ในหลาย ๆ ครั้ง โลกฟุตบอลได้เห็นบางทีม ที่ขาดนักเตะตัวหลักคนเดียวก็ร้องระงม เกมพังจนเล่นไม่เหมือนเดิมแล้ว
แต่ เยอร์เก้น คล็อปป์ สร้างบรรทัดฐานใหม่ที่น่าเหลือเชื่อขึ้นมากับ ลิเวอร์พูล นั่นคือการใช้นักเตะเยาวชนกว่าครึ่งค่อนทีม ลงเล่นในเกมนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลถ้วย แถมยังได้แชมป์กลับมาฉลองกันอีกต่างหาก
เท่านั้นยังไม่พอ ยังขนเด็กลงยกชุดต่อเนื่องในฟุตบอลถ้วยอีกรายการ ซึ่งก็จบด้วยชัยชนะอีก
ดูเหมือนว่าเด็ก ๆ พวกนี้จะทำได้ดีเกินคาด ภายในช่วงเวลาที่กดดันที่สุด คล็อปป์ ทำอย่างไรในการสั่งเด็กพวกนี้ลงไปเล่นแต่ละเกมให้เหมือนเป็นผู้ใหญ่ ? ติดตามที่ Main Stand
ก่อนจะใช้ ต้องให้ความสำคัญ
นี่คือโลกใบใหม่ ... ที่เราเอ่ยประโยคนี้ขึ้นต้น ไม่ได้หมายถึงแค่โลกของฟุตบอลเท่านั้น แต่มันคือโลกทั้งใบที่เป็นโลกของแนวคิดที่ก้าวหน้าของคนรุ่นใหม่ ว่าง่าย ๆ คือคนรุ่นใหม่หรือคนเจน Z เหล่านี้ กำลังเติบโตขึ้นมามีบทบาทในสังคมมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นสังคมเล็ก หรือสังคมใหญ่
การขึ้นมามีอิทธิพลของกลุ่มคนเจน Z นำมาซึ่งชุดความรู้ใหม่ ๆ ที่หลายองค์กรอาจจะต้องปรับตัวตาม อะไรที่เคยใช้สอนเด็กรุ่นเก่า ๆ เมื่อ 10 - 20 หรือ 30 ปีก่อน อาจจะใช้ไม่ได้กับเด็กชุดปัจจุบัน
ดังนั้นการจะทำให้เด็ก ๆ เหล่านี้เชื่อมั่นในตัวของ "คนนำ" จำเป็นต้องทำสิ่งใหม่ ๆ ที่แตกต่างออกไป ซึ่ง เยอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือ ของ ลิเวอร์พูล กำลังทำได้ดีมาก ๆ อยู่สิ่งหนึ่งในเวลานี้ นั่นคือ "การรู้จักให้ลึกเข้าไป และพยายามเห็นมุมมองเดียวกับที่เด็ก ๆ ของเขาเห็น"
"สิ่งที่ผมอยากเห็นที่สุดคือการที่ผู้เล่นของเราทุกคนมีจิตวิญญาณแบบสเกาเซอร์ ถ้าเด็ก ๆ เดินตามเส้นทางเหล่านี้ บวกกับพรสวรรค์ของพวกเขา ผมเชื่อว่าพวกเขาจะเจอกับอาชีพที่ดีแน่นอน"
"ผมฝันที่จะเห็นเด็ก ๆ จากทีมอคาเดมี่ได้รับโอกาส ฝันที่จะได้เห็นทีมที่เต็มไปพวกนักสู้สเกาเซอร์" คล็อปป์ ว่าแบบนั้น
ประการแรก คล็อปป์ เป็นกุนซือชุดใหญ่ที่จริงจังกับการทำงานของทีมอคาเดมี่มากที่สุดคนหนึ่ง การทำงานของเขากับโค้ชทีมเยาวชนนั้นมีการติดต่อกันอยู่เสมอ หากเด็กคนไหนมีแวว เขาจะจดจำชื่อ เอาไว้ รอจนโอกาสที่เหมาะสม ก็จะถูกเรียกมาซ้อมกับทีมชุดใหญ่ และส่งลงสนาม
