เปรสตัน นอร์ธ เอนด์ คือสโมสรเก่าแก่ของอังกฤษที่ก่อตั้งมากว่า 145 ปี ด้วยอายุที่ยาวนานทำให้พวกเขามีตำนานนักเตะมากมายที่เกิดขึ้น ณ ที่แห่งนี้
แต่ถ้าเราเอายุคที่คนรุ่นหลังทันกันมากหน่อย ยังไงเสียก็คงหนีไม่พ้น 3 เรื่องนี้
ที่นี่คือจุดเริ่มต้นของนักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของทีมชาติอังกฤษอย่าง เดวิด เบ็คแฮม ในวัยตั้งไข่
ไม่เท่านั้น นี่คือสโมสรที่ให้ประสบการณ์การคุมทีมแก่ เดวิด มอยส์ ตั้งแต่ที่เขาเป็นเพื่อนร่วมทีมของ เบ็คแฮม
และช่วงเวลาหลังจากนั้นไม่นาน ตำนานนักเตะทีมชาติอังกฤษที่แย่ที่สุดระดับท็อป 10 อย่าง เดวิด นูเจนท์ ก็ตามมา
นี่คือเรื่องราวสนุก ๆ จากทีมเล็ก ๆ ที่กำลังจะลงสนามเจอกับ แอสตัน วิลล่า ในเอฟเอ คัพ สุดสัปดาห์นี้
ติดตามกับ Main Stand
ทีมแห่งการให้โอกาส
แม้จะเป็นสโมสรที่มีอายุยืนยาวมากว่า 145 ปี แต่ในแง่ของความสำเร็จและการถูกจดจำโดยแฟนบอลทั่วโลกที่มีต่อ เปรสตัน นั้นไม่ได้มากมายนัก
เพราะเราต้องยอมรับว่า ยุคสมัยที่พวกเขายิ่งใหญ่นั้นต้องย้อนกลับไปไกลมาก ๆ ตั้งแต่ก่อนเข้าศตวรรษที่ 19 เลยด้วยซ้ำไป โดยจากบันทึกประวัติศาสตร์ของสโมสรพบว่า ความยิ่งใหญ่สุดท้ายที่ เปรสตัน ทิ้งไว้บนหน้าประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษ คือการเป็นแชมป์ลีกสูงสุด หรือ ดิวิชั่น 1 เดิม ทีมแรก ในฤดูกาล 1888-89 อันเป็นซีซั่นแรกของการแข่งขัน และซีซั่นต่อมา 1889-90 เลยทีเดียว
และเมื่อเราย้อนหาโทรฟี่สุดท้ายของสโมสรนี้ ปรากฏว่ามันเกิดขึ้นเมื่อฤดูกาล 2014-15 กับการเป็นแชมป์เพลย์ออฟเลื่อนชั้นของ ลีกวัน ลีกระดับ 3 ของอังกฤษ
เรียกได้ว่าช่วงเวลาหลายสิบปีหลังมานี้ เปรสตัน ใช้เวลาเล่นอยู่ในดิวิชั่นล่าง ๆ เป็นหลัก และเป็นสโมสรที่โตไม่ทันเพื่อน ในการรีแบรนด์ของฟุตบอลอังกฤษ ที่เปลี่ยนจากดิวิชั่น 1 เป็นพรีเมียร์ลีก
อย่างไรก็ตาม เสน่ห์ของสโมสรนี้คือความเก่าแก่และเป็นทีมที่แฟนบอลเหนียวแน่น ไม่ว่าจะอยู่ในดิวิชั่นไหน ๆ จำนวนคนดูในสนามและผู้ซื้อตั๋วปีของ เปรสตัน ถือว่าเป็นทีมระดับแถวหน้าของลีกล่างมาโดยตลอด แม้ความสำเร็จจะน้อย แต่ทีม ๆ นี้ก็มีบทบาทในการสร้างตำนานต่าง ๆ ให้กับฟุตบอลอังกฤษเช่นกัน และเรื่องทั้งหมดย้อนกลับไปไม่ไกลมากนัก เกิดขึ้นในยุค 1990s นี้นี่เอง
เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะ เปรสตัน คือสโมสรแรกที่ เดวิด เบ็คแฮม ได้เข้าใจคำว่า "นักเตะอาชีพ" แบบจริงจัง เพราะในปี 1995 เขาถูก เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ส่งมาเล่นแบบยืมตัวที่นี่เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเป็นแกนนำของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในอนาคต
ช่วงเวลานั้น เบ็คแฮม และกลุ่ม คลาส ออฟ '92 กำลังแจ้งเกิดกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ไรอัน กิ๊กส์ ขึ้นชั้นสู่ทีมชุดใหญ่ก่อนใครเพื่อน ตามด้วย แกรี่ เนวิลล์ และ พอล สโคลส์ ตามลำดับ ส่วน เบ็คแฮม อาจจะเป็นเพราะตำแหน่งตัวริมเส้นนั้นยังไม่เปิดกว้างให้ เบ็คแฮม ที่อยู่ในวัย 18 ย่าง 19 ปี ขึ้นมาเล่น เพราะมีก้างชิ้นใหญ่อย่าง อังเดร แคนเชลสกี้ เจ้าของฉายา "จรวดรัสเซีย" ขวางทางอยู่
ทว่า ณ เวลานั้น เบ็คแฮม เองก็สุกงอมเกินกว่าจะเล่นในทีมสำรองของ แมนฯ ยูไนเต็ด ดังนั้น เฟอร์กี้ จึงเลือกที่จะให้ เบ็คแฮม ออกไปหาประสบการณ์การเป็นนักเตะทีมชุดใหญ่ และได้ลงเล่นเกมอย่างเป็นทางการให้มากขึ้น รวมถึงการออกไปหัดใช้ชีวิต เพื่อให้เจ้าตัวกลับมาด้วยคุณภาพ และความพร้อมที่มากกว่าเดิม
เบ็คแฮม ไปอยู่ที่นั้นในช่วงสั้น ๆ ไม่กี่เดือน เพียงแต่ด้วยความเป็นเด็ก และขาดประสบการณ์ เบ็คแฮม หนักใจกับการย้ายทีมครั้งนี้ แม้ เฟอร์กี้ จะบอกกับเขาแบบที่เราบอกกับคุณในข้างต้น แต่ เบ็คแฮม ไม่อยากจะเชื่อเต็ม 100% เพราะในขณะที่เพื่อนคนอื่นได้เล่นชุดใหญ่ไปแล้ว ทำไมตัวของเขาจึงต้องออกมาเล่นแบบยืมตัวด้วย มันพาลทำให้เขาคิดไปไกลว่าตัวเองจะโดนขายหลังจากการยืมตัวสิ้นสุดลง
"ผมช็อกไปเลยเมื่อเจ้านายบอกผมว่าจะต้องออกอยู่กับ เปรสตัน นอร์ธ เอนด์ แบบยืมตัว" เบ็คแฮม กล่าวผ่านอัตชีวประวัติของเขา
อย่างไรก็ตาม เมื่อ เบ็คแฮม มาถึงที่ เปรสตัน เขาก็ได้พบว่าทุกอย่างถูกตระเตรียมไว้อย่างดี เฟอร์กี้ ได้ตกลงกับ แกรี่ ปีเตอร์ส กุนซือของ เปรสตัน ในเวลานั้นว่า ถ้าเขาปล่อยให้ยืม เบ็คแฮม เด็กจะต้องได้ลงเล่นตามสัญญา ซึ่ง ปีเตอร์ส ก็รักษาสัญญาอย่างดี แถมยังให้โอกาสสำคัญที่เรียกว่าเป็นหนึ่งในจุดที่ทำให้ เบ็คแฮม กลายเป็นเจ้าพ่อลูกนิ่งในเวลาต่อมาด้วย
"แกรี่ ปีเตอร์ส เรียกผมไปยืนต่อหน้านักเตะทุกคนในทีม และพูดแนะนำตัวผมว่า นี่คือ เดวิด เบ็คแฮม ที่ยืมมาจาก ยูไนเต็ด เขาจะอยู่กับเรา 1 เดือน และจากนี้ไอ้หนุ่มคนนี้จะเป็นคนรับหน้าที่ยิงฟรีคิกและเปิดลูกเตะมุมของเราทั้งหมด" เบ็คแฮม กล่าวย้อนความ
