Feature

อเนลก้า : ศิลปินไร้หัวใจที่เล่นให้ 4 ทีมใหญ่พรีเมียร์ลีก "ผู้มาก่อนกาล" | Main Stand

ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ย้ายซบอาร์เซน่อล ในชั่วโมงสุดท้ายของตลาดนักเตะซัมเมอร์นี้นั่นทำให้เขาในฐานะนักเตะที่ย้ายทีมบ่อย ๆ อยู่ไม่ติดที่ ไม่สนทีมใหญ่หรืออริใด ๆ ทั้งสิ้น 

 


เพียงแต่ว่าตัวพ่อตัวจริง ระดับตัวเปิดศักราชเรื่องนักเตะ "ไร้หัวใจ" นั้นมีอยู่ และเคยสร้างตำนานนี้มาแล้วก่อนเขานั่นคือ นิโกล่าส์ อเนลก้า นักเตะที่อยู่ที่ไหนก็เล่นดี แต่ไม่เคยอยู่ติดที่กับทีมไหนยาว ๆ 

"ผมเป็นนักฟุตบอล ผมไม่เคยอยู่ที่ไหนนานถ้ารู้สึกว่ามันเสียเวลา .. เพราะผมไม่ชอบเสียเวลาเล่น ๆ ถ้าคุณอยากจะเป็นแบบผม คุณจะทำให้ทุกคนต้องเกลียดคุณ" 

คนอย่าง อเนลก้า คือของหายากในโลกฟุตบอล ... และย้อนกลับไปเมื่อราว 20 ปีก่อน เขาเฟี้ยวขนาดไหนในวันที่เริ่มตำนานนี้ ติดตามที่ MainStand

 

อเนลก้า เขย่าโลก (ยุค 1990s)

"ผมเป็นนักฟุตบอล ผมไม่เคยอยู่ที่ไหนนานถ้ารู้สึกว่ามันเสียเวลา .. ไม่ชอบเสียเวลาเล่น ๆ และถ้าคุณอยากจะเป็นแบบผม คุณจะทำให้ทุกคนต้องเกลียดคุณ" 

หลังจากล้มเหลวไม่เป็นท่าในการพลาดไปเล่นฟุตบอลโลก 1994 ที่สหรัฐอเมริกา ทีมชาติฝรั่งเศสรู้ดีว่าพวกเขาไม่ได้มีนักเตะที่เก่งกาจมากพอ และพวกเขาจำเป็นต้องเริ่มใหม่จากโครงสร้าง โดยเริ่มผลักดันเด็กเยาวชนจากศูนย์ฝึกแห่งชาติอย่าง แคลร์ฟ็องแต็ง(Clairefontaine) ขึ้นมา 

ซึ่งตัวท็อปของศูนย์ฝึกนี้คือพระเอกของเรื่องนี้ นิโคล่าส์ อเนลก้า กองหน้าที่เกิดมาเพื่อยิงประตู เป็นหมายเลข 9 โดยธรรมชาติ และมีความเป็นศิลปินอย่างไม่เหมือนใคร อเนลก้า ถูก เปแอสเช ดึงตัวมาจาก แคลร์ฟ็องแต็ง และจากนั้นไม่ถึงปีตอนที่เขาอายุได้ 17 ปี เขาก็ย้ายไปอยู่กับ อาร์เซน่อล จากการสเก้าท์ที่ได้ผ่านตา อาร์แซน เวนเกอร์ ด้วยตัวเอง 

ถ้าคุณไม่ทันดูการเล่นของ อเนลก้า ก็ขอให้ได้ลองไปดูคลิปไฮไลต์ของเขาในยูทูบ แต่ถ้าจะให้ผู้เขียนอธิบายถึงเขาสั้น ๆ แบบเข้าใจง่าย ๆ คือ นี่คือกองหน้าในแบบเดียวกับที่ เธียร์รี่ อองรี เป็นแทบทุกอย่าง รวดเร็ว แข็งแรง ว่องไว คล่องตัว และเฉลี่ยวฉลาดในทุก ๆ การเล่น แตกต่างกันนิดหน่อยตรงเรื่องที่ อองรี เป็นกองหน้ากึ่งปีก แต่ อเนลก้า เป็นเบอร์ 9 แท้ ๆ ดังนั้นถ้าเรื่องจบสกอร์ อเนลก้า ถือไพ่เหนือกว่า ... และที่อธิบายมาเราหมายถึง อเนลก้า ในช่วงอายุ 18-19 ปีเท่านั้น

