Feature

จอนนี่ อีแวนส์ : การกลับบ้านของศิษย์เฟอร์กี้ ในวันที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่เหมือนเดิม | Main Stand

ตลาดซื้อขายนักเตะช่วงซัมเมอร์ฤดูกาล 2023/24 "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำเรื่องฮือฮา ด้วยการเซ็นสัญญาคว้าตัว ปราการหลังจอมเก๋าวัย 35 ปีอย่าง จอนนี่ อีแวนส์ มาร่วมทัพอย่างเป็นทางการ หลังจากที่เพิ่งหมดสัญญากับ "จิ้งจอกสยาม" เลสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งเป็นการ "รีเทิร์น" กลับสู่ต้นสังกัดเก่าอีกครั้งในรอบ 8 ปี ของเจ้าตัว 

 

แฟนบอลทัพ "ปีศาจแดง" ส่วนใหญ่คงไม่มีใครคาดคิดว่า จอนนี่ อีแวนส์ จะได้ลงสนาม มากนักให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เนื่องจากเขาถูกดึงตัวเข้ามาในฐานะผู้เล่น "แบ็คอัพ" ในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็กของทีม

แต่ด้วยปัญหาอาการบาดเจ็บที่รุมล้อมเหล่านักเตะในเกมรับของทีม ส่งผลให้ จอนนี่ อีแวนส์ ก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นตัวหลักในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็กของทีม โดยในฤดูกาล 2023/24 เจ้าตัวได้รับโอกาสลงสนามไปมากถึง 12 นัด และยังเป็นนักเตะในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ก ที่ลงสนามให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มากที่สุดของทีมในเวลานี้

Main Stand ขอนำเสนอเรื่องราวของ จอนนี่ อีแวนส์ ชายผู้ที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะได้กลับมาเผชิญความท้าทายครั้งใหม่ที่บ้านหลังเดิมอีกครั้งในวัย 35 ปี ติดตามไปพร้อมกันได้ที่นี่

 

จากเบลฟาสต์ สู่แมนเชสเตอร์

จอนนี่ อีแวนส์ เกิดเมื่อวันที่ 3 มกราคม 1988 ที่เมืองเบลฟาสต์ ไอร์แลนด์เหนือ คุณพ่อและคุณแม่ของเขา ได้ปลูกฝังอาชีพฟุตบอลให้กับ จอนนี่ อีแวนส์ ตั้งแต่ยังเป็นวัยเยาว์ โดยเริ่มจากส่งไปเรียนที่ Bellfast High School โรงเรียนชื่อดังเกี่ยวกับกีฬาฟุตบอลของไอร์แลนด์เหนือ 

หลังจากที่ จอนนี่ อีแวนส์ ได้ฝึกฝนวิชาการเล่นฟุตบอลกับทีมโรงเรียน และยังสร้างชื่อเสียงให้กับโรงเรียน Bellfast High School ได้มากมาย คุณพ่อและคุณแม่ของเขา จึงตัดสินใจพา จอนนี่ อีแวนส์ เข้าไปคัดตัวกับสโมสร กรีนไอร์แลนด์ เอฟซี สโมสรฟุตบอลอคาเดมี่ ในไอร์แลนด์เหนือ 

ซึ่ง จอนนี่ อีแวนส์ ก็ไม่ทำให้คุณพ่อและคุณแม่ของเจ้าตัวต้องผิดหวัง เขาโชว์ฝีเท้าได้อย่าง ยอดเยี่ยมจนผ่านการคัดตัว และได้เซ็นสัญญากับสโมสร กรีนไอร์แลนด์ เอฟซี 

