หลายคนลืมไปแล้วว่าครั้งหนึ่ง ชูเอา เฟลิกซ์ เคยเป็นนักเตะระดับ "โกลเด้นบอย" หรือดาวรุ่งที่น่าจับตามองที่สุดในโลกมาแล้ว
เพียงแต่ว่าหลายปีผ่านไป จนถึงตอนนี้เขาอายุ 24 ปีแล้ว เราแทบนึกไม่ออกว่าช่วงเวลาไหนของเขาที่เก่งที่สุด ไม่ว่าจะเรื่องของผลงาน หรือแม้กระทั่งเรื่องของตำแหน่งการเล่นที่โดนจับไปเล่นตรงนั้นที ตรงนี้ที
ณ ตอนนี้เขาไม่ใช่ดาวรุ่งแล้ว และเขากำลังย้ายมาอยู่กับ เชลซี สโมสรที่กำลังมีปัญหาเรื่องการจัด 11 ตัวจริงมากที่สุดทีมหนึ่ง ... การกลับมาอยู่กับ เชลซี หนนี้คือโอกาสพิสูจน์ตัวเองครั้งสำคัญ และปัญหาสำคัญ เขาจะต้องเล่นตรงไหนถึงจะดึงศักยภาพของตัวเองออกมาได้มากที่สุด ?
ติดตามที่ Main Stand
โกลเด้นบอยอินดี้
ถ้าจะถามว่า ชูเอา เฟลิกซ์ เก่งกาจขนาดไหนตอนที่เขายังเป็นดาวรุ่ง เราคงต้องย้อนความไปดูเรื่องราวของเขากันหน่อย
นี่คือนักเตะที่ รุย คอสต้า ยกย่องว่าเก่งที่สุดเท่าที่อคาเดมี่สโมสร เบนฟิก้า เคยสร้างมา เฟลิกซ์ เล่นทีมชุดใหญ่ของเบนฟิก้าตั้งแต่อายุ 18 ปี เมื่อปี 2018 และทำประตูแรกได้ด้วยวัยขนาดนั้น แถมเกมที่ยิงได้ยังเป็นเกมที่เดือดดาลที่สุดในโปรตุเกสอย่าง "ลิสบอน ดาร์บี้" ระหว่าง เบนฟิก้ากับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน ... ในวันที่เขายิงได้ ทุกสื่อพาดหัวรงกันหมด "ดาวรุ่งดวงใหม่ได้ถือกำเนิดแล้ว ชูเอา เฟลิกซ์ เขาคืออัจฉริยะ"
เฟลิกซ์ สายต่อความสุดยอดนั้น ด้วยการยิง 15 ประตู แอสซิสต์ไปอีก 9 ลูกจาก 26 เกมในลีก ย้ำว่าตอนนั้นเขาอายุ 18 ปี เท่านั้น เขาพาทีมคว้าแชมป์ลีกสูงสุดโปรตุเกส ฤดูกาล 2018-19 และแจ้งเกิดเต็มตัว เบนฟิก้า สร้างแรงกระเพื่อมในตลาดซื้อขายอีกครั้ง หลากหลายสโมสรแถวหน้าในยุโรปต่อแถวเพื่อรอเจรจาคว้าเด็กมหัศจรรย์คนนี้มาร่วมทีม และอย่างที่เรารู้กัน แอตเลติโก มาดริด คือทีมที่ยอมจ่ายในราคาที่บ้าคลั่งที่สุดชนิดที่ทีมอื่นถอยหนี
ค่าตัวของ เฟลิกซ์ วัย 18 ปี ทะยานสูงถึง 126 ล้านยูโร ... นั่นแหละคือจุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมดนี้
อันที่จริง เฟลิกซ์ ไม่ใช่พวกหงอหรือกดดันกับค่าตัวของเขาเลยในช่วงแรก เขาลงเล่นกับ แอตเลติ ไม่กี่นัดก็โชว์ฟอร์มโซโล่เลี้ยงเดี่ยวระยะ 60 เมตร ทำประตูใส่ เกตาเฟ่ ประตูแบบนี้มันบ่งบอกถึงความเด็ดเดี่ยวกล้าตัดสินใจ และทานทนต่อบรรยากาศรอบตัวเกินอายุ เมื่อถาม เฟลิกซ์ ว่า ณ ตอนนั้นเขารู้สึกอย่างไรที่ได้ทำประตูที่เหมือนเป็นการตอกย้ำว่า แอตฯ มาดริด ซื้อไม่ผิดตัว
