Feature

วิคเตอร์ โอซิมเฮน : หอกระดับท็อป กับเส้นทางฟุตบอลที่ต้องเลี้ยวสู่ลีกตุรกี | Main Stand

ถือเป็นเรื่องที่ชวนให้แฟนบอลแปลกใจไม่น้อย เมื่อ วิคเตอร์ โอซิมเฮน ศูนย์หน้าจอมถล่มประตูชาวไนจีเรีย ผู้เป็นหัวใจในแนวรุกคนสำคัญของ นาโปลีมาโดยตลอดในช่วงที่ผ่านมา ตัดสินใจย้ายไปเล่นกับ กาลาตาซาราย ทีมในประเทศตุรกี ด้วยรูปแบบการยืมตัว ในฤดูกาล 2024-25

 


เพราะหากเทียบชั้นกับทาง กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี การย้ายไปเล่นอยู่ในลีกที่ได้รับความนิยมในระดับโลกน้อยกว่าอย่างตุรกี ซูเปอร์ลีก เป็นข้อให้ถกเถียงว่าการตัดสินใจย้ายหนนี้ของเขาจะส่งผลไปถึงอนาคตของตัวเองมากน้อยแค่ไหน อย่างไร

เกิดอะไรขึ้นกับ วิคเตอร์ โอซิมเฮน ? ทำไมเขาถึงเลือกมาอยู่กับทีมดังแดนไก่งวง ?เรื่องราวของเขามีความซับซ้อนแค่ไหน ? ร่วมติดตามไปพร้อมกับ Main Stand

 

ยิงจนพาทีมเป็นแชมป์ในรอบ 33 ปี

นาโปลี ตัดสินใจทุ่มค่าตัวเป็นสถิติของสโมสรสูงถึง 75 ล้านยูโร เพื่อไปสู่ขอ ลีลล์ ในการคว้าตัว วิคเตอร์ โอซิมเฮน เข้ามาร่วมทีมในปี 2020

ค่าตัวมหาศาลกลายเป็นเรื่องให้ถูกพูดถึงมากพอสมควร ว่าคุ้มจริงหรือสำหรับการทุ่มเงินระดับสถิติของสโมสร ให้กับแข้งดาวรุ่งไนจีเรียที่เพิ่งโชว์ฟอร์มในเวที 5 ลีกใหญ่ยุโรปเพียงฤดูกาลเดียวเท่านั้น

“ผู้คนภายนอกอาจมองว่าเป็นค่าตัวที่สูงที่พวกเราใช้จ่ายในการซื้อตัวเขา แต่สำหรับผม ที่ติดตามฟอร์มการเล่นของเขามาโดยตลอด ผมมองว่าเขามีสไตล์การเล่นที่หลากหลาย ทั้งความแข็งแกร่ง ความเร็ว รวมไปถึงความอันตรายในการจบสกอร์ที่สามารถทำประตูได้ทั้งในและนอกกรอบเขตโทษ”

“ผมคิดว่าคุณสมบัติที่ผมได้กล่าวมาเกี่ยวกับตัวเขา ถือว่าเป็นคุณสมบัติที่ครบเครื่อง สำหรับการเป็นกองหน้าในปัจจุบัน และผมคิดว่าราคาที่พวกเราจ่ายออกไปในครั้งนี้ เป็นราคาที่สมเหตุสมผล และด้วยศักยภาพรวมไปถึงอายุของเขาในเวลานี้ ผมมองว่า ในอนาคตเขาสามารถมีมูลค่าเพิ่มไปได้มากถึง 100 - 150 ล้านยูโร ได้อย่างแน่นอน” คริสเตียโน่ จิอันโตลี่ ผู้อำนวยการกีฬาของ นาโปลี ออกมาตอบคำถามสื่อ หลังจากถูกถามเกี่ยวกับการซื้อตัว วิคเตอร์ โอซิมเฮน เข้ามาร่วมทีมว่ามีราคาที่สูง เกินไปหรือไม่

