ฟุตบอลทีมชาติญี่ปุ่น จะมีโปรแกรมเกมกระชับมิตร ลับแข้งกับ ทีมชาติไทย ในวันที่ 1 มกราคม 2024 ณ สนามกีฬาแห่งชาติญี่ปุ่น เพื่อเป็นการเตรียมทีมก่อนลุยศึก เอเชียน คัพ 2023 ที่จะเริ่มฟาดแข้งกันในวันที่ 12 มกราคม 2024
นับเป็นครั้งแรกของเหล่าขุนพล "ซามูไรบลู" ที่จะได้ลงเล่นเกมอุ่นเครื่องในวันปีใหม่ ที่สนามกีฬาแห่งชาติของตัวเอง ในกรุงโตเกียว
อย่างไรก็ตาม หากพูดถึงวันปีใหม่ กับการจัดการแข่งขันฟุตบอลภายในประเทศญี่ปุ่น ปกติแล้ว ถ้าไม่มีปัญหาอะไร พวกเขาจะเลือกใช้วันแรกของทุกปี เป็นวันตัดสินหาผู้ชนะในศึกฟุตบอลรายการ ๆ หนึ่งอยู่เสมอ จนส่งผลให้ศึกฟุตบอลรายการนั้น กลายเป็นของคู่กันกับวันปีใหม่เรื่อยมา
รวมถึงทำให้ผู้คนในแดนอาทิตย์อุทัย มีภาพจำว่า วันปีใหม่ของทุก ๆ ปี จะต้องมีการแข่งขันฟุตบอลนัดที่ชวนน่าตื่นเต้น เกิดขึ้นภายในประเทศของพวกเขา
เพราะอะไรถึงเป็นเช่นนั้น ? ติดตามได้ที่นี่ Main Stand
บอลถ้วยที่เก่าแก่สุดของญี่ปุ่น
สาเหตุก้อนใหญ่ ๆ ที่ทำให้คอบอลในญี่ปุ่น มีภาพจำว่าวันปีใหม่ จะต้องมีการแข่งขันฟุตบอลนัดสำคัญ เกิดขึ้นภายในประเทศของพวกเขานั้น อาจจะเป็นเพราะ "สมาคมฟุตบอลญี่ปุ่น" หรือ "JFA" ได้กำหนดให้ทุกวันที่ 1 มกราคม เป็นวันที่ใช้จัดการแข่งขันเกมรอบชิงชนะเลิศของศึกฟุตบอลถ้วยรายการที่ยิ่งใหญ่และเก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่นอย่าง ศึกฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระจักรพรรดิ
หรือ "เอ็มเพอเรอร์ส คัพ" ขึ้นที่สนามกีฬาแห่งชาติญี่ปุ่น ในเขตชินจูกุ กรุงโตเกียว
ซึ่งถ้าหากย้อนกลับไปยังจุดแรกเริ่มของศึกฟุตบอลถ้วยรายการนี้ ในปี 1921 จะพบว่าจริงแล้ว ๆ ศึกฟุตบอลรายการดังกล่าว ยังไม่ได้มีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกันกับวันปีใหม่ และการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศของรายการ ก็ยังไม่ได้มีการจัดขึ้นในช่วงวันปีใหม่ด้วยเช่นกัน
ในช่วงแรก ๆ ของการจัดการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศของศึก เอ็มเพอเรอร์ส คัพ จะยังไม่ได้มีช่วงเวลาที่ตายตัวมากนักในการจัดการแข่งขัน เช่น เกมรอบชิงชนะเลิศของรายการนี้ครั้งแรกในปี 1921 จัดขึ้นในวันที่ 27 พฤศจิกายน 1921, ปี 1922 จัดขึ้นในวันที่ 26 พฤศจิกายน 1922
หมุนเวียนสับเปลี่ยนช่วงเวลาจัดการแข่งขันอยู่เรื่อย ๆ แทบทุกปี ในปี 1923 จัดขึ้นในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 1924, ปี 1924 จัดขึ้นในวันที่ 31 ตุลาคม 1924, ปี 1932 จัดขึ้นในวันที่ 3 เมษายน 1933, ปี 1936 จัดขึ้นในวันที่ 21 มิถุนายน 1936 หรือปี 1940 จัดขึ้นในวันที่ 26 พฤษภาคม 1940
