Feature

ศึกชิงประธานโอลิมปิคไทย : “พิมล VS สุชัย” เปิดยุคใหม่ไร้ทหารครองกีฬา | Main Stand

วงการกีฬาไทยกำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ นั่นก็คือการเลือกตั้งประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยคนใหม่ ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นการพลิกโฉมวงการไม่น้อย เพราะหากไม่มีอะไรพลิกโผ นี่จะเป็นครั้งแรกที่ “ประธานโอลิมปิคไทย” ไม่ได้มาจากสายทหาร

 


โดยเป็นการชิงชัยกันระหว่าง “ผศ.พิมล ศรีวิกรม์” กับ “สุชัย พรชัยศักดิ์อุดม” ซึ่งนอกจากจะได้รับเสียงชื่นชมในการบริหารสมาคมกีฬาที่ตนเองดูแลอยู่แล้ว ทั้งคู่ยังถือเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จและมีคอนเน็คชั่นนอกวงการไม่น้อย

การชิงชัยครั้งนี้จะเป็นอย่างไร … ติดตามได้ที่ Main Stand

 

ประธานโอลิมปิคไทยสำคัญอย่างไร 

คณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ หรือ NOCT คือองค์กรที่ได้การรับรองจากคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) และสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย (OCA) มีหน้าที่สำคัญคือพัฒนาวงการกีฬาของไทยในทุกด้าน 

ไม่ว่าจะเป็น การกำหนดนโยบายและกำหนดทิศทางการพัฒนาของวงการกีฬาไทย, ดูแลสมาคมกีฬาในสังกัด, ดำเนินการส่งนักกีฬาเข้าแข่งขันในมหกรรมกีฬาระหว่างประเทศ ทั้งโอลิมปิกเกมส์ เอเชียนเกมส์ เอเชียนยูธเกมส์ ไปจนถึงการประสานงานกับรัฐบาล 

ที่สำคัญยังต้องบริหารเม็ดเงินมหาศาลให้เกิดประโยชน์และโปร่งใสมากที่สุดด้วยเช่นกัน … โดยมีรายได้หลักมาจากเงินสนับสนุนจากทาง IOC รวมกับเงินสนับสนุนจากภาครัฐและเอกชน

เอกสารงบการเงินปี 2566 ในสมัยที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นประธานฯ ระบุว่า โอลิมปิคไทยมีรายได้ปีละ 26 ล้านบาท และมีสินทรัพย์หมุนเวียนรวม 204 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นเงินฝากธนาคารถึง 182 ล้านบาท

ดังนั้นตำแหน่งประธานโอลิมปิคแห่งประเทศไทย จึงมีอิทธิพลอย่างมากในวงการกีฬา โดยนอกจากผลประโยชน์มหาศาลที่ครอบครองอยู่แล้ว ยังส่งผลถึงภาพลักษณ์และคอนเน็คชั่นในสังคมและฐานเสียงทางการเมืองด้วย 

ในอดีตที่ผ่านมาจึงเห็นได้ว่า ผู้ที่เข้ามานั่งตำแหน่งประธานโอลิมปิคไทย ล้วนเป็นนายทหารมากบารมีที่มีบทบาททางสังคมและการเมืองของไทยในห้วงเวลานั้นแทบทั้งสิ้น

 

จากทหารสู่นักธุรกิจ

ตลอดระยะเวลากว่า 76 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้งองค์กรเมื่อปี 2491 มีไม่บ่อยครั้งนักที่การเฟ้นหาประธานคนใหม่จะต้องมีการลงแข่งขันกัน เนื่องจากที่ผ่านมาเสียงส่วนใหญ่มักจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน … และเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ของผู้ที่ได้รับเลือกล้วนเป็น “ทหารยศใหญ่” แทบทั้งสิ้น

นับตั้งแต่ พระยาจินดารักษ์ 4 สมัย (2491-2508), จอมพล ประภาส จารุเสถียร 2 สมัย (2508-2516), พล.อ.อ.ทวี จุลละทรัพย์ 6 สมัย (2517-2539)

