Feature

ไค ฮาแวร์ตซ์ : การโดนจับเปลี่ยนตำแหน่งที่ทำให้ทีมลงล็อก | Main Stand

ครึ่งแรกของฤดูกาล 2023/24 แฟน อาร์เซน่อล เสียงแตกสำหรับ ไค ฮาแวร์ตซ์ เจ้าของค่าตัว 65 ล้านปอนด์ มากมายหลายประเด็น

 

เก่งจริง หรือ ไม่เก่งเลย, มีประโยชน์ หรือ ไม่มี, ตำแหน่งไหนที่เหมาะบ้าง ? เล่นตรงไหนจะดีที่สุด ? ... สารพัดคำถามเกิดขึ้น จนกระทั่งถึงช่วงกลางซีซั่น คำตอบทั้งหมดก็มาพร้อมกัน ผ่านตำแหน่งใหม่ของเขา "ฟอลส์ 9" 

มิเกล อาร์เตต้า พบอะไรในตัวเขา ? ไค ฮาแวร์ตซ์ เปลี่ยนตัวเองอย่างไร ? นี่คือเรื่องราวทั้งหมดจาก Main Stand 

 

นักเตะที่เถียงกันเรื่องตำแหน่งมาช้านาน 

จริงแล้ว ๆ เรื่องตำแหน่งของ ฮาแวร์ตซ์ นั้นถือเป็นสิ่งที่หลายคนเถียงกันมาโดยตลอด จนกระทั่งภาพการถกเรื่องตำแหน่งที่ใช่ที่สุดของเขามาเป็นเรื่องเป็นราวเอาตอนที่เขาย้ายมาอยู่ในพรีเมียร์ลีกว่า "เขาเป็นกองกลางหรือกองหน้ากันแน่ ?" 

ถ้าคุณย้อนกลับไปเมื่อปี 2020 ที่ เยอรมนี บ้านเกิด ก็คุยกันถึงเรื่องตำแหน่งที่แท้จริงของเขา จริงอยู่ที่ ฮาแวร์ตซ์ ออกสตาร์ทกับ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ด้วยการเป็นนักเตะตำแหน่งกองกลางตัวรุก ในประเภทที่เล่นเกมแค่แดนบน ยืนอยู่หลังกองหน้า จนกระทั่งในฤดูกาล 2019/20 เป็นช่วงจังหวะที่ 2 กองหน้าของ เลเวอร์คูเซ่น อย่าง เควิน โฟลลันด์ และ ลูคัส อลาริโอ ได้รับบาดเจ็บ เขาจึงถูก ปีเตอร์ โบสซ์ กุนซือชาวดัตช์ ขยับมาเล่นในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้าแทน 

ตอนนั้นหลายเสียงค้านกันเลยทีเดียวว่ามันไม่ใช่ คงในวงการฟุตบอลเยอรมันอย่าง โลธ่าร์ มัทเธอุส ก็ออกมาบอกว่า ไค ฮาแวร์ตซ์ มีศักยภาพที่จะเป็นนักเตะกองกลางที่ดีที่สุดของเยอรมัน พร้อมกับบอกว่าไม่น่าเปลี่ยนตำแหน่งของเขา เพราะมันจะเข้าตำรา ไม่เสียอย่าซ่อม ... จะเป็นการหยุดพัฒนาการของนักเตะไปซะเปล่า ๆ 

ขณะที่ โยอาคิม เลิฟ กุนซือทีมชาติในเยอรมัน ก็พูดคล้าย ๆ กันว่าเขาไม่อยากให้นักเตะที่กำลังเล่นในตำแหน่งเดิมได้ดีต้องเปลี่ยนตำแหน่งการเล่น เพราะเขาเองก็หวังกับ ฮาแวร์ตซ์ ในตำแหน่งกองหน้าตัวต่ำไว้อย่างมาก และวางแผนจะให้มาเล่นตรงนี้ให้กับทีมชาติเยอรมันยาว ๆ 