"การกำหนดช่วงเวลาสำหรับใช้จัดการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ยังไม่มีความแน่นอนออกมาให้เห็นอย่างแน่ชัด ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าทำไมปีนั้น มันถึงจัดการแข่งขันขึ้นช่วงเวลานั้น" ทาเคโอะ โกโต กูรูฟุตบอล ผู้อยู่คลุกคลีกับวงการลูกหนังญี่ปุ่นมาตั้งแต่ยุค 70s กล่าวกับ Sportiva Shueisha ถึงช่วงเวลาที่ยังไม่ชัดเจน สำหรับใช้จัดการแข่งขันเกมรอบชิงชนะเลิศของศึก เอ็มเพอเรอร์ส คัพ ในช่วงยุคแรก ๆ
จนกระทั่งการแข่งขันรายการนี้ ต้องถูกยกเลิกไปเป็นเวลา 5 ปี ในปี 1941-1945 เนื่องจากทั่วโลกกำลังเข้าสู่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อนจะกลับมาทำการแข่งขันได้อีกครั้งในปี 1946 และนับจากนั้นศึก เอ็มเพอเรอร์ส คัพ ก็ได้ถูกกำหนดกรอบช่วงเวลาสำหรับใช้จัดการแข่งขันเกมรอบชิงชนะเลิศเอาไว้ โดยจะให้จัดการแข่งขันในช่วงเดือน พฤษภาคม-มิถุนายน ของทุกปี
ซึ่งมันก็เป็นเช่นนั้นเรื่อยมา จนเวลาผ่านไปจนถึงปี 1963 ก็ได้เกิดจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญขึ้น …
ของขวัญแก่แฟนบอล
ในปี 1963 ทางสมาคมฟุตบอลญี่ปุ่น ได้ขยับวันที่ใช้สำหรับจัดการแข่งขันเกมรอบชิงชนะเลิศของศึก เอ็มเพอเรอร์ส คัพ ในปีนั้น ให้ไปอยู่ในวันที่ 15 มกราคม 1964 แทนที่แต่เดิมจะจัดขึ้นในช่วงเดือน พฤษภาคม-มิถุนายน ของปี 1963
คาดว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ เกิดขึ้นเพราะทางสมาคมฟุตบอลญี่ปุ่น เตรียมที่จะปรับให้โปรแกรมการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศของศึก เอ็มเพอเรอร์ส คัพ ของแต่ละปี นั้นอยู่ในช่วงเดือนมกราคมของปีถัดไป
เพื่อให้สอดคล้องกับการมาของลีกฟุตบอลแห่งแรกของญี่ปุ่นอย่าง "เจแปน ซอคเกอร์ ลีก" ที่จะมีแผนถือกำเนิดขึ้นอย่างเป็นทางการในปี 1965 โดยจะเริ่มเปิดศึกแข่งขันกันในช่วงต้นปี หรือกลางปี และไปบรรจบที่บทสรุปในช่วงท้ายปี
ดังนั้นหากนำเกมนัดชิงชนะเลิศของศึก เอ็มเพอเรอร์ส คัพ ของแต่ละปี ไปวางไว้ในช่วงเดือนมกราคมของปีถัดไป ซึ่งเป็นช่วงหลังจบฤดูกาลของลีกฟุตบอลภายในประเทศไม่นานนัก ทางสมาคมฟุตบอลญี่ปุ่น มองว่าการจัดตารางการแข่งขันแบบนี้ ดูจะเป็นเรื่องที่เข้าท่าไม่น้อย
ก่อนที่สมาคมฟุตบอลญี่ปุ่น จะกำหนดช่วงวันที่ใช้สำหรับจัดการแข่งขันเกมรอบชิงชนะเลิศของศึก เอ็มเพอเรอร์ส คัพ ของแต่ละปีอีกครั้ง ให้ไปอยู่ในช่วงกลางเดือนมกราคมของปีถัดไป นับตั้งแต่ปี 1963 เป็นต้นมา
