Feature

เปลี่ยนตัวตนหรือคงแนวทางตัวเอง : ปอสเตโคกลู จากคุมสเปอร์สไม่แพ้ในลีก 10 นัด สู่ผลแพ้ 3 นัดติด | Main Stand

หลังพรีเมียร์ลีกเปิดฤดูกาลแข่งขัน 2023-24 ในเดือนสิงหาคม หนึ่งในทีมที่ทำผลงานได้น่าสนใจมากที่สุดทีมหนึ่ง คือ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ภายใต้การเข้ามาคุมทีมของผู้จัดการทีมป้ายแดง อังเก้ ปอสเตโคกลู

 

ที่จั่วหัวมาเช่นนี้เพราะกุนซือออสเตรเลียนผู้นี้พาพลพรรคไก่เดือยทองทำผลงานสุดร้อนแรง โดยเฉพาะการแข่งขันพรีเมียร์ลีก 10 เกมแรกที่ทีมทำสถิติไร้พ่าย ขณะที่ตัวของอังเก้เองก็กวาดรางวัลกุนซือยอดเยี่ยมของพรีเมียร์ลีกแบบเบ็ดเสร็จเพียงคนเดียวมาตั้งแต่เดือนสิงหาคมไปจนถึงเดือนตุลาคม

อย่างไรก็ดี เมื่อเข้าสู่โปรแกรมแมตช์เดย์ที่ 11 ไปจนถึงแมตช์เดย์ที่ 13 สเปอร์สกลับเจอผลการแข่งขันที่ไม่เป็นใจเฉกเช่นกับ 10 นัดแรก เมื่อทีมพ่ายรวดทั้งสามนัด ล่าสุดตกจากอันดับท็อปโฟร์ไปเรียบร้อย 

กับผลงานที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเช่นนี้ ทำเอาคอลูกหนังทั่วมุมโลกไปจนถึงเหล่ากูรูน้อยใหญ่ของวงการ อดไม่ได้ที่จะตั้งคำถามปลายเปิดว่า “เกิดอะไรขึ้น” กับคลับไก่ 

หากสเปอร์สอยากกลับไปอยู่ในจุดเดิมเหมือนที่เคยทำได้ มีจุดใดที่ควรจะขบคิด ควรแก้ไข หรือปรับปรุงบ้าง มาวิเคราะห์ไปพร้อม ๆ กันกับ Main Stand 

 

การเจอกันของทีมและกุนซือ ที่ “ศีลเสมอกัน”

ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ จบฤดูกาลพรีเมียร์ลีก 2022-23 ด้วยอันดับ 8 นั่นเท่ากับว่าทีมคว้าน้ำเหลวในขวบปีดังกล่าวและไม่ได้ไปเล่นฟุตบอลยุโรป แถมยังต้องเผชิญภาวะการเปลี่ยนแปลงเก้าอี้กุนซือเป็นว่าเล่น ไล่มาตั้งแต่ อันโตนิโอ คอนเต้ ยันกุนซือรักษาการณ์ทั้ง คริสเตียน สเตลลินี่ และ ไรอัน เมสัน

นี่ถือเป็นโจทย์ใหญ่ก่อนถึงฤดูกาลถัดไปของสเปอร์สภายใต้การบริหารของ แดเนี่ยล เลวี่ ในนาม ENIC Group (บริษัทธุรกิจกีฬาและบันเทิงในอังกฤษ) ว่าจะทำอย่างไรให้ทีมไก่เดือยทองกลับมาอยู่ในจุดที่ควรจะเป็น และที่สำคัญคือการดึง DNA ของสโมสรที่ใครหลายคนมักจะมองว่าสเปอร์สเป็นทีมที่ “เล่นฟุตบอลไหลลื่น เน้นเกมรุก และเล่นสนุก” กลับมาให้จงได้