แต่ บอสซ์ ที่เห็น ฮาแวร์ตซ์ ทุกวันเหมือนจะตัดสินใจถูก การปรับ ฮาแวร์ตซ์ มาเล่นเป็นเบอร์ 9 ในฤดูกาล 2019/20 ตอบได้ด้วยสถิติ เขายิงทุกรายการไป 18 ประตู ทำไปอีก 11 แอสซิสต์ ในทุกรายการ ซึ่งนั่นก็เป็นการตอบคำถามได้กลาย ๆ ว่า ฮาแวร์ตซ์ เยือกเย็นพอที่จะเล่นเป็นกองหน้าตัวจบสกอร์ และจบฤดูกาลนั้น เชลซี ก็ไม่รอช้าคว้าตัวเข้าไปร่วมทีม 

เชลซี เอา ฮาแวร์ตซ์ มาเล่นเป็นตำแหน่งเบอร์ 9 เป็นหลัก โดย 65% จากจำนวนการลงเล่นทั้งหมดให้เชลซี เล่นเป็นกองหน้า ส่วนตำแหน่งอื่น ๆ ถือว่าใช้น้อยมาก แบ่งออกเป็น ปีกขวา 11%, ปีกซ้าย 9%, เพลย์เมคเกอร์ 9% และกองกลางอีก 5%  

อย่างไรก็ตาม กองหน้าในแบบที่ เชลซี ต้องการ ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่อย่างที่ ฮาแวร์ตซ์ เป็น ... เขาเป็นนักเตะที่สูงถึง 193 เซนติเมตร ก็จริง แต่ไม่ใช่เป็นสายพลังกล้ามเนื้อแข็งแรง ส่วนเรื่องความเร็วนั้นเขามีในระดับที่พอประมาณ สถิติตอนที่อยู่กับ เลเวอร์คูเซ่น นั้นเขาเคยทำความเร็วสูงสุดที่ 21.70 ไมล์ต่อชั่วโมง ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่ไม่เลวนัก โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับนักเตะที่เร็วที่สุดใน บุนเดสลีกา ฤดูกาล 2023/24 อย่าง คาริม อเดเยมี่ จาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่ทำไว้ 22.77 ไมล์ต่อชัวโมง 

ต้นซีซั่น 2020/21 ที่ แฟรงค์ แลมพาร์ด คุม เชลซี ฮาแวร์ตซ์ ถูกจับเล่นหลายตำแหน่งมาก และผลงานไม่น่าประทับใจเลย เล่นกองหน้าก็ยิงไม่ได้ เล่นกองกลางตัวรุกก็ไม่มีแอสซิสต์สวย ๆ ไม่จังหวะเลี้ยงเข้าไปยิง เล่นปีกยิ่งไม่ต้องพูดถึง ฮาแวร์ตซ์ เร็วไม่พอที่จะเอาชนะการดวลกับฟูลแบ็กแบบ 1-1  เขาทำท่าจะล้มเหลวอยู่แล้วในอังกฤษ จนกระทั่งการมาของ โธมัส ทูเคิ่ล หลังจาก แลมพาร์ด โดนปลด ฮาแวร์ตซ์ จึงเหมือนได้เกิดใหม่ภายใต้ในระบบที่เหมาะกับเขามากขึ้น

ทูเคิ่ล จัดทีมด้วยระบบการเล่น 3-4-3 เป็นหลัง โดยมีวิงแบ็กเป็นตัวขึ้นเกมทางริมเส้น ส่วนตำแหน่ง 3 ตัวด้านหน้านั้น จะมีอิสระในการเล่น สามารถเล่นได้ทั้งด้านในและด้านนอกเพื่อเชื่อมเกม โดยตำแหน่งกองหน้าตัวต่ำนี้เป็นของ ฮาแวร์ตซ์ และ เมสัน เมาท์ โดยมีกองหน้าตัวเป้าอย่าง ทิโม แวร์เนอร์ และ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ สลับกันลงเล่นตามสไตล์ของแต่ละทีมคู่แข่งที่เจอ

ตอนนั้นถ้าจะให้ถามว่า เด่นถึงขนาดที่เป็นตัวแบกทีม เชลซี จนไปถึงเเชมป์ยุโรปได้ไหม ก็คงไม่ถึงขนาดนั้น มีนักเตะที่เด่นและดูสำคัญกว่าในทีมชุดนั้นหลายคน ในแนวรับมี ติอาโก้ ซิลวา แดนกลางมีคู่หู จอร์จินโญ่ และ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ที่เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ขณะที่ในกลุ่มตัวรุก เมสัน เมาท์ จะเป็นตัวยืนเป็นหลักแทบไม่มีหลุดเป็นตัวสำรองเลย 