เขาตอบว่า "Sê igual a ti mesmo" เป็นภาษาโปรตุเกสที่แปลว่า "Be true to yourself" (ซื่อสัตย์กับตัวเอง) ซึ่งคำนี้เป็นเหมือนประโยคประจำตัวของเขาที่เตือนตัวเองว่า อย่าลืมในสิ่งที่ตัวเองเป็น อย่าปล่อยให้ความสำเร็จหรือชื่อเสียงมาครอบงำจิตใจ จงมีสมาธิ และยืนหยัดในวิถีอย่างแน่วแน่
"ผมเป็นคนที่เชื่อมั่นในตัวเองเสมอ ทุกอย่างเกิดขึ้นไม่มีคำว่าโชคช่วยผมสร้างมันขึ้นมาด้วยตัวเอง คนเราทำสิ่งใดออกมาย่อมได้รับผลเช่นนั้น เมื่อผมเล่นได้ดี ผมจะได้รางวัล เมื่อไหร่ที่ผมเล่นแย่ผมจะเป็นคนแพ้และไม่ได้รางวัล ... แต่รู้อะไรไหม ถึงไม่ได้ผมก็พยายามปรับปรุงข้อเสียของตัวเองเสมอ" เฟลิกซ์ เผยทัศนคติแบบน้ำไม่เต็มแก้วของเขา
เพียงแต่ว่าอย่างที่เราทุกคนรู้กัน ปัญหามันคืออะไรล่ะ ? ทั้งที่ เฟลิกซ์ เล่นได้ดีและอันตรายในตำแหน่งตัวรุกที่ตัดสินเกมได้ขนาดนั้น ทำไมเขาไม่ประสบความสำเร็จกับ แอตฯ มาดริด เหมือนกองหน้าอีกหลาย ๆ คนในยุค หลังไล่เรียงมาตั้งแต่ เซร์คิโอ กุน อเกวโร่, ดิเอโก้ ฟอร์ลัน, ราดาเมล ฟัลเกา, ดิเอโก้ คอสต้า, อองตวน กรีซมันน์ หรือแม้กระทั่ง อัลบาโร่ โมราต้า
เรื่องฝีเท้าเราคงไม่ต้องเถียงกัน เฟลิกซ์ คือนักเตะระดับพรสวรรค์ที่ทำหน้าที่เกมรุกได้หลากหลาย แต่ อองตวน กรีซมันน์ บอกว่าจริง ๆ มันเป็นเรื่องที่เข้าใจง่าย ๆ นั่นคือ "ไม่มีใครใหญ่เกินทีม" และ เฟลิกซ์ มีความเป็นแบดบอยหัวขบถที่เชื่อในความคิดของตัวเองมากจนเกินไป
แต่บังเอิญว่าคนที่ต้องดูแลเขาดันเป็น ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ กุนซือที่สุดโต่งเรื่องแนวทางของตัวเอง และจะไม่เปลี่ยนทีมเพื่อใคร ... ทุกคนที่มาที่นี่ต้องเล่นในแบบ แอตฯ มาดริด ให้ได้ ซึ่งทุกคนรู้กันดีว่ามันคือการเล่นเกมรับอย่างมีวินัย ดุดัน กระแทกกระทั้น และเจ้าเล่ห์เมื่อได้โอกาส ดูเหมือนว่าทั้ง 2 คนจะเคมีไม่ตรงกันนัก
"เรื่องนี้ (เฟลิกซ์ ทะเลาะกับ ซิเมโอเน่) มันไม่น่ากลายเป็นเรื่องใหญ่มากขนาดนี้ เพราะที่สุดแล้วนักเตะทุกคนควรรู้ดีว่าเมื่อคุณมาที่และเจอกับโค้ชมันจะมีอะไรเกิดขึ้น ทีมของเราเป็นอย่างไร โค้ชของเราเป็นแบบไหน มันคือเรื่องสำคัญที่ทุกคนต้องรับทรายและพยายามปรับตัว ทำงานหนักเพื่อทีม ... เราเอนเอียงเพื่อใครคนหนึ่งไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเราจะพังกันทั้งหมด" กรีซมันน์ กล่าวกับ Movistar+
