การยิงประตูชัยในเกมระดับชิงแชมป์ยุโรปตอนอายุ 28 ปี น่าจะพอทำให้อาชีพนักฟุตบอลของใครคนหนึ่งเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น หรือโด่งดังขึ้นได้
แต่สำหรับ เอแดร์ เปล่าเลย ... นักเตะกองหน้าหมายเลข 9 ผู้ส่งทีมชาติโปรตุเกส และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ คว้าแชมป์ ยูโร 2016 กลับเป็นเหมือนพลุที่ดังมาปังเดียวแล้วเงียบหายไป
จนถึงวันนี้ ตัวของเขาเป็นอย่างไร เกิดอะไรขึ้นจากการยิงไกลสุดสวยลูกนั้น ? ติดตามที่ Main Stand
กองหน้าที่แฟนบอลส่ายหัว
โปรตุเกส เป็นชาติที่มี DNA ของนักเตะที่ชัดเจนมากที่สุดประเทศหนึ่ง นักเตะระดับทีมชาติของพวกเขา โดยเฉพาะตัวรุกนั้นต้องมีเทคนิคที่ยอดเยี่ยม เซนส์บอลดี ๆ มีจังหวะเพลย์สวย ๆ ให้เห็น สร้างความตื่นเต้นตลอด ดังฉายา "บราซิลแห่งยุโรป"
ดังนั้นการที่ใครสักคนที่แตกต่างเป็นอย่างมาก แถมยังเป็นนักเตะที่ใช้ชีวิตส่วนใหญ่ค้าแข้งให้กับทีมเล็ก ๆ อย่าง เอแดร์ เลยกลายเป็นคนที่ถูกตั้งความหวังไว้ในอีกรูปแบบ
ปัญหาของโปรตุเกสทุกยุกทุกสมัย คือการ "ขาดศูนย์หน้าตัวเป้า" นับตั้งแต่หมดยุคของ เปโดร เปาเลต้า ดาวยิงเบอร์ 9 ตัวหลักที่เล่นมาตั้งแต่ปี 1997-2006 โปรตุเกส ก็พยายามจะหาใครสักคนที่ยิงประตูได้แบบนั้น ไล่เรียงมาหลายคนเหลือเกินตั้งแต่สมัยที่ เปาเลต้า ยังเล่นให้ทีมชาติ ไม่ว่าจะเป็น อูโก้ อัลเมด้า, เฮลเดร์ ปอสติก้า, นูโน่ โกเมส แต่ก็ไม่มีคนไหนทำได้ใกล้เคียงนักในระยะยาว
ตอนที่ เบนโต้ เรียก เอแดร์ มาร่วมทีมชาติครั้งแรก ดาวเตะผู้เกิดใน กินีบิสเซา ความสูง 190 เซนติเมตรคนนี้ เพิ่งย้ายจาก อคาเดมิก้า ทีมเล็ก ๆ ในลีกโปรตุเกสมาอยู่กับทีมนักปั้นอย่าง บราก้า ในฤดูกาล 2011-12 และผลงานดีมากในเวลานั้น 18 นัดในเกมลีกเขายิงไปถึง 13 ประตู กับกองหน้าสไตล์ที่แตกต่าง แข็งแรง ตัวใหญ่ เล่นลูกกลางอากาศดี เป็นสายพักบอลโดยธรรมชาติ ใครต่อใครก็มองว่าเขาเป็นคำตอบระยะยาวให้กับทีมชาติได้
แต่เวลาผ่านไป 2 ปีแรกในนามทีมชาติ เอแดร์ กลับไม่สามารถยิงประตูได้แม้แต่ลูกเดียว แม้จะเล่นในสโมสรดีขนาดไหน แต่กับทีมชาตินั้นคนละเรื่อง ดังนั้นเสียงวิจารณ์จึงเริ่มดังขึ้น และมันชัดเจนสุด ๆ ในฟุตบอลโลก 2014 ที่ บราซิล เป็นเจ้าภาพที่ เบนโต้ หนีบเอา เอแดร์ ไปเล่นในทัวร์นาเมนต์ระดับนานาชาติเป็นครั้งแแรกของเขาด้วย
แต่นั่นคือทัวร์นาเมนต์แห่งฝันร้ายของแท้ ... โปรตุเกส ตกรอบแบ่งกลุ่ม ทั้ง ๆ ที่มีนักเตะฝีเท้าดีหลายคน พวกเขาแพ้ เยอรมนี ถึง 0-4 แบบหมดรูป ถึงแม้เกมนั้น เปเป้ จะโดนใบแดงตั้งแต่ครึ่งแรกก็ตาม แถมยังเสมอกับ สหรัฐอเมริกา จนเป็นเหตุสำคัญสู่การตกรอบ และกองหน้าที่ลงไปและทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากวิ่งไป วิ่งมาอย่างเขา แถมมีโอกาสง้างเท้ายิงแค่ 2 หนตลอดทัวร์นาเมนต์ จึงถูกมองว่าเป็นกองหน้าที่ไร้ประโยชน์ และควรพอได้แล้วสำหรับทีมชาติโปรตุเกสชุดใหญ่ เพราะมันชัดเจนตลอด 2 ปีว่าเขาไม่ดีพอ