โดยเฉพาะเรื่องการเรียกนักเตะเยาวชนมาซ้อมกับทีมชุดใหญ่นั้น คล็อปป์ ถึงขั้นเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการโน้มน้าวให้ เฟนเวย์ สปอร์ตส กรุ๊ป ทำสนามซ้อมของทีมชุดใหญ่และทีมเยาวชนอยู่ในพื้นที่เดียวกัน ซึ่งในอดีตนั้น แฟนหงส์แดงทราบกันดีว่า สนามซ้อมทีมชุดใหญ่อยู่ที่ เมลวูด ส่วนสนามซ้อมทีมเยาวชนอยู่ที่ เคิร์กบี้ ในชื่อ ดิ อคาเดมี่
ด้วยการที่พื้นที่ของเมลวูดนั้นคับแคบเกินกว่าจะขยายได้ ทำให้การปรับปรุงสนามซ้อมที่เคิร์กบี้ขนานใหญ่บังเกิดขึ้น โดยใช้เวลาถึง 2 ปี เริ่มต้นปี 2018 แล้วเสร็จปี 2020 เพื่อให้ทีมชายชุดใหญ่มาซ้อมในพื้นที่เดียวกับทีมเยาวชนชาย ส่วนสนามซ้อมเมลวูด ก็ให้ทีมหญิงทั้งชุดใหญ่และเยาวชนมาซ้อมในที่เดียวกัน เป็นนโยบายคู่ขนานกันไป
นอกจากการเห็นพัฒนาการของเด็ก ๆ อคาเดมี่แบบใกล้ ๆ สำหรับคล็อปป์แล้ว การย้ายศูนย์ฝึกครั้งนี้ยังส่งประโยชน์เพิ่มอีกหลายอย่าง เช่นการที่เด็ก ๆ ได้ซ้อมในสถานที่เดียวกับนักเตะขวัญใจของพวกเขาอย่าง โม ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่, ซาดิโอ มาเน่ และคนอื่น ๆ อีกมากมาย ถือเป็นการสร้างแรงบันดาลใจในทุก ๆ วันของพวกเขา
และแน่นอนที่สุด เด็ก ๆ ได้เห็นว่า "เจ้านาย" พยายามอย่างมากเพื่อจะเห็นพวกเขาใกล้ ๆ แค่นี้ก็แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจ ที่เด็ก ๆ ของ ลิเวอร์พูล ตั้งความฝันที่จะได้เล่นในทีมชุดใหญ่ และเป็นลูกทีมของ คล็อปป์ หากวันของพวกเขามาถึง
คล็อปป์ ซื้อความสบาย สร้างแรงบันดาลใจ ให้ความสำคัญกับเด็ก ๆ ตั้งแต่วันที่ยังไม่สามารถคาดเดาอนาคตของแต่ละคนได้ ... แค่นี้ก็สร้างความประทับใจตั้งแต่ยังไม่เคยได้คุยกันแล้ว ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับเด็ก ๆ จากอคาเดมี่แล้วว่า จะทุ่มเทคว้าฝันของแต่ละคนได้มากแค่ไหน
ซึ่งแน่นอนว่าระดับคล็อปป์ ไม่มีการปล่อยทิ้งง่าย ๆ เขายังคงใส่ใจทุกคนและตามเช็คพัฒนาการทุกคนเหมือนเดิม เผลอ ๆ จะมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ ในวันที่เด็ก ๆ เหล่านี้เข้าใกล้ชุดใหญ่มากขึ้น
เข้าถึงทุกช่วงเวลา