สเปอร์สวางชื่อของกุนซือที่สนใจดึงมาเติมเต็มอยู่หลายคนในช่วงก่อนเข้าสู่ซีซั่นใหม่ 2023-24 ไล่มาตั้งแต่ อาร์เน่ สล็อต ผู้จัดการทีมชาวดัตช์ที่พาเฟเยนูร์ดเป็นแชมป์ลีกสูงสุดเนเธอร์แลนด์, ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ เทรนเนอร์หนุ่มไฟแรงแห่งวงการลูกหนังโลก รวมถึงกุนซือผู้พาเซลติกผงาดคว้า 5 แชมป์ ภายในเวลา 2 ฤดูกาลที่อยู่คุม อย่าง อังเก้ ปอสเตโคกลู

และแล้วความท้าทายครั้งใหญ่ของสโมสรก็เริ่มอุบัติขึ้น สโมสรวางใจให้ปอสเตโคกลูเข้ามารั้งหน้าที่กุนซือใหญ่ของทีมท่ามกลางข้อครหาไม่น้อยจากใครหลาย ๆ คนว่า ทำไมท็อตแนมถึงเลือกกุนซือที่ยิ่งใหญ่กับแค่ลีกสกอตแลนด์ ไม่ได้มีบารมีหรือดีกรีเด่นดังอะไรเมื่อเทียบกับแคนดิเดตคนอื่น

อย่างไรก็ดี บอร์บริหารไม่ได้มองเช่นนั้น เพราะที่สุดแล้วนี่คือการเจอกันของสโมสรที่มี DNA แห่งการเป็นนักสู้ ได้รับคำนิยามว่าเป็นทีมที่เน้นเล่นเกมบุกสนุกเร้าใจเป็นสำคัญ ซึ่งภาพของแนวทางดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นมาพักใหญ่แล้ว กุนซือคนก่อนหน้าทั้ง โชเซ่ มูรินโญ่ ไปจนถึง อันโตนิโอ คอนเต้ ไม่ได้มีภาพจำแนวทางการเล่นเช่นนี้ หรือหากจะบอกว่าแนวทางการเล่นแบบนี้เกิดขึ้นล่าสุดในยุคของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ก็ย่อมได้

เหตุผลที่สอดรับกันดั่งคนศีลเสมอกันมาเจอกัน นั่นคือ อังเก้ ปอสเตโคกลู เป็นกุนซือที่มีปรัชญาการทำทีมแนวทางเดียวกัน คือครองบอลให้เหนียวแน่น แย่งบอลกลับมาให้เร็ว ทำประตู หรือสนุกไปกับทุกจังหวะการเล่นที่รู้จักในนาม “Angeball”

ดังบทสัมภาษณ์ที่อดีตนายใหญ่ โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส ให้สัมภาษณ์ในช่วงแรกของการเข้ามาคุมทีมในถิ่นท็อตแนม ฮอตสเปอร์ สเตเดียม

“ผมคิดว่ามันเป็นโอกาสที่น่าตื่นเต้นสำหรับพวกเราที่จะออกเดินทางไปสู่ทิศทางใหม่ การเล่นฟุตบอลและสร้างแวดล้อมที่ส่งเสริมคุณค่าและประเพณีอันน่าทึ่งของสโมสรแห่งนี้ หวังว่านี่จะเป็นทีมที่ทุกคนภาคภูมิใจ และที่สำคัญกว่านั้นคือรู้สึกตื่นเต้นไปกับมัน”

“ฟุตบอลที่น่าตื่นเต้น แฟนบอลจะไม่ได้พูดถึงแค่เรื่องผลการแข่งขัน แต่จะพูดถึงวิธีการเล่นฟุตบอลของเราด้วย นั่นเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับผม เพราะผมคิดว่ามันเป็นวิธีที่จะทำให้ทีมประสบความสำเร็จ และมันยังช่วยให้แฟนบอลได้รับสิ่งที่พิเศษที่สุดจากเกมการแข่งขันของเราและช่วงเวลาที่น่าจดจำเหล่านั้น”

“แฟนบอลต้องการเห็นทีมของพวกเขาทำประตู เล่นฟุตบอลได้น่าตื่นเต้น และไม่เสียประตู สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการ และนั่นคือสิ่งที่ผมต้องพยายามทำให้ได้”

 

