Feature

จากแจ้งเกิด สู่ร่างทอง และจอมเก๋า : การเปลี่ยนสไตล์แต่คงประสิทธิภาพของ เลวานดอฟสกี้ | Main Stand

ตั้งแต่อายุ 20 ปี จนถึงตอนนี้ในวัย 36 ปี โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ คือนักเตะกองหน้าที่ยิงประตูถล่มทลายจนเรานับนิ้วไม่ถูกว่าในแต่ละปีเขายิงไปปีละกี่ลูก 

 

น่าแปลกที่ช่วงวัยเปลี่ยนไป สังขารดูเหมือนจะทำอะไรเขาไม่ได้เลย นอกจาก คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ ลิโอเนล เมสซี่ ก็มี เลวานดอฟสกี้ นี่แหละที่ทำในสิ่งตรงกับคำว่า "เครื่องจักรถล่มประตู" ได้อย่างเต็มปาก 

แม้หลายคนมองว่ากำลังเข้าสู่บั้นปลายการค้าแข้ง แต่ก็ยังยิงไม่หยุด ... คำถามคือเขาทำอย่างไรในการคงประสิทธิภาพของมือสังหารเบอร์ 1 ได้ไม่ตกหล่น ? ติดตามที่ Main Stand 

 

เรียนรู้พื้นฐานยอดกองหน้ากับ คล็อปป์ 

จากนักเตะที่เล่นหลายตำแหน่งมาโดยตลอด หนักสุดคือเคยเล่นในตำแหน่งวิงแบ็กตอนอายุ 16 ปี สมัยเล่นให้ทีมเยาวชนในลีกโปแลนด์บ้านเกิด ... โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ กลายเป็นคนใหม่เมื่อการย้ายทีมครั้งแรกของเขาเกิดขึ้น 

โดย เลวานดอฟสกี้ เพิ่งมาหาตำแหน่งถนัดของตัวเองได้ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อตอนอายุ 18 ปี ที่ เลซ พอซนาน ก่อนที่เขาจะยิงประตูระเบิดเถิดเทิง จนกำลังจะได้ย้ายไปเล่นในพรีเมียร์ลีกกับ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ในปี 2010 อยู่แล้ว …แต่ด้วยปัญหาเรื่องขี้เถ้าจากภูเขาไฟระเบิดที่ประเทศไอซ์แลนด์ปกคลุมน่านฟ้าทวีปยุโรป ทำให้การบินจาก โปแลนด์ ไป อังกฤษ ติดปัญหา และนำมาสู่การเปลี่ยนเส้นทางไปยังบุนเดสลีกา กับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ 

ในเวลานั้น ดอร์ทมุนด์ เป็นทีมเบี้ยน้อยหอยน้อยเพราะเพิ่งเผชิญวิกฤติการเงินจนเกือบล้มละลายในช่วงต้นยุค 2000s แต่ต้องชมความตาแหลมของสโมสรที่เลือกโค้ชได้ถูกคน ... เพราะโค้ชที่ถูกคน นำมาซึ่งนักเตะที่ทรงประสิทธิภาพ แต่สามารถหาได้ในราคาที่ย่อมเยา 

โค้ชคนนั้นคือ เยอร์เก้น คล็อปป์ และ คล็อปป์ สร้างนักเตะด้วยมือของเขามากมายในสมัยคุมทีม ดอร์ทมุนด์ แน่นอนว่า โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ คือผลผลิตที่เขาภูมิใจมากที่สุด แม้กระทั่งตอนนี้เขายังบอกว่า "นี่คือนักเตะที่ดีที่สุดที่ผมเคยร่วมงานด้วย"  

ย้อนกลับไปตอนนั้น เลวานดอฟสกี้ อายุ 20 ปี และต้องทำหน้าที่แทนเบอร์ 9 คนเก่าอย่าง ลูคัส บาร์ริออส ที่เสื่อมสภาพตามสังขาร คล็อปป์ แนะนำวิธีการเล่นใหม่ให้กับเขา และอย่างที่รู้กัน มันคือ "เกเก้นเพรสซิ่ง" ที่ทุกคนต้องวิ่งไล่บอลแบบเอาเป็นเอาตาย ไม่เว้นแม้กระทั่งในตำแหน่งกองหน้าหมายเลข 9 อย่าง เลวานดอฟสกี้  

