Feature

ก่อนซื้อหุ้น 25% ผี : นีซ เปลี่ยนไปแค่ไหนในยุคที่เซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ เป็นเจ้าของ | Main Stand

หลังมีประกาศยืนยันอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 24 ธันวาคมที่ผ่านมา ว่าเซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ ในนามกลุ่มทุน INEOS ได้เข้าถือหุ้นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นจำนวน 25% เป็นที่เรียบร้อย

 

แน่นอนว่าการเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในนามทัพปีศาจแดงของมหาเศรษฐีชาวอังกฤษผู้นี้ ย่อมมีคำถามตามมาจากคอฟุตบอลจำนวนมาก โดยเฉพาะกับสาวกเร้ด เดวิลส์ ว่าในอนาคต เขาจะนำพาสโมสรไปอยู่ในจุดไหน

แต่ก่อนที่แฟนบอลยูไนเต็ด จะได้เห็นแนวทางการบริหารภายใต้ทีมงานเซอร์ จิม ที่ว่ากันว่าได้สิทธิ์รับผิดชอบในการบริหารจัดการงานด้านฟุตบอลทั้งหมด Main Stand อยากชวนผู้อ่านมาติดตามเรื่องราวและภาพรวมของการบริหารทีมฟุตบอลทีมล่าสุดที่กลุ่มทุนเศรษฐีจากอังกฤษเป็นเจ้าของ นั่นก็คือสโมสร “โอเชเซ นีซ” แห่งลีกสูงสุดของฝรั่งเศส

กลุ่มทุนมหาเศรษฐีชาวอังกฤษเข้ามาทำอะไรที่นีซบ้าง ผลงานโดยรวมของทีมเป็นอย่างไร หาคำตอบไปพร้อม ๆ กันที่นี่

 

จุดเริ่มต้นจากซัมเมอร์ 2019

ย้อนกลับไปเมื่อเดือนสิงหาคม 2019 สโมสรโอเชเซ นีซ ทีมในระดับลีกเอิง ฝรั่งเศส เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในส่วนงานบริหาร เมื่อเซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ เจ้าของบริษัทเคมีภัณฑ์ INEOS เข้าเทคโอเวอร์สโมสรจากเฉิน ลี นักธุรกิจอเมริกันเชื้อสายจีน โดยมีการประมาณการทรัพย์สินการซื้อขายครั้งดังกล่าว ที่มูลค่า 100 ล้านยูโร หรือกว่า 3,400 ล้านบาท

ก่อนหน้านั้นกลุ่มทุน INEOS เคยมีประสบการณ์เป็นเจ้าของทีมฟุตบอลมาแล้วหนึ่งทีม นั่นคือเอฟซี โลซานน์-สปอร์ต (FC Lausanne-Sport) ทีมในระดับสวิส ซูเปอร์ลีก (สวิตเซอร์แลนด์) โดยเข้ามาเทคโอเวอร์ทีมจากแดนนาฬิกาตั้งแต่ปี 2017

มากไปกว่านั้น ในนามของบริษัทเคมีภัณฑ์สัญชาติอังกฤษของเซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ ก็เคยสัมผัสการลงทุนในอุตสาหกรรมกีฬาอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน อาทิ ทีมจักรยาน INEOS ที่รีแบรนด์มาจาก Team Sky รวมถึงทีมเรือใบ INEOS Team UK เป็นต้น

กับประสบการณ์ที่เคยบริหารงานกีฬามาไม่น้อย แน่นอนว่าเซอร์จิม แรตคลิฟฟ์ ก็ไม่ได้เข้ามาเป็นเจ้าของนีซชนิดให้คนทั่วไปมองว่าเป็นเพียงของเล่นคนรวย มหาเศรษฐีจากอังกฤษรายนี้มองว่านีซ เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ที่สุดทั้งในเรื่องมูลค่า รวมถึงศักยภาพที่พร้อมเดินหน้าสู่อนาคต โดยให้ความสำคัญกับเรื่องทั้งในและนอกสนาม