Angeball ลุยพรีเมียร์ลีก

แม้แนวทางสู่ฤดูกาลใหม่ของสเปอร์ส ภายใต้กุนซือ อังเก้ ปอสเตโคกลู จะให้ภาพทั้งความน่าตื่นเต้นอย่างยากจะปฏิเสธ ทว่าพวกเขาก็ต้องมาเสียหัวใจสำคัญในแนวรุกของทีมในช่วงตลอดหลายปีที่ผ่านมา เมื่อ แฮร์รี่ เคน ตกลงปลงใจย้ายไปร่วมทีมบาเยิร์น มิวนิค ด้วยค่าตัวประมาณ 110 ล้านยูโร 

กระนั้น อังเก้ก็ไม่ได้ทำให้สาวกไก่เดือยทองต้องจิตใจห่อเหี่ยวหลังเสียดาวเด่นเบอร์ต้นของสโมสรไป เขาพิสูจน์ให้เห็นว่า “No Kane, No Problem”

ในพรีเมียร์ลีก 10 เกมแรก นายใหญ่แดนจิงโจ้พิสูจน์ให้เห็นว่า “Angeball” ได้ผลในพรีเมียร์ลีก เขาพาสเปอร์สไม่แพ้ใคร ทำสถิติแกร่งชนะ 8 เสมอ 2 และหากเจาะไปยังแมตช์แต่ละแมตช์ ก็มีทั้งที่เปิดบ้านต้อน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-0, เชือด ลิเวอร์พูล 2-1 รวมถึงเจ๊าระอุ อาร์เซนอล 2-2 ฯลฯ 

นอกจากนี้ ตลอด 10 เกมแรก สเปอร์สทำประตูคู่แข่งชนิดการันตีได้เลยว่าอย่างน้อยเกินสองลูกต่อเกม มีแค่นัดเดียวเท่านั้นที่ทีมยิงคู่แข่งได้ลูกเดียวคือเกมบุกชนะ ลูตัน ทาวน์ 1-0 เช่นเดียวกับสถิติแกร่งครองบอลเหนือกว่าคู่แข่งครบทั้ง 10 เกม 

ความสำเร็จดังกล่าวเกิดขึ้นจากมันสมองและวิสัยทัศน์การทำทีมที่เขายึดมั่นตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาเป็นกุนซือ นอกจากแนวทางที่ไม่เคยเปลี่ยนไปอังเก้ยังใส่กลยุทธ์หลากหลายเพื่อเติมเต็มให้ทีมพร้อมรับมือกับทุก ๆ สถานการณ์ในแต่ละแมตช์เดย์ 

ยกตัวอย่างการใช้งาน เปโดร ปอร์โร่ และ เดสตินี่ อูโดกี้ สองฟูลแบ็กหุบเข้ามาเล่นมิดฟิลด์ จนโดนแซวว่าลอกแผน “Inverted Fullback” ของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา มาใช้ กระนั้นผลลัพธ์ก็นับว่าออกมาดี อย่างเกมกับ บอร์นมัธ ที่ผลการแข่งขันก็ออกมาเป็นสเปอร์สชนะ 2-0

ขณะที่ขุมกำลังคนอื่น ๆ ก็ทำหน้าที่สอดรับกับตำแหน่งได้อย่างเหนียวแน่น อย่างแผงกลางที่มี อีฟ บิสซูม่า ปักหลักอยู่หน้าแผงรับคอยทำหน้าที่ปัดกวาด มี ปาเป้ มาตาร์ ซาร์ คอยขับเคลื่อนดั่งผึ้งงานคอยช่วยทั้งเกมรับและเกมรุก ส่วนเพลย์เมกเกอร์เป็น เจมส์ แมดดิสัน ที่ผนึกกำลังกับสามประสานแดนบนทั้ง ซน ฮึง-มิน, ริชาร์ลิซอน ไปจนถึง เดยัน คูลูเซฟสกี้ เป็นต้น

เช่นเดียวกับเรื่องนอกสนามที่อังเก้พิสูจน์ให้เห็นเรื่องการดึงนักเตะให้กลับมามีชีวิตชีวาได้ไม่แพ้กุนซือคนใด ดังกรณีของ ริชาร์ลิซอน ที่เขามักจะพูดให้กำลังใจเพื่อดูแลสภาพจิตใจของลูกทีมคนนี้อยู่บ่อย ๆ 

