Feature

สติง vs. อันเดอร์เทเกอร์ : ดรีมแมตช์ในโลกมวยปล้ำ ที่ไม่มีวันเกิดขึ้นจริง | Main Stand

3 มีนาคม 2024 สตีฟ บอร์เดน หรือ "สติง" รูดม่านปิดฉากชีวิตการเป็นนักมวยปล้ำอาชีพอย่างเป็นทางการ หลังขึ้นเวทีโชว์ฟอร์มแมตช์สุดท้ายของชีวิตในศึกใหญ่ AEW Revolution 2024 ที่กรีนส์โบโร่ สหรัฐอเมริกา โดยคว้าชัยชนะป้องกันแชมป์แท็กทีมกับ ดาร์บี อัลลิน คู่หูและศิษย์เอกของเขา ต่อหน้าแฟนมวยปล้ำเกือบ 17,000 คนในสนาม และกล่าวคำอำลาทุกคนแบบสวยสดงดงาม

 


เกือบ 40 ปีบนสังเวียนมวยปล้ำ สติง ประสบความสำเร็จในสายงานนี้ คว้าเข็มขัดแชมป์กับสมาคมต่าง ๆ และเป็นที่รักของคนดูมวยปล้ำทั่วโลกโดยไร้ข้อโต้แย้ง แต่เรื่องน่าเสียดายอย่างหนึ่งสำหรับเขาคือการพลาดโอกาสเผชิญหน้ากับ ดิ อันเดอร์เทเกอร์ ตำนานนักมวยปล้ำแห่ง WWE คนที่เขาชื่นชมยกย่องและอยากประชันฝีมือบนเวทีด้วยมากที่สุด แถมยังเป็น "ดรีมแมตช์" ที่แฟนมวยปล้ำทั่วโลกอยากดูเช่นกัน

ทว่าเป็นเรื่องเศร้าที่ดรีมแมตช์ของ สติง กับ ดิ อันเดอร์เทเกอร์ ไม่มีวันเกิดขึ้นจริงแล้ว เหตุผลมันเป็นเพราะอะไร Main Stand จะพาไปหาคำตอบ

 

ซูเปอร์สตาร์ที่อยู่คนละฟาก

ในวงการมวยปล้ำอเมริกาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีแมตช์มวยปล้ำที่เรียกว่า "บิ๊กแมตช์" เกิดขึ้นมากมาย เช่น ฮัลค์ โฮแกน vs อังเดร เดอะ ไจแอนท์, เบรท ฮาร์ท vs. ชอว์น ไมเคิลส์, สติง vs. ริค แฟลร์, เดอะ ร็อก vs. สโตนโคลด์ สตีฟ ออสติน, ชอว์น ไมเคิลส์ vs. ริค แฟลร์, เดอะ ร็อก vs. จอห์น ซีน่า ฯลฯ การต่อสู้กันของสองซูเปอร์สตาร์เหล่านี้ ได้ถูกบันทึกลงหน้าประวัติศาสตร์ และเข้าไปอยู่ในความทรงจำอันสวยงามของแฟนมวยปล้ำทั่วโลก

ขณะที่บิ๊กแมตช์ระหว่าง ดิ อันเดอร์เทเกอร์ กับ สติง ก็อยู่ในข่าย "ดรีมแมตช์" ที่แฟนมวยปล้ำอยากดูชมมากที่สุดเช่นกัน ด้วยความที่นักมวยปล้ำทั้งสองคนได้รับการยกย่องให้เป็นตำนานแห่งวงการมวยปล้ำระดับโลก เพียบพร้อมคุณสมบัติในการเป็นที่รักของคนดู ทั้งบุคลิก คาแร็กเตอร์ที่โดดเด่น ฝีมือการปล้ำที่ยอดเยี่ยม จนได้รับการยกสถานะให้เป็นตำนานผู้ยิ่งใหญ่ของวงการ ที่ทุกคนอยากเห็นพวกเขาสู้บนเวทีเดียวกัน