"จะเป็นนักเตะของทีมนี้ คุณต้องมั่นคง เข้มแข็ง และมองภาพรวมของทีมเป็นลำดับแรก สำหรับ เฟลิกซ์ ผมพบว่าเขารู้สึกเหนื่อยล้ากับการพยายามทำในสิ่งนี้ เขาไม่เห็นตัวเองในทีม ๆ นี้อีกต่อไป นั่นคือเหตุผลที่ว่าไมเราต้องหาทางออกให้กับเขา"
ถอดสมการจากที่ กรีซมันน์ บอก คุณจะพบว่า เฟลิกซ์ เป็นแบบนั้น เขาเป็นนักเตะเกมรุกที่อัจฉริยะหลากหลายและมีประสิทธิภาพก็จริง แต่เขามีความเป็นตัวเองมากเกิน เขาเล่นด้วยจินตนาการ มากกว่าเล่นด้วยทีมเวิร์ก และที่สำคัญเขาคือพวกศิลปินที่เหนื่อยหน่ายกับการเล่นเกมรับ ซึ่งที่ แอตฯ มาดริด นั่นคือเรื่องคอขาดบาดตาย ... คุณเล่นเกมรับไม่ได้ คุณไม่ใช่นักเตะของ แอตเลติ เกมรับคือแก่นของความสำเร็จในยุคของ ซิเมโอเน่
การผิดกับ ซิเมโอเน่ ครั้งนี้คือจุดเปลี่ยนสำคัญของโกลเด้นบอยอย่าง เฟลิกซ์ อย่างแท้จริง ... ทันทีที่เขาบอกกับสื่อว่า ไม่พอใจกับการอยู่ภายใต้การปกครองของ ซิเมโอเน่ โกลเด้นบอยคนนี้ก็ชีพจรลงเท้าทันที
พเนจรเพราะไม่ชอบเล่นเกมรับ
เฟลิกซ์ งัดข้อกับ ซิเมโอเน่ เขาเล่นกับสื่อหลายครั้งเขาบอกว่าทีมเล่นเกมรับมากเกินไปและไม่เหมาะกับสไตล์การเล่นของเขา ซึ่งแน่นอนมันเป็นประโยคที่สะท้อนภาพของความไม่เข้ากันทางทัศนคติของคนที่คิดวิธีการเล่นของทีมอย่าง ซิเมโอเน่ และคนที่รับค่าเหนื่อยแพงที่สุดคนหนึ่งของทีมอย่าง เฟลิกซ์
และอย่างที่บอก ซิเมโอเน่ ไม่เปลี่ยนแปลงเพื่อใคร เขาก็ตอบกลับผ่านสื่อสั้น ๆ ว่า "กับสิ่งที่เขาพูด คุณก็ต้องไปถามเขา ผมทำงานกับเขา ถ้าเขารู้ชัดเจนว่าปัญหาคืออะไร มันก็คงดีนะถ้าผมรู้ด้วย"
การแตกแยกชัดเจนมากหลังจาก ซิเมโอเน่ ให้สัมภาษณ์ประโยคนั้น เฟลิกซ์ ก็ถูกส่งเข้าตลาดซื้อขาย ... ซิเมโอเน่ ปล่อย เฟลิกซ์ แบบไม่กลัวขาดทุน ถ้าไม่อยากเล่น เขาก็ไม่ง้อ เพียงแต่ราคาในการปล่อยก็ต้องสมน้ำสมเนื้อกันหน่อย และในตลาดซื้อขายเดือนมกราคม 2023 เชลซี ก็ได้ตัว เฟลิกซ์ ไปด้วยการยืมตัวโดยไม่มีออปชั่นซื้อขาด แต่ เชลซี ก็ต้องจ่ายค่ายืมตัวถึง 10 ล้านปอนด์ พร้อมรับผิดชอบค่าเหนื่อย 100%
