Feature

เมมฟิส เดปาย : ดาวดังดัตช์ดีกรีทีมท็อปยุโรป กับการเดินทางครั้งใหม่ในอเมริกาใต้ | Main Stand

เปิดตัวกับสโมสรใหม่เป็นที่เรียบร้อยสำหรับ เมมฟิส เดปาย ดาวเตะทีมชาติเนเธอร์แลนด์ หลังจากตกลงยกเลิกสัญญากับทาง แอตเลติโก มาดริด กลายเป็นผู้เล่นฟรีเอเย่นต์ ในตลาดซื้อขายนักเตะครั้งนี้ 

 


ก่อนที่เจ้าตัวจะตัดสินใจโบกมือลาเวทียุโรป ไปลุยดินแดนอเมริกาใต้เป็นครั้งแรกในชีวิตกับ โครินเธียนส์ ในบราซิล ซีรี่เอ ชวนให้แปลกใจอยู่ไม่น้อย สำหรับการตัดสินใจในครั้งนี้

เพราะ เมมฟิส เดปาย เพิ่งเข้าสู่วัย 30 ปีเท่านั้น และถ้าหากย้อนกลับไปในช่วง 10 ปีที่แล้ว ชื่อของเขาเป็นที่น่าจับตามองอย่างมาก ถึงขั้นถูกยกให้เป็นหนึ่งในนักเตะ "วันเดอร์คิด" ที่จะก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะระดับแถวหน้าของวงการฟุตบอลในอนาคต

เหตุใดกราฟชีวิตในระยะเวลาเพียงแค่ 10 ปีของ เมมฟิส เดปาย ถึงพลิกผันราวกับอยู่บนเครื่องเล่นรถไฟเหาะ ร่วมติดตามเรื่องราวของเขาไปพร้อมกับ Main Stand

 

วันเดอร์คิดชื่อดังแดนกังหันลม

ย้อนกลับไปในช่วงตลาดซื้อขายนักเตะซัมเมอร์ปี 2015 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของ หลุยส์ ฟาน กัล กุนซือจอมปรัชญาเลือดดัตช์ ตัดสินใจใช้งบประมาณราว 35 ล้านยูโร ดึงตัว เมมฟิส เดปาย เข้ามาร่วมทีม 

นอกเหนือจากนั้น หลุยส์ ฟาน กัล ยังตัดสินใจมอบเสื้อหมายเลข 7 เบอร์ตำนานของทัพปีศาจแดง ที่ยอดนักเตะหลายคน อาทิ จอร์จ เบสท์, เอริค คันโตน่า, เดวิด เบ็คแฮม และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เคยสวมใส่กับนักเตะคนนี้

การมอบเสื้อหมายเลข 7 ให้กับแข้งดาวรุ่งทีมชาติเนเธอร์แลนด์รายนี้ กลายเป็นประเด็นให้ถกเถียงอย่างยากจะบอกปัด โดยแฟนบอลเร้ดเดวิลส์ส่วนใหญ่ต่างมองว่า ไม่ควรที่จะให้เด็กที่เพิ่งอายุเพียง 20 ปี และไม่เคยพิสูจน์กับการเล่นลีกใหญ่ในเวทียุโรป แบกรับความกดดันด้วยการสวมเสื้อหมายเลขตำนานของทีม

"ผมเข้าใจดีกับแรงกดดันครั้งนี้ หลังจากที่ผมได้เลือกสวมเสื้อตำนานของทีม อย่างหมายเลข 7 โดยตัวผมเองเป็นคนที่ร้องขอสโมสรถึงการใส่เสื้อหมายเลข 7 ผมมีไอดอลเป็น เดวิด เบ็คแฮม ซึ่งเขาโด่งดังจากการสวมเสื้อหมายเลขนี้กับแมนฯ ยูไนเต็ด เขาเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ผมตัดสินใจขอสโมสรสวมเสื้อหมายเลข 7" เมมฟิส เดปาย ออกให้ความเห็นถึงเหตุผลในการสวมเสื้อเบอร์ดังกล่าว

