Feature

เจ้าพ่อแอสซิสต์ : เทรนต์จ่ายบอลยังไงให้ขึ้นแท่นกองหลังที่ทำแอสซิสต์สูงสุดในพรีเมียร์ลีก | Main Stand

เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เด็กท้องถิ่นที่เติบโตจากศูนย์ฝึกเยาวชนของลิเวอร์พูล จนก้าวขึ้นมาเป็นรองกัปตันทีม เรื่องราวเส้นทางในฐานะนักเตะของเทรนต์ กลายเป็นแรงบันดาลใจของนักเตะดาวรุ่งหลายคนที่กำลังเติบโตขึ้นมา

 


แต่แม้จะอยู่ในฐานะไอคอนของทีม ก็ไม่วายตกเป็นเป้าของการวิจารณ์ โดยเฉพาะในเรื่องการเล่นเกมรับ ที่แฟนบอลหลายคนมองว่าเทรนต์ไม่ดีพอที่จะเล่นในตำแหน่งแบ็กขวา หากแต่เยอร์เก้น คล็อปป์ ไม่เคยสนใจเสียงวิจารณ์เหล่านี้ เทรนต์ยังคงเป็นตัวหลักในขุมกำลังของลิเวอร์พูล โดยใช้เกมรุก ชดเชยเกมรับของตัวเอง

การวางบอลยาวที่แม่นยำของเทรนต์กลายเป็นอาวุธหลักของลิเวอร์พูล ในการทำลายแนวรับของคู่แข่ง จนในวัย 25 ปี เทรนต์ ขึ้นแท่นกองหลังที่ทำแอสซิลต์ได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก 

บทความนี้ Main Stand จึงอยากชวนผู้อ่านทุกท่านมาเจาะลึกถึงเทคนิคการจ่ายบอล และถอดวิธีคิดของเทรนต์ ว่ากว่าจะมาถึงวันที่ทำแอสซิสต์ได้เป็นกอบเป็นกำ เขามีเทคนิคการจ่ายบอลอย่างไร และต้องผ่านอะไรมาบ้าง

 

แบ็กขวาที่เล่นเกมรับได้นิดหน่อย 

เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เติบโตมากับการเล่นในตำแหน่งกองกลาง และจากประสบการณ์ในตำแหน่งนั้นช่วยให้เขาสร้างชื่อให้กับตัวเองในฐานะฟูลแบ็กที่เน้นเกมรุก เขาสามารถจ่ายบอลยาว และสร้างโอกาสให้กับทีมได้มากมาย ด้วยการประสานงานทางฝั่งขวาร่วมกับ มิดฟิลด์ และโมฮาเหม็ด ซาลาห์

คุณภาพที่ลิเวอร์พูลได้จากเทรนต์ คือความแม่นยำ และเทคนิคในการจ่ายบอล การผ่านบอลยาวเพียงครั้งเดียวสามารถเปลี่ยนจากเกมรับเป็นเกมรุก ให้ลิเวอร์พูลได้เล่นเกมสวนกลับอย่างรวดเร็ว และยังสามารถทำลายการเพรสซิ่งของคู่แข่งได้

ด้วยเทคนิคและความแม่นยำในการผ่านบอลของเทรนต์ ทำให้เขากลายเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งของคล็อปป์ในการเล่นลูกตั้งเตะ ทั้งการเปิดลูกฟรีคิก ยิงฟรีคิก และเปิดจังหวะเตะมุม จากความสามารถของเทรนต์ทำให้การเล่นลูกตั้งเตะเป็นอีกหนึ่งอาวุธสำคัญของลิเวอร์พูล ที่ใช้ทะลวงประตูคู่แข่ง

เทรนต์ได้ลงเล่นให้ลิเวอร์พูล ในพรีเมียร์ลีกครั้งแรกเมื่อฤดูกาล 2016-17 ในฐานะเด็กดาวรุ่งที่ถูกผลักดันขึ้นมาจากอคาเดมี ก่อนจะได้รับความไว้วางใจจากคล็อปป์ และระเบิดฟอร์มร้อนแรงในฤดูกาล 2018-19 ที่ทำแอสซิสต์ไปถึง 12 ครั้ง ฤดูกาลถัดมาทำไปได้อีก 13 แอสซิสต์  และ 10 แอสซิสต์ ในฤดูกาล 2021-22 