ซึ่งในท้ายที่สุด วิคเตอร์ โอซิมเฮน ได้ตอบคำถามทุกคนไปเป็นที่เรียบร้อยกับค่าตัวมหาศาลว่าคุ้มหรือไม่

เพราะตลอด 4 ปีที่ทาง วิคเตอร์ โอซิมเฮน ย้ายเข้ามาสวมชุดแข่ง “อัซซูร่า” เขาได้สถาปนาฟอร์มการเล่นของตนเองเปรียบดั่ง “เครื่องจักรถล่มประตู” 

แต่ถ้าให้พูดถึงฤดูกาลที่ วิคเตอร์ โอซิมเฮน สร้างชื่อเสียงของตนเองจนกลายเป็นที่รู้จักต่อผู้คนทั่วโลก ถึงขั้นถูกยกให้เป็นกองหน้าระดับท็อปของวงการฟุตบอลในปัจจุบัน คงหนีไม่พ้นฤดูกาล 2022-23 ที่เรียกได้ว่าเปรียบเสมือน “ปีทอง” ของเจ้าตัว 

ซีซั่นดังกล่าว วิคเตอร์ โอซิมเฮน ทำประตูไปได้มากถึง 26 ประตู จากการลงสนามไปทั้งหมด 32 นัด คว้ารางวัลดาวซัลโว เซเรีย อา ฤดูกาล 2022-23 ไปครอง พร้อมพาทัพ “อัซซูร่า” เข้าวินคว้าแชมป์ กัลโช่ เซเรีย อา ไปครองได้สำเร็จ 

นอกเหนือจากการได้แชมป์ กัลโช่ เซเรีย อา รวมไปถึงรางวัลดาวซัลโวประจำฤดูกาล วิคเตอร์ โอซิมเฮน ยังได้รับเลือกให้คว้ารางวัลกองหน้ายอดเยี่ยมประจำฤดูกาล หรือที่รู้จักชื่อรางวัลกันในนาม “Capocannoniere” ซึ่งการได้รับรางวัลดังกล่าวส่งผลให้ โอซิมเฮน กลายเป็นนักเตะในทวีปแอฟริกาคนแรกในประวัติศาสตร์ ที่คว้ารางวัลนี้ไปครอง 

 

ผมไม่ต้องการเล่นให้ทีมนี้อีกต่อไป

ฟอร์มการเล่นที่ร้อนแรงในปีดังกล่าว ทำให้มูลค่าของ วิคเตอร์ โอซิมเฮน ถูกประเมินค่าตัวสูงถึง 150 ล้านยูโร และถูกยกให้เป็นหนึ่งในกองหน้าระดับท็อป ของวงการฟุตบอลในยุคปัจจุบัน

จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ วิคเตอร์ โอซิมเฮน จะตกเป็นเป้าหมายสำคัญต่อทีมยักษ์ใหญ่ใน ยุโรปมากมายทั้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เชลซี, อาร์เซน่อล, เปแอสเช และ เรอัล มาดริด ที่แสดงความสนใจอยากได้ตัวกองหน้าชาวไนจีเรีย ผู้นี้ไปร่วมทีม

แต่ในท้ายที่สุดทีมที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมดกลับต้องหันหลังให้กับ วิคเตอร์ โอซิมเฮน กันแบบไม่รอช้า เนื่องจาก ออเรลิโอ ดิ ลอเรนติส ประธานสโมสร นาโปลี ให้สัมภาษณ์ในเชิงว่า พวกเขาไม่มีแผนที่จะต้องการปล่อยตัว โอซิมเฮน ออกไปจากทีม หากไม่ได้ค่าตัวที่ทางเขาตั้งเอาไว้ นั่นคือ 200 ล้านยูโร

“ผมรับรู้ดีว่ามีหลายสโมสรทั้งในยุโรป รวมไปถึงสโมสรในตะวันออกกลาง ที่อยากได้ตัว วิคเตอร์ โอซิมเฮน ไปร่วมทีม มีหลายทีมที่ยื่นข้อเสนอมาให้กับพวกเรา ซึ่งมีมูลค่าที่สูงถึง 120 ล้านยูโร แต่ผมได้แจ้งกับพวกเขาไปแล้วว่า เราไม่มีแผนต้องการที่จะขาย โอซิมเฮน ออกไปจากทีม หากมีข้อเสนอที่มากกว่า 200 ล้านยูโร หรือใกล้เคียงกับจำนวนนี้ ผมถึงจะเปิดรับการพูดคุยข้อเสนอดังกล่าว” 

