ไม่นานเกินรอ แพทริก ดอร์กู จะได้เปิดตัวกับ แมนฯ ยูไนเต็ด อย่างแน่นอน จากการยืนยันของสื่อใหญ่ทุกเจ้า
นี่คือแบ็คซ้ายที่อายุแค่ 20 ปี แถมผ่านประสบการณ์ระดับเซเรีย อา มาไม่มากนัก อย่างไรก็ตาม ปีศาจแดง ใช้เวลาตามล่าเขาพักใหญ่ และสู้ราคาจนกระทั่งได้ตัวมาครองตามต้องการ
Main Stand จะพาไปรู้จักเรื่องราวของแบ็คชาวเดนมาร์กเชื้อสายไนจีเรียคนนี้ว่ามีดีอะไร เหตุใด รูเบน อโมริม จึงต้องการเขาในตั้งแต่ตลาดซื้อขายหน้าหนาวเลย
ศูนย์ฝึกสร้างยอดแข้ง
นอร์ดเยลลันด์ อาจจะไม่ได้เป็นสโมสรใหญ่มากนักในเดนมาร์กหากเทียบกับทีมอย่าง โคเปนเฮเก้น, มิดทิลลันด์ หรือ บรอนด์บี้ และการที่ แพทริก ดอร์กู มีจุดเริ่มต้นจากที่นั่นทำให้ใครหลายคนอาจจะสงสัยว่า "ถ้าเขาดีจริง ทำไมเขาถึงไปอยู่ในทีมระดับกลาง ๆ ของลีกเดนมาร์กแบบนั้น ?"
อย่างไรก็ตามเรื่องของสโมสรนี้น่าสนใจ เพราะพวกเขามีเป้าหมายที่ชัดเจนว่าจะเป็นสโมสรเชิงพานิชย์ที่เน้นการสร้างนักเตะจากท้องถิ่น และพร้อมจะขายออกไปให้กับทีมอื่น ๆ ไม่ว่าจะในลีกเดียวกันหรือลีกต่าง ๆ ในยุโรป
เรื่องราวมันเริ่มขึ้นในปี 2016 ที่ นอร์ดเยลลันด์ ถูกเทคโอเวอร์โดย Pathways Group บริษัทที่มี ทอม เวอร์นอน ผู้ก่อตั้งอคาเดมี่ฟุตบอล Right to Dream เป็นเจ้าของ อคาเดมี่เอกชนแห่งนี้ไม่ขึ้นตรงกับสโมสรไหน แต่จะใช้วิธีให้แมวมองหานักเตะฝีเท้าดีในพื้นที่ต่าง ๆ โดยเน้นไปที่ทวีปแอฟริกา เพื่อเอามาเข้าศูนย์ฝึกของพวกเขา ก่อนจะส่งต่อให้กับสโมสรอื่น ๆ ที่เห็นแววและอยากนักเตะเหล่านั้นไปปั้นต่อ
นักเตะที่เคยผ่านศูนย์ฝึกของที่นี่หลายคนกำลังโดดเด่นในโลกฟุตบอล ณ เวลานี้ อาทิ โมฮัมหมัด คูดูส (เวสต์แฮม) และ มิคเคล ดามส์การ์ด (เบรนท์ฟอร์ด)
การเทคโอเวอร์ นอร์ดเยลลันด์ มีหมุดหมายเพื่อเป็นบ่ออนุบาล เอานักเตะดี ๆ ที่ตัวเองมีไปลงเล่น เพื่อให้โลกและทีมอื่น ๆ ได้เห็นฝีเท้ามากขึ้นและขายต่อทำกำไร ซึ่งนับตั้งแต่ปี 2018 ที่พวกเขาเข้ามาเทคโอเวอร์ นอร์ดเยลลันด์ สโมสรแห่งนี้ขายดาวรุ่งจากอคาเดมี่เพียว ๆ ได้กำไรไปถึง 50 ล้านยูโร
และ แพทริก ดอร์กู เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน ... โดย ดอร์กู เกิดและโตใน ฮูซุม กรุงโคเปนเฮเก้น จากครอบครัวชาวเดนมาร์กเชื้อสายไนจีเรีย ตัวของเขาลงเล่นในระดับทีมท้องถิ่นและหัดเล่นฟุตบอลเพื่อเลียนแบบพี่ชาย จนกระทั่งพ่อของเขาได้ปลูกฝังแนวคิดว่า ถ้ารักหรือชอบฟุตบอล จงทำมันอย่างตั้งใจ อย่าให้ความสนุกเป็นสิ่งเดียวที่จะเก็บเกี่ยวได้ เพราะการพยายามทำอะไรสักอย่างและทำมันอย่างมีเป้าหมาย คุณจะได้อะไรตอบแทนกลับมาในสักวัน โดยสิ่งที่ลงมือทำลงไปจะไม่มีทางสูญเปล่า
