Feature

บิดาแห่งความเกือบ : อาการแม่น เสา-คาน ของ นูนเญซ มันบังเอิญหรือตั้งใจ? | Main Stand

4 หนในเกมเดียวคือสถิติใหม่ที่ถูกจารึกบนเวทีพรีเมียร์ลีกของ ดาร์วิน นูนเญซ กองหน้าของ ลิเวอร์พูล ที่ซัดโดนเซาและคานรวมกัน 4 ครั้งในเกมที่ ลิเวอร์พูล เปิดบ้านชนะ เชลซี 4-1

 

คำถามหลังจากสถิติดังกล่าวคือ การยิงชนเสา - คาน แบบนี้ มันถือเป็นเรื่องนยากหรือง่าย เพราะทั้ง ๆ ที่ปากประตูใหญ่โตกว่าเยอะแต่เขายังยิงให้โดนเสาได้มากขนาดนี้

และคำถามที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นคือทำไมนักเตะอย่าง ดาร์วิน นูนเญซ ถึงเป็นกองหน้าที่ "เกือบยิงเข้า" อยู่บ่อย ๆ ... นี่คือเรื่องเราที่เราจะเอาทั้งคณิตศาสตร์และฟุตบอลศาสตร์มาหาคำตอบให้กับคุณ

 

ยิงโดนเสามันยากขนาดไหน?

เสาประตูโกล์ฟุตบอล มีขนาดกว้าง 7.32 เมตร สูง 2.44 เมตร ... มองจากตัวเลขนี้บอกได้คำเดียวว่ามันกว้างมาก ๆ ชนิดที่ว่าถ้าไม่มีผู้รักษาประตู หรือไม่มีใครมาขวางการเตะฟุตบอลให้เข้าประตูจึงไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย

แต่ในโลกของฟุตบอลอาชีพที่ทุกคนพร้อมจะเข้าหาบอลกันในทุก ๆ เสี้ยววินาที และเพียงแม้แต่คุณใช้เวลาตัดสินใจทำอะไรช้าไปเพียงอึดใจเดียว โอกาสที่พวกเขาจะเข้าถึงตัวและชิงโอกาสยิงประตูของคุณไปก็จะเกิดขึ้นในทันทีเช่นกัน

การโดนบีบ หรือเข้าปะทะ คือการทำให้วิถีลูกบอลที่ออกจากเท้าของนักเตะคลาดเคลื่อน... แต่การยิงชนเสา-คาน แบบเกมเดียว 4 ลูกแบบที่ นูนเญซ ทำเนี่ย มันเป็นเรื่องของความเข้มข้นของเกมอย่างเดียวหรือไม่?

โชคดีที่เรื่องนี้มีการคำนวณทางวิทยาศาสตร์ โดยเว็บไซต์ amathsteacherwrites.co.uk ที่เป็นศูนย์รวมของนักคณิตศาสตร์ เคยเขียนถึงเรื่อง "การยิงชนเสาคาน" เอาไว้ว่าโอกาสยิง ชนเสาและคานจากระยะหวังผล ต่อ 1 ครั้งอยู่ที่เพียง 0.2% เท่านั้น ในกรณีที่เล็งยิงให้เข้า ไม่ได้เล็งเสาตั้งแต่แรก นี่คือโอกาสที่น้อยมาก ๆ จนชนิดที่คุณสามารถใช้คำว่า "ดวงซวย" ได้เลยด้วยซ้ำ

แต่ในความจริงอย่างที่ได้บอกไว้ว่าฟุตบอลระดับสูงนั้นไม่มีใครปล่อยให้คุณยิงง่าย ๆ มันจะมีคนคอยมาขวาง มีผู้รักษาประตูคอยปัด มีความกดดันที่เกิดขึ้นรอบตัว ดังนั้น โอกาสจาก 0.2% ที่นักคณิตศาสตร์ คำนวนไว้ก็คาดเคลื่อนเพราะมันจะเพิ่มขึ้นอีกเยอะเลยทีเดียว โดยมีตัวอย่างจากการบันทึกสถิติของ 2 นักเตะที่ดีที่สุดในโลกในทศวรรษที่ผ่านมาอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ ลิโอเนล เมสซี

สถิติดังกล่าวเกิดขึ้นในปี 2013 โดยในฤดูกาลนั้น Whoscored บันทึกเอาไว้ว่า โรนัลโด้ มีโอกาสยิงทั้งหมด 235 ครั้ง ยิงได้ 34 ประตู และมีถึง 11 ครั้งที่เขายิงชนเสาหรือคาน โดยคิดเป็น % จะอยู่ที่ 4.6%