การมาอยู่กับสโมสร กรีนไอร์แลนด์ เอฟซี เปรียบเสมือนจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญมากที่สุด ในชีวิตของเจ้าตัวเลยก็ว่าได้ เนื่องจาก ในช่วงวัย 9 ขวบ จอนนี่ อีแวนส์ ได้เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลเยาวชนทัวร์นาเมนต์ของประเทศไอร์แลนด์เหนือ ซึ่งเป็นการแข่งขันบรรดาแมวมองประจำสโมสรต่าง ๆ เข้ามาดูการแข่งขันในรายการนี้เพื่อหาเด็กปั้นเข้าทีม

และในทัวร์นาเมนต์ดังกล่าวของ จอนนี่ อีแวนส์ ได้โชว์ผลงานออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งเพียงพอที่จะเข้าตาแมวมองของสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 

จอนนี่ อีแวนส์ จึงได้รับโอกาสครั้งสำคัญในการทดสอบฝีเท้าเพื่อเข้าสู่ทีมอคาเดมี่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นเวลา 1 ปี 

โดยตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ จอนนี่ อีแวนส์ เข้ามาร่วมฝึกซ้อมกับทีมอคาเดมี่ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จอนนี่ อีแวนส์ ได้โชว์ศักยภาพทุกอย่างที่มีออกมาให้ทีมงานสตาฟฟ์โค้ชได้เห็น ในระดับที่ยอดเยี่ยม และอีกหนึ่งจุดเด่น ของเจ้าตัวนั่นคือ สรีระร่างกายที่สูงใหญ่เกินอายุมากกว่าเด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน 

ส่งผลให้ จอนนี่ อีแวนส์ ผ่านการคัดเลือกเข้ามาเป็นหนึ่งในสมาชิกของทีมอคาเดมี่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดอย่างเต็มตัว

 

เก็บเกี่ยวประสบการณ์

จอนนี่ อีแวนส์ ใช้เวลาฟูมฟักอยู่กับทีมอคาเดมี่ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จนถึงปี 2006 ก่อนที่จะถูกส่งยืมตัวไปอัพเลเวลเพิ่มเติมกับสโมสร รอยัล อันท์เวิร์ป ในประเทศเบลเยียม พร้อมกับเพื่อนร่วมรุ่นอคาเดมี่อย่าง แดนนี่ ซิมป์สัน

แต่ด้วยอายุที่ยังน้อยของเจ้าตัวในเวลานั้น จึงเป็นสาเหตุให้ทั้ง จอนนี่ อีแวนส์ และ แดนนี่ ซิมป์สัน ไม่ได้รับโอกาสลงสนามแม้แต่นัดเดียวให้กับ รอยัล อันท์เวิร์ป ก่อนจะถูกส่งกลับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังจบครึ่งฤดูกาล

โดยในครึ่งฤดูกาลหลัง จอนนี่ อีแวนส์ ถูกปล่อยยืมตัวอีกหนึ่งครั้ง ซึ่งในครั้งนี้ถูกส่งไปยืมตัวกับ "แมวดำ" ซันเดอร์แลนด์ สโมสรในศึกแชมป์เปี้ยนชิพ ประเทศอังกฤษ 

แต่การถูกปล่อยมายืมตัวครั้งนี้ เจ้าตัวก็ยังไม่ได้รับโอกาสลงสนามให้กับทีมชุดใหญ่อีกเช่นเคย โดยส่วนใหญ่ จอนนี่ อีแวนส์ มักจะถูกส่งลงสนามกับทีมเยาวชนของ ซันเดอร์แลนด์

ซึ่งการลงมาเล่นให้กับทีมเยาวชนของ ซันเดอร์แลนด์ เจ้าตัวโชว์ฟอร์มการเล่นได้อย่างไฉไลเป็นอย่างมาก คว้ารางวัลผู้เล่นเยาวชนยอดเยี่ยมแห่งปีประจำฤดูกาล 2006/07 ของสโมสรซันเดอร์แลนด์ ด้วยฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมนี่เอง เป็นสาเหตุให้ซันเดอร์แลนด์ ตัดสินใจ เลือกที่จะขอยืมตัว จอนนี่ อีแวนส์ เพิ่มอีกหนึ่งฤดูกาล