"การมาของ JSL (เจแปน ซอคเกอร์ ลีก) ทำให้ตารางการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศของ เอ็มเพอเรอร์ส คัพ มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น JFA ได้กำหนดช่วงเวลาเอาไว้ให้อยู่ในช่วงกลางเดือนมกราคมของทุกปี" ทาเคโอะ โกโต กล่าวผ่าน Jsports
รอบชิงชนะเลิศของศึก เอ็มเพอเรอร์ส คัพ ตั้งแต่ปี 1963 เหล่าคอบอลญี่ปุ่น ก็ได้มีโอกาสรับชมการแข่งขันครั้งนี้ในช่วงประมาณกลางเดือนมกราคมตลอดมา จนการเปลี่ยนแปลงก็ได้เกิดขึ้นในอีก 5 ปีหลังจากนั้น
ในปี 1968 JFA ได้เพิ่มความยิ่งใหญ่ที่มากขึ้น ให้กับเกมรอบชิงชนะเลิศของศึก เอ็มเพอเรอร์ส คัพ ของทุก ๆปี ด้วยการนำเกมดังกล่าวมาจัดขึ้นที่สนามกีฬาแห่งชาติญี่ปุ่น ในเขตชินจูกุ กรุงโตเกียว ก่อนที่สนามดังกล่าวจะกลายมาเป็นสังเวียนตัดสินเกมรอบชิงชนะเลิศของศึกฟุตบอลรายการนี้ในทุก ๆ ครั้ง
พร้อมกับเปลี่ยนวันที่ใช้จัดการแข่งขันเกมรอบชิงชนะเลิศรายการนี้อีกรอบ ให้มาอยู่ในวันที่ 1 มกราคมของทุก ๆ ปี ซึ่งตรงกับวันปีใหม่ โดยคาดว่าพวกเขาต้องการที่จะให้เกมการแข่งขันครั้งนี้ เป็นเหมือนกับของขวัญฉลองวันปีใหม่ มอบให้กับแฟนบอลทุกคน ที่ให้การสนับสนุนวงการฟุตบอลญี่ปุ่นมาตลอดทั้งปี
รวมถึงได้รับแรงบันดาลใจมาจากการแข่งขันฟุตบอลฉลองวันปีใหม่ของทางสถานีโทรทัศน์ NHK ในวันที่ 1 มกราคม 1968 ที่นำเอาทีมแชมป์ เจแปน ซอคเกอร์ ลีก ฤดูกาล 1967 มาเจอกับทีมแชมป์ฟุตบอลมหาวิทยาลัยญี่ปุ่น ประจำปี 1967 มาเจอกัน ซึ่งก็ได้เสียงตอบรับที่ดีมากจากผู้ชม
บวกกับความนิยมในกีฬาฟุตบอลของคนญี่ปุ่น ณ เวลานั้น ที่เริ่มพุ่งสูงขึ้น หลังทัพนักกีฬาทีมชาติญี่ปุ่น สามารถกรุยทางคว้าเหรียญทองแดง ในกีฬาฟุตบอล ของศึกโอลิมปิก 1968 ที่ประเทศเม็กซิโก มาครองได้สำเร็จ
ซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เกมรอบชิงชนะเลิศของศึก เอ็มเพอเรอร์ส คัพ ฤดูกาล 1968 ในวันที่ 1 มกราคม 1969 ณ สนามกีฬาแห่งชาติญี่ปุ่น ดึงดูดผู้คนที่กำลังพักผ่อนอยู่ที่บ้านในช่วงวันปีใหม่ เปิดหน้าจอโทรทัศน์ รับชมเกมการแข่งขันดังกล่าวกันอย่างล้มหลาม
จนกลายเป็นภาพจำสำหรับคอบอลชาวญี่ปุ่นที่ว่า วันปีใหม่ของทุก ๆ ปี จะต้องมีเกมการแข่งขันฟุตบอลนัดเจ๋ง ๆ ให้รับชมอยู่เสมอ
"แม้แต่คนที่ไม่ได้รู้จักฟุตบอล ก็เริ่มหันมาสนใจกีฬาชนิดนี้ หลังได้รับเกมการแข่งขันที่ถ่ายทอดสดในวันปีใหม่" ทาเคโอะ โกโต พูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น หลังเกมรอบชิงชนะเลิศของศึก เอ็มเพอเรอร์ส คัพ ได้ถูกจัดขึ้นในวันปีใหม่เป็นครั้งแรก
อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านมาถึงช่วงยุคปัจจุบัน การจัดการแข่งขันเกมรอบชิงชนะเลิศของศึก เอ็มเพอเรอร์ส คัพ ในวันปีใหม่นั้น ก็เริ่มที่จะมีเสียงวิจารณ์เชิงลบออกมาบ้าง