"พ่อของผมเป็นคนขยันมาก พ่อใช้ชีวิตอย่างมีระเบียบวินัย วันหนึ่งพ่อเห็นเราสนุกกับการเล่นฟุตบอลมาก ๆ เขาจึงเข้ามาแนะนำผมกับพี่ และบอกว่าทำไมไม่ใส่กับฟุตบอลให้สุดตัววไปเลย ถ้าเราตั้งใจด้วย และมีความสุขกับสิ่งมี่ได้ทำด้วย เราจะไม่เสียเวลาเปล่า ๆ แน่นอน" ดอร์กู กล่าว
และอย่างที่บอกไว้ในข้างต้น นอร์ดเยลลันด์ ที่ใช้แมวมองหานักเตะฝีเท้าดีทั่วประเทศก็ได้มาเจอกับ ดอร์กู และดึงตัวเข้ามาอยู่ในทีมเยาวชน ซึ่งฝีเท้าของเขาบวกกับความได้เปรียบด้านร่างกาย เป็นจุดแข็งที่ทำให้ ดอร์กู พัฒนาตัวเองขึ้นมาไวมาก รวมถึงติดทีมชาติเดนมาร์กชุดเยาวชนแทบทุกชุดเลยทีเดียว
แยนส์ ฟอนสคอฟ โอลเซ่น อดีตผู้ฝึกสอนของ แพทริก ดอร์กู ตอนอยู่ นอร์ดเยลลันด์ อธิบายถึงคุณสมบัติของตัวลูกศิษย์รายนี้ว่า "แพทริก ดอร์กู ออกจากทีมแล้วไปเล่นในทีมที่เล็กกว่าเล็กน้อยในอิตาลีและคว้าโอกาสนั้นไว้ได้ เขาสามารถพัฒนาได้ดีมาก ๆ ผมมีความสุขมากกับเขา ผมคิดว่าเขามีทักษะที่น่าตื่นเต้น"
"แพทริก ดอร์กู รวดเร็ว คิดล่วงหน้า เขาเล่นลูกกลางอากาศได้ดีไม่ว่าจะเกมรับหรือเกมรุก แถมยังมีอีซ้ายที่แสนวิเศษ แพทริก ดอร์กู เป็นผู้เล่นที่มีความคิดสร้างสรรค์ ผมมีความสุขมากที่เคยดึงเขามาร่วมทีมและเชื่อมั่นในตัวเขา ผมขอแสดงความยินดีกับเขาในแง่ของการพัฒนาอาชีพ"
นอร์ดเยลลันด์ วางตัว ดอร์กู ให้ขึ้นชุดใหญ่ตอนอายุครบ 18 ปี เพียงแต่ว่าเรื่องนี้ไม่เกิดขึ้น และต้องชมความตาแหลมของ ปันตาเลโอ คอร์วิโน ผอ.กีฬา ของทีมเบี้ยน้อยหอยน้อยในเซเรีย อา อย่าง เลชเช่ ที่คว้าตัวเขามาตั้งแต่อายุ 18 ปี ก่อนที่เขาจะได้เดบิวต์กับ นอร์ดเยลลันด์ ด้วยซ้ำ
คอร์วิโน่ เล่ากับ GOAL ว่า เมื่อได้รายงานจากแมวมองเรื่องฟอร์มการเล่นของ ดอร์กู ทีมงานของ เลชเช่ วิเคราะห์ตรงกันว่ามีคุณสมบัติที่เหมาะสม และมีศักยภาพที่จะไปต่อได้อีกเยอะ และจะเป็นการดีมากถ้าพวกเขาจัดการปิดดีลนักเตะตั้งแต่ตอนที่ยังไม่ได้ขึ้นชุดใหญ่ ถึงแม้จะเสี่ยงที่ไมได้เห็นฟอร์มในเกมระดับสูง แต่พวกเขาก็จะได้นักเตะในราคาที่ถูกลงราว 4-5 เท่า จาก 1 ล้านยูโร เลชเช่ จึงปิดดีล ดอร์กู ในปี 2022 ก่อนจะได้เดบิวต์กับต้นสังกัด ในวัย 17 ปี ด้วยราคาเพียง 200,000 ยูโรเท่านั้น
ลุยตั้งแต่วัยรุ่น