ช่วงเวลา 2 ปีกับ อาร์เซน่อล 3 ซีซั่น โดยเฉพาะปี 1998-99 อเนลก้า คือตัวแสบที่ไม่มีใครหยุดอยู่ อาร์แซน เวนเกอร์ หวังกับเขาไว้มาก และอยากให้เขาเป็นตำนานของทีมที่เล่นให้ อาร์เซน่อล ไปอีกสิบ ๆ ปี ... แต่ปัญหาก็คือ อเนลก้า ไม่อยากจะอยู่แล้ว

 “สิ่งที่ผมเสียใจและเสียดายที่สุดคือการที่อเนลก้าออกจากทีมของเราไป เขาสามารถเป็นคนพิเศษยิ่งกว่าใครได้ แต่ตอนจบเขากลับเป็นจอมพเนจรเล่นให้กับ 13 สโมสร” เวนเกอร์ เล่าย้อนความหลัง 

เรื่องเก่งตัดทิ้งไปได้เลย ไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนต้องกังวล แต่ อเนลก้า เป็นคนที่ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร มีความนึกคิดเป็นของตัวเอง ไม่ค่อยชอบปรึกษาคนที่ไม่สนิทด้วย ฟุตบอลคืองาน เพื่อนร่วมทีมคือเพื่อนร่วมงาน น้อยคนมากที่จะก้าวข้ามมาเป็นเพื่อนของเขาได้ แม้แต่ เอ็มมานูเอล เปอตีต์ เพื่อนร่วมทีมที่เป็นคนบ้านเดียวกันก็ยังยืนยันด้วยตัวเอง

"ในทางฟุตบอลเขามีความสามารถที่พอจะเป็นยอดกองหน้าที่เก่งที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่ในอีกทาง นิโก้ ไม่ใช่พ่อพระตราบใดที่เขาไม่อยากจะเป็น เขาไม่รู้จักวิธีถนอมน้ำใจกับใคร" เปอตีต์ ว่าแบบนั้น 

อเนลก้า ยิงไป 19 ประตูในพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 1998-99 เป็นรองก็แค่ 2 ยอดกองหน้าที่กำลังอยู่ในวัยพีกอย่าง ดไวท์ ยอร์ค และ แอนดี้ โคล จาก แมนฯ ยูไนเต็ด ... การแพ้ครั้งนั้นเหมือนทำให้เขาฉุกคิดว่าเขาควรจะย้ายออกจาก อาร์เซน่อล เพราะยุคสมัยของ แมนฯ ยูไนเต็ด กำลังดำเนินไปอย่างยิ่งใหญ่ 

และอย่างที่เขาบอกเขาไม่ชอบเสียเวลาถ้าคิดว่าที่ไหนไม่ใช่ เขาย้ายไป เรอัล มาดริด หลังฤดูกาล 98-99 จบลงด้วยราคา 23 ล้านปอนด์ ถือว่าแพงมากในตอนนั้น และนิสัยส่วนตัวของเขาทำให้ มาดริด ไม่มีที่ว่างสำหรับเขา และแน่นอนที่ มาดริด ไม่มีใครง้อเขา เด็กหนุ่มอีโก้สูงวัย 19 ปี มีปัญหาใหญ่ เขาถามตัวเองว่า "แล้วฉันย้ายมาทำอะไรที่นี่ นี่มันการห้ำหั่นกันแบบเลือดตกยางออก"

