Feature

2 ฤดูกาลที่ว่างเปล่า : เหตุใด อัล นาสเซอร์ ถึงยังไม่มีแชมป์ลีก ทั้งที่มี “CR7” เป็นตัวชูโรง | Main Stand

ในวันที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ จรดปากกาเซ็นสัญญาเข้าร่วมทีม อัล นาสเซอร์ สโมสร ยักษ์ใหญ่แห่งประเทศซาอุดีอาระเบีย ต่างเป็นที่ฮือฮาในโลกวงการฟุตบอลอย่างมาก เพราะไม่มีใครคาดคิดว่า ดาวเตะเจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ 5 สมัย จะตัดสินใจเลือกย้ายมาเล่นฟุตบอลในแถบตะวันออกกลาง

 


ผู้คนส่วนใหญ่ต่างคิดว่า การมาอยู่ที่นี่ของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ จะนำโทรฟี่ ซาอุดี โปรลีก เข้ามาให้กับทาง อัล นาสเซอร์ หลังจากห่างหายจากการเป็นแชมป์รายการดังกล่าวถึง 3 ปีติดต่อกัน

แต่ความจริงแล้วกลับไม่เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ เพราะตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ “CR7” เข้ามาอยู่กับสโมสร เขายังไม่สามารถพาต้นสังกัดคว้าแชมป์ลีกของประเทศซาอุดีอาระเบียได้เลย 

เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น ? ติดตามไปพร้อมกับ Main Stand

 

ดีลยกระดับลีกซาอุ

ย้อนกลับไปเมื่อช่วงก่อนฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์วงการฟุตบอลได้เกิดประเด็นดังทั่วสารทิศ หลังจากที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ไปออกรายการให้สัมภาษณ์กับทาง เพียร์ส มอร์แกน พิธีกรฝีปากตะไกร วิจารณ์ถึงสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในยุคนั้น ที่ดูเหมือนสถานการณ์ยังคงดำเนินมาถึงปัจจุบันอย่างดุเดือด

โดยหนึ่งในประเด็นที่กลายเป็นเรื่องให้พูดถึงมากที่สุด คือเรื่องที่เขาพูดถึงกุนซืออย่าง เอริค เทน ฮาก แบบตรงไปตรงมาถึงการกระทำของผู้จัดการทีมรายนี้ ที่ปฏิบัติต่อเขาอย่างไม่เป็นมืออาชีพ

“ผมไม่มีความเคารพต่อตัวเขา เพราะเขาไม่ให้เกียรติผมเช่นกัน ถ้าคุณไม่เคารพผม ผมก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเคารพคุณ” กลายเป็นวาทะเดือด หลังจากที่ดาวเตะสมญานาม “CR7” กล่าวประโยคดังกล่าวถึง เอริค เทน ฮาก 

หลังจากรายการดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไปบนโลกโซเชี่ยล ส่งผลให้ทางปีศาจแดง ไม่รอช้า ตัดสินใจยกเลิกสัญญากับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในทันที พร้อมอวยพรให้ดาวเตะโปรตุกีส โชคดีในอนาคต

ซึ่งในเวลาดังกล่าวผู้คนส่วนใหญ่ต่างคาดการณ์ไปในมุมมองเดียวกันว่า คริสเตียโน่ โรนัลโด้ อาจย้ายกลับไปอยู่กับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน สโมสรแรกที่ปลุกปั้นเขามาตั้งแต่สมัยเป็นดาวรุ่ง

แต่ในท้ายที่สุดกลับเป็นทางด้าน อัล นาสเซอร์ สโมสรยักษ์ใหญ่ในประเทศซาอุดีอาระเบีย ที่ทุ่มค่าเหนื่อยมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของโลกฟุตบอลราว ๆ 200 ล้านยูโรต่อปี คว้าตัวดาวเตะทีมชาติโปรตุเกสรายนี้ไปร่วมทีม

ดีลดังกล่าวยกระดับสโมสร อัล นาสเซอร์ ให้เป็นที่รู้จักจากผู้คนทั่วโลกอย่างเห็นได้ชัด จากเดิมที่มีคนติดตามอินสตาแกรมของสโมสรเพียง 1 ล้านผู้ติดตาม เพิ่มขึ้นเป็น 20 ล้าน ผู้ติดตาม ในทันที หลังจากมีการประกาศคว้าตัว คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เข้ามาร่วมทีม