แต่จุดเด่นที่ของ ฮาแวร์ตซ์ ก็ใช่ว่าจะไม่มี โธมัส ทูเคิ่ล ให้สัมภาษณ์ถึง ฮาแวร์ตซ์ ว่าเป็นนักเตะเกมรุกที่เชื่อมือได้ในเรื่องของ เซนส์บอล, ความเข้าใจเกม และคาแร็คเตอร์ใจสู้ ทำตามหน้าที่ที่โค้ชสั่งได้ดี 

สิ่งที่ ทูเคิ่ล ชม ฮาแวร์ตซ์ มากที่สุด คือการอ่านสถานการณ์เกมรุกของทีม โดยอธิบายเพิ่มเติมว่า ฮาแวร์ตซ์ ไม่ใช่คนครองบอลไว้กับตัวนาน ไม่ชอบดวล 1-1 กับคู่แข่งถ้าไม่ได้เปรียบ เขาชอบที่จะขยับไปหาที่ว่างเพื่อรับบอล จากนั้นจึงจะเริ่มการโจมตีในแบบของเขา ซึ่ง ฮาแวร์ตซ์ มักจะตัดสินใจได้ดี ว่าจะยิงหรือจะจ่าย ด้วยความที่เติบโตมากับตำแหน่งกองกลางมาก่อน 

เชลซี ชุดนั้นไปถึงเเชมป์ยุโรป และ ฮาแวร์ตซ์ ก็ยิงประตูชัยในนัดชิงชนะเลิศที่พวกเขาเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-0 โดยประตูที่เขายิงได้ ก็ไม่ใช่การเลี้ยงหลบแต่อย่างใด เพราะมันเป็นการเล่นกับพื้นที่ว่างที่คู่แข่งเปิดไว้ให้ เขาวิ่งทำทาง และจบสกอร์อย่างเยือกเย็น ... นี่แหละคือ ฮาแวร์ตซ์ ในเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดที่แฟน เชลซี จดจำได้ เพราะหลังจากการปลด ทูเคิล เขาก็ถูกใช้งานจับฉ่ายเรื่อยมา แทบหายไปในกลีบเมฆ พร้อมกับเกิดคำถามเดิมว่า จริง ๆ แล้วเขาถนัดตำแหน่งไหนกันแน่ ? ทั้ง ๆ ที่คำถามนี้เคยได้คำตอบไปแล้ว 

 

เมื่อ อาร์เตต้า อยากลองของ 

หลังจบฤดูกาล 2022/23 ฮาแวร์ตซ์ ต้องถือว่าล้มเหลวกับ เชลซี เขามีส่วนร่วมกับการทำประตูของทีมรวมทั้งหมดแค่ 10 ลูก น้อยที่สุดนับตั้งแต่เขาเริ่มเดบิวต์ฟุตบอลอาชีพ 

ขณะที่ อาร์เซน่อล ทีมที่ซื้อเขาด้วยราคา 65 ล้านปอนด์ ก็เป็นทีมที่ใคร ๆ มองว่าพลาดเเชมป์พรีเมียร์ลีกเพราะขาดกองหน้าตัวเป้า 2 เรื่องนี้คล้าย ๆ จะเป็นเส้นเรื่องเดียวกัน สุดท้าย ฮาแวร์ตซ์ ก็มาค้าแข้งที่นี่ พร้อมกับคำถามเดิมว่าเขาจะเล่นตรงไหน ? 

แน่นอนสื่อในอังกฤษแทบทุกเจ้า เขียนบทความแทบจะไปทางเดียวกันหมด นั่นคือการบอกว่า ฮาแวร์ตซ์ จะมาเป็นกองหน้าของ อาร์เซน่อล แต่มันจะดีจริงหรือ ในเมื่อเขามีค่าเฉลี่ยการยิงประตูที่ต่ำมาก ๆ เฉลี่ยเพียง 0.29 ลูกต่อ 1 เกมเท่านั้น ขณะที่ อาร์เซน่อล ที่คนมองว่าต้องการดาวยิงระดับโป้งปิดบัญชี ฮาแวร์ตซ์ คงไม่น่าจะเหมาะเท่าไรนัก