เพื่อเดินหน้าไปตามวิสัยทัศน์ เซอร์ จิม ได้มอบหมายให้บ็อบ แรตคลิฟฟ์ น้องชายแท้ ๆ ซึ่งทำหน้าที่ดูแลการดำเนินงานด้านฟุตบอลของ INEOS เข้ามาทำหน้าที่เป็น CEO ของนีซ ภายหลังที่ซื้อกิจการ และบ็อบเองก็ได้ให้สัญญากับแฟน ๆ ว่าสโมสรจะต้องลงเตะในรายการยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในอีก 3-5 ปี นับแต่ที่เข้ามาบริหาร และต้องผ่านเข้ามาเล่นให้ได้แบบสม่ำเสมอในช่วงหลังจากนั้น 

 

ประสบการณ์ที่ครบอรรถรส 

กับคำกล่าวในแวดวงธุรกิจและการลงทุน ที่ว่า “การลงทุนมีความเสี่ยง” นี่คือสิ่งที่โอเชเซ นีซ ในยุคกลุ่มทุน INEOS ต้องเผชิญตั้งแต่ซีซั่นแรกที่เข้ามา

ช่วง 6 ปีก่อนหน้าที่กลุ่มบริษัทเคมีภัณฑ์สัญชาติอังกฤษจะเข้ามาเทคโอเวอร์แบบเบ็ดเสร็จ นีซทำผลงานในตารางคะแนนลีกสูงสุดแดนน้ำหอมได้อย่างน่าชื่นชม พวกเขาจบอันดับท็อปโฟร์ได้ถึงสามซีซั่น นั่นรวมถึงการคว้าอันดับสามในซีซั่น 2016-17 

อย่างไรก็ตาม พอเข้าช่วงเวลาที่กลุ่มทุน INEOS เข้าเทคโอเวอร์ในช่วงปลายเดือนสิงหาคม 2019 ปรากฏว่านีซกลับเริ่มทำผลงาน “สวนทาง” กับเป้าหมายที่ตั้งไว้ มันกลายเป็นผลงานที่ไม่สบอารมณ์แฟน ๆ เข้าอย่างจัง เริ่มตั้งแต่ซีซั่น 2019-20 ที่ซึ่งทีมออกสตาร์ต 10 เกมแรก มีตัวเลขพ่ายไปถึง 7 เกม

เห็นทีเรื่องดีข้อการเดียวในฤดูกาลแรก คือการได้อันดับ 5 ของตารางลีกเอิง โดยฝ่ายจัดการแข่งขันลีกสูงสุดแดนน้ำหอมเป็นลีกเดียวในห้าลีกชั้นนำยุโรป ที่สั่งตัดจบฤดูกาลท่ามกลางโลกที่เผชิญกับสถานการณ์โควิด-19 

โดยผลจากการได้ที่ 5 ทำให้ทีมของกุนซือปาทริค วิเอร่า ในเวลานั้น คว้าโควตาผ่านเข้ารอบยูโรป้า ลีกได้ แต่หลังผ่านพ้นฤดูกาลแรกที่ยากลำบากทั้งในและนอกสนามไปแล้ว ปรากฏว่านีซก็ยังเผชิญผลงานในสนามที่ไม่สู้ดีต่อเนื่อง 

จริงอยู่ที่การเข้ามาของเซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ จะทำให้นีซกลายเป็นทีมที่พร้อมจะจับจ่ายใช้สอย แต่ยุคของเขากลับถูกยกไปเปรียบเทียบกับสมัยก่อนหน้า โดยเฉพาะเรื่องของการทำกำไรจากตลาดซื้อขายนักเตะ เพราะนีซในยุคเดิมเน้นนโยบายเน้นเสริมดาวรุ่งพรสวรรค์สูงมาปลุกปั้น จากนั้นถ้ามีทีมใหญ่มาซื้อ ก็จะขายเพื่อให้ได้กำไร ซึ่งตลอดช่วง 5 ปีก่อนที่เซอร์ จิมจะเข้ามาเทคโอเวอร์ นีซเคยทำกำไรจากแนวทางดังกล่าวได้ราว 51.8 ล้านยูโร 