โดยในวันเปิดตัว คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ได้พูดถึงเหตุผลที่เขาตัดสินใจเลือกย้ายมาเล่นฟุตบอล ในทวีปเอเชียเป็นครั้งแรกในชีวิตต่อหน้าแฟนบอล อัล นาสเซอร์ ที่แห่มารอต้อนรับเต็มความจุ สนาม เมอร์ซูล พาร์ค 

“งานของผมในยุโรปเสร็จสิ้นแล้ว ผมชนะทุกอย่างที่ผมอยากได้มา และตอนนี้มันถึงเวลาของ ความท้าทายใหม่ในชีวิตของผมกับการเล่นฟุตบอลในทวีปเอเชีย และผมมีความสุขและภูมิใจ ที่ได้ร่วมงานกับสโมสร อัล นาสเซอร์”

“หลายคนพูดว่านี้คือจุดต่ำสุดในชีวิตการค้าแข้งของผม แต่ไม่ใช่เลย ที่ผมตัดสินใจย้ายมาอยู่ที่ อัล นาสเซอร์ เพราะผมคิดอย่างถี่ถ้วยทุกอย่างว่าลีกซาอุดีอาระเบีย เป็นลีกที่มีการแข่งขันสูง และไม่เป็นรองลีกชั้นน้ำในทวีปยุโรป และในอนาคตผมจะทำให้ลีกของที่นี่ กลายเป็นลีกชั้นนำ ไม่แพ้กับลีกในยุโรป”

 

แบก (คนเดียว) ไม่ไหว

แม้ว่าอายุของดาวเตะทีมชาติโปรตุเกสรายนี้ จะเข้าใกล้แตะหลัก 40 ปี แต่ถ้าหากใช้คำว่า “อายุเป็นเพียงตัวเลข” กับทางด้าน คริสเตียโน่ โรนัลโด้ คงเป็นอะไรที่จริงแท้แน่นอน

โดยในฤดูกาลแรกของทาง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กับทาง อัล นาสเซอร์ เขาทำประตูไปทั้งหมด 18 ประตู จากการลงสนาม 23 นัด 

ส่วนในฤดูกาลที่สอง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ทำประตูไปได้มากถึง 50 ประตู จากทุกรายการ ที่ลงสนาม กลายเป็นนักฟุตบอลที่ทำประตูได้มากที่สุดของวงการฟุตบอลในฤดูกาล 2023-24

และยังสร้างสถิติด้วยการเป็นนักฟุตบอลที่ทำประตูต่อฤดูกาลในฟุตบอลลีกของประเทศ ซาอุดีอาระเบีย ได้มากที่สุดตั้งแต่มีการก่อตั้งขึ้นมาในปี 1976 โดย คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ทำประตูไปทั้งหมด 35 ประตู จากการลงสนามในลีกทั้งสิ้น 31 นัด

จึงกลายเป็นข้อให้ถกเถียงกันว่าต่อให้ อัล นาสเซอร์ มีนักเตะที่ดีที่สุดของโลกอย่าง คริสเตียโน่​ โรนัลโด้ ที่ยิงประตูได้เป็นกอบเป็นกำให้กับทีม แต่หากนักเตะคนอื่นภายในทีม ยังไม่มีประสิทธิภาพที่จะช่วยยกระดับสโมสรให้เหมือนกับที่ทาง โรนัลโด้ ทำได้มากพอ สโมสรคงไม่มีทางที่จะไปถึงการคว้าแชมป์ ซาอุดี โปรลีก เช่นเดิม

ซึ่งถ้ามองจากศักยภาพนักเตะของ อัล ฮิลาล เจ้าของแชมป์ ซาอุดี โปรลีก ฤดูกาล 2023-24 ที่แม้ว่านักเตะภายในทีมอาจจะชื่อชั้นไม่โด่งดังเท่ากับ อัล นาสเซอร์ แต่นักเตะโควต้าต่างชาติ ที่ทางสโมสรดึงตัวเข้ามาร่วมทีม ทุกคนถือว่าอยู่ในอายุที่กำลังเข้าสู่ช่วง “จุดพีค” ของการเป็น นักฟุตบอลทั้งสิ้น

เริ่มจาก รูเบน เนเวส (27 ปี) , เซอร์เกย์ มิลินโควิช-ซาวิช (28 ปี) , มัลค่อม (27 ปี) , เรนาน โลดี้ (26 ปี) , มิเชล (28 ปี) และ อเล็กซานดร้า มิโตรวิช (29 ปี) มีเพียง ยาสซีน โบโน่ (33 ปี) และ คาลิดู คูลิบาลี่ (32 ปี) เพียงเท่านั้นที่มีอายุเกินหลัก 30 ปี ขณะที่ เนย์มาร์ (32 ปี) เจออาการบาดเจ็บ ทำให้ถูกถอดออกจากรายชื่อทีมหลังจบเลกแรก