เอแดร์ เพิ่งเคยเจอสถานการณ์แบบนี้ ปกตินักเตะระดับเขามักไม่ค่อยได้รับความสนใจจากสื่อและแฟนบอลมากนัก แต่หนนี้ถ้าเป็นยุคปัจจุบันก็ต้องเรียกว่า "ทัวร์ลง" ซึ่งนั่นกระทบกับจิตใจเขาเป็นอย่างมาก
"จิตใจผมดำดิ่งสู่ความผิดหวัง นั่นแย่มากที่สุดเท่าที่เคยเจอ ตอนนั้นไม่มีใครรู้เลยว่าก่อนทัวร์นาเมนต์เริ่ม ผมเพิ่งผ่านการเจ็บหนัก และพักรักษาตัวมาระยะหนึ่งแล้ว ผมดีใจนะที่ได้ไปเล่นฟุตบอลโลก แต่ผมยอมรับจริง ๆ ว่าสิ่งต่าง ๆ นั้นค่อนไปทางแย่ ไม่เป็นไปได้ด้วยดีเลย"
"ช่วงเวลาที่เลวร้ายเกิดขึ้นหลังจากนั้น ผมพยายามจะดิ้นรนและกลับมาที่เดิมอีกครั้ง แต่ทุกครั้งที่เจอกับคำวิจารณ์ ถามตัวเองเสมอว่า แล้วผมจะหนีจากสิ่งพวกนี้ได้ยังไง ?" เอแดร์ กล่าวกับ Daily Mail
กลับไม่ได้-ไปไม่ถึง
ชัดเจนแล้วว่าคลาสของ เอแดร์ นั้นไม่ดีพอที่จะเป็นตัวหลักในระดับทีมชาติ แต่ในระดับสโมสรเขายังคงต้องดิ้นรนต่อไป อย่างน้อย ๆ ก็เพื่อใช้ฟุตบอลเลี้ยงชีพ
หลังจากฟุตบอลโลก 2014 ที่ล้มเหลว เอแดร์ ได้ย้ายไปอยู่กับ สวอนซี ในฤดูกาล 2015-16 เขามาแทนที่ของดาวยิงขวัญใจแฟน ๆ อย่าง บาเฟติมบี้ โกมิส และแฟนทีมหงส์ขาว ก็ต้องส่ายหัวอีกครั้ง เพราะเจ้าของค่าตัว 5 ล้านปอนด์ เล่นไม่ได้เลยในระดับพรีเมียร์ลีก
สำนักข่าว Swansea Independent เคยเขียนถึงดีลของ เอแดร์ ในเวลานั้นว่า "สวอนซี ยากจะคาดหวังกับกองหน้าแบบ เอแดร์ ได้ เขาอาจจะสูง 190 เซนติเมตร แต่เขาไม่ได้แข็งแรงเลย เขาเก็บบอลไม่ได้ และพร้อมจะกระเด็นทุกครั้งที่กองหลังระดับพรีเมียร์ลีกเข้าปะทะใส่เขา บางทีนี่อาจจะเป็น 5 ล้านปอนด์ที่สูญเปล่า"
มันเป็นแบบนั้นจริง เอแดร์ เล่นไม่ไหว ลงสนามให้ สวอนซี เพียง 421 นาทีในช่วงครึ่งแรกของซีซั่น ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงแค่ 4 เกมเท่านั้นโดยยิงไม่ได้แม้แต่ประตูเดียว ในความเห็นของ เอแดร์ เขารู้ดีว่าอยู่ต่อไม่ได้จริง ๆ ยิ่งฟุตบอลยูโร 2016 กำลังจะเริ่มขึ้นหลังฤดูกาลจบ เขาต้องขอย้ายออกจากทีมเพื่อโอกาสลงสนาม โดย ลีลล์ จากฝรั่งเศส ติดต่อมาพอดี
เขาเเล่นให้ลีลล์ 14 เกมยิงได้ 6 ลูก … ไม่เลวนัก และ แฟร์นานโด ซานโต๊ส กุนซือทีมชาติโปรตุเกสก็พออกพอใจ นั่นมากพอแล้วสำหรับเขา โดย ซานโต๊ส จะวาง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เป็นกองหน้าตัวเป้า และ เอแดร์ จะไม่ต้องแบกอะไรมากมาย ด้วยการเป็นตัวสำรองคอยสลับในเวลาที่ต้องพักโรนัลโด้ หรือตอนทีคิดอะไรไม่ออก และต้องพึ่งร่างกายของเขา