แม้ว่าจะมีข่าวหลุดออกมาให้เห็นเป็นระยะว่าทางตัวของ วิคเตอร์ โอซิมเฮน ไม่ปิดโอกาสในการย้ายออกจาก นาโปลี แต่เขาก็ยังมีสปิริตที่ยอดเยี่ยมมากพอ ไม่เคยออกมาเรียกร้องให้ทีมปล่อยตัวเขาแต่อย่างใด

ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเลือกที่จะจรดปากกาต่อสัญญาออกไปจนถึงปี 2026 จากเดิมที่จะหมดในปี 2025 พร้อมกับได้รับค่าเหนื่อยมากขึ้นจากเดิมสูงถึง 10 ล้านยูโรต่อปี และในสัญญายังได้ระบุเพิ่มเติมอีกว่า โอซิมเฮน จะมีค่าฉีกสัญญาอยู่ที่จำนวน 130 ล้านยูโร

แต่หลังจากเวลาผ่านไปไม่ถึง 1 ปี หลังจากที่ วิคเตอร์ โอซิมเฮน ตัดสินใจเลือกที่จะอยู่ต่อกับ นาโปลี และลงเล่นให้กับทีมในฤดูกาล 2023-24 โอซิมเฮน และสโมสร เริ่มมีความไม่ลงรอยกันในหลาย ๆ เรื่อง 

ทั้งในเรื่องทิศทางการทำทีมของสโมสร ที่แม้ว่าทีมจะจบลงด้วยการเป็นแชมป์ลีก ในฤดูกาล 2022-23 และได้ไปเล่นในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาล 2023-24 แต่ทางทีมกลับเลือกที่จะไม่เสริมผู้เล่นชื่อดังเข้ามาร่วมทีม

มิหนำซ้ำเจ้าตัวยังไม่พอใจที่ทางบอร์ดบริหารเลือกที่จะไม่รั้งทาง ลูชาโน่ สปัลเล็ตติ เฮดโค้ชจอมเก๋าให้อยู่กับทีมต่อไป ซึ่งเขามองว่า สปัลเล็ตติ เป็นส่วนสำคัญในการทำทีม นาโปลี ให้ขึ้นมายิ่งใหญ่ได้จนถึงทุกวันนี้

และอย่างที่ทราบกันดีว่าในฤดูกาล 2023-24 นาโปลี มีฟอร์มการเล่นที่ย่ำแย่อย่างมาก ถึงขั้นมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งเฮดโค้ชไปมากถึง 3 รายด้วยกัน เริ่มตั้งแต่ รูดี้ การ์เซีย, วอร์เตอร์ มาซซารี่ และ ฟรานเชสโก้ คัลโซน่า แต่ผลงานของทีมก็ยังไม่ฟื้นขึ้น จนเป็นเหตุให้ทีมดังแห่งเมืองเนเปิ้ลส์จบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 10 ของตาราง ไม่ได้ไปเล่นฟุตบอลยุโรปแม้แต่รายการเดียว

รวมไปถึงต้นเหตุสำคัญที่ถูกเปิดเผยในภายหลังว่า นี้คือฉนวนสำคัญที่ทำให้ทาง วิคเตอร์ โอซิมเฮน ต้องการย้ายออกจากต้นสังกัดดังแห่งเมืองเนเปิลส์ นั่นคือการที่มีคลิปล้อเลียนเผยแพร่ลงช่องทางโซเชี่ยลมีเดียของสโมสร ที่ส่อให้เห็นถึงความ “บูลลี่” ต่อตัวนักเตะ โดยมีถึง 2 คลิปด้วยกัน