คล็อปป์ สอนให้ เลวานดอฟสกี้ เป็นผู้นำคนแรกในการเพรสซิ่งแดนบน พร้อมอธิบายเพิ่มเติมว่า เลวานดอฟสกี้ เข้าใจเรื่องเชิงแท็คติกได้ง่าย สอนไม่กี่ครั้งก็จำได้ เพราะเป็นนักเตะที่หัวไว และมีสมาธิในการแข่งขันมาก ยิ่งตัวของ เลวาน ในช่วงวัย 20-21 ปี นั้น ต้องบอกว่าเป็นช่วงวัยที่ความหนุ่มและความห้าวของเขาจัดเต็มอย่างที่สุดแล้ว การเพรสซิ่งไม่เคยเป็นปัญหาของเขา 

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ คล็อปป์ บอกเพิ่มเติมก็คือ เลวานดอฟสกี้ ในช่วงแรก ๆ นั้นพยายามจะทำอะไรทุกอย่างแบบรวดเร็ว รุนแรง เร่งจังหวะแบบวัยหนุ่มเลือดร้อน ซึ่งอันที่จริง คล็อปป์ ยืนยันว่าความรวดเร็วรุนแรงเก็บไว้ตอนวิ่งไล่บอลก็พอ เพราะเมื่อเวลาบอลอยู่กับเท้า ความใจเย็น และตัดสินสถานการณ์ด้วยไหวพริบและสติ คือสิ่งที่สำคัญที่สุดของนักเตะตำแหน่งกองหน้า 

"ช่วงเวลากับ ดอร์ทมุนด์ คล็อปป์ สอนผมเยอะมาก เขาเป็นครูที่ดีและแย่ในเวลาเดียวกัน แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาจ้ำจี้จ้ำไช นั่นก็เป็นเพราะว่าอยากจะให้ผมเก่งขึ้น"

"เมื่อผมมาถึงดอร์ทมุนด์ ผมต้องการทำทุกอย่างอย่างรวดเร็ว ส่งบอลโดยใช้จังหวะน้อยที่สุด สัมผัสบอลเพียงครั้งเดียว แต่ เยอร์เก้น พยายามสอนให้ผมใจเย็นลง สัมผัสบอลสองครั้งหากจำเป็น มันขัดกับสัญชาตญาณของผมโดยสิ้นเชิง แต่ไม่นานผมก็ยิงประตูได้มากขึ้น" 

สิ่งที่ คล็อปป์ สอน เลวาน ดูจะขัดกับกับหลักการของฟุตบอลยุคใหม่ที่ต้องใช้จังหวะให้น้อย ทำให้เร็วใช่ไหม ? ... คำตอบคือ ใช่ แต่ คล็อปป์ มองว่า เลวาน ในช่วงเริ่มแรกกับ ดอร์ทมุนด์ ยังไม่เก่งพอที่จะเล่นในแบบรวดเร็ว รุนแรง แม่นยำ สิ่งที่เขาทำคือการให้แนวทางที่เหมาะกับคุณภาพของ เลวาน ในเวลานั้น ... ถ้าเร็วไม่ได้ ก็ช้าลงสักนิด ถ้ายิงจังหวะแรกไม่ได้ ก็ลองเปลี่ยนวิธีการ แม้จะช้าลงหน่อย แต่ก็ยังดีกว่าการทำออกไปโดยไม่มีประสิทธิภาพ 

ที่ เลวาน บอกว่าเขายิงประตูได้ในข้างต้น ณ ตอนนั้นเขายิงได้แค่ 9 ลูกทั้งซีซั่นทุกรายการ น้อยใช่ไหม ? ... คำตอบคือ ใช่ แต่ถามว่ามันเป็นไปตามที่โค้ชอย่าง คล็อปป์ วางแผนไว้หรือไม่ ? คำตอบก็คือ ใช่ ... นี่มันแค่ช่วงเริ่มต้นเท่านั้น เพราะหลังจากฝึกวิธีการเล่นแบบ "เลเวล 1" สำเร็จ คล็อปป์ ก็ผลักดันเลวานไปอีกระดับ ด้วยการบอกว่า ให้เขากลับไปเล่นด้วยจังหวะที่เร็วที่สุด เหมือนกับสิ่งที่เขาคิดในตอนแรก เพราะตอนนี้ ร่างกาย, ทักษะ และ ประสบการณ์ของเขาถึงเวลาอันสมควรแล้ว