กล่าวง่าย ๆ เทรนต์ คือ ผู้เล่นที่คอยสร้างสรรค์เกมรุกคนสำคัญในแผน 4-3-3 ของคล็อปป์ “แน่นอนว่าเขายังอยู่ในตำแหน่งแบ็กขวาในตอนที่ต้องเล่นเกมรับ แต่ตอนเล่นเกมรุกเขากลายเป็นปีกขวา จากนั้นเขาก็กลายเป็นเบอร์ 8 เบอร์ 6 เป็นเพลย์เมคเกอร์ เขาสร้างความแตกต่างให้เราได้ เขาเล่นในตำแหน่งที่แตกต่างกันในสนาม” เยอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล กล่าวถึงบทบาทของเทรนต์

ลิเวอร์พูลที่ไม่มีเทรนต์อยู่ในสนาม ทำให้ประสิทธิภาพในการครอสบอล และการสร้างโอกาสในจังหวะสุดท้ายลดลง เพราะเทรนต์คือตัวหลักที่ถูกวางไว้ให้เป็นผู้เล่นที่คอยผ่านบอลแนวลึก และครอสบอลจากด้านข้าง  เพื่อสร้างโอกาสการเข้าทำให้กับทีม

แน่นอนว่าความฉลาดในการเล่นเกมรุกของเขาคงไม่มีใครตั้งคำถามในเรื่องนี้แล้ว แต่อย่างไรก็ตาม การวิพากษ์วิจารณ์ยังคงเกิดขึ้นกับเทรนต์อยู่ตลอด เพราะการเล่นเกมรับของเขา ที่มักโดนคู่แข่งเผาเสียง่าย ๆ ตัวอย่างจากเกมที่ลิเวอร์พูล บุกไปเยือนเแมนฯ ซิตี้ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2023 ที่ผ่านมา เจเรมี่ โดกู ปีกซ้ายตัวจี๊ดของแมนฯ ซิตี้ ทำสถิติเลี้ยงบอลผ่านกองหลังของคู่แข่ง (เทรนต์) สำเร็จ 11 ครั้ง มากที่สุดในเกมพรีเมียร์ลีกนัดเดียวนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2021 ที่อดาม่า ตราโอเร่ เคยทำได้ในเกมที่เจอกับเบรนท์ฟอร์ด

ยังนับเป็นโชคดีของเทรนต์ที่ค่า XG การทำประตู และแอสซิสต์ของโดกู ต่ำมาก เขาสามารถปั่นป่วนแนวรับของลิเวอร์พูลได้ก็จริง แต่ไม่สามารถสร้างสรรค์โอกาสจากจังหวะสุดท้ายให้ดีพอที่จะกลายเป็นแอสซิสต์ หรือประตูได้ ก่อนจะแบ่งกันไปฝั่งละแต้ม จากการทำประตูตีเสมอช่วงท้ายเกมของกองหลังที่โดนคู่แข่งเลี้ยงผ่าน 11 ครั้ง  

ในเมื่อเทรนต์เป็นผู้เล่นในตำแหน่งฟูลแบ็กที่ถูกมองว่าเล่นเกมรับได้ห่วย แต่ทำไม หนึ่งในผู้จัดการทีมที่ยิ่งใหญ่แห่งยุคถึงยังยืนกรานที่จะให้เขาเล่นในตำแหน่งกองหลัง? เพราะจริง ๆ แล้วเทรนต์มีพลังงานในการเพรสซิ่งที่เยอร์เก้น คล็อปป์ต้องการ ด้วยความคล่องตัวเขาสามารถวิ่งขึ้นลงทางริมเส้นของสนามได้อย่างรวดเร็ว เพื่อชะลอการเล่นเกมรุกของฝ่ายตรงข้าม เขาใช้วิธีการป้องกันโดยหันหลังให้ประตู เพื่อปิดพื้นที่ในการจ่ายบอล หรือการพยายามพาบอลเข้าพื้นที่อันตราย และรอให้มิดฟิลด์ หรือเซ็นเตอร์แบ็ก เข้ามาซ้อนพื้นที่