"ผมเล่นอยู่ที่นั่นได้เดือนเดียวผมก็รู้แล้วว่าฝันร้ายกำลังจะเกิดขึ้น ผมเห็นหน้าตัวเองทุกวันในหนังสือพิมพ์มาร์กา พวกเขาโจมตีผมทุกครั้งที่ผิดพลาด และผมถูกขังให้อยู่แต่ในบ้านออกไปไหนก็ไม่ได้ ไม่ว่าจะทำอะไรในสนามหรือนอกสนาม ผมเป็นคนผิดเสมอ ... โอเว่น มาที่นี่ไม่เห็นมีใครว่าอะไร ? เบ็คแฮม มาที่นี่ก็ไม่มีคนหันหลังให้ ? แต่พอกับผมพวกเขาทำเหมือนกับผมไปฆ่าคนตาย" 

อเนลก้า เข้าใจภายหลังว่าเรื่องมันเกิดจากที่นิสัยของเขาที่นอกจากจะไม่มีเพื่อนในทีมแล้ว เขายังชอบหันหลังให้สื่อ ไม่ปริปากสัมภาษณ์ เดินผ่านเหมือนอากาศธาติ ปัดไมค์ทิ้ง หรือทำพฤติกรรมที่ไม่ให้เกียรติสื่อ ... การทำตัวแบบนี้ทำให้สื่อจ้องจะเล่นเขาในทุกวินาที ไม่ว่าจะเรื่องอะไร

สุดท้าย อเนลก้า ก็พ่ายแพ้ซึ่งจะบอกแบบนั้นก็ไม่ถูกนั้น เพราะดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนเท่าไหร่ แม้เขาเล่นได้ย่ำแย่กับ เรอัล มาดริด แม้จะเป็น 1 ในขุนพลชุดแชมป์ยุโรป แต่ความสำเร็จก็ไม่ใช่คำตอบที่สำคัญที่สุดของเขาอยู่ดี 

"เพื่อนร่วมทีมไม่ยอมรับผม ผมเล่นได้ไม่ดีมากนัก และนักข่าวก็ไม่ชอบผม แล้วผมจะเสียเวลาเพื่ออะไร ?" อเนลก้า ถามกลับแบบนั้น และแน่นอนสำหรับเขา  เรื่องนี้เขาไม่ยอมรับว่าเป็นความผิดของตัวเอง  

แต่ถึงไม่อยากยอมรับก็ต้องยอมรับ เขาเป็นฝ่ายแพ้ และต้องถอยออกมาในมุมมองของคนทั่วไป สุดท้ายเขาก็ต้องกลับไปเล่นกับ เปแอสเช ที่รับเซ้งเขากลับไปเริ่มใหม่อีกครั้ง ซึ่งการย้ายออกครั้งนั้นก็แทบจะเป็นการปิดประตูสู่ความยิ่งใหญ่ของเขาไปตลอดกาล และเริ่มสู่ อเนลก้า เวอร์ชั่นปี 2000s อย่างเต็มรูปแบบบ

 

จมไม่ลง (ครึ่งแรกยุค 2000s)

"ย้อนกลับไปในตอนนั้น ผมได้ทำหลายสิ่งที่ไม่ควรทำ พูดในสิ่งที่ไม่ควรพูด แต่ในความเป็นจริงถ้าฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าถ้าอยากจะเล่นกับ เรอัล มาดริด คุณก็ต้องเสียสละบางสิ่ง น่าเสียดายที่ตอนนั้นผมเด็กเกินไปจนลืมคิดถึงเรื่องเหล่านี้ แล้วตอนนั้นมันก็ไม่เคยมีตัวอย่างให้ผมเห็นด้วย ผมน่าจะเป้นคนแรก ๆ ที่ทำอะไรแบบนี้" อเนลก้า ในวัย 30 กว่า ๆ เล่าย้อนไป 

อเนลก้า ในช่วงปี 2000s ถือว่าเป็นช่วงวัยที่เขากลับมาทำผลงานได้ดีอีกครั้ง แต่ไม่ก็ยังไม่เทียบเท่าตอนดังเปรี้ยงกับ อาร์เซน่อล เขาเล่นให้กับ เปแอสเช ยิงได้ไม่เยอะนัก แต่ก็มีลวดลายของกองหน้าสายสปีดชัดเจนดี เพียงแต่ว่าหัวใจมันไม่เอา มันก็ยากลำบากหน่อย แถมความหยิ่งยะโสของหนุ่มวัย 20 ต้น ๆ มันร้อนแรงมากเกินจนทำให้เขาก่อความผิดพลาดเเดิม ๆ อีก 