"พอผมเริ่มยิงได้ รู้ไหม อะไรเกิดขึ้น ? คล็อปป์ บอกให้ผมกลับไปเล่นด้วยความเร็วแบบที่เขาเคยห้ามผมในตอนแรกอีกครั้ง ทั้งการจับ การจ่าย และการยิงประตู ผมเริ่มกลายเป็นกองหน้าประเภทโป้งเดียวจอดในช่วงเวลาหลังจากนั้น ... วันนั้นผมเพิ่งเข้าใจว่า คล็อปป์ ทำให้ผมชะลอความเร็วลงเพื่อให้ผมพร้อมที่จะเล่นในจังหวะที่เร็วขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพแบบที่ผมไม่รู้ตัว ... เรื่องนี้ฟังดูง่าย แต่ผมบอกได้คำเดียวว่า มันคือการสอนที่อัจฉริยะมาก ๆ" เลวานดอฟสกี้ กล่าว

เครื่องจักรการยิงประตูได้ถือกำเนิดแล้ว เลวานดอฟสกี้ ใช้เวลาออกสตาร์ทกับ ดอร์ทมุนด์ 1 ปี จากนั้นเขาก็ยิงระเบิดเถิดเทิง 3 ซีซั่นต่อมา เขายิงได้ 30, 36 และ 28 ลูก ตามลำดับ ... เขาจบหลักสูตรแจ้งเกิดกับ ดอร์ทมุนด์ แล้ว และในปี 2014 เขาก็เลือกย้ายไปอยู่กับทีมที่มีความพร้อม และมีคุณภาพมากกว่าอย่าง บาเยิร์น มิวนิค ซึ่งนำมาถึงช่วงเวลาที่เขาพีกที่สุดด้วย 

 

ร่างทองในถิ่นเสือใต้ 

เลวานดอฟสกี้ ย้ายมาอยู่กับ บาเยิร์น มิวนิค ตอนอายุ 26 ปี แน่นอนว่าช่วงวัยนี้เป็นช่วงที่นักเตะคนหนึ่งเริ่มจะพร้อมทั้ง ทักษะ ร่างกาย และประสบการณ์ การมาอยู่กับ บาเยิร์น มิวนิค จึงถึอว่าเป็นช่วงร่างทองที่สุดของเขาเลยก็ว่าได้ 

จาก เยอร์เก้น คล็อปป์ ที่ ดอร์ทมุนด์ เลวานดอฟสกี้ ต้องมาเจอกับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ปราชญ์ผู้เชี่ยวชาญด้านแท็คติกอันดับ 1 ของโลกฟุตบอล ซึ่ง เป๊ป คือเหตุผลหลัก ๆ ที่ทำให้เขาย้ายมาท้าทายตัวเองกับ บาเยิร์น ด้วย 

แนวทางเรื่องการเล่นและการยิงประตูที่เขาเก็บเกี่ยวมาจาก ดอร์ทมุนด์ ถูกขยับขึ้นอีกขั้นที่ บาเยิร์น มิวนิค เรื่องวิธีการเล่นและสไตล์ของ เป๊ป นั้นแตกต่างกับ คล็อปป์ ชัดเจน เป๊ป ครองบอลมากกว่า และมีความแยบยล รายละเอียดเล็กน้อยซ่อนเต็มไปหมด ซึ่งเขาเจาะลึกไปถึงนักเตะทุกคนในทีมของเขา โดยตัว เลวานดอฟสกี้ ก็เปิดเผยว่า การเล่นกับ เป๊ป นั้น ก็มีส่วนที่ทำให้เขาเป็นตัวเขาในมทุกวันนี้ 

"ในยุคของ เป๊ป การไล่บอลยังเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องทำเมื่อเราไม่มีบอล แต่เมื่อเราเป็นฝ่ายครองบอล หน้าที่ของผมคือการขยับตัวเพื่อเอาชนะกองหลังคู่แข่ง ถ้าคุณมองจากโทรทัศน์ คุณอาจจะเห็นบาเยิร์นในยุคนั้นจ่ายฟุตบอลไป-มา ไม่รวดเร็วนัก แต่ในสนาม ทุก ๆ ครั้งที่เพื่อนจ่ายบอล คนที่ไม่มีบอลต้องขยับตัวอย่างรวดเร็วตามจังหวะที่โอกาสเปิดขึ้นในเสี้ยววินาที นั่นคือแท็คติกที่เราถูกวางเอาไว้"