คลิปแรก เป็นการล้อเลียนทรงผมของเจ้าตัวว่าคล้ายคลึงกับลูกมะพร้าว และใส่เพลงประกอบล้อเลียนกันอย่างสนุกสนาน และอีกคลิป คือการล้อเลียนในรีแอคชั่นของทาง วิคเตอร์ โอซิมเฮน ที่พยายามเรียกจุดโทษจากผู้ตัดสิน โดยทีมมีเดียของสโมสร ได้ตัดคลิปจังหวะรีแอคชั่นดังกล่าว มารวมกับจังหวะการยิงจุดโทษไม่เข้า และอากัปกิริยาสีหน้าของ โอซิมเฮน ที่ถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนาม หลังทำพลาดในครั้งนี้ 

หลังมีการเผยแพร่คลิปทั้ง 2 ตัวออกไปบนโลกโซเชี่ยลมีเดียของช่องทางสโมสร ไม่ต้องสงสัยว่า วิคเตอร์ โอซิมเฮน จะโกรธเพียงใด เพราะหลังจากได้เห็นคลิปดังกล่าวโพสต์สู่โซเชี่ยลมีเดียของสโมสร โรแบร์โต้ คาร์เลนด้า เอเย่นต์ของนักเตะ ได้แจ้งความเพื่อดำเนินคดีทางด้านกฎหมายในทันที เพื่อปกป้องสิทธิ์ของแข้งในสังกัด

ทั้งหมดที่กล่าวมา ทำให้ วิคเตอร์ โอซิมเฮน มีความต้องการที่จะย้ายออกจากทีม ซึ่งเขาได้แจ้งกับทางเอเย่นต์ส่วนตัว ให้รีบพาเขาออกจาก นาโปลี ให้ได้อย่างเร็วที่สุดในตลาดซื้อขายนักเตะซัมเมอร์ 2024 เพราะเขารู้สึกไม่มีความสุขกับทีม และต้องการออกไปหาความท้าทายใหม่ ๆ ในลีกอื่น ๆ อย่างเช่น พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

แต่ถ้าให้พูดถึงหนึ่งในประธานสโมสรที่มีความเขี้ยวมากที่สุดคนหนึ่งของวงการฟุตบอล เชื่อว่าชื่อของ ออเรลิโอ ดิ ลอเรนติส คงอยู่ในลิสต์ดังกล่าวอย่างแน่นอน ยิ่งเทียบกับเคสในอดีตที่มีให้พบเห็นอย่างในกรณีของ คาลิดู คูลิบาลี่ ที่เขาโก่งค่าตัวเป็นว่าเล่น ไม่ยอมปล่อยออกจากทีม จนทุกทีมที่ให้ความสนใจในเวลานั้น ต่างหันหลังให้กับดีลนี้

และกรณีของ วิคเตอร์ โอซิมเฮน ก็ไม่มีข้อยกเว้น เพราะหลังจากที่มีข่าวหลุดออกมาอย่างหนักหน่วงในโลกโซเชี่ยลว่าทาง วิคเตอร์ โอซิมเฮน ต้องการย้ายออกจาก นาโปลี ในตลาดซื้อขายนักเตะซัมเมอร์ 2024 ออเรลิโอ ดิ ลอเรนติส รีบออกมาดับเทียนอย่างเร็วไว พร้อมกล่าวว่า วิคเตอร์ โอซิมเฮนไม่ใช่นักเตะที่ทีมต้องการขายออกไป และยืนยันอีกด้วยว่า หากไม่ได้รับข้อเสนอเท่าค่าฉีกสัญญา 130 ล้านยูโร เขาจะไม่มีทางปล่อยตัวแข้งรายนี้ ออกไปจากทีม

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า วิคเตอร์ โอซิมเฮน รู้สึกไม่พอใจกับการกระทำในครั้งนี้ของ ออเรลิโอ ดิ ลอเรนติส เป็นอย่างมากรุนแรงถึงขั้นที่ไม่ยอมเดินทางไปร่วมฝึกซ้อมกับทีม หลังจากที่เรื่องของทั้งสองเริ่มปะทุเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ

“วิคเตอร์ โอซิมเฮน และ ออเรลิโอ ดิ ลอเรนติส แตกหักกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โอซิมเฮน ยืนยันอย่างหนักแน่นว่า เขาจะไม่เดินทางไปฝึกซ้อมกับทีม และจะขอไม่ลงเล่นให้กับ นาโปลี อีกต่อไป” ฟาบริซิโอ โรมาโน่ นักข่าวชื่อดัง รายงานเกี่ยวกับสถานการณ์ของ โอซิมเฮน และ ดิ ลอเรนติส ผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์อย่าง X ของตัวเอง

 

ลงเอยกับทีมเล็กกว่า และลีกไม่ดัง

มีสามทีมที่ให้ความสนใจอยากได้ตัว วิคเตอร์ โอซิมเฮน ไปร่วมทีม และยื่นข้อเสนอเจรจาให้กับ นาโปลี ในตลาดซื้อขายครั้งนี้ ได้แก่ เชลซี จากอังกฤษ, ปารีส แซงต์ แชร์กแมง จากฝรั่งเศส และ อัล อาห์ลี จากซาอุดีอาระเบีย

ทั้งสามทีมต่างพยายามขับเคี่ยวกันอย่างหนัก สำหรับการล่าตัว วิคเตอร์ โอซิมเฮน เข้ามาร่วมทีม ซึ่งในตัวของ โอซิมเฮน ดูมีความต้องการที่อยากจะย้ายไปร่วมทีม เชลซี และ เปแอสเช มากกว่าการที่ต้องย้ายไปอยู่กับ อัล อาห์ลี เพราะเขามีความต้องการที่จะเล่นในลีกยุโรปต่อไป รวมไปถึงการลงเล่นในถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีก

สถานการณ์ในตอนแรก มีรายงานออกมาว่าทีมที่เข้าใกล้การปิดดีลคว้าตัว วิคเตอร์ โอซิมเฮน มากที่สุดถึงขั้นเจรจาเงื่อนไขสัญญาส่วนตัวกับดาวเตะผู้นี้ได้เป็นที่เรียบร้อย นั่นคือ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง

แต่พวกเขากลับไม่สามารถตกลงค่าตัวกับทาง นาโปลี ได้ เนื่องจากทีมดังแห่งกรุงปารีส  ใช้เงินในตลาดซื้อขายนักเตะครั้งนี้เพื่อซื้อตัวผู้เล่นเข้ามาร่วมทีมไปแล้วมากถึง 230 ล้านยูโร ซึ่งหากนำเงินอีกราว ๆ  100-130 ล้านยูโร มาใช้ซื้อตัว วิคเตอร์ โอซิมเฮน อาจทำให้ เปแอสเช เสี่ยงที่จะโดนกฎทางการเงินเล่นงาน จึงเป็นเหตุทำให้ต้องหันหลังกับดีลของ โอซิมเฮน ในท้ายที่สุด

หลังจาก เปแอสเช ถอนสมอ กลายเป็น เชลซี ที่ขึ้นมาเป็นเต็ง 1 ในดีลการซื้อตัวหอกไนจีเรียน ทว่าทัพ สิงห์บลูส์ ก็เป็นอีกทีมที่สุ่มเสี่ยงจะถูกกฎการเงินเล่นงาน จึงทำได้เพียงแค่ยื่นข้อเสนอยืมตัวพร้อมออปชั่นบังคับซื้อขาดในฤดูกาลต่อมา และเหมือน นาโปลี จะไม่ปิดโอกาสเกี่ยวกับข้อเสนอในรูปแบบนี้เช่นกัน

แต่กลับเป็นทางด้าน วิคเตอร์ โอซิมเฮน ที่ไม่โอเคกับรูปแบบในการซื้อตัวครั้งนี้ เขาตัดสินใจปฏิเสธสัญญาในรูปแบบดังกล่าว เพราะอดีตดาวยิงดีกรีแชมป์ลีกอิตาลีต้องการให้ เชลซี ซื้อขาดเขาไปเลยในตลาดซื้อขายครั้งนี้ 