พล.อ.สุรพล บรรณกิจโสภณ 1 สมัย (2539-2540), พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร 1 สมัย (2540-2544), พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา 4 สมัย (2544-2559) และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ 2 สมัย (2560-2567) 

ยิ่งหากนับเฉพาะช่วงที่ พล.ต.จารึก อารีราชการัณย์ ดำรงตำแหน่งเลขาธิการฯ ช่วงปี 2528-2559 ด้วยแล้ว เรียกได้ว่าทุกอย่างราบรื่นและแทบจะไร้ความขัดแย้งก็ว่าได้  

โดยมีเพียงครั้งที่เกิดการเสียงแตกขึ้น เมื่อครั้งที่มีแคนดิเดต 2 ราย ระหว่าง พล.อ.เชษฐา และพล.อ.ยุทธศักดิ์ แต่สุดท้ายก็เคลียร์กันลงตัวในคืนก่อนวันลงคะแนน ก่อนเป็นฝ่ายหลังที่คว้าชัยชนะในที่สุดพร้อมดำรงตำแหน่งมายาวนานต่อเนื่องกว่า 16 ปีโดยไร้คู่แข่ง

จนมาถึงครั้งนี้ที่การเลือกประธานคนใหม่จะมีการแย่งชิงเก้าอี้กันระหว่าง สุชัย พรชัยศักดิ์อุดม นายกสมาคมกีฬาลอนเทนนิสแห่งประเทศไทย กับ ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย ซึ่งถือเป็นอดีตนักธุรกิจทั้งคู่ก่อนผันตัวเข้ามาสู่วงการกีฬา

ดังนั้นหากไม่มีอะไรพลิกโผในวันสุดท้าย จะเป็นครั้งแรกที่โอลิมปิคไทยหลุดพ้นร่มเงาของการที่มีทหารเป็นผู้นำ และเปิดยุคสมัยใหม่ด้วย 2 บุคลากรที่มุ่งมั่นตั้งใจที่จะเข้ามาพัฒนาวงการกีฬาไทย

 

“พิมล VS สุชัย” ใครจะเป็นผู้ชนะ

การเฟ้นหาประธานโอลิมปิคไทยในครั้งนี้ถือว่ามีความเข้มข้นไม่น้อย เพราะแคนดิดเดตทั้ง 2 รายล้วนมีจุดเด่นและมีฐานเสียงที่แน่นแฟ้น

ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ ได้รับเสียงชื่นชมอย่างล้นหลามในการเข้ามาพัฒนาวงการเทควันโดไทยอย่างต่อเนื่องยตลอดระยะเวลา 17 ปี จนก้าวถึงเหรียญทองโอลิมปิกได้สำเร็จ นับตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งนายกสมาคมเมื่อปี 2550

ในการชิงชัยครั้งนี้เจ้าตัวได้เปิดตัวทีมงานที่เรียกได้ว่าล้วนแต่เป็นผู้ที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการกีฬามาอย่างยาวนานแทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น ชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ รองประธานสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย (OCA) และนายกสมาคมฮอกกี้, ธนา ไชยประสิทธิ์ อดีตหัวหน้าคณะนักกีฬาไทย และนายกสมาคมตะกร้อ, พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย (ยกน้ำหนัก) ฯลฯ 

นอกจากการพัฒนาวงการเทควันโดแล้ว พิมลยังเป็นทั้งอาจารย์และนักธุรกิจ ในฐานะประธานกรรมการบริหาร บริษัท ทีซีเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กลุ่มธุรกิจปูพื้น เฟอร์นิเจอร์ และพรมในรถยนต์ระดับไฮเอนด์ รวมถึงเป็นอาจารย์คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเป็นกรรมการโรงเรียนศรีวิกรม์ ด้วยเช่นกัน