สรุปง่าย ๆ คือ เทรนต์ไม่ใช่ผู้เล่นในตำแหน่งฟูลแบ็ก ที่เก่งกาจในการดวล 1 ต่อ 1 กับแนวรุกของคู่แข่ง เราจึงมักได้เห็นภาพที่เขาโดนคู่แข่งสับขาหลอกจนหลังหัก ฉะนั้นการวางแท็คติกจึงต้องมีผู้เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ และเซ็นเตอร์แบ็กที่คอยซ้อนพื้นที่ ส่วนสิ่งที่ใช้ชดเชย คือ พลังงานในการเพรสซิ่ง และประสิทธิภาพในการวางบอลยาว เพราะการสาดบอลออกจากเท้าเพียงคร้ังเดียวของเทรนต์ สามารถเปลี่ยนจากเกมรับเป็นเกมรุก และช่วยสร้างสรรค์โอกาสการเข้าทำให้กับทีม นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาจึงเป็นผู้เล่นตัวหลักของลิเวอร์พูลได้

 

อย่ากลัวความผิดพลาด

แม้ว่าเราจะเห็นเทรนต์ทำแอสซิสต์ได้เป็นกอบเป็นกำ หรือแม้กระทั่งการมีส่วนร่วมกับการทำประตู จากการจ่ายบอลของเขา แต่หากเจาะลึกลงไปในรายละเอียดเปอร์เซ็นต์การจ่ายบอลสำเร็จไม่ได้สูงมากนัก เพราะระยะการจ่ายบอลส่วนใหญ่ คือ ระยะกลาง - ไกล ที่มีโอกาสความแม่นยำในการจ่ายบอลน้อยกว่าการจ่ายระยะสั้นแบบเท้าสู่เท้า

กุญแจสำคัญที่ทำให้เทรนต์กล้าจ่ายบอลยาว เพื่อสร้างสรรค์โอกาสให้กับทีม แม้รู้ว่ามีความเสี่ยงที่ต้องแบกรับจากระยะการจ่ายก็ตาม คือ การไม่กลัวความผิดพลาด “ผมไม่เสียใจกับความผิดพลาด ผมไม่กลัวที่จะทำผิดพลาด ผมคิดว่านั่นอาจเป็นความแตกต่างของผมเมื่อเทียบกับผู้เล่นคนอื่น ๆ” เทรนต์ กล่าว “ผู้เล่นคนอื่น ๆ จะเห็นการจ่ายบอลที่เสี่ยง แล้วคิดว่ามันยังไม่ค่อยสำเร็จ และคิดแง่ลบกับความเสี่ยง ในขณะที่ผมคิดในแง่บวก”

แม้การจ่ายบอลระยะไกลมีความเสี่ยงสูงที่จะพลาดได้ แต่หากคุณมีทักษะมากพอ คุณสามารถคาดหวังกับมันได้ คือความคิดของเทรนต์ในการมองเกมฟุตบอล หากเราสามารถจ่ายบอลยาก ๆ ได้ นั่นหมายความว่าเป็นสิ่งที่อยู่เหนือความหมายของคู่แข่ง และยากต่อการตั้งรับ

ในเกมที่บุกไปเยือนวิลล่า พาร์ค ของแอสตัน วิลล่า เมื่อฤดูกาล 2022-23 ประตูขึ้นนำ 1-0 ถือเป็นการประสานงานที่ยอดเยี่ยมของสองฟูลแบ็กลิเวอร์พูล โดยเริ่มจากการตัดสินใจที่เด็ดขาดของเทรนต์ หลังจากเก็บบอลแถวสองได้ เขาตัดสินใจจ่ายบอลไซด์ก้อยอย่างรวดเร็ว ไปทางกราบขวาที่มีแอนดรู โรเบิร์ตสัน ยืนรออยู่ ก่อนจะตบบอลเข้าข้างในแบบไม่ต้องจับให้โม ซาลาห์ วิ่งเข้ามาแท็บอินโล่ง ๆ 