ยิ่งถ้ามองย้อนกลับไปที่นักเตะต่างชาติของทาง อัล นาสเซอร์ มีเพียง โอตาวิโอ้ (28 ปี) รายเดียวเท่านั้น ที่มีอายุไม่เกิน 30 ปี นอกเหนือจากนั้นทั้ง ดาวิด ออสปิน่า (35 ปี) , อายเมริค ลาปอร์ต (31 ปี) , อเล็กซ์ เตลลิส (31 ปี) , มาร์เซโล่ โบรโซวิซ (31 ปี) , อันแดร์สัน ทาลิสก้า (30 ปี) , ซาดิโอ มาเน่ (32 ปี) และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (39 ปี) ต่างมีอายุที่เข้าสู่ช่วงท้าย ของอาชีพการเป็นนักฟุตบอลทั้งสิ้น 

จึงไม่แปลกที่ส่วนใหญ่นักเตะต่างชาติของทาง อัล นาสเซอร์ จะมีน้อยครั้งที่ลงสนามพร้อมกัน ทุกคน เพราะด้วยอายุที่มากขึ้นของตัวนักเตะ เป็นที่มาของอาการบาดเจ็บที่มักจะเล่นงานนักเตะ เหล่านี้อยู่บ่อยครั้ง 

ยิ่งในรายของ อันแดร์สัน ทาลิสก้า ที่เปรียบเสมือนคู่ขาคนสำคัญของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในแผงเกมรุก ในฤดูกาล 2023-24 เขาลงสนามได้เพียง 17 นัด หลังบาดเจ็บบริเวณกล้ามเนื้อต้นขาด้านหลัง ส่งผลให้ต้องเข้ารับการผ่าตัด พักยาว 4 เดือน 

บวกกับในรายของ ดาวิด ออสปิน่า ผู้รักษาประตู มือ 1 ของทีม ที่เข้ารับการผ่าตัดอาการบาดเจ็บ บริเวณข้อศอก ส่งผลให้เขาห่างหายจากการลง เฝ้าเสาไปเกือบ 1 ซีซั่นเต็ม โดยเพิ่งจะกลับมาลงช่วยทีมได้ในช่วงท้ายฤดูกาล 

และ อเล็กซ์ เตลลิส อดีตแบ็คซ้าย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่มักเจออาการบาดเจ็บบริเวณโคนขาหนีบเล่นงานอยู่บ่อยครั้ง ในช่วงระหว่างฤดูกาลที่ผ่านมา แม้ว่าเขาจะไม่ได้ห่างหายจากการลงสนามไปอย่างยาวนานเหมือนกับสองรายแรก แต่ก็มีอยู่หลายเกมที่ดาวเตะทีมชาติบราซิลรายนี้ ต้องพลาดในการลงสนามให้กับ ทาง อัล นาสเซอร์ เป็นที่มาให้หลังจบฤดูกาล 2023-24 อเล็กซ์ เตลลิส ตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัด ส่งผลให้เขาหมดสิทธิ์ช่วยทัพ “แซมบ้า” ไปลุยศึก โคปา อเมริกา 2024

 

เฮดโค้ชดีไม่พอ

อีกหนึ่งปัจจัยหลักที่พา อัล นาสเซอร์ ไปไม่ถึงการคว้าแชมป์ ซาอุดี โปรลีก คงหนีไม่พ้นปัจจัย ด้านเฮดโค้ชของทีม ที่ตั้งแต่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ย้ายมาเข้าสู่ทีม ทางต้นสังกัดมีการเปลี่ยน ตำแหน่งดังกล่าวไปมากถึง 3 ราย เริ่มตั้งแต่ รูดี้ การ์เซีย , ดินโก้ เยลิซิซ และ เฮดโค้ช คนปัจจุบันอย่าง หลุยส์ คาสโตร

ถือว่าเป็นตำแหน่งที่ต้องแบกรับความกดดันมากพอสมควร สำหรับการเป็นกุนซือที่ต้อง ทำหน้าที่คุมทีมที่มีดาวเตะชื่อดังของโลกอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 