อาร์เตต้า เองก็โดนถามว่าจะเอามาเล่นตรงไหน ? และในตอนแรกเขาก็ไม่ได้บอกแบบเจาะจงเลย เพียงแต่บอกว่าการที่เขายอมทุ่น 65 ล้านปอนด์ เพื่อ ฮาแวร์ตซ์ เพราะเขาเชื่อมั่นในพรสวรรค์ และประสบการณ์ 

"พรสวรรค์ย่อมมีราคา และอาร์เซน่อลก็มีความสนใจมาก ๆ กับนักเตะหนุ่มที่มีประสบการณ์โชกโชนเช่นเขา แต่ผมต้องขอย้ำอีกครั้งว่า ผมไม่นิยมพูดถึงนักเตะของทีมอื่น แต่ในกรณีของ ไค เขาคือนักเตะที่ยอดเยี่ยมมาก ทุกคนเคยได้เห็นผลงานของเขามาแล้วทั้งในเวทีแชมเปี้ยนส์ ลีก และในลีก เขาอายุแค่ 24 ปีเองนะ แต่ดูพรสวรรค์ของเขาสิ ช่างน่าเหลือเชื่อจริง ๆ" 

เมื่อฤดูกาลเริ่มขึ้น อาร์เตต้า ดูเหมือนจะบรรจงใส่ ฮาแวร์ตซ์ ลงไปเป็นแผงกองกลาง เปรียบเทียบให้เห็นภาพอีกนิดคือ 3 มิดฟิลด์ของ อาร์เซน่อล กับ แผงมิดฟิลด์ที่ แมนฯ ซิตี้ ใช้คว้าแชมป์มากมาย จะมีหน้าที่คล้าย ๆ กัน

ดีแคลน ไรซ์ บัญชาเกมรับอยู่หน้าแผงหลัง เหมือนกับที่ โรดรี้ เล่นให้กับ แมนฯ ซิตี้, มาร์ติน โอเดการ์ด เล่นในตำแหน่งกองกลางระดับกึ่งเบอร์ 8 และ เบอร์ 10 แบบที่ เควิน เดอ บรอยน์ ทำ ขณะที่ ฮาแวร์ตซ์ ถูกหยอดลงไปเป็นเหมือนกับ แบร์นาโด้ ซิลบา เล่นเกมรุกเป็นหลัก และทำหน้าที่เล่นเกมรับแดนบนด้วยการไล่แย่งบอลในแดนคู่แข่ง เป็นเบอร์ 8 กึ่งเบอร์ 10 ที่ไม่เน้นเรื่องการครองบอล หรือจ่ายบอลมากนัก แต่เน้นเรื่องการสอดเข้าไปในกรอบเขตโทษเพื่อยิงประตู  

แม้แต่ ฮาร์แวร์ตซ์ ยังบอกเองว่า "คำจำกัดความที่ดีที่สุดของผมคือกลางกลางที่ชอบพาตัวเข้าไปอยู่ในกรอบเขตโทษ" และที่ตรงกันตามที่บอกอีกอย่างคือ "สถิติ" โดยในฤดูกาล 2022/23 มีนักเตะเพียงคนเดียวที่มีสถิติวิ่งเข้ากรอบเขตโทษโดยไม่มีบอลมากกว่า ฮาแวร์ตซ์ (334 ครั้ง) นั่นคือ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ (349) อีกทั้งยังเป็นนักเตะตำแหน่งตัวรุกที่วิ่งเยอะที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจาก ซน ฮึง มิน ของ สเปอร์ส 

มองผิวเผินมันน่าจะลงล็อกมาก ๆ ฮาแวร์ตซ์ น่าจะมีประโยชน์ในการวิ่งเข้าเขตโทษในแนวดิ่ง (Vertical) หรือเรียกง่าย ๆ ว่าเป็นตัวสอดเข้าไปในพื้นที่สุดท้าย ทำให้ อาร์เซน่อล มีผู้เล่นในการคุกคามเกมรับคู่แข่งมากขึ้น และ อาร์เตต้า ก็จัดหน้าที่ให้กับเขาตรงตามสถิติทั้งหมดที่กล่าวมาเป๊ะ ๆ 

แต่เมื่อถึงการแข่งขันจริง กลับมีปัญหา นั่นคือ ฮาแวร์ตซ์ หายจากเกมไปเลย ในช่วงแรก ๆ ของซีซั่นนี้ปัญหาคืออะไร ? 