"ในช่วงแรก นักเตะ และ เป๊ป อาจจะไม่เข้าใจกันบ้าง แต่ภายหลังสถานการณ์เปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้นมาก ... ถ้าพูดในฐานะมนุษย์ เป๊ป ทำให้นักเตะลำบากมาก เขาเก่งเรื่องแท็คติก แต่เขาติดอยู่กับตรงนั้น เขามีความคิดว่าถ้านักเตะทำตามที่เขาบอก ทีมจะชนะ ... แต่ไม่นานนัก เขาก็เปลี่ยนไป เขาตระหนักถึงความเป็นมนุษย์และเปิดกว้างมากขึ้น ผมว่าบางทีจุดนี้ช่วยให้เขาได้มากกว่าแท็คติกทั้งหลายทั้งมวลก็เป็นได้" 

เลวานดอฟสกี้ กลายเป็นคนที่เล่นได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น ภาพของการเป็นมือสังหารในกรอบเขตโทษชัดมากขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากนี้ ทักษะการเล่นที่กองหน้าเบอร์ 9 ต้องมี เลวานดอฟสกี้ มีทั้งหมด แถมยังทำได้ดีด้วย ไม่ว่าจะเป็นการสร้างจังหวะด้วยตัวเอง การเล่นร่วมกับทีม การทำหน้าที่เป็นตัวพักบอล และการยิงประตูจากทั้งในและนอกกรอบเขตโทษ ... แม้กระทั่งลูกฟรีคิก เขาก็ทำได้ 

ในยุคที่ เป๊ป คุม บาเยิร์น ก็เป็นช่วงเวลาที่ เลวานดอฟสกี้ ทำสถิติมากมาย เช่นสถิติการยิง 5 ประตู ใน 9 นาที และทำลายสถิติการยิงประตูมากที่สุดใน 1 ฤดูกาลของตัวเองด้วยการยิงไป 42 ประตูทุกรายการ ... ซึ่งเมื่อผ่านการเล่นของทั้ง คล็อปป์ และ เป๊ป ได้ ก็แทบจะพูดได้ว่า ไม่มีสไตล์ไหนที่ เลวานดอฟสกี้ ทำไม่ได้อีกต่อไปแล้ว 

ในช่วงกับ บาเยิร์น เลวานดอฟสกี้ ได้ร่วมงานกับโค้ชระดับปรมาจารย์อย่าง เป๊ป, คาร์โล อันเชล็อตติ, จุ๊ปป์ ไฮย์เกส และคนที่ส่งเขาสู่ยุคร่างทองที่สุดอย่าง ฮันซี่ ฟลิค ที่วิธีการเล่นกลับมาดุดัน รวดเร็วอีกครั้ง เพียงแต่ในยุคนั้น (2019-20) สิ่งที่ เลวานดอฟสกี้ เพิ่มขึ้นมาคือ ศักยภาพด้านร่างกายที่แข็งแกร่งที่สุดในอาชีพของเขา 

เลวานดอฟสกี้ เป็นคนที่ดูแลตัวเองมากที่สุดมาตั้งนานแล้ว เรื่องนี้ เป๊ป ยังเคยพูดว่า “เลวานดอฟสกี้เป็นนักเตะที่เป็นมืออาชีพที่สุดที่ผมเคยพบมา เขาคิดถึงเรื่องอาหาร การนอนหลับ และการฝึกซ้อมที่เหมาะสม ตลอด 24 ชั่วโมง เขาอยู่ที่นั่นเสมอ ไม่เคยบาดเจ็บ เพราะเขามุ่งเน้นไปที่สิ่งเหล่านี้ และเขารู้ว่าอะไรสำคัญเพื่อให้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุด”  