เพราะอย่างที่ทราบกันดี ด้วยความกระหายและแพชชั่นเกินร้อยในการลงสนามของทาง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่หากเป็นเฮดโค้ชไม่เก่งและเก๋ามากพอน้อยคนมากที่จะรับมือเขาได้อยู่

โดยปัญหาดังกล่าวมีให้เห็นมาแล้วในสมัยการคุมทีมของ รูดี้ การ์เซีย ที่จากเดิมทีมทำคะแนน ขึ้นนำเป็นจ่าฝูงของตาราง แต่หลังจากที่สโมสรเซ็นสัญญาคว้าตัว คริสเตียโน่ โรนัลโด้ มาร่วมทีม แนวทางการเล่นก็ต้องเปลี่ยนไปจากเดิม เป็นที่มาให้ทีมมีฟอร์มการเล่นที่แย่ลง จนถูก อัล อิตติฮัด พลิกแซงขึ้นมารั้งในตำแหน่งจ่าฝูง และคว้าแชมป์ลีก ฤดูกาล 2022-23 ไปได้ในท้ายที่สุด

โดยหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ทาง รูดี้ การ์เซีย ต้องกระเด็นออกจากทีมไปนั่นคือ ความสัมพันธ์ที่ไม่สู้ดีนักกับนักเตะภายในทีม โดยเฉพาะ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่มีรายงานออกมาว่า เขาไม่ค่อยพอใจในแท็คติกและแนวทางการทำทีมของเฮดโค้ชรายนี้ ซึ่งมีให้เห็นอยู่บ่อยครั้งที่ ทาง CR7 มักจะแสดงอาการไม่พอใจออกมาให้เห็น และมีการโต้เถียงกับทาง รูดี้ การ์เซีย ภายในสนาม

ส่งผลให้ รูดี้ การ์เซีย ถูกทางบอร์ดบริหารปลดออกจากทีมในช่วงกลางฤดูกาล 2022-23 และแต่งตั้ง ดินโก้ เยลิซิซ โค้ชทีมยู-19 ของทาง อัล นาสเซอร์ ขึ้นมารักษาการณ์แทนจนจบ ฤดูกาล

โดยในฤดูกาลปัจจุบันเป็นทาง หลุยส์ คาสโตร อดีตเฮดโค้ช ปอร์โต้ และ ชัคตาร์ โดเนตส์ก ที่ตัดสินใจอำลา โบตาโฟโก้ สโมสรชื่อดังในประเทศบราซิล เข้ามารับหน้าที่คุมทัพ อัล นาสเซอร์ ในฤดูกาล 2023-24

ผลงานของเฮดโค้ชรายนี้กับฤดูกาลแรกที่ อัล นาสเซอร์ ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยหนึ่งใน จุดเด่นที่ทาง หลุยส์ คาสโตร ได้รับคำชมอย่างมาก คือการสร้างทีมให้กลายเป็นทีมที่มีเกมรุก หลากหลายมิติ ซึ่งถือว่าแตกต่างจากฤดูกาล 2022-23 ภายใต้การคุมทีมของ รูดี้ การ์เซีย และ ดินโก้ เยลิซิซ มากพอสมควร

โดยในฤดูกาล 2023-24 อัล นาสเซอร์ ทำประตูในลีกไปได้มากถึง 100 ประตู ซึ่งกลายเป็นสถิติ การทำประตูมากที่สุดในระยะเวลาหนึ่งฤดูกาล ตั้งแต่สโมสรก่อตั้งขึ้นมา

แต่หนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้ อัล นาสเซอร์ ไปไม่ถึงแชมป์ ซาอุดี โปรลีก ฤดูกาล 2023-24 นั่นคือพวกเขามักจะเป็นทีมที่ไม่ค่อยมีความสม่ำเสมอเท่าที่ควร พลาดท่าสะดุดเสมอหรือแพ้ ให้กับทีมกลางตารางและท้ายตารางอยู่บ่อยครั้ง 

ซึ่งถ้านำไปเทียบกับ อัล ฮิลาล ทีมแชมป์ในปีล่าสุด พวกเขาสะดุดเสมอเพียง 3 นัดเท่านั้น และไม่แพ้ให้กับทีมใดแม้แต่นัดเดียว เก็บแต้มไปได้มากถึง 96 คะแนน คว้าแชมป์ ซาอุดี โปรลีก ฤดูกาล 2023-24 ไปครองได้สำเร็จ ทำคะแนนทิ้งห่าง อัล นาสเซอร์ ทีมในอันดับที่ 2 ของตารางไปมากถึง 14 คะแนน