คนที่เล่นในตำแหน่งนี้ก่อน ฮาแวร์ตซ์ จะมาคือ กรานิต ชาก้า ... ทั้งสองคนแตกต่างกันมาก แม้ ชาก้า จะวิ่งสอดเข้าเขตโทษไม่เก่ง แต่เรื่องความขยัน วินัยในเกมรับ การมีศิลปะในการเล่นเกมรับ หรือแม้กระทั่งการจ่ายบอลให้เหมาะสมตามจังหวะเกม เป็นสิ่งที่ ชาก้า ทำได้ดีกว่า ฮาแวร์ตซ์ และเมื่อ ชาก้า หายไป ความแน่นของแผงกองกลาง อาร์เซน่อล ก็หายไปด้วย 

กลายเป็นว่าพวกเขาพยายามจะคุกคามคู่แข่งมากขึ้น แต่ย้อนศรกลับไป คือคู่แข่งก็รุกล้ำเข้าสู่เกมรับของ อาร์เซน่อล ได้ดีขึ้นด้วยเช่นกัน ครึ่งซีซั่นแรกที่ อาร์เตต้า พยายามจะใช้ ฮาแวร์ตซ์ เล่นตำแหน่งหมายเลข 8 กึ่ง 10 ทีมเสียประตู 19 ลูก จากเกมลีกทั้งหมด 19 นัด  

ก่อนปิดเบรกครึ่งซีซั่น อาร์เซน่อล ทำแต้มหล่นจากการเสมอไป 4 เกม และแพ้อีก 4 เกม ถ้าเทียบกับครึ่งซีซั่นหลังที่เปลี่ยนตำแหน่ง ฮาแวร์ตซ์ นั้นต่างกันคนละโลก อาร์เซน่อล เล่นครึ่งซีซั่นหลังในลีกไป 12 เกม พวกเขาเสียประตูแค่ 4 ลูก แน่นอนจนถึงตอนนี้พวกเขา ชนะ 11 เสมอ 1 เกม (เสมอ แมนฯ ซิตี้ ที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม 0-0) 

ในเชิงของเกมรุก สิ่งที่คาดหวังจากการเป็น "ตัวสอด" หรือที่ฝรั่งเรียกกันว่า Ghost Run เข้าไปโป๊ะเชะจบสกอร์ในกรอบเขตโทษ ก็แทบไม่เป็นไปอย่างที่คิด อาร์เซน่อล เจอคู่แข่งที่เล่นเกมรับต่ำวางกำแพงสองชั้นแทบทุกเกม ทำให้สถิติการยิงและแอสซิสต์ของ ฮาแวร์ตซ์ นั้นอยู่ที่การยิงไป 4 ประตู (จุดโทษ 1 ลูก) และแอสซิสต์อีกแค่ 1 ครั้ง  

แสดงให้เห็นแล้วว่า ตำแหน่งหมายเลข 8 กึ่ง 10 ของ ฮาแวร์ตซ์ ไม่เวิร์กอย่างที่คิด เป็นการได้หน้าแล้วลืมหลัง หลายคนเริ่มกลับมามองปัญหานี้อีกครั้ง ปัญหาคลาสสิกว่า ฮาแวร์ตซ์ เล่นตรงไหนกันแน่ ? ทั้ง ๆ ที่ตำแหน่งหมายเลข 8 กึ่ง 10 น่าจะเหมาะที่สุด แต่กลับเล่นไม่สมราคาขาดนี้  ?  ซึ่งเรื่องดังกล่าวก็ส่งผลไปถึงทีมชาติด้วย เพราะ ยูเลี่ยน นาเกลสมันน์ ก็เดาใจไม่ถูกจนถึงจับ ฮาแวร์ตซ์ ไปเล่นวิงแบ็กก็เคยมาแล้ว เรียกได้ว่า ปัญหาสารพัดเกิดขึ้นกับเขาแบบจัง ๆ 