แต่ที่สำคัญ ในยุค ฟลิค สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาคือในช่วงการระบาดของ โควิด-19 สโมสรมีการส่งแบบฝึกเพื่อรักษาความฟิตและสร้างกล้ามเนื้อของนักเตะให้มากขึ้น เพื่อให้เหมาะกับสไตล์และวิธีการเล่นของทีม ซึ่งนอกจาก เลวานดอฟสกี้ ที่ร่างทองแล้ว นักเตะคนอื่น ๆ ในทีม อย่าง เลออน โกเร็ตซ์ก้า, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ยังกล้ามบึ้กขึ้นในช่วงเวลานั้น จนทำให้ บาเยิร์น คว้าทุกแชมป์ที่ลงเล่น หลังจากฟุตบอลกลับมาเตะอีกครั้ง  

โดยในรายของ เลวาน นั้น ร้อนแรงถึงขนาดทำลายสถิติดาวซัลโวบุนเดสลีกาตลอดการอย่าง แกร์ด มุลเลอร์ ได้สำเร็จ ด้วยการยิงในลีกถึง 41 ประตูจากการลงเล่น 29 นัด เมื่อฤดูกาล 2020-21 

"เลวานดอสฟกี้ เก่งที่สุด ในกรอบเขตโทษเมื่อเขาได้บอล คุณไม่มีทางหยุดเขาได้ ... นี่คือนักเตะที่พร้อมมากทั้งเรื่องสัญชาตญาณ สมาธิ และร่างกาย เขาคือกองหน้าที่ดีที่สุดในโลก" ฟลิค บอกแบบนั้น และเราคงเถียงไม่ออก 

ถ้าจะเปรียบความแตกต่างของ เลวานดอฟสกี้ ตอนเล่นให้กับ ดอร์ทมุนด์ กับ บาเยิร์น ว่าแตกต่างกันอย่างไร ก็ต้องตอบว่า เขายกระดับทุก ๆ เรื่องขึ้นมาอีก 1 ระดับ เขาเชี่ยวชาญในการเล่นทุกจังหวะ ตั้งแต่การพักบอลจนไปถึงการยิงประตูมากขึ้น เขามีร่างกายที่สมบูรณ์แบบ และเหนือสิ่งอื่นใด ประสบการณ์สอนให้เขาเล่นอย่างถูกที่ถูกจังหวะ นั่นคือสาเหตุที่เขาแทบจะยิงเป็นเข้าในช่วงเวลานั้นกับ บาเยิร์น มิวนิค 

"การประกบนักเตะอย่าง เลวานดอฟสกี้ คือสิ่งที่คุณต้องยกตัวเองไปอีกระดับ เขาไม่ใช่กองหน้าที่จะอยู่ข้างหน้ารอให้คุณเข้าปะทะ เขาขยับเพื่อหาพื้นที่ตลอดเวลา และถ้าคุณเผลอ คุณเตรียมตัวได้เลยว่าอีกไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นหายนะจะตามมา" วิลลี่ ออร์บาน เซ็นเตอร์แบ็กกัปตันทีม แอร์เบ ไลป์ซิก กล่าวถึงความโหดของ เลวาน ในช่วงค้าแข้งกับ บาเยิร์น มิวนิค จนถึงอายุ 33 ปี เลวาน ก็ได้ย้ายไปอยู่กับ บาร์เซโลน่า

 

เสือเฒ่าเก๋าในรัง บาร์ซ่า 

เรื่องราวดราม่าของการย้ายทีมจาก บาเยิร์น ไป บาร์เซโลน่า เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นและมีรายละเอียดยิบย่อยมากมาย แต่เหนือสิ่งอื่นใด บาเยิร์น มิวนิค รู้ดีว่าการที่พวกเขาปล่อย เลวานดอฟสกี้ ออกไป ไม่ได้แปลว่าดาวยิงรายนี้จะหมดเขี้ยวเล็บ เพียงแต่ เลวาน ไม่ต้องการอยู่กับ บาเยิร์น ต่อไปอีกแล้ว จึงได้เริ่มเส้นทางใหม่ในแคว้นกาตาลุนย่า 

เลวาน ย้ายไปเล่นให้กับ บาร์ซ่า ในฤดูกาล 2022-23 ด้วยค่าตัว 45 ล้านยูโร พร้อมสัญญาถึง 4 ปี แม้ว่าตอนนั้นเขาจะอายุ 33 ปี แต่อายุสัญญาที่มอบให้แสดงให้เห็นว่า เลวานดอสฟกี้ ยังคงมีศักยภาพที่จะเล่นในเกมระดับสูงได้ แม้ว่าเขาจะอายุมากแค่ไหนก็ตาม