ครึ่งฤดูกาลหลัง ซีซั่น 2022-23 (ลงเล่น 20 เกมยิง 4 ประตู) กับ เชลซี สั้นเกินไปที่จะบอกว่า เฟลิกซ์ ล้มเหลวหรือประสบความสำเร็จที่อังกฤษ แฟนบอล เชลซี บางกลุ่มก็ชื่นชอบการเล่นของเขาที่เต็มไปด้วยความสร้างสรรค์ในการสร้างเกมรุก และความเฉียบขาดในการจบสกอร์
เชลซี ก็อยากจะซื้อขาดเขาเหมือนกัน แต่เรื่องค่าเหนื่อยและค่าตัวเป็นปัญหา มันเสี่ยงเกินไปกับนักเตะที่ดูครึ่ง ๆ กลาง ๆ จะดีก็ไม่ใช่ จะแย่ก็ไม่เชิง แถม เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ที่เข้ามาคุมทีมสิงโตน้ำเงินครามหลังจบซีซั่นนั้นไม่มีแผนใช้งานเขาอีก จนสุดท้ายดีลนี้ก็ไม่เกิดขึ้น ไม่ใช่แค่ เชลซี เท่านั้น ตามข่าวยังมีทั้ง แมนฯ ยูไนเต็ด และ แมนฯ ซิตี้ อีกด้วยที่ปฏิเสธการซื้อ เฟลิกซ์ หลังจากที่ ฮอร์เก้ เมนเดน เอเย่นต์ของเขาเสนอนักเตะไปให้ ... เหตุผลที่ AS สื่อจากสเปนบอกก็เพราะว่าทั้ง 2 ทีมมองว่าฟอร์มของ เฟลิกซ์ กับ เชลซี ไม่ใช่ฟอร์มที่ดี
ปัญหามันไม่ใช่เรื่องค่าตัวแพงเท่านั้น ซิเมโอเน่ ก็ไม่เอา เฟลิกซ์ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด สุดท้าย เมนเดส ก็หาทางออกให้จนได้ด้วยการพา เฟลิกซ์ ไปอยู่กับ บาร์เซโลน่า แบบยืมตัวในวันสุดท้ายของตลาดซื้อขายพอดิบพอดี ชนิดที่ตัวนักเตะต้องให้สัมภาษณ์แบบเผาบ้าน ด้วยการบอกว่า อยากย้ายไปอยู่กับบาร์ซ่า ก่อนทีมเจ้าบุญทุ่มจะมาคว้าตัวไปจริง ๆ
ที่ บาร์เซโลน่า ดูเหมือนหลายอย่างจะดีขึ้น แต่ปัญหาเดิม ๆ ก็คือความ "เกือบดี" กับราคา 80 ล้านยูโร ที่ แอตฯ มาดริด ขอ ทำให้ บาร์เซโลน่า ในยุคงบจำกัดจำเขี่ยไม่กล้าเสี่ยง
เฟลิกซ์ ไม่ได้เป็นตัวจริงมากที่ควร โดยใน ลา ลีกา เขาลงเล่นไป 30 เกม และเป็นตัวจริง 18 นัด ส่วนอีก 12 เกมเป็นตัวสำรอง ค่าเฉลี่ยมันแทบจะ 50-50 อยู่แล้ว ดังนั้น 80 ล้านยูโรมันแพงเกินไป อีกทั้ง บาร์ซ่า ก็ยังเปลี่ยนกุนซือใหม่จาก ชาบี เอร์นานเดซ ที่เคยอยากจะเซ็นเขา เป็น ฮันซี่ ฟลิค ที่ทำทีมคนละสไตล์ ประตูการย้ายทีมจึงปิดลง
เป็น 1 ปีครึ่งที่ดูงง ๆ กับอนาคต รู้ตัวอีกที เฟลิกซ์ ก็อายุ 24 ปีแล้ว แอตฯ มาดริด ก็รู้ดีว่ายิ่งเก็บไว้นานราคาก็ยิ่งตก ประกอบกับนักเตะก็ไม่ได้อยู่ในฟอร์มที่พีกเหมือนเดิม แถมสัญญาก็เหลือน้อยลงทุกปี ... ข้อบังคับดังกล่าวทำให้ราคาของ เฟลิกซ์ ลดลงมาก และจบดีลด้วยการขายให้กับ เชลซี ในฤดูกาาล 2024-25 ด้วยราคา 20 ล้านปอนด์เท่านั้น