ลิเวอร์พูล ดึงตัวเขามาร่วมทีมด้วยสัญญายืมตัวในตลาดซื้อขายเดือนธันวาคมปี 2001  ... และจะว่าไปเขาทำได้ดีเลยทีเดียว แฟนบอลดูจะชอบเขาจากผลงานในสนาม 5 ประตูแบบไม่ต้องปรับตัวไม่เลวนัก 

"การมาเล่นให้ ลิเวอร์พูล เป็นประตูบานสำคัญของผม ผมมีความสุขกับการเล่นที่ยนี่ และสโมสรนี้ควรจะเป็นที่ที่ทำให้ผมกลับมาเกิดใหม่ ผมรู้เลยเพราะฟุตบอลอังกฤษนั้นสร้างมาเพื่อผม เพียงแต่ว่าตอนท้ายผมรอแล้ว รอเล่าว่าข้อเสนอจะยื่นเข้ามา แต่สุดท้ายมันก็ไม่เกิดขึ้น" อเนลก้า ว่าแบบนั้น 

อันที่จริงมันเป็นการตัดสินใจของ เชราร์ด อุลลิเย่ร์ กุนซือชาวฝรั่งเศส ด้วยเหตุผลที่ว่าเขาอยากจะได้ เอล ฮัดจิ ดิยุฟ กองหน้าชาว เซเนกัล มากกว่า 

น่าแปลกมากเพราะแฟนลิเวอร์พูลก็รักอเนลก้า ส่วนอเนลก้าก็อยากอยู่ต่อ อะไรคือเหตุผล ? 

อุลลิเยร์ ไม่ชอบใจ อเนกล้า เขาบอกว่า อเนกล้า ส่งพี่น้องของเขาไปเจรจากับสโมสรอื่น ซึ่งเป็นการกระทำลับหลังที่เขาไม่ชอบอย่างแรง และตัดสินใจไม่ซื้อ อเนลก้า แต่ไปซื้อ ดิยุฟ แทน ... 

นั่นแหละที่ทำให้ อเนลก้า ต้องย้ายไปเล่นกับ แมนฯ ซิตี้ ทีมที่เล็กที่สุดที่เขาเคยเล่นด้วย และถ้าย้อนกลับไปตอนนั้นผู้เล่นระดับอเนลก้ามาเล่นให้ทีมที่ยังไม่มีความสำเร็จอย่าง แมนฯ ซิตี้ ถือเป็นสิ่งที่น่าแปลกประหลาด "Real Deal" เดอะ ซันส์ ใช้คำนี้พาดหัวการย้ายทีมของ อเนลก้า และบอกว่า "นี่คือซูเปอร์สตาร์จริง ๆ จัง ๆ คนแรกของสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ นับตั้งแต่ก่อตั้งสโมสร" ... คุณเข้าใจได้ทันทีว่าฝั่ง ซิตี้ ตื่นเต้นขนาดไหนที่ได้ อเนลก้า มาร่วมทีมจากพาดหัวนี้ได้เป็นอย่างดี 

แต่นี่แหละ อเนลก้า เขาไม่ได้คิดแบบนั้นขณะที่ฝั่งแมนเชสเตอร์สีฟ้าดีใจลิงโลด เขากลับคิดว่าการย้ายมาที่นี่คือ "ขาลง" ของตัวเอง

"ผมสัมผัสได้ ผมเริ่มไม่เป็นที่นิยมบนหน้าสังสือพิมพ์มากนัก ผมต้องย้ายมา แมนฯ ซิตี้ และคิดในใจเสมอว่าไม่มีใครเอาเราแล้ว ... แต่อีกด้านหนึ่งก็คิดว่า ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ลุยเถอะ"

น่าแปลกที่การเล่นทีมเล็ก ๆ เป็นครั้งแรกกลับกลายเป็นความสนุกผิดคาด เขากลายเป็นคนที่ เควิน คีแกน ชอบและไม่เคยสร้างปัญหา ขณะที่ คีแกน ก็เป็นหนึ่งในกุนซือที่ อเนลก้า เคารพ ทั้งสองคนคุยกันบ่อยกว่าโค้ชคนอื่น ๆ ก่อนหน้านี้ของเข้าทั้งหมด (ยกเว้น เวนเกอร์) 