ฤดูกาลถัดมา จอนนี่ อีแวนส์ ได้รับโอกาส "เดบิวต์" กับทีมชุดใหญ่ของ ซันเดอร์แลนด์ เป็นครั้งแรก แม้ว่าตลอดฤดูกาล 2006/07 จอนนี่ อีแวนส์ จะได้รับโอกาสลงสนามให้กับ ต้นสังกัดไปเพียง 15 นัดเท่านั้น 

แต่เขาก็ยังมีส่วนร่วมในฤดูกาลดังกล่าวเป็นส่วนสำคัญ ในช่วงท้ายฤดูกาล พา ซันเดอร์แลนด์ เข้าป้าย ด้วยการจบเป็นอันดับที่ 1 คว้าแชมป์ฟุตบอลแชมเปี้ยนชิพ ได้สิทธิ์เลื่อนชั้นขึ้นสู่ พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาลต่อมา

ด้วยฟอร์มการเล่นที่พัฒนายกระดับขึ้นมาของเจ้าตัว ในวัย 20 ปีบริบูรณ์ จึงส่งผลให้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตัดสินใจเลือกที่จะเก็บ จอนนี่ อีแวนส์ เอาไว้เป็นหนึ่งในผู้เล่นชุดใหญ่ของทีม ประจำฤดูกาล 2008/09

 

ส่วนหนึ่งของทีมปีศาจแดง

ในช่วง 2-3 ปีแรก ภายใต้สีเสื้อทีมชุดใหญ่ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ช่วงเวลาส่วนใหญ่ของ จอนนี่ อีแวนส์ มักจะเป็นเพียงตัวเลือกในม้านั่งตัวสำรองเท่านั้น เนื่องจากคู่เซนเตอร์แบ็ก ตัวหลักในช่วงเวลานั้นยังเป็นสัมปทานของสุดยอดกองหลังในตำนานของทีมอย่าง ริโอ เฟอร์ดินานด์ และ เนมานย่า วิดิช 

ซึ่ง จอนนี่ อีแวนส์ ได้ออกมากล่าวยกย่อง ริโอ เฟอร์ดินานด์ และ เนมานย่า วิดิช ว่าเปรียบเสมือนอาจารย์ของเขาในหลาย ๆ ด้าน โดย จอนนี่ อีแวนส์ ได้เปิดเผยความในใจ ผ่านรายการ Tnt Sports เอาไว้ว่า

"ผมคิดว่าผมเป็นนักฟุตบอลที่โชคดีอย่างมาก ที่ได้ร่วมงานกับสโมสรชั้นนำของโลกอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และยังได้ฝึกฝนวิชาจากสุดยอดกองหลังที่ดีที่สุดของโลกอย่าง ริโอ เฟอร์ดินานด์ และ เนมานย่า วิดิช" 

"ผมได้เรียนรู้อะไรมากมายตลอดหลายปีที่ได้เล่นกับ ริโอ เฟอร์ดินานด์ และ เนมานย่า วิดิช และผมรู้สึกชื่นชอบและมีความสุขทุกครั้งที่ได้เรียนรู้จากเขาทั้งสอง"

"เขาทั้งสองมีความเป็นมืออาชีพสูงมากทั้งในและนอกสนามฟุตบอล ซึ่งผมคิดว่าหากผมไม่ได้เจอหรือรู้จักเขาทั้งสองคน ผมอาจจะเป็นเพียงนักฟุตบอลที่ไม่มีใครรู้จักด้วยซ้ำ ผมอยากขอบคุณพวกเขาทั้งสองคนจริง ๆ"

เวลาต่อมา จอนนี่ อีแวนส์ เริ่มได้รับโอกาสในการลงสนามมากขึ้นในฤดูกาล 2011/12 เนื่องจาก อายุที่เพิ่มมากขึ้นของ ริโอ เฟอร์ดินานด์ และ เนมานย่า วิดิช เช่นเดียวกับอาการบาดเจ็บที่รบกวนทั้งสองอยู่บ่อยครั้ง