การเปิดตัวแบบให้ใจ เบ็คแฮม เต็ม ๆ ของ ปีเตอร์ส ทำเอาคนที่เตะฟรีคิกคนเก่าอย่าง เดฟ เรย์เนอร์ ต้องเกลียด เบ็คแฮม ไปโดยปริยาย เพราะเขาถูกแย่งหน้าที่สำคัญไป เขาตั้งแง่กับเด็กใหม่อย่าง เบ็คแฮม ตลอดการซ้อมสัปดาห์แรก แต่ทุกอย่างก็จบลงอย่างรวดเร็วเมื่อ เบ็คแฮม ถูกเปลี่ยนลงสนามแทนที่เขาในเกมแรกกับ ดอนคาสเตอร์
"ผมหงุดหงิด และกังวลเกี่ยวกับอนาคตของผม เมื่อผู้จัดการทีมบอกแบบนั้น จนกระทั่งในเกมแรก ผมโดนเปลี่ยนตัวออก และ เดวิด ลงมาแทนในฐานะตัวสำรอง โค้ชสั่งให้ผมนั่งลงบนม้านั่งและดูการเล่นของ เบ็คแฮม และจากนั้นไม่กี่นาที เดวิด เบ็คแฮม ก็ยิงประตูโดยตรงจากลูกเตะมุม เป็นประตูแรก ในเกมแรกของเขากับ เปรสตัน ทันที ... แล้วผมจะทำอะไรได้ล่ะ ? ผมหุบปากและหมดข้อโต้แย้งที่มีต่อ เบ็คแฮม ทันทีในตอนนั้น"
เป็น 1 เดือนที่ เบ็คแฮม ได้ลงเล่นเต็ม ๆ ให้กับ เปรสตัน ที่ตอนนั้นเล่นในดิวิชั่น 3 (ลีกทู ปัจจุบัน) ไปทั้งหมด 5 นัด เขาได้เงินโบนัสจากการลงสนามเกมละ 50 ปอนด์ ทุกวันนี้แฟนบอลของ เปรสตัน ยังคงจดจำช่วงเวลานั้นได้ดี และ เบ็คแฮม ยังคงเป็นคนโปรดของพวกเขาเสมอ เช่นเดียวกับ เบ็คแฮม ที่ได้เรียนรู้อะไรมากมายจากการยืมตัว 1 เดือนนั้น
อันที่จริง ปีเตอร์ส ถูกใจและอยากจะยืมเบ็คแฮม ไปใช้งานจนจบซีซั่น แต่ผลงานที่ดีเกินคาด 5 นัด 2 ประตู 2 แอสซิสต์ ของเขา ทำให้ เฟอร์กี้ เรียกตัว เบ็คแฮม กลับไปเล่นให้ ยูไนเต็ด ในช่วงที่เหลือของซีซั่น ก่อน เบ็คแฮม จะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยแรกในฤดูกาล 1995-96
"มันเป็นความทรงจำที่ดี ผมมาที่นี่ผมคิดว่า ยูไนเต็ด ไม่ต้องการผมอีกแล้ว ซึ่งเมื่อโตขึ้นก็เข้าใจทุกอย่าง เซอร์ อเล็กซ์ แค่อยากให้ผมลองไปรับตีน ไปโดนคู่แข่งเตะเพื่อสร้างภูมิต้านทานจากลีกล่าง ... ซึ่งนั่นแหละที่ผมเจอ ผมโดนเตะตามที่เขาหวัง แต่ทุกอย่างที่ เปรสตัน ออกมาดูดีมาก ๆ เลยทีเดียว นั่นเป็นช่วงเวลาสำคัญต่ออาชีพของผมเลย" เบ็คแฮม กล่าวทิ้งท้าย
เดวิด หมายเลข 1 "ตัวจริง"
แม้ เดวิด เบ็คแฮม จะเป็นที่รักและเป็นนักเตะที่แฟน เปรสตัน ภาคภูมิใจ แต่ในความจริงแล้ว เขาไม่ใช่ เดวิด ที่ 1 ในใจแฟน "เดอะ ลิลลี่ไวท์ส" เพราะเจ้าของตำแหน่งเบอร์ 1 ตัวจริงนั้นเป็นของ เดวิด มอยส์ กุนซือ เอฟเวอร์ตัน ณ ปัจจุบัน ที่เป็นเหมือนตำนานของทีม เปรสตัน ตั้งแต่เป็นนักเตะ