ขณะ ที่ ลิโอเนล เมสซี่ นั้น ยิงได้ 46 ประตูในเกมลา ลีก้า จากโอกาสยิง 163 ครั้ง โดยมีการยิงชนเสาและคานเท่า โรนัลโด้ ที่ 11 ครั้ง คิดเป็น % จะอยู่ที่ 6.7%

เรื่องนี้มันพอจะสรุปได้ว่าแม้แต่นักเตะที่ดีที่สุดในโลกก็มีโอกาสยิงบอลเข้าไปชนเสาที่มีโอกาสเพียง 0.2% อยู่บ่อย ๆ เพราะฟุตบอลไม่ใช่คณิตศาสตร์ หลายอย่างถูกตัดสินจากหลาย ๆ ปัจจัยดังที่กล่าวมาข้างต้น

ดังนั้นสำหรับหากเราลองคำนวณการยิงชนเสาคานของ นูนเญซ ในพรีเมียร์ลีกปีนี้ 21 นัด (เวลาทั้งหมด 1,299 นาที) เขามีโอกาสยิงทั้งหมด 72 ครั้ง และยิงชนเสาไปแล้วถึง 9 ครั้ง ถ้าคิดเป็น % นูนเญซ ชนะ โรนัลโด้ และ เมสซี่ ในยุคทองขาดลอย นั่นคือโอกาสยิงชนเสา-คานของเขาอยู่ที่ 12.5% เลยทีเดียว

คุณจะเห็นได้ว่าคุณภาพของนักเตะนั้นมีสิทธิ์ทำให้เปอร์เซ็นต์การยิงชนเสา-คาน ลดลงได้ มันแสดงให้เห็นความคุณไม่ควรโทษความซวยเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ... เพราะทักษะของผู้ยิงประตูก็สำคัญไม่แพ้กับเรื่องดวงด้วย

 

บิดาแห่งความเกือบ

ทำไม ดาร์วิน นูเญซ ถึงยิงชนเสาเกือบจะเท่า เมสซี่ กับ โรนัลโด้ ทั้งที่โอกาสยิงน้อยกว่าเกินครึ่งด้วยซ้ำ คำตอบนี้ไม่ต้องใช้คณิตศาสตร์มาคำนวนให้ยาก มันคือเหตุผลด้านฟุตบอล สิ่งที่ตอบง่ายมากที่สุดคือสิ่งที่เราเรียกว่า "สัญชาตญาณกองหน้า" นั่นคือเมื่อโอกาสมาถึงนักเตะที่มีสัญชาติญาณกองหน้าสูงจะไม่ปล่อยให้โอกาสนั้นสูญเปล่า

ไม่ใช่ว่า นูนเญซ ไม่มีสัญชาตญาณ เพราะสิ่งหนึ่งที่คุณต้องยอมรับเลยคือเขาเป็นคนที่หาพื้นที่หาโอกาสยิงประตูได้เก่งมาก ง่ายที่สุดคือการเทียบกับ โม ซาลาห์ เพื่อนร่วมทีมของเขา โดยใน ซีซั่น 2023-24 นี้ ซาลาห์ ที่ลงสนามไป 20 เกม (1,744 นาที) มีโอกาสยิงประตู 65 ครั้ง แต่ ซาลาห์ เปลี่ยนเป็นประตูได้มากถึง 14 ประตู และยิงชนเสาเพียงแค่ 2 ครั้งเท่านั้น

นูเญซ ลงเล่นด้วยนาทีในสราน้อยกว่า ซาลาห์เกือบ 450 นาที แต่เขาสามารถหาโอกาสยิงได้มากกว่า ซาลาห์ 7 ครั้ง ... สถิตินี้ประจักษ์ว่าบนการยิงประตูผิดพลาดของเขา ก็แลกมากับการอยู่ถูกที่ถูกเวลา และหาพื้นที่ให้ตัวเองได้ลุ้นประตูตัวเองเสมอ ... ซึ่งเรื่องนี้ (การหาพื้นที่-อยู่ถูกที่ถูกเวลา) ถือเป็นสิ่งที่สอนกันไม่ได้ มันเป็นเซ้นส์เฉพาะตัว ซึ่งการที่ ดาร์วิน นูเญซ มีเซ้นส์แบบนี้ถือว่าเขามีฐานที่ดี พร้อมสำหรับการต่อยอดในขั้นตอนถัดไป ... นั่นคือการเป็นกองหน้าที่เยือกเย็นยิ่งกว่านี้

เบน แม็คอาเลอร์ นักเขียนของ เดอะ การ์เดี้ยน เรียก นูนเญซ ว่า "ตัวแทนแห่งความโกลาหล" โดยเอธิบายเพิ่มว่า "ปัญหาของ ดาร์วิน อยู่ที่ความสงบและเยือกเย็น เขาขาดสองสิ่งนี้แหละ"