"การย้ายออกจากบ้านและห่างครอบครัวเป็นเรื่องที่ยากมาก ๆ ผมมาอิตาลีแบบตัวคนเดียว และต้องปรับตัวกับชีวิตใหม่ ผมพยายามโทรคุยกับเพื่อน และพ่อแม่ก็พยายามมาเยี่ยมผมที่บ่อย ๆ ในช่วงแรก ผมอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นในช่วง 1 ปีแรก ส่วนตัวผมเองก็พยายามที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ให้พึ่งพาตัวเองให้ได้ ซึ่งหลังจากครบปี อะไรต่าง ๆ ก็ดีขึ้นเยอะ" ดอร์กู ว่าเช่นนั้น
ในฤดูกาลแรก ดอร์กู ยังไม่ได้เล่นให้ทีมชุดใหญ่ของ เลชเช่ เขาถูกส่งไปรับตัวกับทีม ปรีมาเวร่า (ยู 19) ก่อน และมันก็เป็นอย่างที่เขาบอกคือ เมื่อเขาปรับตัวกับเรื่องนอกสนามและการใช้ชีวิตได้เร็ว อะไรหลาย ๆ อย่างก็เข้าที่ได้ไว โดยเฉพาะเรื่องฟอร์มการเล่นในสนามของเขาที่โดดเด่นขึ้นทุกวัน
ดอร์กู พา เลชเช่ คว้าแชมป์ลีกอิตาลีรุ่นยู 19 เหนือทีมดังมากมาย และ ปันตาเลโอ คอร์วิโน่ รู้ดีว่าพวกเขาซื้อหวยถูกแน่นอนกับการลงทุนกับ ดอร์กู เพราะหลังจากชูถ้วยแชมป์ไม่กี่วัน ดอร์กู ก็ได้ต่อสัญญาฉบับใหม่จาก เลชเช่ ทันที ท่ามกลางความสนใจของทีมอย่าง แมนฯ ซิตี้ และ บาร์เซโลน่า เลชเช่ ซื้อใจ ดอร์กู ด้วยตำแหน่งในทีมชุดใหญ่ และนั่นทำให้ เลชเช่ รอดการเสีย ดอร์กู ในราคาฉีกสัญญาที่ทีมยักษ์ใหญ่จ้องตาเป็นมัน
นักเตะตกลงเลือก เลชเช่ ต่อเพราะมองว่าเหมาะกับพัฒนาการของตัวเองแถมยังมีการการันตีโอกาสลงเล่นทีมชุดใหญ่แบบเต็มตัวด้วย เพราะหลังจากปีนั้นโค้ชทีมชุดใหญ่ของทีมอย่าง โรแบร์โต้ ดาร์แวร์ซา จึงผลักดันให้ ดอร์กู ขึ้นสู่ทีมชุดใหญในช่วงซัมเมอร์ปี 2023 และเริ่มได้สัมผัสเกมตั้งแต่ช่วงปรีซีซั่น ซึ่งฟอร์มของเขาออกมาในระดับที่ดีมาก ๆ ... จากที่จะถูกวางไว้เป็นอะไหล่ กลับกลายเป็นว่าเมื่อซีซั่นเริ่ม ดอร์กู ถูกดันขึ้นมาเป็นแบ็คเบอร์ 2 ของทีม โดยมีคนขวางหน้าแค่คนเดียวคือตัวเก๋าของทีมอย่าง อันโตนิโน กัลโล่
ดอร์กู ไม่ปล่อยให้คนที่ขวางหน้าเขาได้พักหายใจ หลังซีซั่นเริ่ม เขาได้โอกาสลงเล่นเกมในเกมฟุตบอลถ้วยที่ทีมเอาชนะ โคโม 1-0 และในเกมนั้น ดอร์กู เล่นเกมรับอย่างแข็งแกร่ง และเติมเกมรุกขึ้นลงจนได้เรื่อง เขาสามารถทำแอสซิสต์ให้ ปอนตุส อัลควิสต์ ยิงประตูเดียวในเกมนี้ และนั่นทำให้ ดาร์แวซ่า ถึงกับประกาศออกสื่อว่าเตรียมตัวเห็นเด็กคนนี้ลงเล่นในเกมลีกได้เลยในเกมต่อไป แม้ว่าพวกเขาจะต้องไปเยือนทีมใหญ่อย่าง ลาซิโอ ก็ตาม
"ดอร์กู พร้อมแล้ว และถ้าผมเลือกเขาลงเป็น 11 ตัวจริงในเกมกับ ลาซิโอ นั่นแปลว่าผมมั่นใจและเชื่อมันในความสามารถ ความคิด และหัวใจของเขาอย่างชัดเจน ... ช่วงเวลาต่อจากนี้จะเป็นช่วงเวลาที่เขาได้เรียนรู้ เขาจะพบความผิดพลาดบ้าง แต่ไม่เป็นไร เพราะมันจะทำให้เขาเติบโต" กุนซือใหญ่ของทีมว่าอย่างนั้น