ทว่าช่วงเบรกสั้น ๆ ระหว่างฤดูกาล มีการพูดถึงกันว่า มิเกล อาร์เตต้า พร้อมยอมรับว่าตำแหน่งที่เขาให้กับ ฮาแวร์ตซ์ นั้นไม่เวิร์ก และจะมีการเปลี่ยนตำแหน่งกลับไปยังตำแหน่งที่เขาเคยทำได้ดีกับ เลเวอร์คูเซ่น ในฤดูกาลสุดท้าย นั่นคือการขึ้นไปยืนเป็นกองหน้าเบอร์ 9 ... เป็นหัวหอกของทีมไปเลย จากนั้นการเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้น

 

เบอร์ 9 ที่ อาร์เซน่อล รอคอย 

อาร์เซน่อล ไปเบรกหนีหนาวที่ ดูไบ พวกเขากลับมาพร้อมแผนการเล่นเดิม แต่มีการตำแหน่งนักเตะใน 11 ตัวจริงเกิดขึ้น หนึ่งในนั้นคือการที่ ไค ฮาแวร์ตซ์ ถูกดันขึ้นไปเล่นเป็นตำแหน่งกองหน้า โดยคนที่มาแทนที่เขาในกองกลางคือ จอร์จินโญ่ ที่จะมายืนอยู่หน้ากองหลัง เป็นตัวซ้อนของ ดีแคลน ไรซ์ อีกที ซึ่ง ไรซ์ เองก็ไมได้เป็นแค่กองกลางเบอร์ 6 แล้ว แต่ถูกปรับมาเป็น เบอร์ 6 ผสมเบอร์ 8 แบบที่เรียกกันว่า "กองกลางแบบไฮบริด"

นี่คือระบบที่ อาร์เซน่อล ใช้และเป็นทีมที่ดีที่สุดในพรีเมียร์ลีก ณ เวลานี้ไม่ว่าจะด้วยอันดับในตาราง สถิติเกมรุก หรือสถิติเกมรับ ... มันดีขึ้นยังไง ? 

นักเขียนของ The Athletic อย่าง เจมส์ แม็คนิโคลัส อธิบายพร้อมจับสังเกตว่า อาร์เตต้า เลือกกลับมาใช้แผนที่เขาพาทีมชนะ แมนฯ ซิตี้ 1-0 ในครึ่งซีซั่นแรก ในเกมนั้น ฮาแวร์ตซ์ ขยับขึ้นไปยืนเป็นกองหน้าเบอร์ 9 และเล่นแบบ "ฟอลส์ 9" (กองหน้าที่ไม่ได้ยืนเป็นหัวหอก แต่ขยับ ขึ้น-ลง ซ้าย-ขวา ตามแท็คติกของทีม) ซึ่งในเกมนั้น ฮาแวร์ตซ์ ทำ แอสซิสต์ ได้ด้วย 

ขณะที่กองกลางในวันนั้น อาร์เตต้า ใช้ ดีแคลน ไรซ์ และ โธมัส ปาเตย์ ทำหน้าที่ช่วยกันเล่นเกมรับให้แน่นขึ้น โดยมี โอเดการ์ด เป็นเพลย์เมคเกอร์ ซึ่งเกมวันนั้นออกมาดีมาก ๆ อาร์เซน่อล ไม่ใช่ชนะแค่ผลการแข่งขัน แต่พวกเขายังปิดตายเกมรุกของ แมนฯ ซิตี้ แบบดิ้นไม่ออก ... ว่ากันว่านี่คือต้นแบบของการพา ฮาแวร์ตซ์ กลับมาเล่น ฟอลส์ 9 อีกครั้งในครึ่งซีซั่นหลัง

ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่แต่ผลมันบอกแบบนั้น ฮาแวร์ตซ์ กับบทบาท ฟอลส์ 9 หนนี้ มีความแตกต่างไปจากเดิมพอสมควร ปกติแล้วเขาจะเป็นตัวสอดที่วิ่งทะลุไลน์ในแนวดิ่ง ตอนนี้เขาจะเป็น ฟอลส์ 9 ที่จะขยับตัวและมีพื้นที่จัดการในแนวราบ คือเป็นคนที่คอยเข้าไปเชื่อมเกม ไปสลับตำแหน่งกับปีกทั้ง 2 ข้าง ในแต่ละจังหวะของเกม ทำให้พื้นที่ของปีกอย่าง บูกาโย่ ซาก้า, กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ หรือแม้กระทั่ง กาเบรียล เชซุส เปิดกว้างมากขึ้น มีเวลาให้ตัวริมเส้นที่มีความเร็วได้เล่น ได้คิดนานขึ้นกว่าเดิม ซึ่งกลายเป็นสิ่งที่เพิ่มประสิทธิภาพเกมรุกของ อาร์เซน่อล ได้แบบสุด ๆ 