อย่างที่บอก เนื่องจากการดูแลตัวเองแบบจัดเต็มตั้งแต่การกินการนอน การออกกำลังกาย ช่วยชะลอวัยและสังขารของเขาได้ดี ทว่าการมาเล่นที่นี่ก็มีสิ่งที่เขาต้องปรับตัวใหม่ ให้เหมาะกับสไตล์ของทีมมากขึ้น โดยเฉพาะในยุคแรกที่ ชาบี เอร์นานเดซ เข้ามาคุมทีม 

เลวานดอฟสกี้ ถอยห่างจากกรอบเขตโทษมากขึ้น และมีส่วนร่วมกับการต่อเกม เชื่อมเกมมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากสไตล์บอลของ บาร์เซโลน่า เป็นเช่นนั้นมาเสมอ 

และต่อให้ เลวานดอฟสกี้ จะต้องปรับตัว แต่ก็อย่างที่บอกว่ามันไม่ได้ยากอะไรนัก เบอร์ 9 ที่ครบเครื่องทุกด้าน ผ่านโค้ชหลายคน ผ่านแท็คติกหลายแบบอย่าง เลวาน อาจจะยิงประตูลดน้อยถอยลงไปบ้าง แต่ไม่เคยทำให้ทีมเสียรูปแบบการเล่น ทีมยังคงเล่นได้ตามแท็คติกหลักโดยไม่ต้องเปลี่ยนเพื่อเขา หนำซ้ำ เขายังมีส่วนในการยิงประตูในลีกถึง 23 ลูก และเป็นดาวซัลโวในปีนั้น อีกทั้ง บาร์ซ่า ยังเป็นแชมป์ ลา ลีกา ด้วย 

อย่างไรก็ตาม ปีที่ 2 กับ บาร์ซ่า เป็นช่วงที่มีปัญหาเล็กน้อย เนื่องจากทีมเสียทรงแชมป์เก่า เล่นได้ไม่ดีนัก ขณะเดียวกันก็มีการซุบซิบว่า ชาบี อยากให้ เลวานดอฟสกี้ ออกจากทีม ไม่ใช่เพราะไม่เก่ง แต่เพราะ เลวานดอฟสกี้ มีความเป็นมืออาชีพสูงมาก จนใส่ใจกับความสมบูรณ์แบบส่วนตัว แต่กลับทำตัวห่างเหินกับกลุ่มนักเตะดาวรุ่ง ซึ่งเป็นขุมกำลังระยะยาวที่สโมสรคาดหวังไว้

ข่าวลือไม่ได้ทันได้ลือนาน บาร์เซโลน่า ตัดสินใจปลด ชาบี ตั้ง ฮันซี่ ฟลิค คุมทีมในฤดูกาล 2024-25 และกลับมาเล่นในสไตล์คล้าย ๆ กับตอนที่เขาประสบความสำเร็จกับ บาเยิร์น มิวนิค ดังนั้น เลวานดอฟสกี้ จึงเป็นจิ๊กซอว์ตัวสำคัญของทีมชุดนี้

ตำแหน่งหมายเลข 9 ที่ ฟลิค อยากได้ ตรงกับสิ่งที่เขามีทุกอย่าง แม้ตอนนี้อายุจะ 36 ปี แต่สถิติการยิงประตูของ เลวาน ต้องบอกว่ากลับมาโหดขึ้นและเป็นปีที่ค่าเฉลี่ยการยิงประตูของเขาดีที่สุดนับตั้งแต่ย้ายมา บาร์เซโลน่า (19 นัด 22 ประตู) 

"ฮันซี่ ฟลิกรู้จักเขาดี และเขาพบหนทางที่จะปลดล็อก เลวานดอฟสกี้ มันไม่ใช่เรื่องยากเลยสำหรับคนที่เคยทำงานด้วยกันมานาน" โอเว่น ฮาร์กรีฟส์ วิเคราะห์ 

"เขาไม่ต้องพยายามทำอะไรที่เยอะกว่าสิ่งที่สำคัญที่สุด นอกจากการยิงประตู  นักเตะรอบตัวเขามีพรสวรรค์และสร้างสรรค์โอกาสสวย ๆ กับเขาได้เสมอ เปดรี้ กลับมาแล้ว ลามีน ยามาล เก่งขึ้นอย่างก้าวกระโดด ... มันดีมากสำหรับ เลวานดอฟสกี้ ในวัย 36 ปี เขาอาจจะรักษาความฟิตและร่างกายตัวเองได้เป็นอย่างดี แต่ทุกคนรู้ว่าเมื่ออายุขนาดนั้น คุณจะมีข้อจำกัดโดยที่มันเป็นกฎของธรรมชาติ"