หากจะบอกว่า สติง กับ ดิ อันเดอร์เทเกอร์ ไม่เคยสู้กันบนเวทีมวยปล้ำก็คงไม่ถูกเสียทีเดียว เพราะสองคนนี้เคยวัดฝีมือกันมาแล้วสมัยที่ทั้งคู่อยู่ใต้ชายคาของสมาคมมวยปล้ำ WCW โดยเป็นแมตช์ที่ สติง ผู้ซึ่งกำลังโด่งดังเป็นที่รักของแฟนๆ ป้องกันเข็มขัดแชมป์โลกเฮฟวี่เวตของ NWA กับนักมวยปล้ำโนเนมอย่าง มีน มาร์ค แคลลัส (ชื่อเดิมของ ดิ อันเดอร์เทเกอร์) เมื่อวันที่ 1 กันยายน 1990

อย่างไรก็ตาม แฟน ๆ ส่วนมากไม่ยอมรับแมตช์นี้ เพราะตอนนั้นสถานะของทั้งคู่ต่างกันราวฟ้าดิน สติง กำลังมีชื่อเสียงในวงการ ส่วน ดิ อันเดอร์เทเกอร์ ตอนนั้นยังเป็นนักมวยปล้ำหน้าใหม่ ยังหาบุคลิกกับคาแร็คเตอร์ของตัวเองไม่เจอ ก่อนย้ายออกไปอยู่กับ WWE ค้นพบคาแร็กเตอร์ที่เหมาะสมในภายหลัง แล้วกลายเป็นนักมวยปล้ำซูเปอร์สตาร์ของสมามกับบทบาท "สัปเหร่อจอมขมังเวทย์" ภายหลัง

นับตั้งแต่การเจอกันครั้งแรกและครั้งเดียวในตอนนั้น เส้นทางอาชีพของ สติง กับ อันเดอร์เทเกอร์ ไม่เคยมาบรรจบพบเจอกันเลย ในวันที่ทั้งสองกลายเป็นนักมวยปล้ำระดับแนวหน้า สติง เป็นพระเอกชูโรงของ WCW ส่วน อันเดอร์เทเกอร์ ก็คือสตาร์ที่แฟน ๆ ชื่นชอบใน WWE

กาลเวลาผันผ่านไป 20 ปี ในที่สุด ข่าวลือเกี่ยวกับ "ดรีมแมตช์" ที่ทุกคนรอคอยถูกจุดขึ้นมาเมื่อ สติง ตัดสินใจย้ายมาร่วมงานกับ WWE เป็นครั้งแรกเมื่อปี 2014 และจุดไฟแห่งความหวังของแฟนมวยปล้ำทั่วโลกขึ้นมาในบัดดล

 

ทลายกำแพงในใจกับ WWE

"ผมมีโอกาสคุยกับ วินซ์ แม็คแมน (อดีตประธาน WWE) เขาดีกับผมมาก แต่ผมสัมผัสได้ว่า… ผมพูดแบบนี้แล้วกัน คนที่ออกจาก WCW แล้วย้ายไป WWE หลังจากที่โดนฮุบกิจการ สำหรับผมในตอนนั้นมันไม่ใช่ WCW ของแท้ เพราะผมอยู่ที่นี่มาหลายปี มันคือ สกอตต์ ฮอลล์, เควิน แนช และ ฮัลค์ โฮแกน รวมถึง สติง, เล็กซ์ ลูเกอร์, พี่น้องสไตเนอร์ คนที่คุณรู้จักนั้นหายไปหมดแล้ว"