ปัญหาคือการมาเชลซี ในตอนนี้โกลเด้นบอยอย่างเขาจะเล่นตรงไหนกันแน่ ? และเขาจะกลับสู่เส้นทางที่ถูกต้องสำหรับตัวเองได้หรือไม่ ? เพราะการจะเล่นให้ดีและกลับมามีความมั่นใจได้ จำเป็นที่จะต้องหาตำแหน่งที่ใช่และเหมาะกับธรรมชาติของตัวเองให้เจอก่อน
โอกาสสำคัญที่ เชลซี
กับ บาร์เซโลน่า ในฤดูกาล 2023-24 เฟลิกซ์ เล่นตำแหน่งไหน ? คำตอบคือเขาเล่นเป็นตัวริมเส้นฝั่งขวาเป็นส่วนใหญ่ โดยมีสลับกับการเล่นเป็นตัวรุกฝั่งซ้ายบ้าง แต่ปัญหาสำคัญของเรื่องคือ ในมุมมองของแฟน บาร์เซโลน่า ทั้ง 2 ตำแหน่งไม่ใช่ตำแหน่งที่ดีที่สุดของเขา
คอสต้า โคนิก แฟนพันธุ์แท้สายข่าวของ บาร์เซโลน่า จากสื่อ Tribuna ยืนยันว่าตำแหน่งที่ดีที่สุดของ เฟลิกซ์ คือตำแหน่งริมเส้นฝั่งซ้าย ... เพียงแต่ว่าเขายังบอกมาอีก 1 สิ่งว่าถ้าจะให้ดีสุด ๆ จริง ๆ เฟลิกซ์ ต้องเป็นตัวสำรองเปลี่ยนเกม ประสิทธิภาพของเขาจะถูกใช้อย่างถูกจุดที่สุด
"เฟลิกซ์ เล่นดีเลยล่ะกับ บาร์ซ่า ในปีที่แล้ว ... ดีที่สุดตอนไหนรู้ไหม ? ก็ตอนที่เขาได้รับบทบาทซูเปอร์ซับนี่แหละ เขาเล่นงานแบ็กคู่แข่งตอนที่พวกเขากำลังเหนื่อยและอ่อนล้าได้เก่งสุด ๆ เฟลิกซ์ เป็นคนฉลาดและมีไหวพริบในการเล่นดีมาก แถมยังมีความหลากหลายในแบบที่คู่แข่งเดาทางยากจริง ๆ" โคนิก กล่าว
"เดี๋ยวเขาก็ตัดเข้าในไปยิงเอง เดี๋ยวเขาก็ทำชิ่ง เดี๋ยวเขาก็มองหาเพื่อนที่ว่างอยู่ในกรอบเขตโทษหรือเล่นกับตัวที่วิ่งอ้อมหลัง การมีเขาลงมาสักช่วง 30 นาทีสุดท้ายเหมาะมาก ๆ เขาจะทำให้เกมของคุณไหลลื่น และการเลี้ยงบอลของเขาจะทำให้คุณเรียกฟาวล์ได้ในหลาย ๆ จังหวะ นั่นเป็นเหตุผลที่ในปีที่แล้วเขายิงไปถึง 10 ลูกและทำไปอีก 6 แอสซิสต์ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการเป็นตัวสำรอง"
"คุณจะได้ประโยชน์จากเขามากถ้าคุณอยากจะได้ประตู แต่ในทางกลับกัน เขาอาจจะเป็นนักเตะที่เล่นเกมรับได้ไม่ดีนัก เขาปิดแนวผ่านบอลของฝั่งตรงข้ามไม่ค่อยได้ ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมคุณควรเลือกใช้เขาในเวลาที่คุณต้องการใครสักคนก้าวขึ้นมาเป็นฮีโร่ของทีม"
จากสิ่งที่ โคนิก บอกดูเหมือนจะจริง จากจำนวนประตูและแอสซิสต์ของเขาที่มักจะมาในรูปแบบของการลงมาเป็นโจ๊กเกอร์ท้ายเกม ความจริงดูเหมือนจะดี แต่นั่นแหละปัญหา