นอกเหนือจากนั้น หลุยส์ ฟาน กัล ยังได้ออกมาปกป้อง เมมฟิส เดปาย ผ่านสื่อว่าไม่ควรตัดสินเด็กคนนี้ที่อายุ และควรให้เวลากับเขาในการปรับตัวกับการลงเล่น ในประเทศอังกฤษ 

"พวกเราภายในทีมคิดมาเป็นอย่างดีเกี่ยวกับการเซ็นสัญญานักเตะแต่ละคนเข้ามาสู่ทีม และผมรู้จักเขาเป็นอย่างดี เมมฟิส เป็นเด็กที่น่ารัก เขามีความมั่นใจในตัวเองสูง และนี่คือคุณสมบัติที่ผมชื่นชอบเขา" 

"แม้ว่าในตอนนี้เขาจะเป็นเพียงแค่เด็กดาวรุ่ง แต่เขาได้โชว์ศักยภาพออกมาให้เห็นแล้ว ในตอนที่เขาเล่นให้กับ พีเอสวี รวมไปถึง ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ และผมคิดว่ายังไม่ควรที่จะตัดสินว่าเด็กคนนี้ไม่สมควรสวมเสื้อหมายเลข 7 เราควรให้เวลาเขาปรับตัวในช่วงแรก เพราะศึกพรีเมียร์ลีกเป็นการแข่งขันระดับสูง และผมเชื่อว่าหลังจากที่เขาเริ่มปรับตัวได้แล้ว จะเป็นผลดีอย่างมากต่อขุมกำลังทีมของพวกเราในฤดูกาลนี้"

หากย้อนกลับไปดูผลงานของ เมมฟิส เดปาย ก่อนที่จะย้ายเข้ามาสวมยูนิฟอร์ม ปีศาจแดง ผลงานของเด็กหนุ่มผู้นี้ถูกยกให้เป็นแข้งที่อยู่ในหมวดหมู่ "เก่งเกินอายุ" ถึงขั้นถูกยกให้เป็นแข้งวันเดอร์คิด ที่น่าจับตามองอันดับต้น ๆ ในวงการฟุตบอลยุคนั้น

เพราะตลอดทั้งฤดูกาล 2014-15 เมมฟิส เดปาย ในสีเสื้อ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ซัลโวไปได้มากถึง 22 ประตู จากการลงสนามไปทั้งหมด 30 นัด คว้ารางวัลดาวซัลโว ของศึกเอเรดีวิซี่ เนเธอร์แลนด์ ประจำฤดูกาลดังกล่าวไปครอง

นอกเหนือจากการคว้ารางวัลดาวซัลโว เมมฟิส เดปาย ยังเป็นคีย์แมนคนสำคัญของทีมในการพา พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น คว้าแชมป์เอเรดีวิซี่ เนเธอร์แลนด์ และด้วยผลงานที่จับต้องได้ตลอดทั้งฤดูกาล เป็นที่มาให้ เดปาย ได้รับเลือกจาก สมาคมฟุตบอลดัตช์ ให้เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล 2014-15  

 

จากหน้ามือ เป็นหลังมือ

ทันทีที่ เมมฟิส เดปาย ย้ายมาเป็นนักเตะใหม่ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เขาถูกตั้งความหวังจากแฟนบอลปีศาจแดงไว้สูงมาก ถึงขั้นถูกมองว่าจะเข้ามาทดแทนการขาดหายไปของ อังเคล ดิ มาเรีย ริตัวมเส้นชาวอาร์เจนติน่า ที่ย้ายหนีทีมออกไปในช่วงก่อนฤดูกาลจะเริ่มขึ้น

แต่ต้องยอมรับว่า เมมฟิส เดปาย ยังห่างชั้นกับการเป็นนักเตะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มากพอสมควร จากเดิมที่เป็นแข้งจอมลากเลื้อยไปกับบอลได้ดี และทำประตูได้อย่างยอดเยี่ยมในลีกเนเธอร์แลนด์ 