 

สัญญาปีสุดท้ายกับเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียว

นอกเหนือจากความพ่ายแพ้ในฟุตบอลลีกที่ไม่สามารถคว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จ ฟุตบอลถ้วยของทางประเทศซาอุดีอาระเบีย อย่างฟุตบอล ซาอุดี คิงส์คัพ ที่เพิ่งแข่งขันกันไป ในรอบชิงชนะเลิศเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2024 ก็ลงเอยด้วยความผิดหวังอีกรายการ หลัง อัล นาสเซอร์ แพ้ อัล ฮิลาล ในรอบชิงชนะเลิศ การดวลจุดโทษด้วยสกอร์ 5-6 หลังจากเสมอกันในเวลา 120 นาที 1-1

ในส่วนของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ หลังจากไม่สามารถพาต้นสังกัดคว้าแชมป์ได้สำเร็จ เจ้าตัวถึงกับหลั่งน้ำตาร้องไห้ออกมา ตั้งแต่ในช่วงหมดเวลาการแข่งขัน ยาวไปถึงช่วงเดินขึ้นไป รับเหรียญ

ด้วยความมุ่งมั่นและความกระหายชัยชนะของเขานี้เอง จึงไม่แปลกที่เจ้าตัวจะหลุดร้องไห้ออกมาให้เห็น ยิ่งใน 2 ฤดูกาลที่ทางคริสเตียโน่ โรนัลโด้ เข้ามาร่วมทีม อัล นาสเซอร์ เขาได้แชมป์ กับทางต้นสังกัดไปเพียงรายการเดียวเท่านั้น นั่นคือฟุตบอลถ้วย อาหรับ คัพ 

ฤดูกาล 2024-25 เชื่อว่าทาง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และทาง อัล นาสเซอร์ คงมีเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น นั่นคือการคว้าแชมป์ ซาอุดี โปรลีก มาครองให้ได้สำเร็จ หลังจากไม่สามารถเป็นแชมป์รายการดังกล่าวมายาวนานถึง 5 ฤดูกาลติดต่อกัน

ยิ่งในฤดูกาล 2024-25 อาจเป็นปีสุดท้ายของทาง คริสเตียโน่​ โรนัลโด้ ก็เป็นได้ เพราะว่าสัญญาของเขากับทาง อัล นาสเซอร์ จะสิ้นสุดลงในปี 2025 ซึ่งยังไม่มีความชัดเจนว่าโรนัลโด้ จะได้รับการต่อสัญญาออกไปหรือไม่

พร้อมกันนี้ต้องมารอดูกันว่าการทุ่มเงินก้อนโตของทางบอร์ดบริหาร อัล นาสเซอร์ ในการดึงตัว คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เข้ามาร่วมทีม จะทำให้สโมสรกลับมาคว้าแชมป์ลีก และกลายเป็นสโมสรที่ยิ่งใหญ่ของประเทศซาอุดีอาระเบีย อีกครั้งได้หรือไม่

 

แหล่งอ้างอิง

https://www.espn.com/soccer/story/_/id/37634146/cristiano-ronaldo-leaves-man-united-mutual-agreement
https://www.sportingnews.com/us/soccer/news/cristiano-ronaldo-piers-morgan-full-interview-man-united/f9du0usae1plm2wnzftjpsvr
https://www.goal.com/en/lists/crazy-cristiano-ronaldo-mistake-cost-erik-ten-hag-respect-man-utd-dressing-room-wesley-sneijder-leave-disastrous-campaign/blt6a8cc60e0fd4a838
https://en.as.com/soccer/what-did-cristiano-ronaldo-say-at-his-al-nassr-unveiling-n/
https://www.marca.com/en/football/2023/04/12/64368a4a268e3e04498b4593.html
https://www.bbc.com/sport/football/saudi-pro-league/tablehttps://www.goal.com/en/lists/cristiano-ronaldo-makes-history-al-nassr-breaks-saudi-pro-league-record-most-goals-in-season/bltdba00468162c54b2
https://www.transfermarkt.com/talisca/verletzungen/spieler/258626
https://www.transfermarkt.com/david-ospina/verletzungen/spieler/73396

Author

วิสุทธา วงค์หน่อแก้ว

หนุ่มน้อยผู้คลั่งรัก "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สุดหัวใจ

Graphic

อรรนพ สะตะ

graphic design ผู้ชื่นชอบกีฬาฮอกกี้, เกมส์, เดินเขา เป็นชีวิตจิตใจ