แม้ คล็อปป์ จะมีงานในทีมชุดใหญ่ต้องทำมากมาย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในทีมชุดเยาวชนแทบทุกเรื่องก็ต้องผ่านหูผ่านตาเขาเหมือนกัน แน่นอนเพราะเขาคือคนที่วางรูปแบบการเล่นของทีมชุดใหญ่ และเป็นโมเดลที่ส่งต่อไปยังทีมเยาวชนรุ่นต่าง ๆ เขาจึงต้องคอยติดตามสถานการณ์เสมอว่ามีเด็กคนไหนที่ตอบโจทย์เรื่องความสามารถ ทั้งในเชิงเทคนิค และสภาพจิตใจที่พร้อมจะขยับขึ้นมาเล่นชุดใหญ่บ้าง
ซึ่ง คล็อปป์ จะทำหน้าที่คู่กับ วิตอร์ มาตอส หัวหน้าฝ่ายพัฒนานักเตะระดับเยาวชนของ ลิเวอร์พูล และยังมี แบร์รี่ ลูว์ทัส เฮดโค้ชชุดยู 21 รวมถึง อเล็กซ์ อิงเกิลธอร์ป ผู้อำนวยการชุดอคาเดมี่ แบบใกล้ชิดตลอด ใครดี ใครแย่ ใครพร้อมใหญ่ในการซ้อม ใครพร้อมใช้ในการแข่งขันจริง เรียกได้ว่าทุกอย่างจะถูกรายงานละเอียดยิบ ซึ่งรายละเอียดเหล่านี้ คล็อปป์ เองก็ไม่เคยมองข้ามเลย
ลูวทัส เล่าว่า คล็อปป์ คือคนที่พยายามจะหาตรงกลางระหว่างการทุ่มซื้อนักเตะกับการผลักดันเยาวชนให้มีความสมดุลมากที่สุด นอกจากนี้เขายังแบ่งเวลาพบปะพูดคุยกับนักเตะเยาวชนเมื่อมีโอกาส ซึ่งนั่นทำให้เด็ก ๆ รู้สึกตื่นตัว อยากฝึกซ้อม อยากทุ่มเท เพื่อไปให้ถึงโอกาสในทีมชุดใหญ่เพื่อไปสัมผัสการทำงานกับผู้ชายคนนี้ ที่พวกเขาจิตนาการถึงมาตลอด
เช่นเดียวกันกับ อิงเกลธอร์ป ที่ถึงกับให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อบ่อย ๆ ว่า "คล็อปป์ เป็นผู้จัดการทีมที่จัดการกับเยาวชนที่ดีที่สุดในโลก"
"คล็อปป์ เป็นคนที่เข้าถึงนักเตะตลอด และเป็นคนที่บอกเด็ก ๆ เสมอว่า เขาวางใจและมั่นใจในตัวแต่ละคนมากขนาดไหน ที่เขาพูดเขาหมายความแบบนั้นจริง ๆ เขาเป็นคนเข้าใจธรรมชาติของนักเตะดาวรุ่ง นั่นคืออาจจะต้องมาพร้อมกับความผิดพลาดบ้าง แต่ถ้าผ่านช่วงเวลาเหล่านี้ไปได้ เขาจะได้นักเตะที่ยอดเยี่ยมในตอนสุดท้าย" อิงเกลธอร์ป กล่าว
เรื่องของวิธีการเล่น เป็นสิ่งที่ คล็อปป์ พยายามให้โค้ชเยาวชนชุดต่างๆ ถ่ายทอดให้นักเตะอยู่เสมอ แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ไม่ลืมที่จะกำชับกับทุกคนว่า นอกจากร่างกายและสมองแล้ว อย่าลืมใส่หัวใจให้กับเด็ก ๆ ในทีมอคาเดมี่ด้วย
"วิถีของ ลิเวอร์พูล สืบต่อกันมานาน เรื่องของแท็คติกไม่ใช่ทั้งหมด แต่เราต้องสร้างสภาพจิตใจที่แข็งแกร่งให้นักเตะมากกว่า เราปลูกฝังความเชื่อในชัยชนะ ควบคู่กับความอ่อนน้อมถ่อมตน เอาใจใส่ต่อสโมสรและเมืองนี้ นี่คือวิถีที่ส่งต่อกันมาตั้งแต่ยุค บิล แชงค์ลี่ย์ แล้ว"