โอกาสดังกล่าวจึงตกมาอยู่ที่ปราการหลังดาวรุ่งภายในทีมทั้ง จอนนี่ อีแวนส์, ฟิล โจนส์ และ คริส สมอลลิ่ง ที่ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นมาเล่นในตำแหน่งดังกล่าว

ฤดูกาล 2011/12 จอนนี่ อีแวนส์ ได้รับโอกาสลงสนามในพรีเมียร์ลีก ไปมากถึง 29 นัด ถึงแม้ว่าในฤดูกาลดังกล่าว แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะพลาดท่าถูกทีมอริคู่แค้นร่วมเมืองอย่าง "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ปาดหน้าความแชมป์ลีกไปครองด้วยประตูได้เสีย

แต่ผลงานโดยรวมของเจ้าตัว ถือว่าอยู่ในระดับยอดเยี่ยม เพราะเขาเป็นส่วนสำคัญของทีม ในฤดูกาลดังกล่าว คอยยืนบัญชาการเกมรับได้อย่างยอดเยี่ยม ถึงขั้นที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีมจอมเก๋าของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกมาชื่นชมลูกทีมเอาไว้ว่า

"ผมกล้าพูดได้เต็มปากเลยนะว่าในช่วงแรกผมกังวลถึงขั้นนอนไม่หลับเลยด้วยซ้ำ ในช่วงที่ ริโอ เฟอร์ดินานด์ และ เนมานย่า วิดิช ได้รับอาการบาดเจ็บรุนแรง แต่ฟอร์มการเล่นส่วนตัวของ จอนนี่ อีแวนส์ ทำให้ผมลืมเขาทั้งสองได้เลยนะ"

"ผมทราบดีว่า จอนนี่ อีแวนส์ เป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่ดี ผมมองเห็นถึงศักยภาพของเขาตั้งแต่ยังเป็นดาวรุ่ง แต่ในตอนนั้นเขามีอายุเพียงแค่ 23 ปีเท่านั้น และเขาไม่ค่อยมีโอกาสลงสนามในเกมฟุตบอลระดับสูงมากนัก"

"วันที่ผมตัดสินใจให้โอกาสเขาลงสนาม ผมแอบกังวลอยู่เล็กน้อย แต่หลังจากที่เขาลงไปเล่น ในสนาม ความกังวลในเวลานั้นของผมมันหายไปหมดทุกอย่างเลยล่ะ ฟอร์มการเล่นของเขา มันเป็นอะไรที่น่าวิเศษอย่างมาก เขาโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม แสดงผลงานขึ้นมาเป็นกองหลังที่แข็งแกร่ง ผมประทับใจอย่างมากถึงฟอร์มการเล่นของเขาในฤดูกาลดังกล่าว"

"มีนักฟุตบอลภายในทีมมากมายหลายต่อหลายคนที่โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมทั้ง ดาบิด เด เคอา, พอล สโคลส์, ไมเคิล คาร์ริค, เวยน์ รูนีย์ และใช่แล้ว จอนนี่ อีแวนส์ ก็เป็นอีกหนึ่งนักเตะที่อยู่ในนั้นด้วยเช่นกัน"

แม้ว่าในฤดูกาลต่อมา ริโอ เฟอร์ดินานด์ และ เนมานย่า วิดิช จะสลัดอาการบาดเจ็บ กลับมาลงสนามได้อย่างปกติ แต่เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก็ยังไว้เนื้อเชื่อใจฝีเท้าของ จอนนี่ อีแวนส์ ให้ลงเป็นปราการหลังตัวหลักของทีมมาโดยตลอดในช่วงแรก

อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวกลับโชคร้ายหลังเจอปัญหาอาการบาดเจ็บอย่างรุนแรงที่บริเวณ กล้ามเนื้อต้นขาด้านหลังเล่นงานในช่วงท้ายฤดูกาล ซึ่งในฤดูกาลดังกล่าว จอนนี่ อีแวนส์ ลงเล่นให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปทั้งหมด 25 นัด แต่ทว่าเพียงพอสำหรับการมีส่วนร่วม ที่สำคัญ พาต้นสังกัดจบในอันดับที่ 1 ของตาราง คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก กลับมาครองได้สำเร็จ 

 

หาความท้าทาย กลับมาเป็นพี่ใหญ่

หลังจากที่คว้าแชมป์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ สมัยที่ 20 มาครองได้สำเร็จ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตัดสินใจประกาศวางมือจากการทำหน้าที่ผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปิดฉากการคุมทีมยาวนาน 26 ปี

ซึ่งคนที่มารับไม้ต่อการเป็นผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต่อจากเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ได้แก่ เดวิด มอยส์ ผู้จัดการทีมชาวสก็อตแลนด์ ที่ในขณะนั้นสร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกับ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" เอฟเวอร์ตัน

แม้ว่าจะทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกับต้นสังกัดเก่า แต่การเข้ามาคุมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั่นเปรียบเสมือน "งานช้าง" เกินไปสำหรับ เดวิด มอยส์ เขาอยู่กับสโมสรเพียงระยะสั้น ๆ แค่ 6 เดือนเท่านั้น ก่อนที่จะถูกปลดออกจากสโมสร เนื่องจากผลงานไม่เป็นไปตามที่คาดหวังเอาไว้ พาทีมตกไปอยู่ถึงอันดับที่ 8 ของตาราง

และ จอนนี่ อีแวนส์ ในช่วงเวลานั้น ฟอร์มการเล่นของเขากลายเป็น คนละคนกับตอนที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คุมทีม 

เขามักจะแสดงข้อผิดพลาดให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง จนกลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ถูกแฟนบอลโจมตีอยู่หลายต่อหลายครั้ง 

และด้วยปัญหาที่ จอนนี่ อีแวนส์ สร้างความผิดพลาดให้เห็นอยู่เป็นระยะ ๆ จึงส่งผลให้ หลุยส์ ฟาน กัล ผู้จัดการทีมชาวเนเธอร์แลนด์ ที่เข้ามารับหน้าที่ต่อจาก เดวิด มอยส์ แทบที่จะไม่เลือก ใช้งาน จอนนี่ อีแวนส์ ลงสนาม 

ด้วยเหตุนี้เอง หลังจบฤดูกาล 2014/15 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตัดสินใจปล่อยตัว จอนนี่ อีแวนส์ ไปร่วมทีม เวสต์บรอมวิช อัลเบียน ด้วยค่าตัว 8.5 ล้านปอนด์ 

โดยตลอดระยะเวลาที่ จอนนี่ อีแวนส์ ค้าแข้งอยู่ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เจ้าตัวได้โอกาส ลงสนามรวมทุกรายการไปทั้งหมด 198 นัด คว้าแชมป์ร่วมกับสโมสรไปมากถึง 11 ถ้วย

ซึ่งในวันที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ทราบว่า จอนนี่ อีแวนส์ ถูกปล่อยตัวออกจากสโมสร เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ถึงกับประหลาดใจอย่างมาก โดยเขาได้ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ดังกล่าว ไว้ว่า "ผมไม่เคยคิดเลยว่า จอนนี่ อีแวนส์ จะต้องออกจากสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผมคิดว่าเขาจะขึ้นมาสืบทอดตำแหน่งเซนเตอร์แบ็กต่อจาก ริโอ เฟอร์ดินานด์ และ เนมานย่า วิดิช ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงโดนปล่อยตัวออกจากทีม"

คำพูดของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เป็นที่พูดถึงอย่างมากเนื่องจาก ฟอร์มการเล่นของ จอนนี่ อีแวนส์ กับ เวสต์บรอมวิช อัลเบียน เขาโชว์มาตรฐานฟอร์มการเล่นออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยเกียรติประวัติการเป็นแชมป์ บวกกับการได้ลงเล่นกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นจำนวน มากกว่า 150 นัด 

จอนนี่ อีแวนส์ เปรียบเสมือน "พี่ใหญ่" ของสโมสร เวสต์บรอมวิช อัลเบียน แม้ว่าในตอนนั้นอายุของเขาจะเพิ่ง 27 ปีก็ตาม และด้วยฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมของเจ้าตัว ส่งผลให้หลังจบฤดูกาล 2015/16 จอนนี่ อีแวนส์ ได้รับเลือกให้เป็นนักฟุตบอลยอดเยี่ยมประจำสโมสร และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกัปตัน ในฤดูกาลต่อมา

จอนนี่ อีแวนส์ อยู่กับ เวสต์บรอมวิช อัลเบียน เป็นเวลา 3 ฤดูกาล ก่อนที่ในปี 2018 จะถูก "จิ้งจอกสยาม" เลสเตอร์ ซิตี้ ซื้อตัวไปร่วมทีมด้วยค่าตัว 4 ล้านปอนด์

การย้ายมาอยู่ที่ เลสเตอร์ ซิตี้ เขาก็ยังโชว์ฟอร์มการเล่นส่วนตัวได้อย่างยอดเยี่ยมอยู่เช่นเดิม ยิ่งในช่วงที่เจ้าตัวจับคู่เซนเตอร์แบ็กร่วมกับ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ นั่นต่างฝ่ายต่างรังสรรค์ผลงานให้กลายเป็นทีมที่เสียประตูยากอีกหนึ่งทีมของศึกพรีเมียร์ลีก

แต่หลังจากที่ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ย้ายทีมออกไปอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จึงส่งผลให้ จอนนี่ อีแวนส์ ขาดคู่หูในเกมรับที่ไว้เนื้อเชื่อใจได้ ส่งผลให้เกมรับของ เลสเตอร์ ซิตี้ มักจะมีปัญหา ให้เห็นอยู่พอสมควร 

อย่างไรก็ตามเรื่องราวของ จอนนี่ อีแวนส์ กับ เลสเตอร์ ซิตี้ ยังไม่ใช่ขาลง เขาเป็นส่วนสำคัญ พาทัพ "จิ้งจอกสยาม" คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ประจำฤดูกาล 2020/21 เป็นการคว้าแชมป์ รายการนี้สมัยแรกของสโมสรได้อย่างเหนือความคาดหมาย ด้วยการเบียดเอาชนะ "สิงห์บลูส์" เชลซีไปได้ 1-0 และต่อด้วยการเบียดเอาชนะ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้  1-0 ในรายการ ศึกชิงโล่การกุสลคอมมูนิตี้ชิลด์ ในฤดูกาลต่อมา

เมื่อเข้าสู่ช่วงกลางฤดูกาลต่อมา และด้วยอายุที่เข้าสู่ช่วงท้ายๆของเหล่า "พ่อค้าแข้ง" ที่เริ่มโรยรา จอนนี่ อีแวนส์ มักจะเจออาการบาดเจ็บที่รุนแรงคอยเล่นงานอยู่บ่อยครั้งตลอด 2-3 ปีหลัง จึงทำให้หลังจบฤดูกาล 2022/23 เลสเตอร์ ซิตี้ ส่งผลให้ จอนนี่ อีแวนส์ กลายเป็นผู้เล่นฟรีเอเย่นต์ 

โดยในช่วงแรกสื่อหลายสำนักต่างคาดเดาไปในทิศทางเดียวกันว่า จอนนี่ อีแวนส์ อาจจะตัดสินใจแขวนสตั๊ดหลังจากจบฤดูกาลดังกล่าวเลย เนื่องจากอายุที่เข้าสู่วัย 35 ปีของเจ้าตัว