"คีแกน บอกทุกอย่างกับผมตรงไปตรงมันและนั่นดีมาก มันทำให้ผมพัฒนาขึ้นทั้งในการเป็นนักฟุตบอลและการเป็นคนที่ต้องรับผิดชอบอะไรบางอย่าง เขาบอก 'ถ้าอยู่ทีมเล็ก ผู้เล่นไม่เก่งมาก หน้าที่ของคุณก็คือต้องทำประตูให้ได้' อย่าท้อใจ ยิงไปเรื่อย ๆ ยิงไปจนกว่าจะมีคนพูดกันว่า หมอนี่เก่งเกินกว่าจะอยู่ทีมนี้" อเนลก้า ย้อนความ และจากนั้นเขายยึดถือคำพูดนี้มาโดยตลอด ซึ่งสุดท้ายมันเป็นแบบนั้นจริง 

 

รู้เดียงสา และหน้าที่ (ครึ่งหลังของ 2000s)  

"ปัญหาของเขาคือการเป็นวัยรุ่นที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุ 18ปี ... ผมว่าหลังจากที่ไปอยู่กับ แมนฯ ซิตี้ เขาทำได้ดีในแง่่นักเตะอาชีพคนหนึ่ง ดูเหมือนว่าเขาจะกลับมาได้แล้ว” เวนเกอร์ ชมเด็กปั้นของเขาที่ติดตามอยู่ตลอด 

ทีมเล็ก ๆ (ณ ตอนนั้น) อย่าง แมนฯ ซิตี้ ให้แนวคิดใหม่ ๆ กับเขา เขาทำได้ดีมากในถิ่น เมน โร้ด และเป็นขวัญใจของแฟนบอลซิติเซ่นส์ เพียงแต่ว่ามันก็มีเรื่องให้ต้องได้ไปต่อ อเนลก้า ได้ข้อเสนอที่ดีจาก เฟเนร์บาห์เช่ ในปี 2005 และเขาก็ย้ายไปที่นั่น เขาทำผลงานได้ดี แต่ชีวิตในอังกฤษเหมาะกับเขามากกว่านั่นคือสิ่งที่เขาคิด สัญญาณนั้นส่งไปถึง โบลตัน ที่มีกุนซืออย่าง แซม อัลลาร์ไดซ์ ที่ตอบรับอย่างรวดเร็ว

เฟเนร์บาห์เช่ ให้งาน อเนลก้า แค่ครึ่งซีซั่น แต่ก็ขายต่อให้ โบลตัน แบบได้กำไร การกลับมาถึงอังกฤษครั้งนี้ถูกจดจำได้มากยิ่งกว่าครั้งกับ แมนฯ ซิตี้ ทีมเล็ก ๆ ที่รวมดาวกระจาย นักเตะเตะตกอับ หรือเสือเฒ่าที่โดนทีมใหญ่มองข้าม ทุกคนมารวมตัวกันที่นี่ และ อเนลก้า คือคนที่ อัลลาร์ไดซ์ เจ้าของฉายา "นักปลุกผี" รอคอย

"อเนลก้า มายังโบลตันในบทบาทที่ผมตร่ยมพร้อมไว้สำหรับเขา ... นักเตะจอมสังหารประตูแบบที่เราตามหา ผมไม่เคยใช้เงิน 8 ล้านปอนด์กับนักเตะคนไหนมาก่อนในอาชีพค้าแข้ง แต่สำหรับ อเนลก้า เขาคือข้อแม้ ผมโน้มน้าวบอร์ดบริหารให้ทำทุกอย่างเพื่อของบก้อนนี้" 

"ผมยืนยันกับคนในโต๊ะประชุมว่าถ้าเราได้ตัวเขามา เขาจะพาเราไปอีกระดับ ซึ่งทุกคนก็รู้มันเป็นแบบนั้นจริง ๆ" อัลลาร์ไดซ์ ย้อนความ