ขณะที่ช่วง 4 ปีต่อมาในยุคของกลุ่มทุนเซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ ปรากฏว่าสโมสรเลือกให้ความสำคัญกับการเสริมนักเตะเกรดบียุโรป หรือพวกแข้งที่เคยมีชื่อชั้นในอดีตมาร่วมชายคามากกว่าการดึงยังบลัดอนาคตไกล 

นำมาซึ่งรายงานจาก Transfermarket ระบุว่านับแต่ที่ INEOS เข้ามาบริหารนีซ สโมสรมีการจ่ายเงินสุทธิเพื่อการเสริมทีมสูงเป็นอันดับสามของลีก รองจากปารีส แซงต์-แชร์กแมง และโอลิมปิก มาร์กเซย โดยนีซใช้จ่ายไปทั้งสิ้น 263 ล้านยูโร และได้รับกำไรคืนจากการขายผู้เล่นเพียง 129 ล้านยูโร 

ไล่ตั้งแต่ดีลใหญ่ดีลแรก แคสเปอร์ ดอลเบิร์ก ซึ่งอดีตดาวยิงฟอร์มร้อนทีมชาติเดนมาร์กย้ายมาเล่นกับนีซด้วยค่าตัว 20.5 ล้านยูโร หรือแม้แต่ในฤดูกาล 2021-22 ขุมกำลังทีมมีการปล่อยออกและเติมเข้ามารวมกันแตะหลัก 20 คน ทำเอาดันเต้ กองหลังกัปตันทีมถึงขั้นวิจารณ์ตรงไปตรงมาว่าการเล่นของนีซแทบจะต้องมาปรับจูนกันใหม่ทั้งหมด “เราเสียผู้เล่นไป 10 คน และได้มาใหม่ถึง 10 คน มันขาดเรื่องของการปรับจูนกันอย่างชัดเจน ผมต้องขอโทษที่ต้องพูดแบบนี้ออกมา” 

เช่นเดียวกับซัมเมอร์ซีซั่น 2022-23 แม้จะปรับกลยุทธ์ดึงนักเตะฟรีเอเยนต์มาร่วมงานบ้าง อย่างการใช้นโยบายสรรหานักเตะที่มีประสบการณ์จากพรีเมียร์ลีก นำมาซึ่งการได้ตัวอารอน แรมซี่ย์, รอสส์ บาร์คลี่ย์ รวมถึงแคสเปอร์ ชไมเคิ่ล 

แม้ว่านีซยุคเซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ จะเปลี่ยนนโยบายเสริมขุมกำลังไปจากเดิม แต่การเข้ามาของนักเตะหลาย ๆ คนกลับทำผลงานที่ยังคงไม่สู้ดีอยู่เรื่อยมา ไล่ตั้งแต่อันดับในฤดูกาลลีกเอิง จะเห็นว่าสโมสรไม่เคยได้อันดับที่เหนือไปกว่าท็อป 5

หรือแม้แต่ในซีซั่น 2022-23 ที่ทีมมีสามสตาร์ดีกรีลีกสูงสุดอังกฤษ ทว่าทีมกลับจบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 9 แถมรายการบอลถ้วยแดนตราไก่อย่าง คูป เดอ ฟรองซ์ ที่ทีมมีดีกรีเป็นถึงรองแชมป์ซีซั่นก่อน แต่พอมาซีซั่นดังกล่าว กลับตกรอบ 64 ทีมสุดท้ายด้วยน้ำมือของเลอ ปุย ฟุต 43 (Le Puy Foot 43) ทีมระดับดิวิชั่นสี่ของฝรั่งเศสหน้าตาเฉย