เอแดร์ กลับมาติดทีมชาติอีกครั้งใน ยูโร 2016 ด้วยการสวมเบอร์ 9 แม้แฟน ๆ จะไม่ชอบใจ แต่ แฟร์นานโด ซานโต๊ส สัมภาษณ์ก่อนทัวร์นาเมนต์เริ่มว่า ในฟุตบอลทัวร์นาเมนต์ ทุกคนที่เขาเรียกมาติดทีมชุดนี้เป็นผู้เล่นที่จะถูกใช้งานในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน ทุกคนจะทำให้เรามีอาวุธครบมือ และมีทางออกเสมอเวลาที่เรามองหาใครบนม้านั่งสำรอง ... แล้วทัวร์นาเมนต์ก็เริ่มขึ้นหลังจากนั้น
โปรตุเกส ทำผลงานได้ไม่ดีเลยในรอบแบ่งกลุ่ม พวกเขาเสมอหมดทั้ง 3 เกมในการเจอกับ ไอซ์แลนด์, ออสเตรีย และ ฮังการี ในรอบแบ่งกลุ่ม โดยมี โรนัลโด้ และ หลุยส์ นานี่ แบกภาระการยิงประตูในรอบแบ่งกลุ่มทั้งหมด และ เอแดร์ ยิงไม่เข้ากรอบเลยแม้แต่ลูกเดียว โชคดีที่ฟุตบอลยูโรครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่เพิ่งทีมในรอบสุดท้ายเป็น 24 ทีมเช่นปัจจุบัน จึงมีการคัดเลือกหาอันดับ 3 ที่ดีที่สุด 4 ทีมเข้าไปเล่นในรอบ 16 ทีมสุดท้าย โปรตุเกส จึงได้สิทธิ์ในการไปต่อครั้งนั้น
รอบ 16 ทีมสุดท้าย โปรตุเกส เอาชนะ โครเอเชีย ในช่วงต่อเวลาพิเศษนาที 117 จาก ริคาร์โด้ กวาเรสม่า รอบ 8 ทีมสุดท้าย พวกเขาเอาชนะ โปแลนด์ ในการดวลจุดโทษ และรอบรองชนะเลิศ โรนัลโด้ กับ นานี่ ช่วยกันคนละประตูให้ผ่าน เวลส์ เข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศได้ ขณะที่ เอแดร์ แทบไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน แต่มาถึงตรงนี้ทุกคนมองข้ามปัญหาไปแล้ว มันเป็นเรื่องของการให้กำลังใจมากกว่า และโชคดีที่มันเป็นแบบนั้น เพราะชาวโปรตุเกส กำลังจะได้รับการตอบแทนอย่างสาสมจากกองหน้าที่พวกเขาเคยโห่อย่าง เอแดร์ คนนี้
เปรี้ยงเดียวหาย กลายเป็นฮีโร่
ในนัดชิงชนะเลิศกับเจ้าภาพ ฝรั่งเศส ที่ สต๊าด เดอ ฟรองซ์ ชานกรุงปารีส โปรตุเกส ขนผู้เล่นชุดที่ดีที่สุดลงสนาม โดยมี เอแดร์ นั่งบนม้านั่งสำรอง เขาให้สัมภาษณ์ย้อนหลังถึงวันนั้นกับ Goal ว่า "ผมแอบหวังเล็ก ๆ ว่าผมจะถูกส่งลงสนาม และอาจจะได้มีโมเมนต์ดี ๆ ลบฝันร้ายจากฟุตบอลโลก 2014 บ้าง เราต้องชนะไว้ก่อนเป็นอันดับแรก ส่วนการยิงประตูนั้นขอให้เป็นเรื่องที่แล้วแต่โชคชะตาจะพาไป"
หลังเกมเริ่มแค่ 25 นาที สิ่งที่ เอแดร์ หวังไว้ชักจะเป็นไปได้ยาก เดอะ แบก ประจำทัวร์นาเมนต์อย่าง โรนัลโด้ เจ็บเข่าเล่นต่อไม่ไหวจากการปะทะกับ ดิมิทรี่ ปาเยต ของฝรั่งเศส สุดท้ายก็ต้องถูกเปลี่ยนตัวออกไป เขาเล่าว่าทุกคนหน้าถอดสีอย่างเห็นได้ชัด เขาสังเกตเห็นสีหน้าของ แฟร์นานโด ซานโต๊ส ที่เครียดขึ้นมาทันทีหลัง โรนัลโด้ ล้มตัวลงและขอสัญญาณเปลี่ยนตัวออก
เขายอมรับ ณ ตอนนั้น รู้ดีว่ากองหน้าในทีมมีเขาที่พอจะลงเล่นแทน โรนัลโด้ ได้ตามตำแหน่ง แต่ ซานโต๊ส มองว่าอยากจะใช้นักเตะที่เก็บบอลดี เรียกฟาวล์ได้ลงมาเล่นมากกว่า เขาจึงให้ กวาเรสม่า ลงไปแทนในนาทีที่ 25 จากนั้นภาพโรนัลโด้ร้องไห้เพราะอยากจะลงเล่นในเกมนัดชิงชนะเลิศก็ถูกโฟกัส หลายคนบอกว่าโปรตุเกสจบเห่แล้ว ...