แม้ เชลซี จะหาทางออกด้วยการปล่อยตัว คอเนอร์ กัลลาเกอร์ และ โรเมลู ลูกากู ออกจากทีม เพื่อนำเม็ดเงินมาสมทบทุนในการซื้อตัว วิคเตอร์ โอซิมเฮน เช้ามาสู่ทีม แต่เหมือนกับว่าดวงของทั้งสองจะไม่สมพงษ์กัน

เพราะถึง เชลซี ขายตัวผู้เล่นออกจากทีม ได้เงินเข้ามามากถึง 70 ล้านยูโร แต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถตกลงค่าเหนื่อยส่วนตัวกับทาง วิคเตอร์ โอซิมเฮน ได้ในท้ายที่สุด 

เพราะทางสิงห์บลูส์ยืนยันว่าจะจ่ายค่าเหนื่อยให้กับทาง วิคเตอร์ โอซิมเฮน เพียงแค่ 8 ล้านยูโรต่อปีเท่านั้น ซึ่งน้อยลงจากเดิมที่ทางเขาเคยรับอยู่กับ นาโปลี ที่ได้รับอยู่ราว ๆ 10 ล้านยูโรต่อปี จึงเป็นที่มาให้ทาง โอซิมเฮน ตัดสินใจปฏิเสธเซ็นสัญญากับ เชลซี

ก่อนที่จะเป็นทาง อัล อาห์ลี ที่หลังจากทราบข่าวว่า เปแอสเช และ เชลซี หันหลังให้กับดีลการซื้อตัวครั้งนี้ พวกเขาจึงตัดสินใจยื่นข้อเสนอค่าเหนื่อยก้อนโตปีละ 40 ล้านยูโร ให้กับทาง โอซิมเฮน นอกจากนั้น ยังมีการใส่ค่าฉีกสัญญาที่ไม่สูงมากนัก เพื่อเปิดช่องทางให้กับตัวนักเตะได้มีโอกาส กลับไปเล่นในทวีปยุโรปอีกครั้ง

ดูเหมือนกับว่ามีความเป็นไปได้สูงมากที่ทาง วิคเตอร์ โอซิมเฮน จะได้ย้ายไปร่วมทีม อัล อาห์ลี ในวันสุดท้ายก่อนตลาดซื้อขายฟากอิตาลีจะปิดตัวลง เพราะดูเหมือนกับว่า นาโปลี จะโอเคกับ ค่าตัวที่ทาง อัล อาห์ลี ยื่นเข้ามาให้ที่ 100 ล้านยูโร

แต่ในท้ายที่สุด ดีลนี้กลับล่มไม่เป็นท่า หลังจากที่ทาง ออเรลิโอ ดิ ลอเรนติส เริ่มขอค่าตัวแอดออนเพิ่มเติมที่อาจทำให้เงินค่าตัวทะลุไปสูงถึง 120 ล้านยูโร รวมไปถึงโบนัสเปอร์เซ็นต์ค่าตัวจาก อัล อาห์ลี หากขาย วิคเตอร์ โอซิมเฮน ในครั้งต่อไป

บอร์ดบริหารของทาง อัล อาห์ลี ไม่พอใจในความเหลี่ยมเยอะของ ออเรลิโอ ดิ ลอเรนติส ส่งผลให้พวกเขาตัดสินใจหยุดการเจรจาในการซื้อตัว วิคเตอร์ โอซิมเฮน และหันไปเซ็นสัญญากับทาง อิวาน โทนีย์ แทนในท้ายที่สุด

จนเป็นที่มาของการที่ทำให้ วิคเตอร์ โอซิมเฮน จำเป็นที่จะต้องอยู่กับ นาโปลี อีกต่อไป หลังจากตลาดซื้อขายในเวที 5 ลีกใหญ่ของยุโรปและซาอุดีอาระเบียปิดตัวลงเป็นที่เรียบร้อย 