แต่การมาอยู่ที่ลีกอังกฤษ สิ่งที่ทุกคนได้เห็นในตัวของ เมมฟิส เดปาย นั่นคือเป็นนักเตะจอมเห็นแก่ตัว ทำบอลเสียเป็นส่วนใหญ่ และไม่ค่อยเล่นร่วมกันกับ เพื่อนร่วมทีม รวมไปถึงความเฉียบคมในการจบสกอร์ที่ถึงขั้นอยู่ในเกณฑ์ "ย่ำแย่" โดยตลอดทั้งฤดูกาล 2015-16 เดอปาย ทำประตูให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปได้เพียง 4 ประตู จากการลงสนามไปทั้งหมด 29 นัด

นอกเหนือจากการเล่นเกมรุกที่ว่าแย่แล้ว เกมรับของเขาก็กลายเป็นอีกหนึ่งจุดที่ถูกโจมตีมาโดยตลอดจากแฟนบอลและสื่อต่าง ๆ ในโลกโซเชี่ยล เนื่องจาก เมมฟิส เดปาย ไม่ค่อยลงมาช่วยเล่นเกมรับ เขามักปล่อยให้เพื่อนร่วมทีมในตำแหน่งแบ็กซ้าย ต้องเผชิญสถานการณ์ถูกคู่แข่งรุมกินโต๊ะ 2-1 อยู่บ่อยครั้ง

ด้วยเหตุนี้เองจึงเป็นเหตุให้แฟนบอลเร้ดเดวิลส์ ส่วนใหญ่ไม่ค่อยพอใจเกี่ยวกับฟอร์มการเล่นของ เมมฟิส เดปาย รุนแรงถึงขั้นถูกโจมตี เรียกร้องให้ เดปาย ไปสวมเสื้อหมายเลขอื่น แทนที่การใส่เบอร์ 7 เพราะพวกเขาต่างมองว่าฟอร์มการเล่นของ เดปาย ไม่สมควรที่จะได้สวมเสื้อหมายเลขตำนานของสโมสรนี้อีกต่อไป

ยิ่งไปกว่านั้น สถานการณ์ของ เมมฟิส เดปาย ยิ่งย่ำแย่ไปมากกว่าเดิม หลังจาก หลุยส์ ฟาน กัล เฮดโค้ชผู้ที่ดึงตัวเขาเข้ามาร่วมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถูกไล่ออกไปในปี 2016 และแต่งตั้ง โชเซ่ มูรินโญ่ เข้ามาทำหน้าที่แทน

โชเซ่ มูรินโญ่ แทบกาชื่อของ เมมฟิส เดปาย ออกจากขุมกำลังทีมชุดใหญ่ ไม่ใช่ว่ากุนซือ เจ้าของฉายา "เดอะ สเปเชียลวัน" ไม่ชื่นชอบนักเตะชาวเนเธอร์แลนด์ผู้นี้ แต่เป็นเพราะ รูปแบบแผนการเล่นของทีมไม่เข้ากับสไตล์การเล่นของ เดปาย มากกว่า

รวมไปถึงนักเตะในตำแหน่งริมเส้นฝั่งซ้ายของทีม ที่ในฤดูกาลที่ผ่านมาเป็นพื้นที่ของ เมมฟิส เดปาย มาโดยตลอด แต่หลังจากการมาของ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ที่เข้ามายืน ในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้าของทีม ทำให้ โชเซ่ มูรินโญ่ จำเป็นที่จะต้องโยก 2 กองหน้าตัวหลักในฤดูกาลที่ผ่านมาอย่าง อองโตนี่ มาร์กซิยาล และ มาร์คัส แรชฟอร์ด มายืนในตำแหน่งริมเส้นฝั่งซ้ายแทน

เป็นเหตุให้ เมมฟิส เดปาย ได้รับโอกาสในการลงสนามตลอดครึ่งซีซั่นแรกไปเพียง 4 นัด ก่อนที่จะถูกปล่อยตัวออกจากทีมไปให้กับ โอลิมปิก ลียง ในท้ายที่สุด ด้วยค่าตัว 22 ล้านยูโร

โดยหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ถูกเปิดเผยในภายหลัง เกี่ยวกับการถูกปล่อยตัวในครั้งนี้ของ เมมฟิส เดปาย นอกเหนือจากสไตล์การเล่นที่ไม่เข้ากับแผนการเล่นของ โชเซ่ มูรินโญ่ และไม่มีพื้นที่ให้สอดแทรกในตำแหน่งริมเส้นฝั่งซ้ายแล้ว นั่นคือไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของเขาที่มักจะมีข่าวฉาวออกมาให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง

ทั้งเรื่องแฟชั่นนอกสนามที่ทาง เมมฟิส เดปาย ค่อนข้างคลั่งไคล้มากพอสมควร ถึงขั้นเคยถูกโจมตีจากสื่อในประเทศอังกฤษว่า เขามีความสนใจในเรื่องแฟชั่นนอกสนามมากกว่า การลงไปเตะบอลในสนาม รวมไปถึงมีภาพหลุดออกมาให้เห็นอยู่บ่อยครั้งว่าเขามักจะออกไปเที่ยวสถานบันเทิงในช่วงเวลากลางคืน

และอีกหนึ่งสาเหตุหลักที่ถูกมองว่าเป็นตัวการณ์สำคัญที่ทำให้ เมมฟิส เดปาย หมดอนาคตกับทีม นั่นคือการมาฝึกซ้อมสายอยู่บ่อยครั้ง จนทางทีมงานสต๊าฟฟ์โค้ช และเพื่อนร่วมทีมหลายคน ต่างเอือมระอากับพฤติกรรมของดาวเตะทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ผู้นี้

 

กลับมาเป็น เดปาย ที่โตขึ้น

"เหมือนกับผมหลงทางอยู่ที่เมืองแมนเชสเตอร์ ผมยอมรับเลยว่าผมลุ่มหลงในชื่อเสียง เงินตรา และอะไรหลาย ๆ อย่างในประเทศอังกฤษ ผมใช้เวลาอยู่นานกว่าที่จะรู้สึกตัว แต่นั่นมันก็สายเกินไปมากแล้ว"

"ผมยอมรับมาโดยตลอดที่ผมต้องออกจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นเพราะตัวผมเอง ในวันที่ผมต้องออกจากทีม ผมโทรไปหาทั้ง หลุยส์ ฟาน กัล และ โชเซ่ มูรินโญ่ เพื่อขอโทษในทุกเรื่องที่ผ่านมา ผมจำได้หมดทุกเรื่องสมัยที่อยู่กับสโมสรแห่งนี้ ซึ่งมันเป็นอีกหนึ่งเรื่องในชีวิตของผมที่ผมไม่อยากให้อภัยตนเอง และยังจดจำมาจนถึง ทุกวันนี้" เมมฟิส เดปาย เปิดเผยความรู้สึกส่วนตัวในวันที่ต้องออกจากยูไนเต็ด ผ่านสื่อ Manchester Evening News

เชื่อได้ว่าพฤติกรรมและการกระทำทั้งหมดในด้านลบสมัยที่เขาเล่นให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คงติดอยู่ในใจเขาไปตลอด แต่ต้องชื่นชมในหัวใจความเป็นนักสู้ของ เมมฟิส เดปาย เช่นกัน ที่แม้ว่าต้องกลับมาลงเล่นในลีกที่เล็กกว่าเดิม แต่เขาก็พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อกลับมาเป็นนักฟุตบอลที่ดีให้ได้อีกครั้ง

ท้ายที่สุด การไม่ยอมแพ้ของ เมมฟิส เดปาย สัมฤทธิ์ผล ทำให้เขากลับมาอยู่ในฟอร์มที่ยอดเยี่ยมได้อีกครั้ง เหมือนกับสมัยที่ยังเป็นนักเตะดาวรุ่งเล่นให้กับ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น 