มอยส์ เป็นนักเตะชาวสกอตต์ ที่ย้ายมาเล่นให้ เปรสตัน ในปี 1993 และใช้เวลากับทีม ๆ นี้นานถึง 5 ปี แน่นอนว่าช่วงเวลาที่เขาเป็นกัปตันทีมของ เปรสตัน ก็เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ เดวิด เบ็คแฮม มาเล่นที่นี่แบบยืมตัวด้วย
เหตุผลที่แฟนบอลของ เปรสตัน ชอบ มอยส์ เพราะการเป็นนักเตะเลือดนักสู้แบบนักฟุตบอลยุค 1980s-1990s กล่าวคือไม่ได้เก่งมากมายระดับเป็นตัวหลักในทีมชาติ แต่ก็เป็นนักเตะที่ดีสำหรับทีมของตัวเองที่เล่นอยู่ในระดับดิวิชั่น 3
นักเตะในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ก มีความกล้าหาญ เป็นผู้นำ และไม่เคยกลัวเจ็บกลัวตาย เรียกได้ว่าถ้าเรื่องเข้าบอลหนัก ในยุคนั้น ถ้าถามหาในทีม เปรสตัน ชื่อของ มอยส์ ก็ต้องเป็นเบอร์แรก ๆ เมื่อรวมกับการรับใช้ทีมยาวนาน แค่นี้ก็มากพอที่จะทำให้ มอยส์ เป็นขวัญใจของแฟนบอล ลิลลี่ไวท์ส แล้ว
มอยส์ ค้าแข้งอยู่กับทีมจนถึงอายุ 34 ปี พร้อมรับตำแหน่งเป็นผู้ช่วยของ ปีเตอร์ส ไปด้วย จนกระทั่งในปี 1998 ปีเตอร์ส ทำผลงานได้ไม่ดี และโดนไล่ออก ประธานสโมสรในเวลานั้นอย่าง ไรอัน เกรย์ เลือกคนที่เขาเชื่อว่าพร้อมที่สุดอย่าง มอยส์ ก้าวขึ้นมารับตำแหน่งแทน ท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของแฟนบอล ที่แม้จะรัก มอยส์ ในฐานะนักเตะแค่ไหน แต่ในการคุมทีมนั้น พวกเขาไม่สามารถแน่ใจได้ว่า มอยส์ จะเป็นคนที่ใช่
"ผมยังจำคำซุบซิบนินทาในช่วงนั้นได้ดี แฟนบอลบอกว่ามีโค้ชที่ดังและดีกว่าผมตั้งเยอะ ทำไมท่านประธานกลับกล้าไว้ใจผม ย้อนกลับไปตอนนั้น ชื่อที่แฟนบอลอยยากจะได้คือ เอียน รัช หรือ โจ รอยล์ เข้ามาคุมทีมมากกว่า"
ตัว มอยส์ เองก็ไม่แน่ใจตัวเองในตอนแรก แต่เขาเชื่อว่าจากประสบการณ์ตรงที่เคยเป็นนักเตะ สิ่งสำคัญคือของการคุมทีมในฐานะมวยแทน ระยะสั้น ๆ คือการเข้าถึงนักเตะทุกคน มากกว่าการลงรายละเอียดเรื่องแท็คติก ถ้าซื้อใจนักเตะได้ นักเตะก็จะยอมวิ่งเพื่อคุณ และนั่นคือจุดเริ่มต้นแห่งแนวทางการทำทีมของ มอยส์ แม้กระทั่งทุกวันนี้ เรียกได้ว่าเป็นสารตั้งต้นในการทำงานโค้ชของ มอยส์ เลยก็ว่าได้
มอยส์ ย้อนเล่าวิธีการทำงานของเขาตอนนั้นกับ เปรสตัน และเขาบอกว่า ไม่ได้แก้ที่แท็คติกเป็นอย่างแรก แต่เริ่มแก้ที่ความมั่นใจนักเตะก่อน เริ่มใช้งานนักเตะให้เหมาะกับธรรมชาติของนักเตะคนนั้น ๆ และเหนือสิ่งอื่นใด ต้องเข้าใจธรรมชาติของแฟนบอลในเกมเหย้า ซึ่งข้อนี้สำคัญมาก