มิหนำซ้ำ อันโตนิโอ คอนเต้ เฮดโค้ชรายใหม่ของ นาโปลี ก็เผยว่า เขาไม่มีพื้นที่ในตำแหน่งศูนย์หน้าให้กับ วิคเตอร์ โอซิมเฮน ในฤดูกาล 2024-25 เนื่องจาก เขาวางให้ โรเมลู ลูกากู ศูนย์หน้ารายใหม่ที่ทีมเพิ่งเซ็นเข้ามา เป็นตัวจริงใน ตำแหน่งหมายเลข 9 ของทีม

ในเมื่อไม่มีพื้นที่ให้อยู่ภายในทีม และตลาดซื้อขายใน 5 ลีกใหญ่ของยุโรปได้ปิดตัวเป็นที่เรียบร้อย จึงเป็นที่มาทำให้ ทางย้ายทีมไปอยู่ในลีกยุโรปที่ไม่ดังมากนักวิคเตอร์ โอซิมเฮน จำเป็นที่จะต้องหา และตลาดยังไม่ปิด

ที่สุดแล้ว เป็นทาง กาลาตาซาราย ยักษ์ใหญ่แห่งประเทศตุรกี ตัดสินใจยื่นข้อเสนอขอยืมตัว พร้อมจ่ายค่าเหนื่อย 100% และไม่พ่วงออปชั่นในการซื้อขาดคว้าตัว วิคเตอร์ โอซิมเฮน ไปใช้งานเป็นเวลา 1 ฤดูกาล

อาจจะมองได้ว่าการย้ายมาเล่นให้กับ กาลาตาซาราย เป็นเวลา 1 ฤดูกาล อาจเป็นข้อดี หนึ่งเรื่องที่ทำให้ วิคเตอร์ โอซิมเฮน ยังมีเกมได้ลงเล่นอีกต่อไป เพราะถ้าหาก กาลาตาซาราย ไม่ยื่นข้อเสนอเข้ามา เราอาจจะไม่ได้เห็น โอซิมเฮน ลงเล่นไปอีก 1 ฤดูกาลเต็มด้วยกัน ไม่เพียงเท่านั้น หากผลงานดี นาโปลีก็ยังมีสิทธิ์จะทำเงินได้จากการขาย หลังตัวนักเตะยอมต่อสัญญาถึงปี 2027 ไปแล้ว

แต่ถ้าหากพูดในมุมมองถึงความก้าวหน้า การที่ตัวเขาจำเป็นที่จะต้องย้ายมาเล่นให้กับทีมในลีกที่ผู้คนแทบไม่ได้เป็นที่นิยมเทียบเท่ากับทีมจากลีกท็อปยุโรปที่แสดงความสนใจในตัวเขา ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องนี้คงเป็นผลกระทบโดยตรงพอสมควร

เพราะเชื่อได้ว่าถ้าหากฟอร์มการเล่นเขาไม่เปรี้ยงกับ กาลาตาซาราย มูลค่าค่าตัวของเขาอาจลดลงไปจากเดิมอย่างเป็นที่แน่นอน และชื่อของ วิคเตอร์ โอซิมเฮน อาจจะไม่ได้อยู่ในลิสต์ของกองหน้าระดับโลกไปอีกเลย ก็เป็นได้ …

 

แหล่งอ้างอิง

https://www.espn.com/soccer/story/_/id/37585666/napoli-sign-forward-osimhen-lille
https://khelnow.com/football/2023-06-world-football-serie-a-all-award-winners#google_vignette
https://www.lindaikejisblog.com/2023/8/i-wont-sell-osimhen-for-eur200m-even-if-the-valuation-is-met-napoli-president-aurelio-de-laurentiis.html
https://www.thesun.co.uk/sport/30173836/al-ahli-victor-osimhen-transfer-chelsea-napoli-fee/
https://businessday.ng/sports/article/osimhen-set-for-psg-move-after-agreeing-personal-terms/
https://www.transfermarkt.com/ssc-neapel/mitarbeiterhistorie/verein/6195

Author

วิสุทธา วงค์หน่อแก้ว

หนุ่มน้อยผู้คลั่งรัก "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สุดหัวใจ

Graphic

อรรนพ สะตะ

graphic design ผู้ชื่นชอบกีฬาฮอกกี้, เกมส์, เดินเขา เป็นชีวิตจิตใจ