นี้คือความเห็นของ สติง เมื่อถูกถามว่าทำไมเขาถึงปฏิเสธ WWE ทั้งที่มีโอกาสไปอยู่กับสมาคมอันดับ 1 ของโลก เหมือนเพื่อนร่วมสมาคมที่ย้ายออกไปหลังจาก WCW ล่มสลายในปี 2001 แต่เมื่อเขาเห็นสิ่งที่ WWE ทำกับนักมวยปล้ำของ WCW คือการเอามาเป็นตัวตลก เป็นกระสอบทรายให้นักมวยปล้ำฝั่ง WWE ย่ำยีบนเวที (เหมือนที่ บูเกอร์ ที โดน เดอะ ร็อก พูดต่อหน้าว่า 'ไอ้นี่มันเป็นใคร ?') ทำให้ สติง เลือกบอกปัดและเซ็นกับสมาคมทางเลือกอย่าง TNA แทน

สติง ออกไปโลดแล่นอยู่กับเวทีของ TNA อยู่นานตั้งแต่ 2003-2014 จนกลายเป็นตัวชูโรงของสมาคม ซึ่งดูเหมือนไม่มีโอกาสเลยที่ "เดอะ แฟรนไชส์" จะข้ามฟากมาอยู่กับ WWE แต่แล้วเมื่อสัญญาของเขากับ TNA สิ้นสุดลงในปี 2014 แฟนมวยปล้ำก็เห็นความเคลื่อนไหวน่าสนใจเมื่อ WWE เริ่มผลิตของที่ระลึกของ สติง ออกมาขายเช่นเสื้อยืด ของสะสมต่าง ๆ รวมถึงใส่เข้ามาเป็นตัวละครในวีดีโอเกมส์ WWE 2K15 ส่งสัญญาณบอกใบ้ว่าบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่กำลังจะเกิดขึ้น

และแล้ว วันที่ 23 พฤศจิกายน 2014 ที่ศึกใหญ่ WWE Survivor Series แฟนมวยปล้ำที่ดูติดขอบสนามในเมืองเซนต์หลุยส์ รัฐมิสซูรี่ และดูอยู่ทางบ้านก็ได้โห่ร้องด้วยความดีใจเมื่อ สติง ปรากฏตัวออกมาช่วยทีมฝั่งธรรมะของ จอห์น ซีน่า เล่นงานกลุ่มอธรรม The Authority ของ ทริปเปิล เอช ด้วยท่าไม้ตาย สกอร์เปี้ยน เดธ ดร็อป ก่อนลาก ดอล์ฟ ซิกเลอร์ มากด เซธ โรลลินส์ นับสามชนะไปได้

สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้นแสดงให้เห็นว่า สติง พร้อมแล้วสำหรับการเปิดใจร่วมงานกับ WWE สมาคมมวยปล้ำยอดนิยมอันดับ 1 ของโลกที่เขาตั้งคำถามมาตลอด และทำให้แฟนมวยปล้ำทั่วโลกมีความหวังจะได้เห็นดรีมแมตช์ที่พวกเขาต้องการอย่าง สติง vs. อันเดอร์เทเกอร์ ในอนาคตอันใกล้

แต่ก่อนจะถึงวันนั้น สติง ต้องข้ามศพ ทริปเปิล เอช ศัตรูคนแรกบนสังเวียน WWE ไปก่อนในศึก WrestleMania ครั้งที่ 31 ที่ลีวายส์ สเตเดียม สหรัฐอเมริกา

 

กำแพงใหญ่ขวางทาง

ทุกอย่างดูเหมือนไปได้สวยเมื่อ สติง ตบเท้าเข้าสู่ชายคาของ WWE เขาแสดงให้เห็นว่าถึงจะมีอายุ 55 ปี ในเวลานั้น แต่ก็ยังปล้ำได้อย่างคล่องแคล่ว ต่อกรกับนักมวยปล้ำรุ่นน้องในค่ายได้อย่างแข็งแกร่ง ก่อนต่อยอดไปสู่บิ๊กแมตช์เผชิญหน้ากับ ทริปเปิล เอช นักมวยปล้ำดาวร้ายตลอดกาลในศึกใหญ่ WrestleMania 31 วันที่ 29 มีนาคม 2015 ท่ามกลางแสงแดดอันเจิดจ้าที่ ลีวายส์ สเตเดียม