เพราะตลอดการลงเล่นทั้งหมด 5 ฤดูกาลกับทาง โอลิมปิก ลียง ผลงานของ เมมฟิส เดปาย อยู่ในเกณฑ์ที่ "ขึ้นหิ้ง" เป็นอย่างมาก เขาทำประตูไปได้มากถึง 76 ประตู และ 55 แอสซิสต์ จากการลงสนามให้ โอลิมปิก ลียง รวมทุกรายการ 178 นัด

ในหมู่แฟนบอล โอลิมปิก ลียง เขาถือว่าเป็นแข้งที่ได้รับความไว้ใจจากแฟน ๆ เป็นหนึ่งในนักเตะที่พวกเขาต่างให้การยอมรับและเชิดชูราวกับเป็นหนึ่งในแข้ง "ตำนาน" ของทีม

"ผมขอบคุณสำหรับทุกอย่างมันเป็นการเดินทางที่ยอดเยี่ยม ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา สโมสรแห่งนี้ทำให้ผมกลับมาเล่นฟุตบอลแบบมีความสุขอีกครั้ง ผมขอบคุณแฟนบอลลียง ทุกคนที่ให้การหนุนหลังผมมาโดยตลอด โอลิมปิก ลียง จะอยู่ในใจผมตลอดไป ผมรักพวกคุณทุกคน ไว้เจอกันใหม่" เมมฟิส เดปาย แถลงการณ์อำลาสโมสรผ่านช่องทางโซเชี่ยลส่วนตัว

 

พเนจรจากสเปน สู่บราซิล

หลังจากหมดสัญญากับทาง โอลิมปิก ลียง การเดินทางครั้งใหม่ของ เมมฟิส เดปาย ได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง ซึ่งในครั้งนี้เป็นสโมสรที่ใหญ่ขึ้นเหมือนกับครั้งที่เขาย้ายไปเล่นให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพราะเขาตกลงเลือกย้ายไปร่วมทีม บาร์เซโลน่า ในปี 2021

แต่ในครั้งนี้ผลงานโดยรวมของ เมมฟิส เดปาย ถือว่าไม่ได้แย่เหมือนตอนเล่นให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพราะตลอดระยะเวลา 1 ฤดูกาลนิด ๆ ที่ทาง เดปาย ลงเล่นให้กับ บาร์เซโลน่า เขาเปรียบเสมือนตัวความหวังในแดนหน้าของทางเจ้าบุญทุ่ม 

โดยหนึ่งในคนสำคัญผู้คอยหนุนหลัง เมมฟิส เดปาย มาโดยตลอดในฤดูดังกล่าว นั่นคือ โรนัลด์ คูมัน เฮดโค้ชชาวดัตช์ ที่ให้ความเชื่อมั่นในตัวของ เดปาย เป็นอย่างมาก โดยเขาได้มอบตำแหน่งกองหน้าตัวเลือกแรกของทีมให้กับดาวเตะผู้นี้

ซึ่งทาง เมมฟิส เดปาย ก็ไม่ทำให้ทาง โรนัลด์ คูมัน ต้องผิดหวังแม้แต่น้อย เขาจบฤดูกาลด้วยการทำประตูไปได้มากถึง 13 ประตู จากการลงสนามไปทั้งหมด 28 นัด คว้ารางวัลดาวซัลโวประจำทีมไปครองในฤดูกาล 2021-22

แต่ความโชคร้ายของ เมมฟิส เดปาย ได้เกิดขึ้นในช่วงท้ายฤดูกาล เนื่องจากเขาได้รับ อาการบาดเจ็บบริเวณกล้ามเนื้ออย่างรุนแรง ส่งผลให้เขาต้องพักยาวร่วม 4 เดือน ซึ่งในความโชคร้ายไปมากกว่านั้น เป็นช่วงที่ทางทัพ "อาซูลกราน่า" เกิดการผลัดเปลี่ยนยุคใหม่ด้วยการปลด โรนัลด์ คูมัน เฮดโค้ชที่ให้ความเชื่อมั่นในตัวของ เดปาย มาโดยตลอด และแต่งตั้ง ชาบี เอร์นานเดซ อดีตแข้งลูกหม้อของทีม เข้ามารับหน้าที่เป็นเฮดโค้ชรายใหม่แทน 