เทรนต์ยังได้ออกมาเปิดใจถึงจังหวะการสร้างสรรค์เกมรุกในครั้งนั้นว่า “ก่อนอื่นเลย ผมต้องประเมินว่าผมมีเวลาเท่าไหร่ เพราะกำลังมีคนวิ่งเข้ามาหาผม จากนั้นจึงคิดต่อว่า ผมจะจ่ายบอลไปตรงไหน และใช่ผมเห็นว่าต้องจ่ายไปตรงไหน”

ในฐานะฟูลแบ็กบางครั้งอาจมีเวลาเพียง 1-2 วินาที อาจมีโอกาสจับบอลเพียงหนึ่งครั้ง หรือไม่มีโอกาสจับบอลเลย ก่อนที่จะตัดสินใจจ่ายบอลออกไป การกล้าตัดสินใจจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะในฟุตบอล การชนะหรือแพ้ขึ้นอยู่กับรายละเอียดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น 

หากจังหวะนั้นพลาดคุณอาจจะแค่เสียบอล แต่หากสำเร็จจะกลายเป็นการจ่ายบอลครั้งสำคัญที่คาดหวังถึงประตูได้ การตัดสินใจที่รวดเร็วและถูกต้อง จึงสามารถสร้างความแตกต่างให้กับการแข่งขันได้

 

ส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างวิสัยทัศน์ และทักษะ

นอกจากความกล้าได้กล้าเสี่ยงในการจ่ายบอล และไม่กลัวความผิดพลาดแล้ว กุญแจสำคัญอีกส่วนที่ทำให้เทรนต์จ่ายบอลได้ดี คือ ความมั่นใจในตัวเอง และวิสัยทัศน์ในการมองเห็นเพื่อนร่วมทีม ที่ล้วนเกิดจากการฝึกฝนอย่างหนัก

นอกจากการฝึกซ้อมในสนามอย่างหนักแล้ว เทคโนโลยียังเข้ามาเป็นตัวช่วยให้ทักษะการผ่านบอลของเทรนต์มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ผ่านการทำโปรเจ็กต์ Trent’s Vision. See Better Be Better ร่วมกับ ดร. แดเนียล ลาบี ผู้เชี่ยวชาญด้านการมองเห็นด้านกีฬา โดยใช้การฝึกด้วยภาพจำลองเสมือนจริง (AR) เพื่อช่วยปรับปรุงประสาทสัมผัส เช่น การมองเห็นรอบข้างและการรับรู้เชิงลึก

เทรนต์จะต้องเข้ากระบวนการทดสอบประสิทธิภาพการมองเห็น ที่ ดร. ลาบีได้สร้าง Sports Vision Pyramid ขึ้น ซึ่งเป็นการแบ่งการมองเห็นเป็นระดับ ไล่ไปตั้งแต่การมองเห็นขั้นพื้นฐานไปจนถึงวิสัยทัศน์ของนักกีฬาที่เกิดขึ้นจริงในสนาม เพื่อทำความเข้าใจการมองเห็นของเทรนต์ จากนั้นจึงนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ เพื่อเป็นแนวทางในการปรับปรุงต่อไป

เทรนต์วางเป้าหมายในการเข้าร่วมโปรเจ็กต์ในครั้งนี้ว่า เขาจะต้องยกระดับความสามารถการจ่ายบอลของตัวเองขึ้นไปอีกขั้น “ผมวางเป้าหมายไว้เสมอ และเมื่อผมทำได้ตามเป้าหมายที่เคยวางไว้ ผมก็จะกำหนดเป้าหมายให้สูงขึ้น ในฟุตบอลเราจำเป็นต้องพัฒนา ปรับปรุงอยู่ตลอดเวลา วิธีการเล่นเมื่อ 10 หรือ 15 ปีที่แล้วต่างจากตอนนี้ มันแสดงให้เห็นว่าฟุตบอลพัฒนาและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด วิธีเดียวที่จะตามทันได้คือ ยกระดับตัวเองให้ดีขึ้น” เทรนต์ กล่าว

ในการทดสอบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ออกแบบการทดสอบให้เทรนต์ได้ใช้ประสาทสัมผัสการมองเห็น ให้ดวงตาได้ทำงานคู่กับสมอง เพื่อฝึกให้มีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างรวดเร็ว ด้วยการมองภาพที่เล็กและจางมาก ซึ่งเป็นการจำลองสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นจริงในสนาม เพราะผู้เล่นจะมีเวลาเพียงเสี้ยววินาทีในการกวาดสายตามองเพื่อนร่วมทีม จากนั้นจึงตัดสินใจจ่ายบอลออกไป ฉะนั้นสายตาจึงต้องทำงานคู่กับสมองตลอดเวลา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตัดสินใจ

“เราต้องการทดสอบว่าการมองเห็นของเขาคมชัดแค่ไหน และตานั้นประมวลผลข้อมูลภาพได้เร็วแค่ไหน เราพยายามเข้าไปในหัวของเทรนต์ เพื่อรู้ว่าระบบการมองเห็นของเขาทำอะไรได้บ้าง รวมทั้งทักษะและการตัดสินใจของเขา” ดร. แดเนียล ลาบี กล่าว

นอกจากนั้นยังได้จำลองภาพเสมือนจริง โดยใช้สถานการณ์จริงที่เทรนต์เคยจ่ายบอลหรือแอสซิสต์ในอดีต ให้เทรนต์ได้ทดลองจ่ายบอลอีกครั้ง เพื่อเปรียบเทียบการจ่ายบอล รวมทั้งเก็บข้อมูลทางสมองเพื่อนำไปประมวลผลถึงวิธีคิดก่อนจะตัดสินใจจ่ายบอล

“เราต้องการประสบการณ์เหมือนจริงที่เกิดขึ้นกับเขาในสนาม การระบุเป้าหมายโดยรู้ว่ามีช่วงเวลาสั้น ๆ ในการกำหนดเป้าหมายและเตะบอลไปยังเป้าหมายนั้น ถ้าคุณกระพริบตา คุณจะพลาด” ดร. แดเนียล ลาบี กล่าว

เทรนต์ยกให้วิสัยทัศน์ในการมองเห็นเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในสนาม เพราะสายตาที่เฉียบแหลม สามารถมองเห็นโอกาสได้ “วิสัยทัศน์เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของผู้เล่นในสนาม ผมคิดว่าผมมีวิสัยทัศน์ที่ดี เห็นในมุมมองที่คนอื่นไม่เห็น และผมได้ประโยชน์จากสิ่งนั้น” เทรนต์ กล่าว 

วิสัยทัศน์ที่ดีช่วยให้มุมมองเปิดกว้าง เห็นช่องการจ่ายที่คนอื่นไม่เห็น ทำให้สร้างโอกาสได้มากกว่า เราจึงมักเห็นเทรนต์จ่ายบอลยาก ที่เหนือความหมายของแนวรับคู่แข่งได้ ทั้งการตักบอลจากครึ่งสนามข้ามหัวแนวรับของคู่แข่ง เพื่อให้เพื่อนที่กำลังหันหน้าเข้าหาประตู เกี่ยวบอลลงมาเล่นต่อได้ เช่น ในจังหวะขึ้นนำ 1-0 เกมที่บุกไปเยือนนิวคลาสเซิล เมื่อฤดูกาล 2022-23 หรือแม้แต่การครอสบอลจากด้านข้างเข้าไปให้เพื่อนที่เราเห็นกันบ่อย ๆ ล้วนเกิดจากวิสัยทัศน์อันยอดเยี่ยมของเทรนต์

โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เพื่อนร่วมทีมที่ทำหน้าที่ร่วมกันทางฝั่งขวา ได้ออกมาชื่นชมเทรนต์ไว้ว่า  “เทรนต์มีวิสัยทัศน์ที่ยอดเยี่ยมในเกม เขามักมองหาการจ่ายบอลที่ยากที่สุดอยู่เสมอ และพยายามจะเล่นมัน ทันทีที่ผมรู้ว่าเขาได้บอล และมีพื้นที่ว่าง ผมจะวิ่งทันที เราเล่นร่วมกันได้เป็นอย่างดี และเขามักจ่ายบอลยาก ๆ ได้ เพราะวิสัยทัศน์ของเขาน่าเหลือเชื่อ”