แมตช์นั้นจบลงเมื่อ สติง ที่ออกมาสู้พร้อมกับแก๊ง NWO ที่มี ฮัลค์ โฮแกน, เควิน แนช, สกอตต์ ฮอลล์ เป็นพรรคพวก พ่ายแพ้ให้ ทริปเปิล เอช และแก๊ง D-Generation X ที่มี ชอว์น ไมเคิลส์, เอ็กซ์ แพค, โรด ด็อกก์ และ บิลลี่ กันน์ ช่วยขัดขวาง แม้ตัวแมตช์จะไม่แย่ แต่คนดูมวยปล้ำสายทรูมองออกว่านี่คือแมตช์ที่ WWE เจตนาสร้างขึ้นเพื่อขยี้อดีตนักมวยปล้ำฝั่ง WCW ที่เคยเป็นเสี้ยนหนามในอดีตให้สิ้นซาก ต่อหน้าธารกำนัล 67,000 คนในสนาม และคนดูทางบ้าน

หลังจบเรื่องราวนี้ แฟนมวยปล้ำตั้งความหวังว่า WWE จะปูเรื่องราวให้ สติง ไปเจอกับ ดิ อันเดอร์เทเกอร์ แล้วสร้างดรีมแมตช์ในฝันให้เกิดขึ้นเสียที แต่เส้นทางเกิดสะดุดอีกครั้งเมื่อ วินซ์ แม็คแมน ประธานของ WWE ตอนนั้น กำหนดให้ สติง เผชิญหน้ากับ เซธ โรลลินส์ นักมวยปล้ำรุ่นใหม่ที่สมาคมกำลังปลุกปั้นผลักดันแบบสุดลิ่มทิ่มประตู ชนิดที่ สติง ไม่คาดคิดว่าจะออกมาเป็นแบบนี้

"เรามีแมตช์ WrestleMania กับ ทริปเปิล เอช ไปแล้ว แต่หลังจากนั้น วินซ์ โทรมาหาแล้วบอกว่า เฮ้ ฉันอยากให้นายไปชิงเข็มขัดแชมป์โลกกับ เซธ สะดวกไหม เต็มใจหรือเปล่า ผมก็ตอบไปว่าได้ ผมยินดีตอบรับ แต่ถึงอย่างไรผมก็ยังมีความหวังว่าจะได้ดวลกับ เทเกอร์ บ้างหลังนั้น" สติง เล่าเรื่องราวเบื้องหลัง

สติง ตอบรับคำขอของ วินซ์ แม็คแมน ในการเปิดศึกเจอกับ เซธ โรลลินส์ นักมวยปล้ำรุ่นใหม่ที่กำลังร้อนแรงและถือเข็มขัดแชมป์โลกเฮฟวี่เวตอยู่ เรื่องราวดำเนินไปถึงจุดที่ทั้งคู่ต้องสู้กันในศึกใหญ่ Night of Champions ที่เท็กซัส วันที่ 20 กันยายน 2015 ซึ่งเป็นคู่เอกประจำรายการ

อย่างไรก็ตาม แมตช์นี้กลายเป็นฝันร้ายของ สติง เมื่อเกิดจังหวะผิดพลาดที่ เซธ โรลลินส์ แบกนักมวยปล้ำรุ่นพี่ไปใส่ท่า บัคเคิล บอมบ์ กับมุมเวที แล้วคอของ สติง กระแทกกับ เทิร์น บัคเคิล อย่างรุนแรงจนทีมงานต้องขึ้นมาดู กระนั้นแล้ว "ดิ ไอคอน" ก็แสดงสปิริตฝืนขึ้นมาปล้ำจนจบแมตช์ และโดน เซธ โรลลินส์ กดนับสามพ่ายแพ้ไปในคืนนั้น