โดยเป้าหมายแรกของ ชาบี เอร์นานเดซ นั่นคือการเซ็นสัญญาผู้เล่นในตำแหน่งกองหน้าเข้ามาร่วมทีม จึงเป็นที่มาให้ บาร์เซโลน่า ตัดสินใจควักเงิน 45 ล้านยูโร ดึงตัว โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ เข้ามาร่วมทีม 

ด้วยเหตุนี้เองจึงเป็นที่มาให้ทาง เมมฟิส เดปาย เสียตำแหน่งกองหน้าตัวเลือกแรก ไปให้กับ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ซึ่งหลังจากที่เขาสลัดอาการบาดเจ็บกลับมาลงสนามได้อีกครั้ง เขาได้รับโอกาสจาก ชาบี เอร์นานเดซ ไปเพียงแค่ 2 นัดเท่านั้น ตลอดการลงสนามครึ่งซีซั่นแรก ในฤดูกาล 2022-23 ก่อนที่จะถูกปล่อยตัวออกจากทีม ในช่วงตลาดซื้อขายเดือนมกราคมไปให้กับ แอตเลติโก มาดริด ทีมคู่ปรับร่วมลีก ด้วยค่าตัว 5 ล้านยูโร 

แต่ในระยะเวลา 1 ปีครึ่งที่ทาง เมมฟิส เดปาย ลงเล่นให้กับทัพตราหมี สถานการณ์ของ เขาถือว่าไม่สวยหรูมากนัก เพราะด้วยปัญหาหลาย ๆ อย่าง ทั้งอาการบาดเจ็บบริเวณกล้ามเนื้อที่เรื้อรังมาตั้งแต่สมัยเล่นให้กับ บาร์เซโลน่า ที่คอยตามเล่นงานเขามาโดย ตลอด 

และอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญนั่นคือการไม่ลงรอยกับ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ เฮดโค้ชจอมเฮี้ยบ ชาวอาร์เจนติน่า

โดยทาง เมมฟิส เดปาย รู้สึกไม่พอใจแผนการเล่นของทาง ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ ที่มักให้ผู้เล่นในตำแหน่งเกมรุก ลงมาช่วยทีมเล่นเกมรับมากจนเกินไป ซึ่งตัวของ เดปาย มองว่าการเล่นในแนวทางดังกล่าว เป็นผลเสียมากกว่าเป็นผลดีต่อทีม

จนในท้ายที่สุด หลังจบฤดูกาล 2023-24 เมมฟิส เดปาย ตัดสินใจแจ้งไปกับทางสโมสร ขอยกเลิกสัญญากับทีม โดยตัวของ เดปาย มองว่าเขาไม่มีความสุขกับการลงเล่นที่ แอตเลติโก้ มาดริด รวมไปถึงเขาไม่สามารถร่วมงานกับทาง ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ ได้อีกต่อไป

"นักเตะทุกคนล้วนอยากลงสนามเป็นผู้เล่นตัวจริง รวมไปถึงการลงเล่นครบ 90 นาที ซึ่งผมแทบจำไม่ได้แล้วว่า ผมลงเล่นครบ 90 นาที ครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ บางทีผมก็รู้สึกว่าเขาไม่มีความเชื่อมั่นในตัวผมเลย และผมรู้สึกไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับแผนการเล่นของเขา ที่มักให้ผู้เล่นแนวรุกวิ่งลงมาเล่นเกมรับในแดนของตนเอง ซึ่งผมมองว่าการเล่นในแท็คติก รูปแบบนี้ เป็นผลเสียต่อผู้เล่นแนวรุก" เมมฟิส เดปาย เผยความรู้สึกว่าเขาไม่พอใจ กับแนวทางการเล่นของ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ ก่อนที่เขาจะตัดสินใจขอยกเลิกสัญญากับทาง แอตเลติโก มาดริด 