นอกจากวิสัยทัศน์ที่ดีแล้ว เทคนิคการจ่ายก็สำคัญไม่ต่างกัน เพราะหากเราเห็นแล้วว่าควรจ่ายบอลไปตรงไหน แต่เทคนิคการจ่ายบอลไม่ดี ประสิทธิภาพในการจ่ายก็อาจลดลง บอลที่ออกไปจากเท้าจึงต้องเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว และวิถีที่จะช่วยให้เพื่อนร่วมทีมเล่นต่อได้ง่ายที่สุด

“ทุกครั้งที่ผมจะจ่ายบอล ผมต้องคิดว่าจะจ่ายยังไงให้ง่ายสำหรับเขา (ซาลาห์) ผมต้องแน่ใจว่าความเร็วของเขาและบอลที่ออกจากเท้าผมสัมพันธ์กัน การหมุนของลูกบอลจะต้องไม่ส่งผลต่อสัมผัสแรกของเขา และเขาสามารถรักษาโมเมนตัมของเขาไว้ได้เมื่อวิ่งด้วยความเร็ว สิ่งเหล่านี้คือความคิดที่แล่นเข้ามาในหัวก่อนจะจ่ายบอล” เทรนต์ กล่าว

เทคนิคของเทรนต์ไม่มีอะไรซับซ้อน เขาแค่ต้องมั่นใจว่าสมดุลร่างกายยังดีอยู่ เพื่อให้ทิศทางของบอลแม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายบอลแนวลึก หรือครอสบอลจากด้านข้างก็ตาม และส่วนใหญ่จะใช้หลังเท้าในการจ่ายบอล เพราะบอลจะมีความเร็ว ใช้เวลาเดินทางกลางอากาศน้อย ทำให้ส่งถึงเพื่อนร่วมทีมได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการครอสบอลจากด้านข้าง ที่ช่วยให้เพื่อนร่วมทีมเข้าแท็ปอินได้เลย 

 

เล่นแบ็กขวาต่อไป หรือขยับไปเล่นกองกลาง?

หลังจากที่ฤดูกาล 2022-23 ลิเวอร์พูลต้องเผชิญกับปัญหาฟอร์มการของนักเตะไม่คงที่ โดยเฉพาะในแดนกลางที่พลังงานถดถอยไป โอกาสที่จะคว้าโควตา UCL ริบหรี่ แต่ก่อนสถานการณ์จะแย่ไปกว่านั้น เกมที่ลิเวอร์พูลต้องเปิดบ้านรับการมาเยือนของอาร์เซน่อล เมื่อเดือนเมษายน 2023 ที่ผ่านมา คล็อปป์ตัดสินใจครั้งสำคัญ โดยการให้เทรนต์ขยับเข้าไปเล่นตรงกลางมากขึ้น ในตำแหน่งอินเวิร์ตฟูลแบ็ก เพื่อแก้ปัญหาแดนกลาง

ตอนเล่นเกมรับเทรนต์จะยืนในตำแหน่งแบ็กขวาตามปกติ ในแผนการยืนแบบ 4-3-3 แต่หากต้องเล่นเกมรุก เทรนต์จะต้องขยับเข้ามาด้านในเพื่อประสานงานร่วมกับผู้เล่นคนอื่นในแผงมิดฟิลด์ และยืนในระบบ 3-2-2-3

การเดิมพันของคล็อปป์ได้ผล ลิเวอร์พูลพลิกสถานการณ์จากการตามหลัง 2-0 เป็น 2-2 ได้ จากนั้นยังคว้าชัยชนะ 7 นัดรวด แต่น่าเสียดายที่การฟื้นตัวของลิเวอร์พูลช้าเกินไป จนไม่ทันตั๋ว UCL ใบสุดท้าย แต่ยังนับว่ามีเรื่องที่ดี เพราะคล็อปป์ได้ค้นพบไพ่ตายใบใหม่ จากการขยับเทรนต์เข้าพื้นที่ตรงกลาง เขาทำได้ 7 แอสซิสต์ ใน 10 เกมสุดท้ายของพรีเมียร์ลีก หลังเปลี่ยนตำแหน่งการเล่น ในขณะที่ทุกนัดก่อนหน้านั้นทำได้เพียง 2 แอสซิสต์ 