และด้วยอาการบาดเจ็บที่รุนแรงก่อนหน้านั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะเสี่ยงเกินไป หากเจ้าตัวเลือกที่จะเล่นฟุตบอลอีกต่อไป

แต่สิ่งที่น่านับถือใจของเจ้าตัวนั่นคือเขาเลือกที่จะไม่ยอมแพ้แล้วเดินหน้าลุกขึ้นสู้ต่อ โดยใน ระหว่างนี้ จอนนี่ อีแวนส์ ได้รั1[เกียรติประวัติครั้งสำคัญของตัวเอง หลังจากรับใช้ทีมชาติ ไอร์แลนด์เหนือ มายาวนานเกินกว่า 100 นัด ด้วยการถูกเสนอชื่อเข้ารับ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นเบญจมาภรณ์ (MBE) จากเจ้าชาย วิลเลี่ยม ณ พระราชวังบัคกิ้งแฮม

และหลังจากยังมีควากระหายในการที่จะเล่นฟุตบอลต่อไป จอนนี่ อีแวนส์ ได้ขอเข้าไปร่วมฝึกซ้อมร่วมกับอดีตต้นสังกัดเก่าอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพื่อรักษาสภาพความฟิตของร่างกาย 

ด้าน เอริก เทน ฮาก ผู้จัดการทีมทัพ "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ไม่ปิดโอกาสที่ ดาวเตะทีมชาติไอร์แลนด์เหนือจะเข้ามาร่วมฝึกซ้อมกับทีม เนื่องจากเขามองว่าประสบการณ์ของ จอนนี่ อีแวนส์ จะเข้ามาช่วยเสริมสร้างแรงบันดาลใจให้กับเหล่านักเตะรุ่นน้องภายในทีมได้

ก่อนที่ในภายหลัง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะมอบสัญญาระยะสั้น 1 ปีให้กับ จอนนี่ อีแวนส์ เรียกได้ว่าเป็นการ "รีเทิร์น" กลับสู่บ้านหลังเก่าของเขาอีกครั้งในรอบ 8 ปี 

โดยในวันที่เปิดตัว จอนนี่ อีแวนส์ ได้ออกมาเผยถึงความในใจดังกล่าวผ่านช่องทางของสโมสร เอาไว้ว่า "ผมอยากขอบคุณสโมสรอันเป็นที่รักแห่งนี้ของผมที่มอบโอกาสครั้งสำคัญในครั้งนี้ให้กับผม ปีนี้ผมอายุ 35 ปีแล้วและยิ่งในช่วง 2 ปีหลังที่ผ่านมาผมได้รับอาการบาดเจ็บหนักอยู่หลายครั้ง ผมไม่คาดคิดเลยว่าพวกเขาจะให้สัญญากับผมในฐานะนักฟุตบอลของทีมมากถึง 1 ฤดูกาล ผมสัญญาว่าผมจะทำให้ดีที่สุดเพื่อตอบแทนสโมสรแห่งนี้"

และสิ่งที่ทุกคนต่างคิดแบบเดียวกันเกี่ยวกับดีลการเสริมทัพในครั้งนี้ว่า เป็นเพียงการเสริมทีมเพื่อเพิ่มจำนวนผู้เล่นในเกมรับของทีม เนื่องจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีนักเตะที่เล่นใน ตำแหน่งเซนเตอร์แบ็กอยู่เพียงแค่ 4 รายเท่านั้น ได้แก่ ราฟาเอล วาราน, ลิซานโดร มาร์ติเนซ, แฮร์รี่ แม็คไกวร์ และ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ

แต่สิ่งที่คิดกับความเป็นจริงนั่นค่อนข้างที่จะแตกต่างกันมากพอสมควร เนื่องจาก ปัญหาอาการ บาดเจ็บของผู้เล่นในแนวรับของทีมที่สลับสับเปลี่ยนกันเจ็บแบบไม่ขาดสาย จึงเป็นสาเหตุให้ฤดูกาล 2023/24 จอนนี่ อีแวนส์ กลายเป็นเซนเตอร์แบ็กที่ลงสนามมากที่สุดให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยลงเล่นไปแล้วทั้งหมด 15 นัด

และจากตามการรายงานล่าสุด เอริค เทน ฮาก ต้องการที่จะยื่นสัญญาฉบับใหม่ให้กับ จอนนี่ อีแวนส์ เพิ่มเติมไปอีก 1 ฤดูกาล เนื่องจากเขาประทับใจในฟอร์มการเล่นของเจ้าตัว เป็นอย่างมาก และ บวกกับความอาวุโสเป็นนักเตะที่รุ่นน้องภายในสโมสรต่างเชื่อฟัง และให้ความเคารพ จึงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจที่ เอริค เทน ฮาก จะอยากให้ จอนนี่ อีแวนส์ อยู่ช่วยสโมสรไปอีก 1 ฤดูกาล

แม้ว่าผลงานในฤดูกาลปัจจุบันของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะอยู่ในฟอร์มที่ย่ำแย่ตกลงไปจาก ฤดูกาลที่แล้วมากพอสมควร แต่หนึ่งสิ่งที่ทำให้เหล่าสาวก "เรดอาร์มี่" ต่างยังยิ้มขึ้นได้หนึ่งอย่าง นั่นคือการได้เห็นนักเตะลูกหม้อของทีมที่อยู่กับสโมสรตั้งแต่ยังเป็นเด็กวัย 9 ขวบ ได้กลับมาสวม ชุดยูนิฟอร์ม "ปีศาจแดง" อีกครั้ง 

และในสิ่งสุดท้ายพวกเราทุกคนไม่อาจทราบได้ว่าเส้นทางอาชีพลูกหนังของ จอนนี่ อีแวนส์ จะจบลงอย่างไร แต่กองหลังวัย 35 ย่าง 36 ปีรายนี้ได้พิสูจน์ออกมาให้ผู้คนทั่วโลกได้เห็นแล้วว่าตราบใดที่ใจของเขายังสู้ต่อ ไม่ว่าอายุจะมากขนาดไหน เขาก็ยังสามารถเล่นฟุตบอลในระดับสูงได้ในระดับที่ดี แม้ในวันที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะไม่เหมือนเช่นเดิมกับวันที่เขายังเป็นศิษย์ ของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก็ตาม

 

แหล่งอ้างอิง : 

https://www.rightrasta.com/jonny-evans-wiki/
https://www.theguardian.com/football/2012/apr/21/jonny-evans-best-defender-alex-ferguson
https://www.mirror.co.uk/sport/football/transfer-news/man-utd-jonny-evans-ferguson-30504904
https://footbalium.com/lifestyle/biography/45375-jonny-evans-biography/
https://footbalium.com/top-leagues/premier-league/57015-erik-ten-hag-contemplates-giving-jonny-evans-a-contract-extension/
https://www.manutd.com/en/news/detail/jonny-evans-kids-dont-believe-he-played-for-man-utd-during-first-spell-at-club
https://www.manutd.com/en/news/detail/jonny-evans-speaks-about-the-influences-he-has-had-during-his-time-at-man-utd
https://www.ghgossip.com/get-to-know-jonny-evans-biography-age-career-net-worth-height-relationship-more/

Author

วิสุทธา วงค์หน่อแก้ว

หนุ่มน้อยผู้คลั่งรัก "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สุดหัวใจ

Photo

วัชพงษ์ ดวงแปง

Main Stand's Backroom staff

Graphic

อรรนพ สะตะ

graphic design ผู้ชื่นชอบกีฬาฮอกกี้, เกมส์, เดินเขา เป็นชีวิตจิตใจ