แล้วมันก็เป็นแบบที่ ดาแวร์ซา บอก ดอร์กู จบซีซั่นแรกกับ เลชเช่ ในทีมชุดใหญ่ด้วยการลงเล่นถึง 34 เกมในทุกรายการ และในช่วง 4 เดือนสุดท้ายของซีซั่นเขาแย่งตัวจริงจาก กัลโล่ ได้แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แม้ว่า ดาแวร์ซ่า ที่ให้โอกาสเขาจะโดนไล่ออกในช่วงปลายเดือนมีนาคม ปี 2024 จะโดนไล่ออก และเอา ลูก้า กัตติ มาคุมทีมแทน แต่กัตติ ก็พิจารณาจากฟอร์มในสนามซ้อมและความพร้อมในสถานการณ์จริง และพบว่า ดอร์กู คือตัวแรกในยุคของเขาเช่นกัน
ตัวของ ดอร์กู เองก็แปลกใจที่ตัวเองก้าวหน้าต่อเนื่อง และแทบไม่มีช่วงเวลาที่เขาได้หยุดอยู่กับที่เลย ในวัย 19 ปี เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเป็นนักเตะตัวหลักของทีมในลีกสูงสุดของอิตาลี ทว่าในความก้าวหน้านี้เขาไม่เคยประมาทเลยสักครั้ง เขาบอกตัวเองเสมอว่าทุกอย่างในโลกฟุตบอลมันเกิดขึ้นและเปลี่ยนแปลงได้เร็วมาก ... ถ้านักเตะอย่างเขาจะพิสูจน์ตัวเองในระดับสูงได้ ไม่มีทางลัดนอกจากพยายามต่อไปเรื่อย จนกว่าความพยายามนั้นจะไม่สูญเปล่าเหมือนที่พ่อของเขาบอก
"มันจะมีอะไรดีกว่านี้ไหมผมไม่แน่ใจ ผมอายุ 19 ปี ได้เล่นเกมระดับเซเรีย อา ได้มีปีที่ดีมีคำชมมากมาย แต่ผมคิดว่าผมยังอะไรให้ทำและมีเวลาอีกมากที่จะไปให้ถึงจุดที่ผมตั้งเป้าหมายไว้ ทางที่เหลือไม่มีอะไรสำคัญกวาการเก็บประสบการณ์และอดทนทำงานหนักเพื่อตัวเองต่อไป"
"ผมบอกตัวเองเสมอว่าขาขึ้น และ ขาลง ในโลกฟุตบอลมนัมาเยือนคุณเร็วมาก ... ในปีนั้น(2023-24)ผมเล่นกับ เวโรน่า และผมจ่ายบอลคืนหลังพลาดจนทีมเสียประตู ซึ่งเกมนั้นเป็นเกมที่สำคัญสุด ๆ มันทำให้ผมผิดหวังกับตัวเองที่เป็นตัวการสำคัญของการเสียประตู เพียงแต่คุณจะจมอยู่กับสิ่งเดิม ๆ ตลอดไม่ได้หรอก สิ่งที่ควรทำมากกว่าการยึดติดคือการเรียนรู้จากความผิดลาพดนั้น"
"บนหน้าสื่อผมก็เห็นอะไรต่ออะไรเยอะ บางคนบอกว่าผมเล่นดี หลายคนก็บอกว่าผมเล่นแย่ ... ผมเห็นและรับฟังนะ แต่ผมไม่ให้คอมเมนต์เหล่านั้นมาทำให้ทุกอย่างที่ผมทำสั่นคลอน จะมีใครรู้จักตัวเราดีได้มากกว่าตัวเราเอง ดังนั้นความคิดคนอื่นค่ฟังไว้ก็พอ แต่อย่าไปใส่่ใจกับมันมากเกินไป"
ความระแวดระวังและตระหนักรู้ถึงจุดยืนของโลกฟุตบอลในปัจจุบันถือว่ามีส่วนช่วยในการพัฒนา ดอร์กู แบบสุด ๆ และทัศนคติแบบนั้น นำพาเขามาสู่บทต่อไปที่ใหญ่กว่าเดิม... ที่เขาเองอาจจะไม่ทันคิดว่ามันมาถึงเขาเร็วขนาดนี้
แบ็คซ้าย แมนฯ ยูไนเต็ด