หลังจากที่เขายกเลิกสัญญา มีหลายสโมสรทั้งใน อิตาลี, ฝรั่งเศส รวมไปถึง เนเธอร์แลนด์ ประเทศบ้านเกิดของเขา ที่ต่างยื่นข้อเสนอเข้ามาให้กับ เมมฟิส เดปาย พิจารณาในครั้งนี้

แต่เขากลับเลือกที่จะยังไม่ตัดสินใจตอบรับข้อเสนอกับทีมที่ให้ความสนใจในตัวเขาก่อนหน้านี้ โดยให้เหตุผลว่าขอโฟกัสกับการเล่นทีมชาติ ในศึกฟุตบอลยูโร 2024 

จนในท้ายที่สุดหลังจบทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลยูโร 2024 สโมสรที่เขาตัดสินใจย้ายไปร่วมทีม กลับไม่ใช่สโมสรในประเทศที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมด แต่กลับเป็นสโมสรในประเทศบราซิลอย่าง โครินเธียนส์ ที่เขาเลือกไปร่วมทีม พร้อมกับเซ็นสัญญายาวจนถึงปี 2026

ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ "ติสท์แตก" พอสมควร เพราะด้วยอายุของเขาที่เพิ่งเข้าสู่วัยเลข 3 เท่านั้น ซึ่งถ้าหากนำไปเทียบกับชีวิตการเป็นนักฟุตบอล อายุประมาณนี้ ยังสามารถเล่นในลีกใหญ่ในยุโรปได้อย่างง่ายดาย

"สวัสดีทุกคนผมชื่อ เมมฟิส ผมตื่นเต้นมากที่ได้พบกับพวกคุณทุกคน 'Neo Quimica Arena' สนามแห่งนี้เป็นที่ที่มหัศจรรย์มาก ผมอดใจรอไม่ไหวแล้วที่จะได้ลงเล่นต่อหน้า แฟนบอลทุกคน ไปลุยกันโครินเธียนส์ !" เมมฟิส เดปาย กล่าวในวันเปิดตัวต่อหน้า แฟนบอลโครินเธียนส์ ที่มารอให้การต้อนรับเขามากถึง 40,000 คน ณ สนาม Neo Quimica Arena

และนี้คือเรื่องราวของ เมมฟิส เดปาย หนึ่งในนักเตะที่มีเรื่องราวน่าสนใจมากที่สุด คนหนึ่งของวงการฟุตบอล ส่วนอนาคตของเขาจะเป็นเช่นไร เขาจะกลับมาเวทียุโรปอีกครั้งหรือไม่ ตัวเขานี่แหละที่จะเป็นคนตอบบอกเกี่ยวกับเรื่องนี้เอง

 

แหล่งอ้างอิง

https://www.theguardian.com/football/2015/jun/12/memphis-depay-completes-manchester-united-transfer
https://www.eurosport.com/football/depay-i-want-to-be-a-legend_sto4830814/story.shtml
https://www.si.com/soccer/2019/06/08/memphis-depay-reveals-key-reasons-behind-his-failure-manchester-united
https://www.sportsjoe.ie/football/memphis-depay-man-united-jose-mourinho-187904
https://www.transfermarkt.com/memphis-depay/leistungsdatenverein/spieler/167850
https://ge.globo.com/futebol/times/corinthians/noticia/2024/09/11/memphis-depay-e-apresentado-aos-torcedores-do-corinthians-na-arena-e-usara-a-camisa-94.ghtml
https://www.ole.com.ar/futbol-internacional/america/memphis-depay-furor-brasil-llego-sede-social-corinthians-helicoptero_0_8iyopVGhrx.html

Author

วิสุทธา วงค์หน่อแก้ว

หนุ่มน้อยผู้คลั่งรัก "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สุดหัวใจ

Graphic

อภิสิทธิ์ โชติพิบูลย์ทรัพย์

Art Director ผู้รับเหมางานภาพกราฟิกหน้าปกบทความทุกชิ้น