มากไปกว่านั้น ในตำแหน่งเก้าอี้กุนซือก็เกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นว่าเล่น นับแต่ที่กลุ่มทุนของเซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ เข้ามาเทคโอเวอร์ สโมสรใช้บริการกุนซือสัญญาถาวรรวมกันถึง 5 คน (ไม่นับขัดตาทัพอีก 1 คน) โดยเหตุผลของการแต่งตั้งและปลด ก็มีทั้งเรื่องผลงานที่ย่ำแย่เกินทน 

รวมถึงกระแสดราม่ารายบุคคล อย่างคริสตอฟ กัลติเยร์ กุนซือในซีซั่น 2021-22 เคยมีรายงานจากฌูเลียง ฟูร์กนิเยร์ ผู้อำนวยการกีฬาของนีซ (ณ ขณะนั้น) ว่าเขามีแนวคิดเลือกปฏิบัติและเหยียดเชื้อชาติจนถึงขั้นเคยถูกควบคุมตัวโดยพนักงานสอบสวนมาแล้ว

ด้วยผลงานที่ไม่สู้ดีเช่นนี้ ก็ยากจะปฏิเสธว่าแฟนบอลจำนวนไม่น้อยเลือกที่จะต่อต้านการทำทีมในยุคเซอร์ จิม ยกตัวอย่างการเดินทางเข้ามาชมเกมในอลิอันซ์ ริเวียร่า รังเหย้าสโมสรที่มีความจุราว 36,000 ที่นั่ง มีรายงานว่าในซีซั่น 2022-23 สนามเหย้านีซมีแฟนบอลเข้ามาชมเฉลี่ย 22,000 คน เท่านั้น

อนึ่ง แม้ผลงานในสนามจะออกหน้าไม่สู้ดี ทว่านีซในช่วงสมัยที่กลุ่มทุน INEOS เข้าเทคโอเวอร์ พวกเขาใส่ใจกับเรื่องนอกสนามควบคู่กันไปด้วย อย่างเรื่องการปรับปรุงสนาม โดยเฉพาะผืนหญ้าให้มีความทันสมัยและลดอาการเสี่ยงเพื่อไม่ให้นักเตะบาดเจ็บ 

เห็นได้ชัดจากการที่นีซ ไปดึงสก็อตต์ บรู๊คส์ ผู้ที่เคยจัดการสนามของอาร์เซนอล, ท็อตแน่ม และเซนต์ จอร์จ พาร์ค (สนามซ้อมทีมชาติอังกฤษ) เข้ามาเป็นผู้จัดการสนามอลิอันซ์ ริเวียร่า นำมาซึ่งการถูกใช้งานรับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพทัวร์นาเมนต์สำคัญมากมาย ทั้งรักบี้ชิงแชมป์โลก ไปจนถึงโอลิมปิก 2024 ฯลฯ

เช่นเดียวกับการลงทุนเรื่องการสร้างอาคารใหม่เพื่อรองรับอุตสาหกรรมกีฬาที่ส่วนงานกีฬาของบริษัท INEOS ดูแลอยู่ และอยู่ในกระบวนการสร้างศูนย์ฝึกซ้อมขึ้นมาใหม่

แม้ผลงานในสนามจะไม่สู้ดีไปบ้าง แต่ในอีกมุมหนึ่ง นีซก็ยกระดับเรื่องนอกสนามได้น่าสนใจ จนกระทั่งเรื่องดีเริ่มมาบังเกิดขึ้นแบบเต็มตัวในซีซั่น 2023-24

 