"เด็ก ๆ เยาวชนของสโมสรอาจจะไม่ได้มีความเร็วเหมือนกับ ซาลาห์ หรือ มาเน่ แต่พวกเขาสามารถวิ่งได้เยอะกว่า วิ่งได้ไกลกว่า พวกเขาสอนเด็ก ๆ ให้รู้ถึงความสำคัญในวันที่ได้สวมเสื้อของสโมสรนี้" อิงเกลธอร์ป กล่าว
ทั้ง มาตอส ลูวทัส และ อิงเกลธอร์ป พูดตรงกันในเรื่องนี้ พวกเขาทิ้งท้ายว่า คล็อปป์ เป็นคนที่ให้ความสำคัญกับนักเตะอายุน้อยที่มาจากท้องถิ่น เขาพยายามหานักเตะหนุ่มที่อายุน้อย มีคาแร็คเตอร์ที่ดีเมื่อได้ลงสนาม มีแรงผลักดันเมื่อได้โอกาส ส่วนเรื่องอื่น ๆ ที่ต้องการคือสามารถปรับตัวและเข้าใจถึงวิธีการเล่นและสิ่งที่ คล็อปป์ ต้องการ
ซึ่งมีนักเตะหลายคนที่ทำได้แบบนี้ไล่ตั้งแต่ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ มาจนถึงนักเตะอีกกว่า 10 คน ที่ได้โอกาสต่อเนื่องในเกมคาราบาว คัพ ฤดูกาล 2023/24 นัดชิงชนะเลิศ ต่อเนื่องจนถึง เอฟเอ คัพ รอบ 16 ทีมสุดท้าย
ไม่ใช่แค่เด็กที่เล่นได้ มีแวว เท่านั้น คล็อปป์ ยังมีกุนซือที่มีมนุษยธรรม แม้บางคนที่อาจจะไม่ได้เก่งมาก แต่ถ้าเกิดอาการบาดเจ็บหรือเรื่องต่าง ๆ ขึ้นกับเขา คล็อปป์ ก็พร้อมที่จะเข้าหาและให้ความช่วยเหลือกับเด็กปลายแถวด้วยเช่นกัน
"คล็อปป์ เป็นโค้ชที่มีวิธีที่ทำให้คุณมีความรู้สึกเป็นคนสำคัญ เป็นคนที่เป็นส่วนหนึ่งของแผนการที่ใหญ่กว่า ... ตอนที่ผมได้รับบาดเจ็บ เขาเป็นคนมาคุยกับผม และทำให้ผมแน่ใจว่าผมยังคงเป็นส่วนสำคัญของทีม แรงจูงใจแบบนั้นทำให้ผมสู้ตายทันที ผมคิดว่ามันทำให้ผมหายเจ็บเร็วกว่าเดิมด้วยซ้ำ" เคด กอร์ดอน นักเตะเยาวชนรายหนึ่งของทีมกล่าว
จากวิธีการเพาะบ่ม จนถึงการลงดินใส่ปุ๋ย ทุกอย่างอยู่ในสายตาคล็อปป์ ทั้งหมด และก็มาถึงขั้นตอนสุดท้าย นั่นคือการลุยสนามจริง ซึ่งก็ต้องมีวิธีดูแลกันอีกแบบหนึ่ง และงานนี้ คล็อปป์ ก็ไม่พลาดอีกเช่นกัน
ได้เวลาปล่อยลงน้ำ
อย่างที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น คล็อปป์ คือคนที่รู้ธรรมชาติของนักเตะดาวรุ่งเป็นอย่างดี เพราะคำว่าดาวรุ่งมาพร้อมกับความผิดพลาดที่พวกเขาจำเป็นต้นเรียนรู้ ดังนั้นคุณจะไม่เห็น คล็อปป์ ว่ากล่าวนักเตะดาวรุ่งผ่านสื่อเลย
ยกตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือในวันที่ เทรนท์ ยังเป็นวัยรุ่นและถูกส่งลงมาในเกมแดงเดือด เมื่อเดือนมีนาคม 2018 ที่ มาร์คัส แรชฟอร์ด เผาเครื่องจนเละเทะ และเป็นจุดอ่อนที่ทำให้ ลิเวอร์พูล แพ้ ยูไนเต็ด ไป 1-2