"แต่เขาในตอนนี้ถือว่าดีขึ้นกว่าตอนที่มาใหม่ ๆ มากแล้ว ณ ตอนนั้นเขามีแต่สัญชาตญาณ และเลือกตัดสินใจตามสัญชาตญาณที่ตัวเองมี จนลืมคิดไปว่าจริง ๆ แล้วเขาอาจจะมีเวลาราว 1 วินาทีในการคิดทบทวนสถานการณ์รอบตัว และเล็งเป้าให้แม่นยำมากขึ้น"

สิ่งที่ เบน อธิบายเชื่อว่าน่าจะทำให้ใครหลายคนที่เคยเห็น ดาร์วิน นูเญซ เล่นนึกภาพออก เขาแข็งแรง ปราดเปรียว ดุดัน แต่ก็มีหลายครั้งที่ทำให้คนดูต้องบ่นในใจว่าไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ ซึ่งนำมาสู่การเล่นจังหวะสุดท้ายที่ผิดพลาด ซึ่งการยิงชนเสา คาน ก็เกิดจากความเยือกเย็นเช่นกัน ตัวอย่างความเยือกเย็นที่ยกเป็นตัวอย่างชัด ๆ ได้คือ ลูกยิงแต่ละลูกของ โม ซาลาห์ คุณจะเห็นได้เลยว่าถ้าไม่ใช่ลูกยิงที่จำเป็นต้องเล่นจังหวะเดียวจริง ๆ ซาลาห์ จะเป็นคนที่จะใช้เวลาชั่วอึดใจ ในการเล็งหรือจับบอลก่อนสัก 1 ครั้ง เพื่อให้เกิดความชัวร์เมื่อบอลออกจากเท้า ... ถ้าเรียกตามภาษาฟุตบอลก็ต้องบอกว่าเป็นนักเตะที่แต่งตัวรอ ก่อนบอลจะมาถึง มีการมอง มีการคาดการณ์ล่วงหน้าก่อนแล้วว่าจะดีไซน์การยิงออกมาอย่างไร

ดังนั้นการยิงโดนเสาหรือคาน เราจึงไม่ได้เห็นจากนักเตะอย่าง ซาลาห์ บ่อย ๆ ... สถิติของ ซาลาห์ ในการเล่นพรีเมียร์ลีกให้ ลิเวอร์พูล คือ 251 นัด มีโอกาสยิงมากกว่า 891 ครั้ง ... แต่เขายิงชนเสา-คาน ทั้งหมดเพียง 21 ครั้ง ตลอดระยะเวลา 7 ปี ... คิดเป็นเปอร์เซ็นต์การโดนเสา-คาน เพียง 2% เท่านั้น เรียกง่าย ๆ ว่าห่างจากค่าเฉลี่ยทางคณิตศาสตร์ไม่เยอะ จึงยกมาเป็นตัวอย่างของเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดีว่าความเยือกเย็น กับคุณภาพของนักเตะที่ยิงประตูนั้นส่งผลต่อความแม่นเสา-คาน อย่างเลี่ยงไม่ได้

 

แก้ไขได้หรือไม่?

แล้ว นูนเญซ จะเป็นอย่างนี้ตลอดไปหรือแก้ไขอะไรได้หรือไม่? คำตอบนี้ไม่ยากเลย ว่าทุกอย่างสามารถแก้ไขและพัฒนาได้ โดยเฉพาะนักฟุตบอลที่อยู่ในวัยหนุ่มอย่าง นูนเญซ

ตอนนี้ นูนเญซ มีในสิ่งที่กองหน้าหลายคนไม่มีคือการพาตัวเองเข้าไปหาโอกาส ในอายุ 24 ปี กับผลงานที่เขาทำกับ ลิเวอร์พูล ก็นับว่าไม่เลวร้ายอะไรเลย เพราะนักเตะที่มายิงประตูกันเยอะ ๆ ระดับดาวซัลโว ล้วนต้องสะสมประสบการณ์กันทั้งสิ้น คุณสามารถเอาสถิติของนักเตะที่ยืนระยะได้ตั้งแต่หนุ่มยันแก่ โดยเฉพาะในตำแหน่งตัวยิงประตูคุณจะพบว่า ในช่วงวัยที่พวกเขาอายุใกล้ ๆ 30 หรือ 30 ปีขึ้นไป นักเตะหลายคนมีสถิติการยิงประตูที่ดีกว่าตอนที่พวกเขาเป็นหนุ่ม

ซาลาห์, เมสซี่, โรนัลโด้, ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา, เธียร์รี่ อองรี, แฮร์รี เคน, โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้, คาริม เบนเซม่า, ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ... นี่คือรายชื่อนักเตะที่ยิงประตูตอนอายุ 30 ปี ได้มากกว่าตอนหนุ่ม ๆ ทั้งสิ้น