2023/24 ฤดูกาลที่เชิดหน้าชูตา

ช่วงรอยต่อก่อนเข้าสู่ซีซั่น 2023-24 โอเชเซ นีซ ค่อย ๆ ปรับโครงสร้างการบริหารไปทีละสเต็ป เริ่มตั้งแต่การเข้ามาของเซอร์ เดฟ เบรลส์ฟอร์ด ในฐานะผู้อำนวยการกีฬาของ INEOS ซึ่งเข้ามาทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการทั่วไปแห่งถิ่นอลิอันซ์ ริเวียร่า พร้อมกับการเคลียร์ปัญหาน้อยใหญ่อันเป็นเรื่องภายในสโมสร 

เช่นเดียวกับการเข้ามาทำหน้าที่ผู้อำนวยการกีฬาของฟลอร็องต์ กิโซลฟี่ ที่เคยทำหน้าที่ส่วนงานบริหารของสโมสรล็องต์ แถมยังเชี่ยวชาญเรื่องการสรรหานักเตะพรสวรรค์สูงมาร่วมงาน

หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่เห็นผลทันตาก็คือวิสัยทัศน์เรื่องการเสริมตัวผู้เล่น นีซเริ่มหั่นงบประมาณจากที่ทุ่มเงินคว้ามาเป็นดึงนักเตะที่จำเป็นจริง ๆ และเน้นไปที่แข้งอายุน้อย เน้นการเดิมพันในระยะยาวมากขึ้น 

นั่นรวมถึงการเปลี่ยนแปลงเก้าอี้กุนซือถาวร คนที่ 6 นับแต่ที่ INEOS ของเซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ เข้ามา นีซดึงฟรานเชสโก้ ฟาริโอลี่ เฮดโค้ชหนุ่มวัย 34 ปีเข้ามาคุมทัพ ที่สำคัญคืออดีตเทรนเนอร์ที่เคยมีประสบการณ์คุมทีมแค่ในลีกตุรกีเท่านั้น แถมยังอายุน้อยกว่ากัปตันดันเต้ ถึง 6 ปี

แต่นั่นไม่ได้เป็นอุปสรรคแต่อย่างใด ที่สุดแล้ว 2023-24 ก็เป็นขวบปีที่การบริหารทั้งภายในองค์กร การจัดการเรื่องนอกสนาม ไปจนถึงผลงานในสนามมาบรรจบที่เรื่องดีจนได้ ถึงตอนนี้นีซลงแข่งขันฤดูกาลใหม่ นับเฉพาะในปี 2023 ไปแล้ว 17 นัด รั้งรองจ่าฝูงของลีกเอิง มีแต้มตามเปแอสเชแค่ 5 แต้ม นอกจากนี้ พวกเขายังเสียแค่ 9 ประตู เป็นสถิติน้อยสุดของลีก

นอกจากนี้ นักเตะหลาย ๆ คนก็ทำผลงานเชิดหน้าชูตาจนตกเป็นข่าวน้อยใหญ่กับทีมดังยุโรป เช่นเดียวกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ล่าสุดกลุ่มทุนของเซอร์ จิม ได้เข้าเทคโอเวอร์ 25% ไม่ว่าจะเป็นฌอง-แคลร์ โตดิโบ กองหลัง ไปจนถึงเคเฟรน ตูราม ลูกชายของลิลิยง ตูราม ฯลฯ

 

เมื่อถึงคราวซื้อหุ้นผี 25%

คำถามที่ตามมาหลังเซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ ในนามกลุ่มทุน INEOS เข้าเทคโอเวอร์แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 25% โดยมีอำนาจในการบริหารจัดการการดำเนินงานด้านฟุตบอลทั้งหมด คือฉากต่อไปของนีซจะออกมาหน้าไหนต่อ ทีมจากฝรั่งเศสจะเป็นทีมที่มหาเศรษฐีจากอังกฤษเริ่มลดทอนความสำคัญลงหรือไม่

เรื่องนี้แฟนคลับพันธ์ุแท้ของนีซหลายคนก็มองออกทั้งสองแง่ คือมีทั้งที่ไม่กังวล เพราะต่อให้น้ำหนักจะเทไปอยู่ที่ยูไนเต็ดมากขึ้น ทว่าลึก ๆ ก็ยังเชื่อว่าการลงทุนที่นีซก็ยังคงมีอยู่ ดังภาพรวมที่ผ่านมาซึ่งชี้ว่าการลงทุนนั้นมีให้เห็นมาตลอดหลายปี