“สิ่งที่ผมอยากจะพูดก็คือ ไม่มีใครมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบ ผู้คนต่างคิดว่านักฟุตบอลจะต้องทำสิ่งต่าง ๆ ออกมาได้ดี มีเงินทองที่เพียบพร้อมต่อการใช้ชีวิต แต่นั่นมันไม่ได้ช่วยให้พวกเขารอดพ้นจากปัญหาต่าง ๆ ที่เข้ามาในชีวิต” อังเก้ เอ่ยถึงกรณีที่กองหน้าทีมชาติบราซิลมีปัญหาเรื่องภาวะจิตใจ

เมื่อนำองค์ประกอบทั้งหมดมายำรวมกัน มันโดดเด่นถึงขั้นที่ทีมเคยรั้งถึงอันดับ 1 ของตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก มาแล้วถึงสามสัปดาห์ติด ๆ ในระหว่างแมตช์เดย์ที่ 8-10 ด้านผลงานส่วนตัวของใครหลาย ๆ คนในทีมก็ทำออกมาได้น่าชื่นชม ไล่มาตั้งแต่ อังเก้ ปอสเตโคกลู ที่ทำสถิติคว้ารางวัลผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีกสามเดือนติดต่อกัน 

เช่นเดียวกับรางวัลแข้งยอดเยี่ยมเดือนสิงหาคมและกันยายนที่ตกเป็นของ เจมส์ แมดดิสัน และ ซน ฮึง-มิน ตามลำดับ 

ไม่ว่าจะทัศนคติหรือแม้แต่เรื่องของบุคลิกและสไตล์ที่ไม่เคยเปลี่ยน ทั้งหมดหล่อหลอมให้ทุกคนในทีมสเปอร์สยอมรับในตัวของอังเก้มากขึ้นเรื่อย ๆ 

“มันวิเศษมากจริง ๆ ด้วยวิธีการพูดของเขามันวิเศษมาก เขาแสดงให้เห็นแล้วถึงความสามารถของเขาในทุกเกมการแข่งขันและในทุก ๆ สัปดาห์ ในฐานะคนคนหนึ่งเขายอดเยี่ยมมาก” ซน ฮึง-มิน กัปตันทีมท็อตแนมยุคอังเก้ กล่าวถึงอิมแพ็กต์ของกุนซือวัย 58 ผ่าน talkSPORT

“ผมอายุ 31 ปีแล้ว ผมไม่ได้อายุน้อยเลยเมื่อเทียบกับเพื่อนร่วมทีมคนอื่น ๆ แต่ผมก็ยังเรียนรู้อะไรตั้งมากมายจากเขา มันคือสิ่งที่สำคัญมาก ๆ ผมคิดว่าผู้เล่นในทีมกำลังเรียนรู้จากเขา มันส่งผลต่อผลงานในสนามอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะด้วยวิธีการของเขาหรือคำแนะนำจากเขา”

จนอาจกล่าวได้ว่า สเปอร์สที่ใครหลายคนเคยรู้จักมาตั้งแต่ยุค 20-30 ปีก่อน กลับมาแล้วในยุคของเทรนเนอร์ออสซี่

 

ฟอร์มสะดุด ณ เดือนพฤศจิกายน

สามเดือนแรกของสเปอร์สในพรีเมียร์ลีกภายใต้กุนซืออังเก้ ปอสเตโคกลู ดูเฉิดฉายจนน่าจับตามอง ทั้งรูปแบบวิธีการเล่น ไปจนถึงปรัชญาที่ดูเข้ากันอย่างกลมกล่อม

แต่กระนั้น เพราะ “บนโลกนี้ไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน” ที่สุดแล้วคำดังกล่าวก็ถูกนำมาเทียบเคียงกับสถานการณ์ทีมในช่วงเวลาต่อจากนั้น เมื่อ 3 เกมถัดจากความยิ่งใหญ่ใน 10 นัดแรก ผลลัพธ์คือสเปอร์ส “แพ้รวด”