"แต่คุณต้องไม่ลืมว่า ถ้าวัดเรื่องการยิงประตู มันให้ผลในตรงกันข้าม ยิ่งอายุมากขึ้น กองหน้าจะยิ่งยิงประตูเก่งขึ้น เมื่อคุณอายุเยอะ การเป็นกองหน้า มันง่ายกว่าเป็นนักเตะที่เล่นเกมรับ คุณไม่ต้องเอาร่างกายไปเสี่ยงกับการวิ่งเต็มสปีดที่จะทำให้เกิดการบาดเจ็บ คุณไม่อยากลอยกลางอากาศเอาตัวปะทะกับคู่แข่ง หรือพยายามวิ่งไล่ตามไล่บล็อกคนอื่น ... กองหน้าที่อายุเยอะอย่าง เลวานดอฟสกี้ ผ่านการยิงประตูมาทุกรูปแบบแล้ว และเมื่อคุณวางคนอย่างเขาไว้ที่เขตโทษ เขาจะใช้ประสบการณ์เหล่านั้นเก็บเกี่ยวประตูมากมายให้กับคุณ" 

สิ่งที่ ฮากรีฟส์ บอกชัดเจนทุกอย่าง เลวานดอฟสกี้ อาจจะไม่ได้ร่างทองเหมือนตอนอยู่บาเยิร์น ที่ดีทุกอย่าง เล่นได้ทุกคุณสมบัติ แต่ในวัย 36 ปี ฮันซี่ ฟลิค ลดภาระเขาเหลือแค่การยิงประตูเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ... ซึ่งก็เหมือนกับที่ ฮาร์กรีฟส์ บอก ถ้าจะคุยกันแค่เรื่องนี้ เลวานดอฟสกี้ สามารถนั่งคุยกับคุณได้ทั้งวัน เพราะไม่มีการยิงประตูรูปแบบไหน ที่เขาไม่เคยทำได้  

บทบาทที่สอดคล้องกับอายุ ทำให้เขากลับมาโดดเด่นยิงกระจายอีกครั้ง ... เขายิงจนเราเดาไม่ออกจริง ๆ ว่าขาลงของ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ คนนี้จะมาถึงตอนไหนกันแน่ ? 

 

แหล่งอ้างอิง

https://www.barcablaugranes.com/2024/10/24/24278330/hansi-flick-always-has-a-recipe-robert-lewandowski-talks-barcelonas-win-over-bayern
https://www.goal.com/en/news/orban-key-difference-bayern-lewandowski-dortmund-haaland/10za7hxg17qiq1icah4ar7yx7i
https://www.theguardian.com/football/the-set-pieces-blog/2022/apr/08/goal-strikers-improve-age-benzema-lewandowski
https://www.fcbarcelonanoticias.com/en/fc-barcelona/the-deal-of-lewandowski-to-the-youngsters-one-of-the-reasons-by-which-xavi-wanted-to-him-was_303946_102.html#google_vignette
https://www.eurosport.com/football/champions-league/2024-2025/robert-lewandowski-barcelona_sto20041940/story.shtml
https://www.bundesliga.com/en/bundesliga/news/robert-lewandowski-the-best-player-i-ever-worked-with-jurgen-klopp-dortmund-15156
https://www.bundesliga.com/en/bundesliga/news/how-borussia-dortmund-have-always-replaced-irreplaceable-strikers-haaland-19878
https://thesefootballtimes.co/2017/10/27/robert-lewandowski-and-the-journey-from-club-less-teen-to-striking-royalty/

Author

ชยันธร ใจมูล

นักเขียนลูกสอง จองเรื่องฟุตบอลและมวยโลก รู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่เขียนแล้วอินทุกเรื่อง

Photo

วัชพงษ์ ดวงแปง

Main Stand's Backroom staff

Graphic

อรรนพ สะตะ

graphic design ผู้ชื่นชอบกีฬาฮอกกี้, เกมส์, เดินเขา เป็นชีวิตจิตใจ