นักเตะที่ดีจริง ๆ ต้องยืนระยะได้ทั้งเกม ทุกอย่างต้องสัมพันธ์กัน ทั้งเรื่องความฟิต ทัศนคติ และไอคิวในการเล่นฟุตบอล นักเตะระดับโลกของแท้ไม่ใช่เก่งแค่การเป็นตัวสำรอง นับตั้งแต่นาทีที่ 1 ถึงนาทีที่ 90 เขาสามารถสร้างความแตกต่างให้กับทีมได้เสมอ นั่นคือสิ่งที่ เฟลิกซ์ ต้องเปลี่ยน
เขาไม่ใช่นักเตะวัยรุ่นอีกแล้ว เขาอายุ 24 ปี แถมรับค่าเหนื่อยแบบจุก ๆ ดังนั้นเขาเองจะต้องทำอะไรมากกว่าที่เป็นอยู่ให้ได้ แค่ตัวสำรองไม่พอ ถ้าเขาอยากจะพิสูจน์ตัวเองว่าเป็นของจริง
ที่สำคัญ ในทีมของ เอ็นโซ่ มาเรสก้า ณ เวลานี้ ทุกอย่างยังคงดูเหมือนการจับปูใส่กระด้ง นักเตะก็ใหม่ กุนซือก็ใหม่ วิธีการเล่นก็ใหม่ ทำให้ต้องปรับกันอีกเยอะ ดังนั้นมันจะยากกับ เฟลิกซ์ ที่ต้องการเวลาลงสนามต่อเนื่องแน่นอน เพราะเขาจะเล่นตรงไหนล่ะ ? ในเมื่อทีมยังไม่เจอ 11 ตัวจริงที่ดีที่สุดเลย ณ ตอนนี้
การย้ายมา เชลซี รอบนี้ถือเป็นอุปสรรคมากที่สุดในอาชีพการค้าแข้งของ เฟลิกซ์ เลยก็ว่าได้ เพียงแต่การเติบโตมันย่อมสอนให้คนเรารู้และเปลี่ยนแปลง ถ้าเขาไหวตัวว่าโลกฟุตบอลไม่เคยหยุดรอใคร คลื่นลูกใหม่ตามหลังคลื่นลูกเก่าเสมอ ทางรอดของเขาคือยกระดับขึ้นมาตัวเองเป็นนักเตะซีเนียร์คนสำคัญให้ได้
โอกาสครั้งนี้สำคัญกับเขามาก ในสถานการณ์ที่ยากที่สุด ถ้าเขาขึ้นมาถึงจุดนั้นได้ ก็ถึงเวลาที่โลกจะลืมเรื่องเก่า ๆ ในอดีตของเขา เหลือแต่การพูดถึงเรื่องอนาคตที่มีร่วมกับ เชลซี เท่านั้น
แต่ถ้าไม่ … เขาอาจจะเป็นดาวรุ่งตลอดกาลอีกคนของวงการฟุตบอลเหมือนกับโกลเด้นบอยอีกหลาย ๆ ที่ล้มเหลวเมื่อโตขึ้นก็เป็นได้
แหล่งอ้างอิง
https://gaffer.world/pages/joao-felix-coming-of-age
https://www.goal.com/en/news/126m-flop-chelsea-signing-joao-felix-fell-apart-atletico-madrid/blt61a8a9ab2309d38f
https://www.dailymail.co.uk/sport/football/article-12938439/Joao-Felix-Barcelona-Chelsea-Xavi.html
https://www.goal.com/en/lists/why-barcelona-will-not-sign-joao-felix-permanent-atletico-madrid-transfer-explained/bltba313cb54f967859#cs58be4a4f397e7351
https://www.transfermarkt.com/joao-felix/leistungsdatendetails/spieler/462250/plus/0/saison/2023/wettbewerb/ES1/verein/131
https://www.goal.com/en/lists/joao-felix-flop-atletico-madrid-antoine-griezmann-tired-current-barcelona-forward/bltfbefc4caf22cebbf#csf5488a7459c52e67