ตอนนั้นโซเชี่ยลรุม เทรนท์ ทั้งแฟนบอลตัวเองและแฟนคู่แข่ง แต่ คล็อปป์ ก็ยืนข้าง เทรนท์ โดยบอกว่าเขาเป็นเด็กที่มีศักยภาพ รอโอกาสให้เติบโตในอนาคต และความผิดพลาดครั้งนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนให้อาชีพของเขา
แล้วมันก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ จากนั้นไม่นานนัก เทรนท์ ก็เป็นขุนพลหลักของ ลิเวอร์พูล ชุดคว้าแชมป์ยุโรปสมัยที่ 6 และ แชมป์พรีเมียร์ลีก ได้สำเร็จ เช่นเดียวกับเด็กคนอื่น ๆ อย่าง เคอร์ติส โจนส์, สเตฟาน บายเซติช ก็ได้รับกำลังใจจาก คล็อปป์ เสมอ จนวันที่พวกเขาขึ้นมาเป็นนักเตะทีมชุดใหญ่ได้ เรียกได้ว่าประคองกันจนถึงวันเวลาที่เหมาะสม
ล่าสุดสด ๆ ร้อน ๆ กับการใช้ดาวรุ่งเกือบ 10 คนในเกม คาราบาว คัพ นัดชิงชนะเลิศที่กดดันถึงขีดสุด ในเกมแบบนี้ เราจะเห็นได้ว่าคล็อปป์ ละเอียดมาก แม้กระทั่งก่อนส่งนักเตะแต่ละคนลงสนาม เขากอดคอแบบเรียงตัว ใช้สีหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มแม้อยู่ในสถานการณ์ที่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายสุด ๆ และวินาทีสุดท้ายก่อนลงสนามเขามอบอ้อมกอดให้กับเด็ก ๆ ทุกคนราวกับบอกว่า "ลงไปใส่ให้เต็มที่เลยน้อง"
ซึ่งผลออกมาก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ การใส่ใจตั้งแต่ต้นน้ำมาจนถึงช่วงเวลาที่เด็ก ๆ จะต้องเจอโลกกว้างด้วยตัวเอง เยอร์เก้น คล็อปป์ ดูแลตามช่วงเวลาที่สมควร ไม่ว่าจะผ่านตัวเองหรือโค้ชคนอื่น ๆ ในทีม ซึ่งที่สุดแล้วเด็ก ๆ เหล่านี้ก็ตอบแทนเขาได้ ในวันที่เขาต้องการความช่วยเหลือจากเหล่านักรบสเกาเซอร์วัยทีนเอจเหล่านี้ ... นี่คือผลผลิตที่ คล็อปป์ ภาคภูมิใจและพูดได้เต็มปากว่า "พวกเขาคือเด็กผม" อย่างแท้จริง
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
แหล่งอ้างอิง :
https://www.eurosport.com/football/premier-league/2019-2020/jurgen-klopp-dream-is-to-have-a-liverpool-team-full-of-scousers_sto7798694/story.shtml
https://www.thisisanfield.com/2019/07/how-jurgen-klopp-is-changing-liverpools-academy-approach-on-and-off-the-pitch/
https://anfieldindex.com/63412/klopps-influence-on-liverpools-youth-development.html
https://bnnbreaking.com/sports/jurgen-klopps-impact-on-liverpools-youth-academy-a-new-era-of-talent