ขณะที่เรื่องความนิ่งของเเดนกลางก็ยังได้มาเป็นของแถม การมาของ จอร์จินโญ่ ทำให้ ไรซ์ ทำหน้าที่น้อยลง สามารถช่วยทีมเล่นเกมบุกได้มากขึ้น นักเตะแนวรุกคนอื่น ๆ ก็มีโอกาสเล่นกับบอลมากขึ้น เพราะ จอร์จินโญ่ เปรียบเสมือนคนที่คอยมารับบอลในตอนที่เพื่อนกดดัน และคอยแจกบอลให้ยามที่เพื่อนมีที่ว่าง ซึ่งเมื่อบอลไปทั่วสนาม มันก็ยิ่งเข้ากับ ฟอลส์ซ์ 9 แบบ ฮาแวร์ตซ์ เข้าไปอีก 

ยกตัวอย่างเช่นเกมที่ อาร์เซน่อล บุกถล่ม ไบรท์ตัน 3-0 ที่ผ่านมา ฮีทแมพของ ฮาแวร์ตซ์ นั้นบอกชัดเจนว่าตัวของเขาไมได้ปักอยู่ตรงระหว่างเซ็นเตอร์แบ็กทีมคู่แข่งอย่างเดียว พื้นที่ที่เขาไปบ่อยที่สุดคือทางกราบซ้าย และขวา เหนือสิ่งอื่นใดคือเมื่อเขามาเป็น ฟอลส์ 9 สิ่งที่ อาร์เซน่อล จะได้เพิ่มมาอีกคือความขยันและวินัยในเกมรับของ ฮาแวร์ตซ์ ที่เป็นคนรู้หน้าที่ตัวเอง ซึ่งมันช่วยเติมเต็มในการเพรสซิ่ง ไล่ตัดบอลคู่แข่งได้ตั้งแต่ในแดน ทำให้ทีมเปลี่ยนรับเป็นรุก (ทรานซิชั่น) ในพื้นที่อันตราย และกลายเป็นประตูได้ในท้ายที่สุด 

จาก 20 นัดแรกที่ยิง 4 (จุดโทษ 1) และ แอสซิสต์ 1 ฮาแวร์ตซ์ เปลี่ยนไปเป็นคนละคน 7 เกมหลังสุดที่เขาเล่นในตำแหน่งกองหน้า ฮาแวร์ตซ์ ซัดไปแล้ว 5 ประตูทำไปอีก 4 แอสซิสต์ ... เห็นความต่างได้แบบโดยที่ไม่ต้องอธิบายอะไรเพิ่มเลยทีเดียว 

ฟอร์มของ ฮาแวร์ตซ์ ในตอนนี้บอกได้อย่างเต็มปากว่าลงล็อก เป็นสิ่งที่ อาร์เซน่อล ต้องการพอดี นอกจากจะเปิดพื้นที่ให้เพื่อน ช่วยไล่บอลแล้ว เขายังได้ใช้สกิลหาจังหวะการยิงในกรอบเขตโทษ ที่เป็นจุดเด่นของตัวเองอีก เรียกได้ว่าการเปลี่ยนตำแหน่งครั้งนี้ แทบจะเป็นการตอบคำถามที่ชัดที่สุดว่า ฮาแวร์ตซ์ เล่นได้ดีที่สุดในตำแหน่งไหน 