สติง เล่าว่าหลังจากโดนท่า บัคเคิล บอมบ์ เข้าไป เขามีอาการบาดเจ็บที่คอ รวมถึงมีอาการชาที่แขนสองข้างจนถึงปลายนิ้ว ซึ่งหลังจบแมตช์เขาถูกพาไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล พร้อมกับใส่เฝือกที่คอ เขาไม่กล่าวโทษ เซธ โรลลินส์ คู่ต่อสู้รุ่นน้องเพราะมันคือความผิดพลาดที่เกิดขึ้นได้ และอีกฝ่ายก็มาขอโทษขอโพยแล้ว เพียงแต่ผลลัพธ์ที่ สติง ไม่อยากได้ยินคือ แพทย์ไม่อนุญาตให้เขากลับไปขึ้นเวทีมวยปล้ำอีก

เรื่องราวหลังจากนั้น สติง ได้รับเกียรติถูกบรรจุชื่อเข้าสู่หอเกียรติยศของ WWE ในปี 2016 และเขาก็ต้องเดินออกจากสมาคมนี้ไปในปี 2020 โดยไม่ได้ขึ้นปล้ำแมตช์ใดอีกเลย

และทำให้ดรีมแมตช์ระหว่าง สติง กับ อันเดอร์เทเกอร์ กลายเป็นแค่ความฝัน และมันคงเกิดขึ้นจริงได้แค่ในวีดีโอเกมเท่านั้น

 

แมตช์ที่เป็นแค่ความฝัน

การที่ WWE อัญเชิญ สติง เข้าสู่หอเกียรติยศ Hall of Fame ปี 2016 พวกเขามองว่า สติง คงไม่สามารถขึ้นปล้ำได้แล้วจากอาการบาดเจ็บที่คอซึ่งเกิดขึ้นในแมตช์กับ เซธ โรลลินส์ และเพื่อความปลอดภัยของตัวเขาด้วย อย่างไรก็ตาม สติง ยังคงเชื่อมั่นว่าถ้าเขารักษาตัวจนสภาพร่างกายกลับมาสมบูรณ์ ก็คงจะมีโอกาสได้จัดการ "ธุระที่ต้องสะสางให้เสร็จ" ในอาชีพของเขาได้ นั่นคือเผชิญหน้ากับ ดิ อันเดอร์เทเกอร์

ตัดภาพไปที่ ดิ อันเดอร์เทเกอร์ ถึงจะยังขึ้นปล้ำใน WrestleMania อยู่ทุกปี แต่สภาพสังขารก็ถดถอยลงมากแล้ว โดยช่วงที่ สติง พักรักษาตัวและไม่มีแมตช์ปล้ำ ดิ อันเดอร์เทเกอร์ ขึ้นเวทีศึกใหญ่ WrestleMania ต่อเนื่อง พ่ายแพ้ โรมัน เรนส์ ปี 2017, ชนะ จอห์น ซีน่า ปี 2018 ที่จบลงอย่างรวดเร็วแค่ 2 นาที 45 วินาที และเจอกับ เอเจ สไตล์ส คู่ต่อสู้คนสุดท้ายในชีวิต ปี 2020 ด้วยรูปแบบ Boneyard Match จับคู่ต่อสู้โยนใส่หลุมแล้วฝังดินทั้งเป็น

แมตช์ของ ดิ อันเดอร์เทเกอร์ กับ เอเจ สไตลส์ นำเสนอในรูปแบบ Cinematic Match แมตช์การปล้ำที่ถ่ายทำแบบภาพยนตร์ ปล้ำไป คัทไป ช่วยเซฟร่างกายให้ ดิ อันเดอร์เทเกอร์ ไม่ต้องใช้แรงมากนัก และป้องกันเรื่องการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเวลานั้น ตัวแมตช์ประสบความสำเร็จมาก ทีมงานของ WWE ได้รับคำชื่นชมในเรื่องความคิดสร้างสรรค์ ชนิดที่ สติง เห็นแล้วยังชอบ จนเสนอให้ WWE จัด Cinematic Match กับเขาและ ดิ อันเดอร์เทเกอร์ อีกสักครั้ง ทว่าก็ถูกปัดตกไปภายหลัง