มอยส์ อาจจะเป็นโค้ชเน้นเกมรับ แต่ตอนเล่นเกมเหย้า เขารู้ว่าทีมต้องเปิดเกมบุกบ้าง และเล่นให้ดุดัน เข้าบอลหนัก ๆ วิ่งบีบ เพรสซิ่งคู่แข่ง เพราะนี่คือสิ่งที่แฟนบอลในสนาม ดีป เดล ชอบมาก ๆ และเมื่อแฟนบอลชอบ แฟนบอลจะช่วยกันส่งเสียงเชียร์ดังเป็นพิเศษ และช่วยโห่ ด่า ข่มขู่ กดดันนักเตะคู่แข่ง ซึ่งจุดนี้มันทำให้นักเตะฮึกเหิมขึ้น บวกกับคู่แข่งเล่นพลาดมากขึ้น
กว่าจะได้สูตรนี้มา มอยส์ ก็เกือบโดนไล่ออกเหมือนกัน เพราะกว่าที่เขาจะพา เปรสตัน ชนะเกมแรก ก็ต้องรอให้ผ่านไปถึง 8 เกม จนทีมชนะ บอร์นมัธ 2-0 โดยหลังเกมนั้นเขาให้สัมภาษณ์ว่า "ผมเกือบจะร้องไห้แล้ว เพราะผมรู้สึกดีใจมากที่ชนะในเกมนี้ หากเราไม่ชนะหรือทีมยังแพ้ไปอีก 1-2 เกม ผมคงต้องสารภาพว่า นี่ไม่ใช่งานที่เหมาะกับผม"
สุดท้าย มอยส์ ก็ทำได้ เขาคุมทีมด้วยปรัชญาดังกล่าวพา เปรสตัน เลื่อนชั้นสู่ดิวิชั่น 1 (แชมเปี้ยนชิพ ปัจจุบัน) ได้สำเร็จ และเริ่มรับงานที่ทำให้ทุกคนจำเข้าได้นั่นคือการคุม เอฟเวอร์ตัน ในปี 2002 และเป็นหนึ่งในตำนานของวงการฟุตบอลอังกฤษจนกระทั่งทุกวันนี้
เดวิด "ที่ 3" นูเจนท์
หลังจากที่ เดวิด มอยส์ ย้ายไปคุม เอฟเวอร์ตัน ในปี 2002 ... 3 ปีต่อมา ตำนาน เดวิด คนใหม่ของแฟนบอล ลิลลี่ไวท์ส อย่าง เดวิด นูเจนท์ เข้ามาเป็นตำนานอีกหนึ่งหน้าของถิ่น ดีป เดล
เดวิด นูเจนท์ เป็นอดีตนักเตะอคาเดมี่ของ ลิเวอร์พูล ก่อนจะโดน ลิเวอร์พูล ยกเลิกสัญญาตอนอายุ 15 ปี และทำให้เขาต้องไปหาทีมเล็ก ๆ ในดิวชั่นล่าง ๆ เล่น ก่อนจะมาจบที่ บิวรี่ ทีมในดิวิชั่น 3 และใช้เวลาไม่เพียง 2 ปีเท่านั้นก็ก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักได้ในทันที
ชื่อเสียงของ นูเจนท์ ในดิวิชั่นล่าง ถ้าจะให้อธิบายให้เห็นภาพก็ต้องบอกว่าคล้าย ๆ กับที่ เจมี่ วาร์ดี้ ทำไว้ก่อนที่จะมีชื่อเสียงโด่งดัง กล่าวคือเป็นนักเตะที่มีเซนส์บอลเกินกว่าระดับดิวิชั่นล่าง ๆ แถมร่างกายมีความเร็ว ความแข็งแรง และมีทักษะจบสกอร์ที่เฉียบขาด
นูเจนท์ ยิงให้ บิวรี่ ไป 12 ประตูจาก 26 เกมในฤดูกาล 2004-05 และแมวมอง เปรสตัน มองว่าเขาดีพอที่จะเล่นในระดับที่สูงกว่าในระดับลีกทูแน่ ๆ และราคาค่างวดเพียง 100,000 ปอนด์ ก็เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะเสี่ยงซื้อมาทำกำไรในอนาคต