ขณะที่ สุชัย พรชัยศักดิ์อุดม กรรมการใหญ่ บริษัท จี พี พี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด บริษัทจัดจำหน่ายปิโตรเลียมและน้ำมันเชื้อเพลิง แม้จะเพิ่งเข้ามาในวงการกีฬาได้ไม่นาน แต่เจ้าตัวก็ได้ใจทั้งนักกีฬาและทีมงานไปครองอย่างรวดเร็ว 

หลังได้รับเลือกให้เป็นนายกสมาคมลอนเทนนิสเมื่อปี 2563 สุชัยได้ให้การสนับสนุนวงการเทนนิสไทยอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะด้านเม็ดเงินที่อัดฉีดให้กับนักหวดไทยอย่างรวดเร็วทันใจ

ในส่วนของคอนเน็คชั่นในวงการกีฬาแม้จะไม่แน่นปึ้กเท่าคู่แข่ง แต่ทีมงานที่เปิดโผมาก็ไม่น้อยหน้า ทั้งสีหศักดิ์ อารีราชการัณย์ ลูกชายของ พล.ต.จารึก ในฐานะนายกสมาคมกีฬาฟิกเกอร์และสปีดสเก็ตติ้ง และฝั่งสมาคมมวยสากล ที่มี พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เป็นนายกสมาคม

แต่สิ่งที่เป็นจุดเด่นสำคัญจริง ๆ ก็คือคอนเน็คชั่นในส่วนอื่น ๆ ที่เจ้าตัวอยู่เบื้องหลังคอยเป็นผู้ประสานและสนับสนุนให้กับหลากหลายวงการ ทั้งด้านธุรกิจ การเมือง ไปจนถึงสายทหาร โดยเห็นได้จากล่าสุดกับการประกาศดึง ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้ามาเป็นประธานที่ปรึกษาหากได้รับชัยชนะในครั้งนี้

การดึงอดีตนายกทักษิณเข้ามานอกจากจะหวังช่วยเพิ่มเรตติ้งของฐานเสียงแล้ว ยังเป็นการประกาศชัดเจนแล้วว่าตนเองไม่ได้เป็นตัวแทนเข้ามารับไม้ต่อจากอดีตประธานโอลิมปิคคนก่อนอย่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ตามที่มีบางส่วนมองก่อนหน้านี้ด้วยเช่นกัน

แต่ทั้งนี้ก็ต้องจับตาดูกันว่า การประกาศดึงอดีตนายกทักษิณที่กำลังมีบทบาทสำคัญในการเมืองไทยอย่างมากเวลานี้เข้ามาช่วย จะเพิ่มคะแนนเสียงได้มากน้อยขนาดไหน เพราะฟากพิมลเองก็มีสัมพันธ์อันดีกับรัฐบาลไม่ต่างกัน จากการที่เคยเป็นอดีตรองโฆษกพรรคและอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย

ที่สำคัญที่สุดคือทั้งคู่ต่างเล็งเห็นปัญหาของวงการกีฬาไทยในมุมมองเดียวกัน โดยเฉพาะเรื่องงบประมาณทั้งเบี้ยเลี้ยงนักกีฬา งบการจัดการแข่ง ไปจนถึงความล่าช้าในการเบิกจ่ายตามระเบียบราชการ ซึ่งทั้งสองคนพร้อมที่จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาอย่างเต็มที่

ถึงจุดนี้เรียกได้ว่าไม่ว่าใครจะได้รับการชูมือ วงการกีฬาไทยหลังจากนี้น่าจะมีการพัฒนาที่ชัดเจนให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น … โดยการเลือกตั้งจะมีขึ้นในวันที่ 25 มีนาคม 68 ณ ห้องประชุม 1 คณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ตั้งแต่เวลา 09.30 น. 

Author

ชมณัฐ รัตตะสุข

Chommanat

Graphic

ปริญญา คงปันนา

กราฟฟิคหน้าโหด ทำงานด้วย Passion ว่างๆ ชอบไปคาเฟ่ หลงไหลในศิลปะ, การเดินทางและกีฬา