ไล่ตั้งแต่แมตช์แรกของเดือนพฤศจิกายน 2023 ทีมท็อตแนมมีคิวเปิดบ้านรับการมาเยือนของ เชลซี ทีมที่มีผลงานไม่เข้าที่เข้าทาง แน่นอนว่าการได้เล่นในบ้านตัวเองด้วย คลับไก่น่าจะเก็บสามแต้มทะยานอันดับบนของตารางคะแนนต่อ อย่างไรก็ดี ทุกอย่างกลับไม่เป็นเช่นนั้น

เมื่อผลงานหลังสิ้นเสียงนกหวีดยาวของครึ่งหลัง สเปอร์สเป็นฝ่ายแพ้คาบ้าน 1-4 โดยที่ทีมเหลือผู้เล่น 9 คน เมื่อ เดสตินี่ อูโดกี้ และ คริสเตียน โรเมโร่ โดนใบแดง มากไปกว่านั้น ทีมยังมาเสียผู้เล่นอย่าง มิคกี้ ฟาน เดอ เฟน รวมทั้ง เจมส์ แมดดิสัน ที่พร้อมใจกันบาดเจ็บในเกมนี้ไปอีก

ต่อเนื่องมายังเกมกับ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส สเปอร์สแพ้เป็นเกมที่สองที่โมลินิวซ์ สเตเดียม แม้จะนำไปก่อน 1-0 ในครึ่งแรก ทว่าดันยันผลขึ้นนำไม่อยู่ โดนตีเสมอในนาทีที่ 90 ตามด้วยนาทีที่ 90+7 ที่โดนยิงแซงคว้าชัย

ผลการแข่งขันไม่เป็นใจให้พลพรรคไก่เดือยทองต่อเนื่องมายังแมตช์เดย์ส่งท้ายเดือนพฤศจิกายน ในวันที่ดวลกับ แอสตัน วิลล่า เป็นอีกครั้งที่ทีมออกนำไปก่อนในครึ่งแรกแต่ดันมาโดนรัวแซง 2-1 ในครึ่งหลัง กลายเป็นผลงานแพ้สามเกมรวด ล่าสุดหล่นไปอยู่อันดับที่ 5 ของตารางหลังผ่านไป 13 เกม

พร้อมกับสร้างสถิติไม่น่าจดจำสักเท่าไร กับการเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกที่ไม่แพ้ใคร 10 เกมแรกของฤดูกาลแล้วดันแพ้รวดใน 3 เกมต่อมา ทั้งยังจารึกสถิติเป็นทีมที่ 5 ในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกที่แพ้สามเกมติดต่อกัน แม้จะขึ้นนำไปก่อน 1-0 ทั้งสามเกม

จุดน่าสนใจที่ชวนให้แฟนฟุตบอลไปจนถึงผู้สันทัดกรณีตั้งคำถามถึงผลงานที่จากสูงสุดฟ้าแล้วมาแพ้รวด นั่นคือการที่ อังเก้ ปอสเตโคกลู ยืนหยัดในแนวทางการทำทีมของตัวเอง นั่นคือ เล่นเกมรุก ลุยให้สุดตัว เน้นที่ความตื่นตาตื่นใจ ไม่ได้ยึดไปตามเนื้อผ้าที่ทีมเผชิญในแต่ละการแข่งขัน โดยเฉพาะเรื่องของขุมกำลังที่พร้อมใช้งาน

กรณีนี้เห็นมาตั้งแต่เกมที่พ่ายขาดสิงโตน้ำเงินคราม 1-4 โดยเฉพาะแผงหลังที่ดันขึ้นสูงถึงครึ่งสนามเมื่อยามที่ทีมโดนนำและเหลือตัวผู้เล่นน้อยกว่า เพื่อหวังทวงประตูคืน 

ที่สุดแล้วประตูทวงคืนก็ไม่เกิดขึ้น แผนรุกระห่ำนี้ในที่สุดก็โดนเชลซีทำโทษจากจังหวะสวนกลับ กลายเป็นสกอร์แพ้ขาดถึงสี่ตุง