นูเจนท์ มาที่ เปรสตัน ตอนอายุ 20 ปี ปีแรกยิงไป 8 ประตู พาทีมลุ้นเพลย์ออฟขึ้นพรีเมียร์ลีกได้ตั้งแต่ปีแรก ด้วยการแพ้ เวสต์แฮม นัดชิงชนะเลิศ และสร้างตำนานประตูสวย ๆ มากมายในแบบที่แฟนบอล เปรสตัน ลืมไม่ลง และยกย่องให้เป็นนักเตะคนโปรดมากที่สุดของพวกเขาในรอบ 20 ปี โดยตลอด 3 ปีที่เล่นให้กับ เปรสตัน ตั้งแต่ฤดูกาล 2004-07 เขาเป็นดาวซัลโวของทีมในทุกซีซั่น
"ผมรักทุกนาทีที่อยู่ที่นี่ ผมไม่มีใครรู้จักตอนที่ย้ายมาจาก บิวรี่ ด้วยค่าตัวประมาณ 90,000 ปอนด์ในตอนนั้น ผมเป็นเพียงเด็กหนุ่มที่เต็มไปด้วยความมั่นใจและต้องการเล่นฟุตบอลเท่านั้น และที่ เปรสตัน ทุกอย่างเปลี่ยนให้ผมเติบโตเป็นผู้ใหญ่อย่างเต็มตัว และมีอาชีพในแบบที่ผมอยากจะมีมาโดยตลอด" นูเจนท์ กล่าว
ฟอร์มยิงประตูของเขาร้อนแรงชนิดที่ว่าก้าวขึ้นไปติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่นัดแรกในเกมเจอกับ อันดอร์ร่า ในปี 2007 และในการลงสนามเกมนั้น นูเจนท์ ยิงประตูระดับตำนานได้ด้วย จากการ "ขโมย" ลูกยิงที่กำลังจะกลิ้งเข้าไปของ เจอร์เมน เดโฟ ซึ่ง เดโฟ ก็สัมภาษณ์ติดตลกภายหลังว่าไมได้โกรธและติดใจอะไร เพราะถ้าเป็นเขา เขาก็จะทำแบบนั้นเหมือนกัน เพราะมันจะกลายเป็นประตูที่ทำให้ทุกคนจดจำเขาได้ และเกียรติประวัติของอาชีพอย่างแท้จริง
1 Cap 1 Goal เป็นคำที่สื่ออังกฤษใช้แซว นูเจนท์ จนกระทั่งทุกวันนี้ และเขาก็ยินดีที่รับฉายานี้ แม้ต่อให้เขาถูกโหวตให้เป็นนักเตะอังกฤษที่แย่ที่สุด 10 อันดับแรกตลอดกาลก็ตาม
ไม่ว่าคุณจะชอบ เดวิด เบ็คแฮม เดวิด มอยส์ หรือ เดวิด นูเจนท์ ... นี่คือเรื่องราวจากทีมเล็ก ๆ อย่าง เปรสตัน ที่มีความสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษ และติดอยู่ในหัวใจของใครอีกหลาย ๆ คนอย่างแน่นอน
แหล่งอ้างอิง
https://www.lep.co.uk/sport/football/preston-north-end/david-beckham-manchester-united-preston-north-end-documentary-4400378
https://www.givemesport.com/worst-england-players-of-all-time-ranked/
https://www.fourfourtwo.com/features/david-beckham-preston-i-couldnt-believe-what-i-was-seeing-moyes-nearly-squashed-him
https://www.deepdaledigest.com/preston-history/preston-north-end-david-nugent-england-andorra/
https://www.theguardian.com/football/2021/nov/03/david-moyes-1000-games-manager-keep-throwing-punches-preston-west-ham
https://www.lep.co.uk/sport/nostalgia/preston-north-end-retro-the-night-it-all-started-for-david-moyes-as-a-manager-3441129