และเมื่อ ดิ อันเดอร์เทเกอร์ บิดมอเตอร์ไซค์หายไปในความมืดหลังจบแมตช์ WrestleMania ปี 2020 ก็เท่ากับเป็นการปิดฉากชีวิตนักมวยปล้ำตลอด 33 ปีของตัวเองไปด้วย เพราะเขายืนยันว่าจะไม่กลับมาปล้ำอีกแล้ว ต้องการพักผ่อนใช้ชีวิตกับครอบครัว ส่วน สติง เมื่อเห็นข่าวการรีไทร์ของ "เดอะ ฟีนอม" ชายผู้เป็นเป้าหมายของเขา สติง ที่ไม่เหลืออะไรให้ทำอีกแล้วในค่ายใหญ่นี้ จึงตัดสินใจออกจาก WWE ในที่สุด

แฟนมวยปล้ำพากันคาดเดาไปต่าง ๆ นานา ว่าทำไม WWE ไม่จัดให้ สติง เจอกับ ดิ อันเดอร์เทเกอร์ ตามคำเรียกร้องของคนดูและนักมวยปล้ำทั้งสองสักที เหตุผลหนึ่งอาจเพราะทั้งคู่อายุมากแล้ว เข้าเลข 5 กันหมดแล้ว แถมสภาพร่างกายก็ไม่สมบูรณ์ทั้งคู่ คนหนึ่งมีอาการบาดเจ็บที่คอ อีกคนก็สังขารโรยราเคลื่อนไหวไม่คล่องแคล่วเท่าเดิมแล้ว WWE มองว่าหากให้ขึ้นไปสู้ทั้งที่ร่างกายไม่พร้อมทั้งคู่เช่นนี้ อาจเสี่ยงได้รับบาดเจ็บเพิ่ม หรือแมตช์ออกมาไม่ดี ไม่มีคุณภาพ

อีกเหตุผลหนึ่งที่แฟนมวยปล้ำคิดก็คือ WWE ไม่ต้องการให้ สติง ซึ่งเป็นนักมวยปล้ำจากอดีตสมาคมคู่แค้นอย่าง WCW มีซีนร่วมกับ ดิ อันเดอร์เทเกอร์ ชายผู้เป็นตำนานอันยิ่งใหญ่ของพวกเขา โดยเฉพาะ วินซ์ แม็คแมน ประธานของ WWE ที่ครั้งหนึ่งเคยยกหูโทรศัพท์ชวน สติง มาร่วมงานตอน WCW ล้มละลายเมื่อปี 2001 แต่ดันถูกปฏิเสธ ทำให้ วินซ์ แม็คแมน ผูกใจเจ็บจนถึงขั้นเอาไปพูดกับทีมหลังฉากว่า "ชายคนนี้ (สติง) เป็นใครเหรอ เขาดังหรือเปล่า ?"

ถึงแม้ที่สุด สติง จะเลือกทลายกำแพงอคติในใจมาร่วมงานกับ WWE เมื่อปี 2014 แต่สุดท้ายก็โดน วินซ์ แม็คแมน รวมถึง ทริปเปิล เอช จับฝังทั้งเป็นผ่านแมตช์การต่อสู้ในศึก WrestleMania 31 เมื่อปี 2015 ที่ไม่เพียงแต่ทำให้คนดูได้เห็น สติง โดน ทริปเปิล เอช กดนับสามด้วยความผิดหวัง แต่สิ่งที่ทำยังเป็นการฝัง "สัญลักษณ์ของยุคทองแห่ง WCW" แบบจมธรณี ต่อหน้าคนดูทั่วโลกไปด้วย

แน่นอนว่าถึงจะไม่มีใครออกมายืนยันเรื่องนี้ แต่ในสายตาของแฟนมวยปล้ำทั่วโลกก็มองออกว่า สติง ไม่สมควรที่จะถูก WWE ด้อยค่าในช่วงบั้นปลายแบบนี้เลย

 

