์เรซ และ โรเบอร์โต้ ฟีร์มิโน่ ก็ต่างมีผลงานที่ดรอปลงไปมากกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด แตกต่างกับสมัยที่ทั้งสองค้าแข้งอยู่ในเวทียุโรป ยิ่งในรายของ บ็อบบี้ ฟีร์มิโน่ ยังทำผลงานในปีนี้ได้อย่างน่าผิดหวัง มีส่วนร่วมในการทำประตูไปได้เพียง 8 ลูกเท่านั้น เป็นเหตุให้ในเลกที่ 2 ของศึกฟุตบอล ซาอุดี โปร ลีก เขาได้ถูก มัทเธียส ไยสส์เลอ ถอดชื่อออกจากขุมกำลังนักเตะต่างชาติที่ส่งลงทะเบียนเป็นที่เรียบร้อย
เหตุนี้เองหลังจากที่ผลงานของเหล่าสตาร์ชื่อดังที่ทีมใช้เม็ดเงินลงทุนดึงตัวเข้ามาร่วมทีมด้วยงบประมาณมหาศาล แต่กลับมีผลงานที่ยังจับต้องไม่ได้มากนัก เปรียบกับสำนวนไทยอย่างเช่นคำว่า “ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ”
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใดที่พวกเขาเหล่านี้จะถูกโจมตีถึงเรื่องผลงานในสนาม อย่างเช่น ครั้งหนึ่งที่ทาง อาลี ดาอี ตำนานกองหน้าทีมชาติอิหร่าน ที่ครั้งหนึ่งเคยได้รับเชิญให้ไปเป็นผู้สันทัดกรณี ในเกมที่ อัล อาห์ลี เปิดบ้านเจอกับ เอสเตกัล ทีมจากประเทศอิหร่าน ในศึก ACL Elite รอบลีกเฟสที่ผ่านมา
“นี่คือคลาสของผู้เล่นจากยุโรปจริงหรือ ผมไม่อยากเชื่อเลย พวกเขาแทบไม่มีแรงกระหายหรือความเป็นผู้ชนะออกมาทั้งสิ้น ผมคิดว่าถ้าเกมนี้ เอสเตกัล ไม่เหลือผู้เล่น 10 คน และไม่เสียจุดโทษช่วงทดเวลาบาดเจ็บ พวกเขาจะชนะ อัล อาห์ลี ได้อย่างง่ายดาย”
คำวิจารณ์เกี่ยวกับนักเตะต่างชาติของ อัล อาห์ลี มีออกมาให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง จนถึงขั้นที่ทาง มัทเธียส ไยส์สเลอ ต้องออกมาแก้ต่างให้กับลูกทีมที่ถูกโจมตีมากจนเกินไป โดยทางกุนซือผู้นี้ยังได้ตอบกลับอีกว่า หากนักเตะดังกล่าวไม่ดีพอ ก็คงไม่มีทางที่ อัล อาห์ลี จะทะลุเข้ามาได้ถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายในศึกฟุตบอล ACL Elite
“บางทีผมคิดว่าคำวิจารณ์ก็รุนแรงมากจนเกินไป มาห์เรซ, ฟีร์มิโน่ และ โทนีย์ โชว์ให้เห็นแล้วว่าพวกเขาสามารถทำประตูได้จากทุกจังหวะการเล่น เคสซีย์ และ เวก้า ก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยมในการบัญชาการเกมตรงกลาง ส่วน เมนดี้, อิบันเญซ และ เดมิลาล ก็แสดงความแข็งแกร่งในการเล่นเกมรับไม่ให้ทีมต้องเสียประตู”
“พวกเขาทุกคนต่างทำได้ดีในแบบฉบับของตนเอง มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผลงานจะตกลงไป นักเตะทุกคนต้องเคยเจอเรื่องแบบนั้น แต่ผมคิดว่าจากกระแสข่าวที่โจมตีพวกเขาก็ดูไม่จริงไปทั้งหมด ถ้าพวกเขาไม่ดีจริงในบอลลีกเราคงไม่อยู่อันดับท็อปของตาราง และในบอลเอเชียเราคงไม่มีทางเข้าไปถึงรอบลึกอย่างเช่นในปัจจุบัน”
ทั้งนี้ต้องมารอดูกันว่า อัล อาห์ลี จะไปได้ไกลมากเท่าไหร่นักในการเล่นบอลเอเชียปีนี้ โดยในรายการฟุตบอล ACL Elite ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งรายการที่พวกเขาต่างถวิลหาแชมป์มาครองให้ได้สำเร็จ เพื่อเป็นการประกาศกร้าวว่าพวกเขาก็เป็นอีกหนึ่งสโมสรที่มีความแข็งแกร่งและยิ่งใหญ่อยู่ในระดับเดียวกับทั้ง อัล นาสเซอร์, อัล อิติฮัด และ อัล ฮิลาล
นอกเหนือจากนั้นการคว้าแชมป์ ACL Elite ก็ยังถือว่าเป็นอีกหนึ่งในประวัติศาสตร์ของสโมสร ที่พวกเขาต้องการคว้ามาให้ได้ เพื่อเป็นเกียรติแก่สโมสรที่หมายมั่นปั้นมือต้องการคว้าแชมป์รายการนี้ให้ได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่สโมสรก่อตั้งมายาวนานกว่า 88 ปี
23:30 น. ของวันนี้มีคำตอบอย่างแน่นอนว่าจะเป็น อัล อาห์ลี ที่ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ และไปถึงการคว้าแชมป์ ACL Elite แบบตามที่พวกเขาตั้งความหวังเอาไว้หรือไม่ หรือว่าจะเป็นตัวแทนหนึ่งเดียวจากประเทศไทยอย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่แม้ว่าชื่อชั้นจะเป็นรองอยู่แทบทุกด้าน แต่พวกเขาก็หวังเล็ก ๆ เช่นกันที่จะผ่านเข้าไปรอบลึก ๆ ให้ได้ในท้ายที่สุดเพื่อประวัติศาสตร์ของประเทศไทย
แหล่งอ้างอิง
https://www.transfermarkt.com/al-ahli-sfc/erfolge/verein/18487
https://www.spl.com.sa/en/news/486669/riyad-mahrez-al-ahli-fans-are-incredible
https://www.ysscores.com/en/news/13704785/The-Union-Legend-Predicts-the-Closest-Team-to-Win-the-Elite-AFC-Champions-League
https://www.ysscores.com/en/news/13726860/Saudi-Legend-Warns:-Al-Ahli-on-a-Rocky-Road-to-Asia's-Elite
https://english.alarabiya.net/amp/sports/2025/02/26/how-matthias-jaissle-transformed-al-ahli-into-afc-champions-league-contenders
https://www.bbc.com/sport/football/65813662