ผลกระทบ
เกมรอบชิงชนะเลิศของศึก เอ็มเพอเรอร์ส คัพ ถูกจัดขึันในวันปีใหม่ตั้งแต่ปี 1968 เป็นต้นมา จนกระทั่งเข้าสู่ช่วงปี 2000s กระแสเชิงลบเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็เริ่มผุดออกมามากขึ้นจากความเห็นของผู้คนในโลกอินเทอร์เน็ต
เนื่องจากการจัดโปรแกรมการแข่งขันแบบนี้ ในวันที่ 1 มกราคม จะส่งผลให้ช่วงเวลาในการพักผ่อน หลังจบฤดูกาลศึกเจลีกของเหล่านักเตะทีมที่ได้เข้าชิงชนะเลิศ จะลดน้อยลงเป็นอย่างมากโดยไม่มีความจำเป็น
เพราะเอาเข้าจริงแล้ว ฝ่ายจัดการแข่งขัน สามารถจัดเกมการแข่งขันนัดดังกล่าวในช่วงก่อนที่จะถึงวันปีใหม่ก็ได้ เช่นในช่วงกลางเดือนหรือปลายเดือนธันวาคม ที่ส่วนใหญ่โปรแกรมการแข่งขันของศึกเจลีกในแต่ละฤดูกาล ได้หมดลงไปแล้ว
"มีการพูดถึงกันมานานแล้วว่า การจัดเกมการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศของ เอ็มเพอเรอร์ส คัพ ขึ้นในวันปีใหม่ จะมีผลกระทบในเชิงลบเกิดขึ้น" ทาเคโอะ โกโต เผยกับ Sportiva Shueisha
"ความเหนื่อยล้าของนักเตะ จากการที่ยังต้องฝึกซ้อมหลังเสร็จสิ้นภารกิจกับต้นสังกัดในเกมลีก เพื่อให้ร่างกายพร้อมสำหรับการลงเล่นให้กับทีม ในรอบชิงชนะเลิศของรายการนี้ หลายคนมองว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็น"
และนอกจากจะทำให้นักเตะต้องสะสมความล้าเพิ่มเติมแล้ว การจัดการแข่งขันเกมรอบชิงชนะเลิศของศึก เอ็มเพอเรอร์ส คัพ ในบางปีนั้นก็ไม่สามารถจัดขึ้นในวันปีใหม่ได้ เพราะมันมีโอกาสที่จะไปชนหรือกระชั้นชิดกับโปรแกรมการแข่งขันของศึกฟุตบอลรายการอื่น มากจนเกินไป
ยกตัวอย่างเช่น เกมรอบชิงชนะเลิศของศึก เอ็มเพอเรอร์ส คัพ ในฤดูกาล 2014 ที่ไม่สามารถจัดการแข่งขันได้ในวันที่ 1 มกราคม 2015 หรือวันปีใหม่ เนื่องจากการมีอยู่ของศึกเอเชียน คัพ 2015 ที่จะเริ่มทำการแข่งขันในวันที่ 9 มกราคม 2015 ทางสมาคมฟุตบอลญี่ปุ่น ต้องการที่จะให้แฟนบอลญี่ปุ่น เทกำลังไปให้แรงใจแรงเชียร์ทีมชาติของพวกเขา ลงสู้ศึกครั้งนี้ จึงได้ขยับเกมรอบชิงชนะเลิศของศึก เอ็มเพอเรอร์ส คัพ ในฤดูกาล 2014 มาแข่งกันในวันที่ 13 ธันวาคม 2014 แทน
หรือในปี 2022 ที่ก็ไม่สามารถจัดการแข่งขันเกมรอบชิงชนะเลิศของศึก เอ็มเพอเรอร์ส คัพ ในฤดูกาล 2022 ในวันปีใหม่ของปีถัดไปได้เช่นกัน เนื่องจากติดโปรแกรมการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 ทางสมาคมฟุตบอลญี่ปุ่น จึงต้องขยับเกมรอบชิงชนะเลิศครั้งนี้ มาแข่งกันในวันที่ 16 ตุลาคม 2022 แทนที่จะเป็นวันที่ 1 มกราคม 2023