อเนลก้า เป็นสุดยอดเบอร์ 9 ที่เล่นให้กับทีมเล็กที่ทุกคนต้องพูดถึงในยุคนั้น ความเร็วอาจจะตกไปบ้าง แต่เทคนิคการจบสกอร์และเหลี่ยมครูไม่มีใครเกิน เขาทำให้ โบลตัน ติดปีก อัพเลเวลจากทีมหนีตกชั้นขึ้นมาเป็นทีมลุ้นพื้นที่บอลยุโรป จบครึ่งบนของตารางประจำ แล้วมันก็พาเขาไปยังพาร์ทรุ่งเรื่องครั้งสุดท้ายของเขานั่นคือการไปเล่นให้กับ เชลซี ... ทีมยอมทุ่มเงิน 15 ล้านปอนด์คว้าตัวเขามาครองในปี 2007-08 

กับ เชลซี ตอนนี้ อเนลก้า อายุเข้าใกล้เลข 3 แล้ว เขาใจและปลงตกกับชีวิตมากขึ้น รับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวได้ดี ต่อให้จะเป็นกองหน้าสำรอง เป็นตัวเสริม มากกว่าตัวเด่น ก็ไม่เป็นไร... นั่นทำให้เขาดูดีขึ้นมากกับ โอกาสสุดท้ายกับทีมใหญ่อย่าง เชลซี 

อเนลก้า ผ่านมือโค้ชอย่าง โชเซ่ มูรินญ่ (ภาคแรกกับ เชลซี), หลุยซ์ เฟลิเป้ สโคลารี่, กุส ฮิดดิ้งก์ และ คาร์โล อันเชล็อตติ กุนซือชื่อดังนั้น แต่ไม่เคยมีใครออกมาบ่นรื่องพฤติกรรมหรือนิสัยของ อเนลก้า อีกแล้ว นั่นคือเครืองยืนยันได้อย่างดีว่า "เวลาเปลี่ยน คนเปลี่ยน" คือความจริงแท้ของโลกใบนี้ 

อเนลก้า เล่นกับเชลซรี นานถึง 4 ฤดูกาล มีปีที่ดีแทบทุกปี คว้าแชมป์พีเมียร์ลีก 1 สมัย, เอฟเอ คัพ 1 สมัย และพลาดจุดโทษในเกมนัดชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกอีก 1 ครั้ง ... แม้จะมีความขมปนอยู่บ้างแต่นี่แหละชีวิต การได้เป็นส่วนหนึ่งบางครั้งก็มีความสุข โดยที่ไม่จำเป็นต้องเป็นส่วนสำคัญ อเนลก้า เชื่อแบบนั้น และเขาได้พบเจอกับความสุขในการเล่นฟุตบอลจริง ๆ เป็นครั้งแรก

"4 ปีกับ เชลซี ถือเป็นที่ที่ผมพูดได้เต็มปากว่าผมมีสโมสรฟุตบอลที่ผมสามารถเรียกว่าบ้านได้ ... ผมได้เจอที่ของผม ในช่วงแรก ๆ ก็มีทีมติดต่อมาบ้าง แต่ผมไม่มีแผนที่จะย้ายทีมเล่นในช่วงนั้น"

"นักเตะในทีมเป็นเพื่อนที่ดี ผมมีความสัมพันธ์ที่ดีกับแฟน ๆ ผมได้กลับมาเล่นฟุตบอลอย่างต่อเนื่องและทำได้ดีที่สุดกว่าที่เคยเป็นมา"

"ผมได้เล่นกับ ดิดิเยร์ ดร็อกบา กองหน้าทีเก่งที่สุดในโลก ดีที่สุดในพรีเมียร์ลีก ณ ตอนนั้น ผมชอบมากที่ได้เล่นกับเขา ร่างกายที่ใหญ่โต ความแข็งแกร่งที่เขามี และสไตล์การเล่นที่ไม่หวงบอล มันทำให้ผมเล่นเข้ากับเขามาก ๆ เพราะผมมีอิสระมากขึ้น ... เล่นได้เป็นตัวเองมากที่สุดเท่าที่จำความได้" อเนลก้า ที่คว้าดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกประจำฤดูกาล 2008-09 ว่าแบบนั้น 