เกมยื้อกันไปจนกระทั่งนาทีที่ 78 สกอร์ยังเสมอกัน 0-0 ผู้เล่นทั้งสองฝั่งเริ่มแรงตกแล้ว เพราะนี่คือเกมสุดท้ายของทัวร์นาเมนต์หลักลากยาวกันมาตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม แฟร์นานโด ซานโต๊ส ส่งสัญญาณให้กับ เอแดร์ ราวกับจะบอกว่า "ได้เวลาของแกแล้ว" จากนั้น เอแดร์ ก็ลุกขึ้นมาวอร์มอัพ และเตรียมถูกส่งลงมาแทน เรนาโต้ ซานเชส วันเดอร์คิดประจำทัวร์นาเม้นต์
"ลูกเป็ดขี้เหร่ ได้เวลาที่แกจะเฉิดฉายแล้ว" แฟร์นานโด ซานโต๊ส พูดแบบนั้นกับ เอแดร์ ก่อนจะลงเล่น เขารู้ดีกว่า เอแดร์ ผ่านอะไรมาบ้าง และเขากำลังทำให้นักเตะที่โดนแฟนบอลยี้ฮึกเหิมขึ้นมาก มากจนทำให้ เอแดร์ ตอบกลับอย่างมั่นใจว่า "เจ้านายไม่ต้องห่วง ผมจะลงไปยิงได้แน่นอน"
"ผมไม่ใช่คนที่พูดอะไรแบบนี้นะ แต่วันนั้นผมตอบกลับเขาไปตามความรู้สึก" เอแดร์ กล่าว
เกมหลังจากนั้นเหมือนเขียนบทมาให้เขา ฝรั่งเศส เจ้าภาพบุกแหลกจะเอาประตูให้ได้ ทั้งยิงชนเสา ทั้งติดเซฟ รุย ปาตริซิโอ อีกหลายหน จนกระทั่งช่วงต่อเวลาพิเศษ โอกาสของ เอแดร์ ก็มาถึง จังหวะเกมรุกไม่กี่ครั้งของโปรตุเกส โดยบอลเริ่มจากเท้าของ เจา มูตินโญ่
"ผมเห็น มูตินโญ่ ได้บอลแล้ว ผมคิดในใจว่าเราจะต้องบุกให้เร็ว เข้าทำให้ไวที่สุด ผมพลิกตัวพุ่งไปข้างหน้าเพื่อรับบอลจาก เจา เขาส่งมาให้ผมตามที่คิดเป๊ะ ผมพยายามเหลือบไปข้าง ๆ ผมเห็น นานี่ อยู่ แต่นั่นก็ไกลมากเกินกว่าจะส่งได้ ผมเข้าใจทันทีว่า ถึงเวลาต้องใช้โอกาสนี้เองแล้ว"
เอแดร์ รับบอล ดึงเข้าขวาแล้วรอจังหวะโยกหนี โลรองต์ กอสเซียลนี่ 1 จังหวะ จากนั้นเขาก็ง้างเท้ายิงและคิดในหัวว่า "มาดูกัน ว่าลูกนี้มันจะเป็นยังไง" จากนั้นก็ เปรี้ยง ! ทุกอย่างออกมาเพอร์เฟ็กต์ บอลพุ่งเสียบที่เสาแรกผ่านมือ อูโก้ โยริส ทุกอย่างที่เขาแบกเอาไว้ถูกปลดลงจากบ่าในตอนนั้น
โปรตุเกส คว้าแชมป์ ยูโร 2016 อย่างเหลือเชื่อ ชื่อของ เอแดร์ ถูกตีพิมพ์ในพาดหัวข่าว เขากลายเป็นคนที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ต้องเดินเข้ามากอดแน่น ๆ หลังจบเกมพร้อมกับน้ำตา และบอกเขาว่า "ไม่สำคัญว่าใครจะมองว่าคุณภาพของนายเป็นยังไง แต่นายทำงานหนัก และแสดงตัวอย่างให้คนทั้งประเทศได้รับรู้แล้ว" เขาว่าแบบนั้น
เอแดร์ เป็นพระเจ้าอยู่ได้ไม่กี่เดือน หลังจากนั้นอาชีพของเขาก็ไม่ได้พุ่งทะยานมากอย่างที่หวัง ไม่ได้มีทีมใหญ่ติดต่อเขามาเหมือนกับฮีโร่บอลทัวร์นาเมนต์คนอื่น ๆ โดยเขาได้ไปเล่นกับ โลโคโมทีฟ มอสโก พาทีมคว้าแชมป์ รัสเซีย คัพ ได้ 1 สมัย ก่อนจะย้ายไปอยู่กับ อัล ราเอ็ด ในฤดูกาล 2021-22 หลังจากนั้นก็ไปรับงานให้สหพันธ์ฟุตบอลโปรตุเกสเมื่อเดือนเมษายน 2023 จนถึงทุกวันนี้