เทรนต์ เปิดใจถึงตำแหน่งใหม่ที่ได้เล่นว่า “ในตำแหน่งแบ็กขวา ผมทำงานได้เพียงในด้านขวาของสนามเท่านั้น ผมไม่เคยได้ทำทางด้านซ้ายเลย แต่ตำแหน่งนี้เปิดทั้งสนามให้ผม ทำให้สามารถกำหนดทิศทางของเกมได้ ว่าเราต้องโจมตีตรงไหน โจมตียังไง และด้วยความเร็วเท่าไหร่ แม้ผมจะรู้สึกว่าผมสามารถกำหนดและควบคุมเกมจากแบ็กขวาได้ แต่ตำแหน่งนี้เป็นอีกมิติหนึ่งของเกม”

ไม่ว่าจะลงเล่นในตำแหน่งแบ็กขวา หรืออินเวิร์ตฟูลแบ็ก ประสิทธิภาพในเกมรุกของเทรนต์ยังไม่หดหาย 1 แอสซิสต์ ในเกมที่ลิเวอร์พูล เปิดบ้านเอาชนะเบิร์นลีย์ 3-1 เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ช่วยให้เทรนต์กลายเป็นกองหลังที่ทำแอสซิสต์ได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก โดยทำไปทั้งสิ้น 58 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 219 นัด ถือครองสถิติร่วมกับคู่หูฟูลแบ็กของเขาที่ลงเล่นร่วมกันมาหลายปีอย่าง แอนดรู โรเบิร์ตสัน ที่เพิ่งทำเพิ่มได้อีก 1 แอสซิสต์ สด ๆ ร้อน ๆ ในเกมที่ลิเวอร์พูล เอาชนะลูตัน ทาวน์ 4-1 เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา กลายเป็น 58 
แอสซิสต์ เท่ากัน จากการลงสนาม 265 นัด

คำถามต่อมาจึงเกิดขึ้นอีกครั้ง ในเมื่อเทรนต์เล่นในตำแหน่งอินเวิร์ตฟูลแบ็กได้ดี เขามีทักษะในแบบที่มิดฟิลด์มี เพราะตอนเยาวชนเทรนต์เติบโตมาจากตำแหน่งมิดฟิลด์ แถมเกมรับในตำแหน่งแบ็กขวายังเป็นปัญหาอยู่เนือง ๆ ฉะนั้นแล้วทำไมคล็อปป์ จึงไม่ขยับเทรนต์ เข้าไปเล่นในตำแหน่งกองกลางไปเลย ?

อีกทั้งยังได้รับคำชื่นชมมากมายจากรุ่นพี่นักฟุตบอล สตีฟ แม็คมานามาน อดีตนักเตะลิเวอร์พูล กล่าวชื่นชนเทรนต์ “เทรนต์มีพรสวรรค์ในการเล่นกองกลาง ระยะการจ่ายบอลของเขานั้นเหลือเชื่อ ดีพอ ๆ กับกองกลางทุกคนในพรีเมียร์ลีก เทรนต์ควรเปลี่ยนไปเล่นในตำแหน่งกองกลาง เพราะ มันหมายถึง การให้หนึ่งในผู้เล่นที่จ่ายบอลได้ดีที่สุดของคุณมีโอกาสทำลายคู่แข่ง” 

แกรี่ เนวิลล์ อดีตแบ็กขวาของแมนฯ ยูไนเต็ด เป็นอีกหนึ่งคนที่เห็นพ้องให้ดันเทรนต์ขึ้นไปเป็นมิดฟิลด์เต็มตัว “ลิเวอร์พูลมี เดวิด เบ็คแฮม หรือ เควิน เดอ บรอยน์ ในตำแหน่งแบ็กขวา เขา (เทรนต์) ยอมรับด้วยซ้ำว่าไม่แน่ใจในตำแหน่งที่ดีที่สุดของเขาอีกต่อไป”