“ไม่มีอะไร ก็แค่เราเป็นคนแบบนี้ ตราบใดที่ผมยังอยู่ที่นี่ เราจะทำแบบนี้ต่อไป ต่อให้เหลือแค่ 5 คนเราก็จะเล่นแบบนี้” ส่วนหนึ่งของบทสัมภาษณ์จากอังเก้ หลังพ่ายทีมร่วมกรุงลอนดอน ที่แสดงให้เห็นถึงการยึดแนวทาง Angeball ของตัวเองในทุก ๆ สถานการณ์

ตามต่อด้วยเกมบุกพ่ายหมาป่า 1-2 ซึ่งอังเก้มองว่าเป็นผลงานที่น่าผิดหวังหลังโดนสองประตูในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 

ขณะที่เกมพ่ายสิงห์ผงาด 1-2 ก็เป็นตัวอย่างที่เด่นชัดอีกแมตช์ว่ากุนซือวัยใกล้แซยิดผู้นี้ยังคงยึดมั่นในแผนเกมบุก เน้นเอนเตอร์เทนแฟนบอลตั้งแต่นกหวีดเริ่มเกมเป่าขึ้น โดยยึดแนวทางนี้ “มากกว่า” เปลี่ยนเป็นเน้นรับมากกว่ารุก ท่ามกลางตัวผู้เล่นหลักที่ไม่พร้อมทั้งเจ็บทั้งแบนเกินครึ่งทีม

ไล่มาตั้งแต่การจัดขุมกำลัง แผงหลัง 4 คนเป็นผู้เล่นตำแหน่งวิงแบ็กทั้งหมด (ไล่จากขวาไปซ้าย เปโดร ปอร์โร่, เอแมร์ซอน รอยัล, เบน เดวีส์ และ เดสตินี่ อูโดกี้) โดยมี เอริค ดายเออร์ เซ็นเตอร์แบ็กอาชีพนั่งสำรอง ซึ่งที่สุดก็ไม่ได้รับโอกาสลงสนาม เช่นเดียวกับการที่ทีมไม่มีกลางรับธรรมชาติ รวมถึงสามประสานแดนบนที่ต้องจัดทัพแบบเฉพาะกิจ โดยดัน เดยัน คูลูเซฟสกี้ ไปเล่นเป็นกองกลางเบอร์ 10 

เมื่อตัวผู้เล่นมีจำกัด นักเตะหลาย ๆ คนถูกดันไปเล่นในตำแหน่งที่ถนัดรองลงมา ซ้ำยังมาโดนทีเด็ดของ แอสตัน วิลล่า ซึ่ง อูไน เอเมรี่ บอกหลังเกมว่าสั่งให้ลูกทีมเล่นเกมรับอย่างอดทน ใช้แผนทำให้คู่แข่งล้ำหน้า จนกลายเป็นไม้เด็ดใช้เล่นงานเจ้าบ้าน และผลก็คือการคว้าสามคะแนนที่ลอนดอนเหนือ

“ผมรู้สึกผิดหวังแทนแฟนบอล และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับตัวนักเตะเอง เพราะผมรู้สึกว่าด้วยขุมกำลังที่เรามีอยู่ ทุกคนทำหน้าที่กันได้อย่างยอดเยี่ยมแล้ว ถ้าเป็นวันอื่นเราคงจะชนะได้อย่างสบายใจ ผมไม่รู้สึกผิดหวังกับความพยายามที่พวกเขาทุ่มเทให้กับเกม” อังเก้ ปอสเตโคกลู ให้สัมภาษณ์หลังเกมแพ้ แอสตัน วิลล่า 1-2 เป็นการตอกย้ำถึงการยึดมั่นในแผน Angeball ซึ่งตอนนี้เริ่มถูกตั้งคำถามบ้างแล้ว

 

เปลี่ยนตัวตนหรือคงแนวทางตัวเอง ?