เอแดร์ เล่าย้อนกลับไปถึงเหตุผลที่เขาไม่ได้โด่งดังหลังจากยูโร 2016 นัดชิงชนะเลิศว่า จริง ๆ แล้วเขาไม่ได้เสียใจอะไรเลยที่กราฟชีวิตไม่ได้พุ่งแบบที่ใครหวัง สิ่งสำคัญที่สุดคือ คนโปรตุเกสมองเขาในแบบที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง ก่อนหน้านี้เขาถูกมองว่าเป็นตัวถ่วง และถูกมองว่าไม่ควรติดทีมชาติ แต่ทุกอย่างมันจบลงไปแล้ว
เรื่องราวส่วนตัวของเขาถูกถ่ายทอดลงสื่อต่าง ๆ ในโปรตุเกสหลังประตูนั้น มีการตีแผ่เรื่องความลำบากของชีวิตผู้อพยพ มีการเล่าถึงเรื่องต้นตระกูลชาติกำเนิดของเขา โดยตัว เอแดร์ ก็ได้เล่าหลายเรื่องที่ใครไม่เคยรู้ เช่นเรื่องที่่พ่อของเขาต้องติดคุกในโปรตุเกสตั้งแต่ยังเด็ก และแม่ของเขาก็พยายามอย่างมากให้เขาได้เล่นฟุตบอลตามฝัน แม้ฐานะที่บ้านจะยากจนแค่ไหนก็ตาม
ที่สุดแล้ว ตอนจบของเรื่องนี้มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเขาจะโด่งดังมั่งมีมากกว่าเดิมแค่ไหน แต่มันคือการลบมลทินทุกอย่าง รวมถึงการสร้างโอกาสให้กับนักเตะรุ่นใหม่ ๆ ได้เห็นว่า แม้คุณจะต้องเป็นตัวสำรองอดทน หรือตำแหน่งใดก็ตาม จงทำตัวให้มีประโยชน์กับทีมสักอย่าง และเมื่อได้โอกาส ขอให้มั่นใจในตัวเองสักครั้ง เพราะความกล้าที่จะทำอะไรสักอย่างสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตคนหนึ่งคนได้ แบบที่เขาเคยได้เป็นอยู่ในเวลานี้
แหล่งอ้างอิง
https://www.walesonline.co.uk/sport/football/football-news/what-happened-portugals-euro-2016-20815545
https://www.goal.com/en/news/swansea-outcast-portugal-icon-where-euro-2016-hero-eder/25uoz0x9ghmp1ixv3xpwfzyx8
https://en.wikipedia.org/wiki/Portugal_national_football_team
https://www.uefa.com/uefaeuro/match/2017907/
https://en.wikipedia.org/wiki/Eder_(footballer,_born_1987)
https://portugoal.net/selecao/3879-i-told-fernando-santos-dont-worry-ill-score-portugals-euro-2016-hero-eder-on-iconic-goal-cristiano-ronaldos-legacy-and-advice-from-sergio-conceicao
https://www.thenationalnews.com/sport/eder-the-ugly-duckling-that-became-the-beautiful-one-and-hero-of-portugal-in-euro-2016-final-1.167127