น่าเสียดายที่เขาเจอบ้านของตัวเองในวงการฟุตบอลช้าไป อเนลก้า แก่ตัวแล้ว และปิดช่วงเวลที่พีกที่สุดของตัวเองเอาไว้แค่ตอนนั้นกับ เชลซี ... เขากลับเข้าสู่โหมดแข้งพเนจรอีกครั้ง ในยุค 2010s กับ เซี่ยงไฮ้ เสิ้นหัว, ยูเวนตุส, เวสบรอมวิช และ มุมไบ ซิตี้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการหาเงินในช่วงท้ายอาชีพทั้งสิ้น 

เพียงแต่ความแตกต่างก็คือเขาไม่สร้างปัญหาให้ใครอีกแล้ว แม้จะเล่นในสนามได้ไม่เท่าตอนหนุ่ม ๆ แต่นอกสนามก็ไม่เคยเป็นภาระหรือถ่วงให้ฟอร์มหรือความสัมพันธ์ในทีมต้องย่ำแย่ลง 

นิโคล่าส์ อเนลก้า เล่นทุกที่ เผชิญช่วงเวลาสำคัญกับทีมใหญ่มาก็เยอะ ผู้คนชอบเขาบ้าง ไม่ชอบเขาบ้าง แต่สุดท้ายความรักอิสระของเขาก็ปล่อยตัวเองให้ลอยไปตามลม กว่าจะรู้ตัวและกลับสู่โลกแห่งความจริงได้ก็เกือบจะช้าไปแล้ว แต่อย่างน้อย ๆ เขาก็เปลี่ยนจากนักเตะที่ไร้หัวใจ ให้กลายเป็นเป็นนักเตะธรรมดาที่มีจิตสำนึกต่อส่่วนรวมที่ดีขึ้นได้ในตอนจบของเรื่อง ... เพียงแต่ว่ามันน่าเสียดายที่เขาไม่ทันได้คิดถึงสิ่งนี้ในวันที่เขามีทุกอย่างที่พร้อมจะเขย่าโลกฟุตบอลให้เป็นยุคสมัยของเขา 

“อาชีพค้าแข้งของอเนลก้าไม่เลวเลยใช่ไหม ? เพียงแต่ถ้าคุณถามผมว่าเขาควรจะดีได้มากกว่านี้หรือไม่ ผมต้องตอบว่าผมมั่นใจขนาดที่เอาชื่อเสียงของตัวเองเป็นตัวประกันเลย" อาร์แซน เวนเกอร์ ว่าแบบนั้น 

นี่คือบทเรียนที่ อเนลก้า ฝากไว้ให้กับโลกฟุตบอล... ส่วนจะมีประโยชน์หรือไม่ ขึ้นอยู่กับคุณแล้วว่าคุณจะจดจำส่วนไหนในชีวิตค้าแข้งของเขา ? 

 

แหล่งอ้างอิง : 

https://www.mancity.com/news/mens/first-impressions-manchester-city-nicolas-anelka-63721336
https://www.manchestereveningnews.co.uk/sport/football/football-news/the-system-sickens-me-troubled-19804706
https://www.theboltonnews.co.uk/sport/23385560.ex-bolton-wanderers-boss-sam-allardyces-claim-nicolas-anelka/
https://tribuna.com/en/news/chelsea-2021-01-11-nicolas-anelka-once-revealed-his-complete-happiness-at-chelsea-and-why-drogba-was-one-of-/
https://www.justarsenal.com/arsenal-history-double-winning-nicolas-anelka-who-arsene-wenger-described-as-his-biggest-regret/366183
สารดคี "อเนลก้า: รู้จักตัวจริง" Netflix 

Author

ชยันธร ใจมูล

นักเขียนลูกสอง จองเรื่องฟุตบอลและมวยโลก รู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่เขียนแล้วอินทุกเรื่อง

Graphic

อรรนพ สะตะ

graphic design ผู้ชื่นชอบกีฬาฮอกกี้, เกมส์, เดินเขา เป็นชีวิตจิตใจ