ด้วยสไตล์การทำทีมที่ไม่แปรเปลี่ยน กลายเป็นประเด็นที่ใครหลายคนตั้งคำถามต่อว่า “มันเสี่ยง” เกินไปไหม หากอังเก้จะยึดแนวคิดนี้ไปตลอดซีซั่น เพราะทุกอย่างเป็นไปได้หมดว่ามันอาจเกิดกรณีที่ขุมกำลังหลักไม่พร้อมอยู่ให้ใช้งานแบบครบครันขึ้นอีกได้ในอนาคต

ในทางกลับกัน หากปอสเตโคกลูเลือกเปลี่ยนตัวตนของตัวเองไปบ้างตามโอกาสและความเหมาะสม ตัวอย่างเช่นยอมเล่นเกมรับ เน้นผลการแข่งขันมากกว่ารูปเกม ที่จะให้ภาพดูน่าเบื่อ แล้วถ้าผลการแข่งขันนัดนั้น ๆ ออกมาไม่เป็นใจทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับสโมสร เมื่อเป็นเช่นนี้เขาจะเผชิญแรงกระแทกมากกว่านี้หรือเปล่า

เมื่ออะไรหลาย ๆ อย่างดูจะเข้าที่เข้าทางมาตั้งแต่แรกที่สเปอร์สเลือกแต่งตั้งอังเก้ เพราะมองว่าเคมีตรงกับแนวทางของสโมสร การหันหน้าเข้าหากันเพื่อพูดคุยถึงสถานการณ์ปัจจุบันของทีมดูเป็นเรื่องที่ควรทำมากที่สุดในเวลานี้

เพราะต้องไม่ลืมว่า การมาของปอสเตโคกลูก็มีเป้าหมายทั้งระยะสั้นและยาว เป้าระยะสั้นคือการกลับไปสู่อันดับท็อปโฟร์ ระยะยาวหากเข้าได้เข้าเข็มก็หวังได้ถึงแชมป์สักรายการ หลังทีมชวดโทรฟี่มาประดับตั้งแต่ลีกคัพ 2008 ซึ่งเรื่องบังเอิญประการหนึ่งก็คือ ฆวนเด้ รามอส กุนซือในยุคนั้น ก็มีสไตล์การทำทีมที่เน้นเกมรุกเช่นกัน 

บางทีการพูดคุยกับบอร์ดบริหาร โดยเฉพาะท่านประธาน แดเนี่ยล เลวี่ เรื่องการเสริมขุมกำลังเติมแกร่งตั้งแต่มกราคม 2024 นี้ อาจเป็นแนวทางการแก้ปัญหาที่ปัจจุบันทันด่วนที่สุด

แต่ที่สำคัญที่สุดก็ยังคงหนีไม่พ้นคำถามและคำตอบที่อยู่ในใจตัวเองว่า ที่สุดแล้ว “การเปลี่ยนตัวตนหรือคงแนวทางตัวเอง” แบบไหนดีกว่ากัน

 

แหล่งอ้างอิง

https://www.football.london/tottenham-hotspur-fc/news/postecoglou-unhappy-make-tottenham-changes-28180962 
https://theathletic.com/5085366/2023/11/26/tottenham-aston-villa-result-analysis/ 
https://theathletic.com/5039030/2023/11/07/tottenham-high-line-ange-postecoglou/ 
https://www.fourfourtwo.com/news/ange-ball-postecoglou-tottenham 
https://www.bbc.co.uk/sounds/play/p0gw10m3 
https://www.skysports.com/watch/video/sports/football/13016881/unai-emery-defence-was-key-against-spurs-excited-to-keep-improving 
https://talksport.com/football/1612979/heung-min-son-ange-postecoglou-tottenham-fulham/ 
https://thesefootballtimes.co/2019/07/03/the-story-of-juande-ramos-ill-fated-12-month-stint-at-tottenham/ 

Author

พชรพล เกตุจินากูล

แฟนคลับเชลซี ติดตามฟุตบอลเอเชีย ไก่ทอดและกิมจิเลิฟเวอร์

Photo

ปฐวี ยอดเนียม

ชื่นชอบกีฬาฟุตบอล แต่ตอนนี้หลงไหล " ว่าย ปั่น วิ่ง "

Graphic

ปริญญา คงปันนา

กราฟฟิคหน้าโหด ทำงานด้วย Passion ว่างๆ ชอบไปคาเฟ่ หลงไหลในศิลปะ, การเดินทางและกีฬา