ส่วนแฟน ๆ ที่แสดงความกังวลก็ปรากฏให้เห็นเช่นกัน ยกตัวอย่างมุมมองที่ว่านีซ อาจจะกลายเป็นทีมสำรองที่คอยรอรับนักเตะส่วนเกินของแมนฯ ยูฯ เหมือนกับที่โลซานน์-สปอร์ต มีภาพเป็นทีมสำรองของนีซอยู่ ณ ขณะนี้

กระนั้น ทุกอย่างยังคงเป็นเรื่องของอนาคต แน่นอนว่าวิสัยทัศน์และแผนงานที่เซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ จะใส่ลงไปกับปีศาจแดง จะถูกเปิดเผยขึ้นมาเรื่อย ๆ ภายหลังที่เขาเข้ามาทำงานกับทีมจริง ๆ ซึ่งคาดการณ์กันว่าบทบาทของมหาเศรษฐีชาวอังกฤษ จะมีขึ้นในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2024

เช่นเดียวกับกระแสข่าวที่ว่าไปตามกฏของการแข่งขันทัวร์นาเมนต์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ที่ระบุว่าทีมที่มีเจ้าของคนเดียวกันจะได้ไปเล่นฟุตบอลถ้วยยุโรปรายการเดียวกันได้แค่ทีมเดียว 

นี่ก็เป็นเรื่องที่ยังต้องมองไปยาว ๆ เช่นกัน เพราะเกมลีกของทั้งฝั่งอังกฤษและฝรั่งเศสยังดำเนินมาแค่ช่วงครึ่งซีซั่นเท่านั้น โอกาสยังออกได้ทุกหน้า ณ ตอนนี้ขอเพียงแค่ทั้งสองทีมทำผลงานของตัวเองให้ดีที่สุดเป็นอันดับแรก 

ทางฝั่งของนีซ ก็เพื่อให้เป็นผลงานเชิดหน้าชูตาแบบจริง ๆ จัง ๆ เสียที นับแต่ที่เซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ เข้ามาเทคโอเวอร์ทีมตั้งแต่ซัมเมอร์ 2019 

 

แหล่งอ้างอิง

https://www.ft.com/content/b837272e-6292-432e-aa25-acbee8dd268c 
https://onefootball.com/en/news/how-nice-fared-in-first-years-of-sir-jim-ratcliffe-and-ineos-ownership-38776624 
https://theathletic.com/4427920/2023/04/20/jim-ratcliffe-nice-manchester-united/ 
https://www.theguardian.com/football/2023/jan/20/manchester-united-fans-nice-jim-ratcliffe-psg 
https://theathletic.com/4427920/2023/04/20/jim-ratcliffe-nice-manchester-united/ 
https://www.beinsports.com/en-au/football/ligue-1/articles/nice-work--jim-ratcliffes-french-side-are-taking-ligue-1-by-storm-this-season-2023-11-03 
https://www.insideworldfootball.com/2019/07/31/ogc-nice-debuts-ineos-sponsorship-ratcliffe-closes-e100m-buy/ 
https://www.manchestereveningnews.co.uk/sport/football/football-news/how-manchester-united-nice-could-28158924 

Author

พชรพล เกตุจินากูล

แฟนคลับเชลซี ติดตามฟุตบอลเอเชีย ไก่ทอดและกิมจิเลิฟเวอร์

Photo

วัชพงษ์ ดวงแปง

Main Stand's Backroom staff

Graphic

ปริญญา คงปันนา

กราฟฟิคหน้าโหด ทำงานด้วย Passion ว่างๆ ชอบไปคาเฟ่ หลงไหลในศิลปะ, การเดินทางและกีฬา