นี่ไม่ใช่การบอกว่า ดาร์วิน จะเป็นเหมือนกับตำนานเหล่านี้ได้ 100% แต่มันขึ้นอยู่กับเขาว่า ความผิดพลาดหรือการยิงโดนเสา-คาน แต่ละครั้งสอนอะไรให้กับเขาบ้าง และเขาหยิบมันมาเป็นบทเรียนเพื่อแก้ไขสิ่งที่ตัวเองเป็นหรือเปล่า

ยอดกองหน้าในอดีตหลายคนพูดถึง ดาร์วิน ในแบบเดียวกันคือการหาโอกาสยิงประตู และหลายคนก็บอกว่าสิ่งเหล่านี้จะแก้ไขได้ในอนาคต ยกตัวอย่างเช่น แกรี่ ลินิเกอร์ ตำนานดาวยิงทีมชาติอังกฤษที่ชม นูนเญซ หลังเกมยิงชนเสาคาน 4 ลูกว่า

"ในฐานะอดีตกองหน้า หนึ่งในนักเตะที่ผมชื่นชอบมากที่ลิเวอร์พูล ก็คือดาร์วิน นูนเญซ เขาพลาดโอกาสไปมากมาย แต่เขาไปอยู่ในตำแหน่งที่ได้พลาดโอกาสเหล่านั้นมากกว่าใครหน้าไหนในลีก ผมสัมผัสได้เลยนะว่า สำหรับเขาแล้วมันจะมาถึง (ประตู) " ลินิเกอร์ กล่าว

ส่วน อลัน เชียร์เรอร์ นักเตะเจ้าของสถิติยิงประตูในพรีเมียร์ลีกมากที่สุดตลอดกาลก็บอกเหมือนกันว่า "นูนเญซ ยังมีเวลาอีกมากที่จะก้าวขึ้นไปเป็นกองหน้าระดับโลก เขามีคุณสมบัติทั้งหมดที่บ่งบอกว่าเขาสามารถเป็นได้ และเขามีคนที่มีความรู้มากมายที่ ลิเวอร์พูล เพื่อช่วยให้เขาไปถึงจุดนั้น รวมถึงแฟนบอลที่ยังคงสนับสนุนเขา"

"การทุ่มเททำงานของนักเตะรายนี้ไม่ธรรมดา เขาคือฝันร้ายของกองหลังที่ต้องเล่นด้วย ความเร็วและพลังของเขาน่าประทับใจมาก แถมการตัดสินใจที่จับทางได้ยากของเขาก็ยิ่งทำให้เขาอ่านได้ยากขึ้นมากๆ ไปอีกต่างหาก"

ยิ่งเรียนรู้ไวก็แก้ไขได้ไว การยิงชนเสาหรือคาน ทั้ง ๆ ที่คาดหวังว่าจะเป็นประตูไม่ใช่แค่ความซวยดังที่ได้กล่าวไป สิ่งเหล่านี้แก้ไขได้ด้วยการซักซ้อม ประสบการณ์ และการจัดการด้านอารมณ์ ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

และเมื่อยอดกองหน้าในอดีตต่างมีความเห็นในทิศทางเดียวกันแบบนี้ ก็ย่อมน่าคิดว่าหากวันนั้นมาถึงจริง ดาร์วิน นูนเญซ จะเป็นกองหน้าที่ยิงประตูได้มากขนาดไหน... จะบอกลาตำแหน่ง "บิดาแห่งความเกือบ" ได้หรือไม่ ทั้งหมดอยู่ที่ตัวเขาเท่านั้น ความซวยและโชคชะตาไม่เกี่ยว...

 

แหล่งอ้างอิง

https://www.whoscored.com/Articles/L5VcObZr3Euz8-ixbGIvsw/Show/Team-Focus-Does-Hitting-The-Woodwork-More-Equate-To-Success
https://www.theguardian.com/football/2018/may/16/what-is-the-most-times-a-team-has-hit-the-woodwork-in-one-game-the-knowledge
https://www.theguardian.com/football/who-scored-blog/2024/jan/31/darwin-nunez-evolved-at-liverpool-in-mohamed-salah-absence
https://theathletic.com/5131012/2023/12/14/liverpool-darwin-nunez-fix-analysis/

Author

ชยันธร ใจมูล

นักเขียนลูกสอง จองเรื่องฟุตบอลและมวยโลก รู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่เขียนแล้วอินทุกเรื่อง

Photo

วัชพงษ์ ดวงแปง

Main Stand's Backroom staff

Graphic

อรรนพ สะตะ

graphic design ผู้ชื่นชอบกีฬาฮอกกี้, เกมส์, เดินเขา เป็นชีวิตจิตใจ