จากฟอร์มในปี 2023-24 ดอร์กู ทำให้เขาเป็นนักเตะที่การันตีตัวจริงของ เลชเช่ ไปเรียบร้อย ขณะที่กุนซือคนใหม่อย่าง มาร์โก จามเปาลี ก็เห็นความพิเศษในตัว ดอร์กู และเห็นศักยภาพที่เขาน่าจะได้ลองเล่นในตำแหน่งอื่น ๆ
โดยในฤดูกาล 2024 25 ดอร์กู พัฒนาตัวเองขึ้นมาอีกระดับ จากแบ็คซ้ายสายบ้าพลัง จามเปาโล ลองใช้งานเขาในตำแหน่งที่แตกต่างออกไปในบางเกม เพื่อพัฒนาจุดบอดเรื่องเกมรุกของเขา เช่นการจับ ดอร์กู มาเล่นในตำแหน่งปีกซ้าย และ ปีกขวา ซึ่งบางครั้งหนักไปทางการเป็นตัวรุกริมเส้นของทีมเลย
จามเปาโล บอกว่าเขาอยากเห็น ดอร์กู เล่นด้วยความหลากหลายมากกว่านี้ เพราะการเล่นในตำแหน่งฟูลแบ็คนั้นมีพื้นที่จำกัดในการเล่น นั่นคือการวิ่งเป็นเส้นตรง ขึ้น และ ลง ทั้งเกม เขาอยากให้ ดอร์กู เพิ่มรูปแบบการเล่นเช่นการโยกไปเล่นปีกขวาในสไตล์ตัดเข้าในและยิง-เปิดด้วยเท้าซ้าย ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เขาได้เล่นบ่อยมนช่วงหลัง ซึ่งเขาทำประตูจากระยะทำการดังกล่าวไปแล้วถึง 3 ลูกในซีซั่นนี้
การทดลองของ จามเปาลี เข้าเป้า เขาบอกถึงสาเหตุที่เขาอยากจะลอง ดอร์กู ในตำแหน่งใหม่ ๆ เพิ่มเติมว่า "เขาได้เปรียบเรื่องร่างกายและพละกำลัง มันเป็นจุดแข็งของเขาที่ร่างกายพร้อมสำหรับทีมชุดใหญ่ตั้งแต่อายุน้อย"
"ดังนั้นสิ่งที่เขาต้องเพิ่มเติมคือความก้าวหน้าในเชิงเทคนิคการเล่น ซึ่งผมคิดว่าเขามีหัวทางด้านนี้ ผมสังเกตถึงวิธีการเล่นของเขาที่อ่านเกมได้ดี มีทักษะการมองเกมล่วงหน้าที่แม่นยำ ยิ่งเขาเป็นคนที่เลี้ยงบอลดีและมีเท้าซ้ายที่เชื่อใจได้ ผมว่าเขาเหมาะกับการคุกคามผู้ต่อสู้มากกว่าที่เป็นอยู่" จามเปาลี กล่าว
ไม่มีอะไรหยุด ดอร์กู อยู่แล้วในซีซั่นนี้ ดาวเตะค่าตัว 200,000 ยูโร ยึดตัวจริงในสโมสร และก้าวขึ้นมาติดทีมชาติเดนมาร์กชุดใหญ่เป็นครั้งแรกในเดือนกันยายน ปี 2024 ที่ผ่านมา โดยกุนซือ แคสเปอร์ ฮยูลมันด์ ถึงกับบอกเองว่าลักษณะการเล่นของเขาคือความแตกต่างจากนักเตะเดนมาร์กคนอื่น ๆ ที่เขามี ดังนั้นเขาจึงคิดว่า ดอร์กู จะเป็นคำตอบในระยะยาวของทัพโคนม ไม่แปลกมที่เขาจะให้โอกาส และวางตัวไว้สำหรับรายการฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก และโดยเฉพาะอย่างยิ่งฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย
และแน่นอนอย่างที่ทุกคนรู้กัน ดอร์กู กำลังจะก้าวกระโดดครั้งใหญ่มาอยู่กับทีมในสปอตไลท์อย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด ทีมที่จะทำให้เขาโด่งดังเพียงข้ามคืนถ้าเล่นได้ดี และในทางกลับกัน ยูไนเต็ด ยังสามารถทำให้เขาเผชิญหน้ากับความกดดันที่หนักที่สุดในชีวิต เพราะเขาจะถูกตั้งความคาดหวังจากแฟนบอล และสื่อจะคอยเล่นงานเขาอย่างไม่ปราณีหากมีความผิดพลาดเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตามนั่นอาจจะเป็นสิ่งที่เขาพร้อมเจอแล้วก็ได้... เพราะในปี 2024 เขาเคยพูดถึงอนาคตของตัวเองว่าในอีกไม่เกิน 4 ปีข้างหน้า เขาจะเล่นในเกมระดับสูง อยู่กับสโมสรใหญ่ และเป็นตัวหลักของทีมชาติชุดใหญ่ให้ได้ เพียงแต่ว่าสิ่งที่เขาพูดไว้มันมาถึงก่อนกำหนดตั้ง 3 ปี มันอาจจะฉุกละหุกไปหน่อย แต่สำหรับนักเตะที่ตั้งตนบนความไม่ประมาทตั้งแต่อายุ 17 ปี อย่างเขา อาจจะมีภูมิคุ้มกันมากที่จะผ่านความกดดันครั้งนี้ไปได้... ก็เป็นได้
"อีก 4 ปีข้างหน้าเหรอ.." ดอร์กู ในวัย 19 ปี สัมภาษณ์กับสื่อเดนมาร์ก
"ผมหวังว่า(พูดพร้อมหัวเราะ) 4 ปีที่มันก็นานมากเหมือนกันนะ แต่ผมก็คิดไว้บ้างแล้วว่าถึงตอนนั้นผมจะอยู่กับสโมสรที่ดีและเหมาะกับผม ได้ลงเล่นในเวทีแชมเปี้ยนส์ลีก อยู่ในตำแหน่งตัวหลักของทีมชาติชุดใหญ่ ... ก่อนหน้านี้ผมตั้งเป้าอะไรไว้ ผมสามารถไปถึงเป้าที่ตั้งไว้ได้ทั้งหมด แต่ครั้งนี้มันคือเป้าใหญ่ทีผมจะต้องพยายามพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง"
แบ็คซ้ายชาวเดนมาร์ก กำลังจะเป็นตัวเลือกที่ รูเบน อโมริม รอคอย วิงแบ็คที่เล่นเกมรุกได้ แข็งแรง รวดเร็ว และฟิตพอจะวิ่งขึ้นลงตลอดทั้งเกม และมีเท้าซ้ายที่ไว้ใจได้ทั้งการยิงและการเปิดบอล
อย่างไรก็ตามทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นสิ่งที่อยู่ในอนาคตซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีใครมองเห็น ... ดอร์กู จะสอบผ่านกับเวทีใหญ่ครั้งนี้หรือไม่ สิ่งที่เขาพูดเกี่ยวกับตัวเอง และคนอื่น ๆ พูดถึงเขาจะเป็นเป็นอย่างที่พูดหรือไม่ ... เชื่อว่าอีกไม่นานเราจะได้เห็นกันอย่างแน่นอน
แหล่งอ้างอิง :
https://web.archive.org/web/20240601165317/https://sport.tv2.dk/fodbold/2024-05-30-han-er-en-af-dem-der-banker-paa-til-landsholdet-i-fremtiden
https://www.goal.com/en/lists/patrick-dorgu-man-utd-lecce-youngster-ruben-amorim-signing/blt5c1fd988068af3d7#cs102470bc360d3fbe
https://www.skysports.com/football/news/11095/13298441/patrick-dorgu-transfer-manchester-united-close-in-on-signing-lecce-defender-in-deal-worth-gbp30m
https://www.unitedinfocus.com/transfer-news/who-is-patrick-dorgu-player-profile/