ซึ่งเครดิตทั้งหมดก็คงต้องยกให้กับ มิเกล อาร์เตต้า ที่พยายามปรับเปลี่ยนจูนการใช้งาน ฮาแวร์ตซ์ จนลงล็อก ซึ่งเบื้องหลังของเรื่องนี้ก็เพิ่งมาเปิดเผยเมื่อ อาร์เตต้า สัมภาษณ์ว่า เขาจับเข่าคุยกับ ฮาร์แวร์ตซ์ เพื่อเปิดใจว่าอยากเล่นตำแหน่งไหนที่สุด สุดท้ายก็กลายเป็นว่าคือตำแหน่ง ฟอลส์ 9 ตำแหน่งที่เขาเล่นได้ดีที่สุดในครึ่งซีซั่นแรกในเกมกับ แมนฯ ซิตี้ ดังที่กล่าว 

"มีเสียงวิจารณ์ถึงตำแหน่งที่แท้จริงของ ฮาแวร์ตซ์ ว่าคือตำแหน่งไหนกันแน่ แล้วเราก็ได้คำตอบ ซึ่งบางครั้งผู้เล่นนี่แหละที่จะต้องช่วยเราตัดสินใจว่าเขาอยากจะเล่นตรงไหน ซึ่งเมื่อเราเอามาประกอบกับไอเดียที่เรามี คุณจะได้เห็นถึงความ 'ต่อติด' การเปลี่ยนตำแหน่งครั้งนี้มันลื่นไหลมาก และเมื่อมันโฟลว์ขนาดนี้ คุณแค่ต้องปล่อยมันไป ให้มันเดินหน้าต่อไปแบบนั้น"

"ผมคิดว่า ไค กำลังไหลลื่นกับวิธีการเล่นของเขาในตอนนี้ ผมชอบความไหลลื่นนี้ ตัวของเขาก็รู้สึกลงตัวกับสิ่งที่เกิดขึ้น และผู้เล่นคนอื่น ๆ ในทีมก็ดูจะเข้ากับจังหวะไหลลื่นของ ไค เป็นอย่างมาก .... สิ่งต่าง ๆ กำลังไหลลื่นอย่างเป็นธรรมชาติ"

"ผลงานโดยรวมของเขาตอนนี้ดีมากจริง ๆ ทั้งในแง่ของตัวเลขและการมีส่วนร่วมกับเกมรุก จากนี้เขาแค่ต้องรักษาระดับการเล่นเอาไว้ให้ได้ ตอนนี้ผมว่าเรามีความเข้าใจกันสูงมากในตำแหน่งนักเตะตัวรุก เขาเจอเป้าหมายของเขา และวิธีที่จะเชื่อมโยงกับทีมได้แล้ว" อาร์เตต้า กล่าวทิ้งท้าย 

จากนี้คำถามโลกแตกที่ว่า ไค ฮาแวร์ตซ์ เหมาะกับตำแหน่งไหนที่สุดสุดคงได้คำตอบเเล้ว เหลือแค่เพียงว่า "ฟอลส์ 9" ผู้ที่กลับมาเป็น "คิง ไค" คนเดิมคนนี้ จะพา อาร์เซน่อล การันตีความยอดเยี่ยมด้วยถ้วยแชมป์รายการใหญ่ได้หรือไม่ 

 

แหล่งอ้างอิง

https://www.bundesliga.com/en/bundesliga/news/kai-havertz-chelsea-star-made-in-germany-bayer-leverkusen-false-9-midfielder-10910
https://theanalyst.com/eu/2023/06/kai-havertz-to-arsenal-makes-sense/
https://www.bundesliga.com/en/bundesliga/news/kai-havertz-better-striker-than-midfielder-lewandowski-successor-leverkusen-11411
https://www.transfermarkt.com/kai-havertz/leistungsdatendetails/spieler/309400/saison/2023/wettbewerb/GB1/verein/11
https://www.dailymail.co.uk/sport/football/article-12889927/Kai-Havertz-Arsenal-65m-Mikel-Arteta-Germany.html
https://theathletic.com/4948079/2023/10/11/havertz-arsenal-no9-form/
https://www.arsenal.com/news/every-word-artetas-post-brighton-presser-1

Author

ชยันธร ใจมูล

นักเขียนลูกสอง จองเรื่องฟุตบอลและมวยโลก รู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่เขียนแล้วอินทุกเรื่อง

Photo

วัชพงษ์ ดวงแปง

Main Stand's Backroom staff

Graphic

อภิสิทธิ์ โชติพิบูลย์ทรัพย์

Art Director ผู้รับเหมางานภาพกราฟิกหน้าปกบทความทุกชิ้น