แต่อย่างไรก็ตาม แม้จะมีเสียงวิจารณ์ในแง่ลบจากแฟนบอล เกี่ยวกับการเลือกจัดการแข่งขันเกมรอบชิงชนะเลิศของศึก เอ็มเพอเรอร์ส คัพ ในวันปีใหม่ของทุกปี เป็นจำนวนมากเท่าไร สุดท้ายแล้ว พวกเขาก็ยอมรับว่ามันคงจะเป็นเรื่องที่ชวนเหงาน่าดู ถ้าในวันปีใหม่จะไม่มีเกมการแข่งขันฟุตบอลคู่น่าสนุกให้รับชม
ภาพจำที่ชินตา
"ผมไม่เห็นด้วยนะ กับการที่จะต้องมาจัดการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศของ เอ็มเพอเรอร์ส คัพ ในวันปีใหม่ แต่ก็ยอมรับว่ามันก็คงรู้สึกเหงาน่าดู ถ้าวันปีใหม่จะไม่มีสิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้น" ทาเคโอะ โกโต ยอมรับถึงความสำคัญของการจัดการแข่งขันเกมรอบชิงชนะเลิศของศึก เอ็มเพอเรอร์ส คัพ ในวันปีใหม่
แม้จะมีเสียงวิจารณ์และไม่เห็นด้วยกันอยู่เรื่อย ๆ แต่การที่วันปีใหม่ ยังคงมีการแข่งขันฟุตบอลนัดระดับประเทศเกิดขึ้นอยู่ทุก ๆ ปีในญี่ปุ่นนั้น ก็เป็นเครื่องพิสูจน์ในระดับหนึ่งแล้วว่า เหล่าผู้คนต่างมีความผูกพันกับเรื่องนี้กันมานาน
ในอีกมุมหนึ่งของแฟนบอลญี่ปุ่น พวกเขามองว่าการจัดการแข่งขันเกมรอบชิงชนะเลิศของศึก เอ็มเพอเรอร์ส คัพ ขึ้นในวันปีใหม่นั้น มันมีทั้งความหมายและคุณค่าสำหรับพวกเขามาก ๆ สิ่งเหล่านั้นเปรียบเสมือนของขวัญ ที่สมาคมฟุตบอลญี่ปุ่นได้มอบให้กับพวกเขา เป็นคำขอบคุณที่พวกเขาต้องทุ่มแรงกายแรงใจให้กับการคอยสนับสนุนฟุตบอลญี่ปุ่นมาตลอดทั้งปีทั้งฤดูกาล
และถึงเกมรอบชิงชนะเลิศของศึก เอ็มเพอเรอร์ส คัพ ในฤดูกาล 2023 นั้นจะไม่สามารถจัดขึ้นได้ในวันที่ 1 มกราคม 2024 เนื่องจากติดโปรแกรมการแข่งขันของศึกเอเชียน คัพ 2023 ที่จะเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 12 มกราคม 2024
แต่ทางสมาคมฟุตบอลญี่ปุ่นเอง ก็ไม่ได้ปล่อยให้วันปีใหม่ของปี 2024 นั้นว่างโปรแกรมการแข่งขันฟุตบอลไป เพราะอย่างที่ทราบกัน วันดังกล่าวได้ถูกนำไปมอบให้กับฟุตบอลทีมชาติญี่ปุ่น ใช้เป็นโปรแกรมเปิดบ้านลงเล่นเกมอุ่นเครื่องกับ ทีมชาติไทย แทน เพื่อให้วันปีใหม่ ยังคงมีความหมายและคุณค่ากับการแข่งขันฟุตบอลระดับชาติภายในประเทศญี่ปุ่นต่อไป
"มันกลายเป็นของที่คู่กันไปแล้ว วันปีใหม่ กับการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศของศึก เอ็มเพอเรอร์ส คัพ แม้หลายคนจะเห็นถึงผลเสียของมัน แต่ก็คงจะรู้สึกแปลก ๆ ถ้าวันปีใหม่ จะไม่มีการแข่งขันฟุตบอลสนุก ๆ ให้ดู" ทาเคโอะ โกโต กล่าว
แหล่งอ้างอิง :
https://earlylaggard.com/new-years-day-final
https://news.jsports.co.jp/football/article/20190310221922/?p=1
https://sportiva.shueisha.co.jp/clm/football/jleague_other/2021/12/19/post_175/
https://www.nikkansports.com/soccer/news/202312070001334.html