ตัวของเทรนต์เองก็ได้ออกมายอมรับว่าเขาชื่นชอบที่จะเล่นในตำแหน่งนี้ แต่ถึงกระนั้นเจ้าตัวยังมองว่า ไม่สำคัญว่าเขาต้องเล่นในตำแหน่งไหน สิ่งที่สำคัญกว่าคือเขาได้ควบคุมเกม และสร้างประโยชน์ให้กับทีม “มันไม่ได้สำคัญมากนักว่าผมจะเป็นฟูลแบ็กหรือกองกลาง ผมเป็นแค่นักเตะที่ต้องการได้บอลและต้องการควบคุมเกม นั่นคือสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับนักเตะแบบผม” เทรนต์ กล่าว

เยอร์เก้น คล็อปป์ นายใหญ่ของทีมหงส์แดง ก็ได้ออกมายอมรับว่าเทรนต์เป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ และทักษะที่ดีพอในการเล่นกองกลาง แต่ถึงอย่างนั้นคล็อปป์ก็ยังไม่เห็นด้วยกับการดันเทรนต์ขึ้นไปเป็นกองกลาง โดยกล่าวว่า “เรารู้ว่าเขาเล่นได้ (ในตำแหน่งกองกลาง) แต่ถ้าเราส่งเขาไปตรงนั้น (อย่างถาวร) เราจะสูญเสียแบ็กขวาที่ดีที่สุดในโลกคนหนึ่งไป ดังนั้นเราจึงไม่ควรลืมเรื่องนั้นไป”

แต่แล้วในที่สุดคล็อปป์ก็ได้ตัดสินใจดันเทรนต์ขึ้นไปเป็นกองกลางของทีมอย่างเต็มตัว แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ เพียง 15 นาที ในเกมเอฟเอ คัพ รอบ 3 ที่ ลิเวอร์พูล บุกไปชนะ อาร์เซน่อล 2-0 โดยส่งแบ็กขวาดาวรุ่ง คอนเนอร์ แบรดลี่ย์ ลงเล่นแทนเทรนต์ แล้วดันเทรนต์ขึ้นไปเป็นมิดฟิลด์ และถือว่าเป็น 15 นาทีที่ดีของทั้งคู่

การปรากฏตัวของแบรดลี่ย์ อาจเปลี่ยนใจเยอร์เก้น คล็อปป์ได้ เพราะแต่เดิมนั้นคล็อปป์ไม่เพียงแค่เสียดายเทรนต์ในตำแหน่งแบ็กขวา แต่เพราะยังไม่มีใครมาทดแทนเทรนต์ในตำแหน่งนี้ได้ แต่ตอนนี้เด็กดาวรุ่งที่ลิเวอร์พูลเลือกผลักดันขึ้นกำลังโชว์ผลงานได้ดี ไม่แน่ว่าในอนาคตหากพวกเขาพร้อมลงสนามทั้งคู่ เราอาจได้เห็น เทรนต์ ขยับขึ้นมาเล่นในบทบาทมิดฟิลด์ตัวทำเกมให้ ลิเวอร์พูล มากขึ้น 

 

แหล่งอ้างอิง :

https://www.thisisanfield.com/2023/02/i-dont-fear-mistakes-trent-alexander-arnolds-positive-approach-to-passing/
https://themastermindsite.com/2022/10/09/the-multiple-layers-of-trent-alexander-arnold/
https://www.redbull.com/int-en/trents-vision-what-we-learned
https://theathletic.com/5068708/2023/11/20/liverpool-trent-alexander-arnold-passing-role/
https://onefootball.com/en/news/trents-secret-to-perfect-passing-revealed-38366466
https://www.coachesvoice.com/cv/trent-alexander-arnold-liverpool-england/
https://www.redbull.com/int-en/theredbulletin/trent-alexander-arnold-visions-perfect-pass
https://theanalyst.com/eu/2023/12/what-is-trent-alexander-arnold-and-does-it-matter/
https://www.goal.com/en/lists/trent-alexander-arnold-best-position-liverpool-midfield-right-back/bltfe442f170cb7b43d#csc85d956a79db34df

Author

กมลธิชา จันทร์เอียด

หนูรู้สึกง่วงตลอดเวลา ยกเว้นตอนดู "ลิเวอร์พูล" ทีมรักของหนูลงแข่ง

Graphic

อภิสิทธิ์ โชติพิบูลย์ทรัพย์

Art Director ผู้รับเหมางานภาพกราฟิกหน้าปกบทความทุกชิ้น