บทส่งท้ายของสองตำนาน

"ผมคิดนะว่าถ้ามันสำเร็จ จะเป็นคืนที่น่าจดจำแน่นอน ทุกคนจะไม่มีวันลืมสิ่งนี้ ผู้คนต้องเอาเรื่องนี้ไปพูดแบบไม่รู้จบ แต่มันไม่เกิดขึ้น ผมมีไอเดียเยอะมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การทำอะไรที่ดูโกหกหลอกลวงนี่มันไม่ดีหรอก แต่ด้วยสถานการณ์ของพวกเรา ผมคิดว่าด้วยบุคลิกและเรื่องราวอันลึกลับในคาแร็กเตอร์ของเขา (ดิ อันเดอร์เทเกอร์) รวมถึงตัวผม ไม่เพียงพอจะบอกว่ามันเป็นเรื่องหลอกลวงอะไรเลย ผมเชื่อนะว่ามันจะต้องเป็นค่ำคืนที่ผู้คนต้องจดจำแน่ ผมอยากเห็นสิ่งนั้นเกิดขึ้นมาก" สติง เปิดใจในวันที่เขาเดินออกจาก WWE พร้อมกับความผิดหวังที่ฝันไม่เป็นจริง

ฟากฝั่ง ดิ อันเดอร์เทเกอร์ ก็มีความเคารพต่อตัวของ สติง และเชื่อมั่นเช่นเดียวกันว่าจะมีโอกาสสู้กับชายคนนี้สักครั้ง ทว่าเมื่อไม่เกิดขึ้นเขาเองก็เสียดายไม่แพ้คนดู ด้วยเงื่อนไขของวันเวลา และสังขารที่ไม่สอดคล้องกัน

"มันชัดเจนว่าจะเป็นแมตช์ใหญ่แน่นอน แต่จุดแตกต่างคือผมมองถึงการส่งมอบประสบการณ์ในแมตช์นี้สู่ผู้คน อย่างที่ทุกคนบอก มันจะมีคนมากมายส่งเสียงโห่ร้องดีใจกับแมตช์นี้ ทว่าผมก็ไม่รู้ว่ามันจะออกมาสมดังความคาดหวังของคนดูหรือเปล่า?"

แต่ถึงอย่างนั้น ดิ อันเดอร์เทเกอร์ ก็ยังเชื่อว่าหากได้สู้กันจริง ๆ ก็น่าจะเป็นตัวเขาเองที่เอาชนะ สติง ได้ "ผมคงเชือดเขาได้นะ โดยจับใส่ ทูมบ์สโตน เขาจะเดินออกมา แล้วก็โดนผมจับฝังนี่แหละ"

เส้นทางชีวิตนักมวยปล้ำของ ดิ อันเดอร์เทเกอร์ จบลงเมื่อปี 2022 หลังจากประกาศรีไทร์และเดินเข้าสู่หอเกียรติยศ Hall of Fame ไปพักผ่อนใช้ชีวิตกับครอบครัว พ่วงจ๊อบเดินสายขึ้นเวทีเดี่ยวไมโครโฟน เล่าประสบการณ์ชีวิตนักมวยปล้ำให้แฟนคลับฟังตามเวทีต่างๆ และแวะเวียนมาเป็นแขกรับเชิญในโชว์รายสัปดาห์ของ WWE เป็นครั้งคราว

ส่วน สติง ผู้ที่ไฟยังไม่มอดดับ เขาทำเซอร์ไพรส์คนดูด้วยการเซ็นสัญญากับ AEW สมาคมมวยปล้ำที่เป็นคู่แข่งของ WWE เมื่อปี 2020 เขาจับคู่กับ ดาร์บี อัลลิน นักมวยปล้ำหนุ่มที่กลายเป็นคู่หูแท็กทีมและลูกศิษย์ของเขา ขึ้นเวทีฟัดกับนักมวยปล้ำรุ่นน้องคนอื่นในสมาคมแบบกระชากสังขาร และยังทุ่มเทเจ็บตัวเพื่อความสุขของคนดู ยอมโดนเหวี่ยงกระแทกเสา ถูกยกฟาดลงกับโต๊ะ หรือลงทุนปีนขึ้นเสาแล้วกระโดดลงมาทับคู่ต่อสู้ล่างเวที ทั้งที่อายุ 64 แล้ว

สุดท้าย สติง ปิดฉากชีวิตนักมวยปล้ำในแบบฉบับของเขา ด้วยการปล้ำแมตช์สุดท้ายในศึกใหญ่ AEW Revolution วันที่ 3 มีนาคม 2024 เขาปรากฏตัวพร้อมเพลงเปิดตัว Seek and Destory ของ Metallica เคียงข้างลูกชายทั้งสองคน แกเร็ตต์ และ สตีฟ บอร์เดน จูเนียร์ ที่คอสเพลย์เป็น Surfer Sting กับ Wolfpac Sting ส่งคุณพ่อขึ้นเวทีคู่กับ ดาร์บี อัลลิน ผนึกกำลังป้องกันเข็มขัดแชมป์แท็กทีม AEW กับทีม Young Bucks แล้วก็คว้าชัยชนะด้วยท่า สกอร์เปียน เดธ ล็อก ที่แฟน ๆ คุ้นเคย

"ผมหวังว่าศึก AEW Revolution จะเป็นค่ำคืนแห่งความทรงจำของแฟนมวยปล้ำ และมันจะเป็นค่ำคืนที่ผมจดจำไม่มีวันลืม ขอบคุณนักมวยปล้ำทุกคน ขอบคุณทีม AEW ขอบคุณทุกคนที่กรีนส์โบโร่ และขอบคุณแฟนมวยปล้ำทุกคนจริง ๆ" สติง กล่าวลาครั้งสุดท้าย เพื่อปิดฉากชีวิตบนสังเวียนที่โลดแล่นมานานเกือบ 40 ปี พร้อมกับสถิติอันสวยงาม ชนะรวด 29 แมตช์ ไม่เคยแพ้ใครใน AEW

ถึงแมตช์ในฝันของ สติง กับ อันเดอร์เทเกอร์ จะไม่มีวันเกิดขึ้นจริงให้ได้เชียร์กัน แต่เชื่อว่าคนดูก็คงรู้สึกแค่เสียดายมากกว่าเสียใจ เพราะที่สุดแล้ว สติง กับ อันเดอร์เทเกอร์ ก็ได้ใช้ทั้งชีวิต เลือดเนื้อ ร่างกาย ทุ่มเทพิสูจน์ให้คนทั่วโลกเห็นแล้วว่าพวกเขาคือสองตำนานผู้ยิ่งใหญ่แห่งวงการมวยปล้ำโลก ซึ่งก็เพียงพอที่จะทำให้ทั้งคู่กลายเป็นตำนานมวยปล้ำที่โลกไม่ลืม

 

แหล่งอ้างอิง :

https://www.thesportster.com/wrestling/sting-wwe-run-trivia-facts-wrestler/?
https://itrwrestling.com/news/the-surprising-reason-sting-agreed-to-face-seth-rollins-in-wwe/?
https://www.wrestlinginc.com/news/2020/06/the-undertaker-talks-a-possible-match-with-sting-671614/
https://www.wrestlezone.com/news/1451446-sting-comments-on-his-last-match-thanks-the-fans
https://www.wrestlinginc.com/1018025/sting-had-his-reasons-for-not-signing-with-wwe-until-2014/?
https://www.sportskeeda.com/wwe/did-vince-mcmahon-dislike-sting-finding-wwe-run-lackluster?

Author

วัลลภ สวัสดี

ฟังไปเรื่อย ดูไปเรื่อย เขียนไปเรื่อย

Graphic

อรรนพ สะตะ

graphic design ผู้ชื่นชอบกีฬาฮอกกี้, เกมส์, เดินเขา เป็นชีวิตจิตใจ