กลายเป็นไวรัลบนสื่อสังคมออนไลน์อยู่ไม่น้อยในแวดวงลูกหนังพรีเมียร์ลีก เมื่อกล้องถ่ายทอดสดในเกมที่ ลูตัน ทาวน์ เปิด เคนิลเวิร์ธ โรด รับการมาเยือนของ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ได้จับภาพบริเวณอัฒจันทร์หลัก โดยปรากฏเป็นภาพของสุนัขพันธุ์ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ ตัวหนึ่ง พร้อมเจ้าของ
ทันทีที่ภาพของเจ้าสุนัขพร้อมเจ้าของถูกเผยแพร่ออกไป ก็ได้กลายเป็นที่สนอกสนใจของแฟน ๆ ทั้งในสนามและที่ชมการถ่ายทอดสดไม่แพ้ผลการแข่งขันที่ออกมาเป็นทีมเยือนบุกเฉือนหวิว 0-1 นำมาซึ่งกระแสชื่นชมความน่ารักและอบอุ่นระหว่างคนกับสุนัขต่อเนื่องมายังโลกออนไลน์
แต่ใครเลยจะรู้ว่าเรื่องนี้ไม่ได้มีแค่เรื่องมิตรภาพต่างสายพันธุ์เท่านั้น เพราะนี่คือเรื่องราวของ แม็ตต์ คลาริดจ์ แฟนบอลตัวยง เดอะ แฮตเตอร์ส และเป็นผู้พิการทางสายตา กับเจ้าเจฟฟรี่ ในฐานะสุนัขนำทางที่อยู่ร่วมดูฟุตบอลกับแมตต์เป็นเวลาถึง 6 ปีเข้าไปแล้ว
Main Stand ขอชวนผู้อ่านมาติดตามเรื่องราวที่ชวนซึ้งกินใจนี้ไปพร้อม ๆ กัน
โลกที่มืดมนของแมตต์
จุดเริ่มต้นของเรื่องราวความผูกพันธ์ระหว่าง แมตต์ คลาริดจ์ กับ เจฟฟรี่ ต้องย้อนไปตั้งแต่ช่วงที่แมตต์เกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้ ซึ่งแมตต์โชคร้ายตรงที่เขามีปัญหาด้านการมองเห็นมาตั้งแต่กำเนิด
ครอบครัวของแมตต์ทำทุกวิถีทางเพื่อหวังให้ลูกชายมีสายตาปกติเฉกเช่นกับคนทั่วไป แน่นอนว่าเขาต้องเข้าโรงพยาบาลเพื่อทำการรักษาเป็นว่าเล่น และเมื่อได้รับการรักษาในระดับหนึ่ง ที่สุดแล้วเขาก็เริ่มกลับมาใช้ชีวิตเหมือนคนธรรมดาได้บ้าง เพียงแต่เป็นการมองเห็นแบบเลือนราง เขาไม่สามารถมองเห็นโลกทั้งใบได้ชัดเจน
ด้วยการที่เทคโนโลยีทางการแพทย์ในช่วงสมัยกว่า 44 ปีก่อน (ตามอายุปัจจุบันของแมตต์) ไม่ได้ “ทันสมัย” เฉกเช่นกับยุคปัจจุบัน ที่สุดแล้วการรักษาในสมัยนั้นก็ไม่ได้ทำให้เขากลับมาใช้ชีวิตดั่งคนปกติได้
กระทั่งตาด้านขวาของ แมตต์ คลาริดจ์ เริ่มปิดสนิท เขากลายเป็นผู้พิการทางสายตา (ด้านขวา) ที่ตาบอดโดยสมบูรณ์ ขณะที่ตาด้านซ้ายยังคงมองเห็นได้บ้าง และเป็นเช่นนี้มาจนถึงทุกวันนี้
“ในฐานะพ่อแม่ มันเป็นเรื่องที่เจ็บใจมาก ๆ เรื่องนี้มันเกิดขึ้นเมื่อกว่า 40 ปีที่แล้ว การใช้ยาในสมัยนั้นและทุกอย่างไม่ได้ทันสมัยเหมือนยุคนี้ ที่มีทั้งการรักษาด้วยเลเซอร์หรืออื่น ๆ มากมาย อะไร ๆ ก็ไม่เหมือนตอนนั้น” คริส ในฐานะพ่อของแมตต์ เผยความรู้สึก
เมื่อแมตต์กลายเป็นคนเปราะบางในสังคมทั่วไป มันยิ่งทำให้เขาเผชิญการถูกกลั่นแกล้งสารพัด โดยเฉพาะช่วงที่เขาต้องเข้าสู่ระบบการศึกษาในโรงเรียน
“ผมถูกรังแก” แมตต์ ให้สัมภาษณ์กับ คีวา โอนีล นักเขียนจาก The Athletic
“ผมต้องคอยจัดการกับเรื่องพวกนี้ ครูมักจะไม่ทำอะไรเลยด้วยนะ ผมถูกทุบตี พวกเขา (เพื่อนนักเรียน) ไม่ใช่ความทรงจำที่ดีของผมเลย พวกเขาจะคอยขว้างปาลูกฟุตบอลใส่หน้าผมและมันทำให้แว่นตาของผมหัก ผมเคยนั่งทับหมากฝรั่งที่พวกเขาเอาไปแปะไว้บนที่นั่ง แล้วมันก็ติดเสื้อผ้าของผม มันโหดร้ายมาก”
ฟุตบอลกับสุนัขนำทาง
ถึงแม้โลกความจริงจะโหดร้ายกับ แมตต์ คลาริดจ์ ทว่าชายผู้ที่ตาขวาบอดสนิทก็ไม่ได้จมปลักไปกับเรื่องแย่ ๆ ที่ถาโถมเข้ามาไปเสียทีเดียว
และเป็น “ฟุตบอล” กีฬาซึ่งเปรียบเสมือนปัจจัยที่ 5 ของคนอังกฤษ ที่เข้ามาทำให้ชีวิตของเขาได้รับการเติมเต็มท่ามกลางโลกที่ไม่ได้ใจดีกับเขา
โดยสโมสรท้องถิ่นที่อยู่ใกล้บ้านของ แมตต์ คลาริดจ์ มากที่สุดคือ ลูตัน ทาวน์ ทีมที่เพิ่งคว้าสิทธิ์กลับมาแข่งขันในลีกสูงสุดของอังกฤษได้อีกครั้ง ซึ่งแมตต์ก็ถือตั๋วปีของสโมสรไว้ด้วย
แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องยากที่แมตต์จะเดินทางเข้าไปชม เดอะ แฮตเตอร์ส ลงห้ำหั่นกับคู่แข่งน้อยใหญ่ด้วยตัวเอง แต่ถึงอย่างไร คนที่คอยอยู่เคียงข้างเขาในวันที่มีแมตช์เดย์มาตลอดก็คือคุณพ่อคริส
อย่างไรก็ดี จู่ ๆ วันหนึ่งของปี 2016 พ่อของแมตต์เกิดล้มป่วยหนักเข้าโรงพยาบาล เรียกได้ว่าหนักถึงขั้นต้องรอการปลูกถ่ายตับ คริสต้องนอนโรงพยาบาลนานถึง 4 เดือนเต็ม ๆ และในระหว่างนั้นเขาได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งลำไส้
แมตต์ คลาริดจ์ ไม่มีพ่อชวนไปดูฟุตบอลด้วยกันในสนามอยู่พักหนึ่ง ที่จริงเขาสามารถใช้ไม้เท้าค่อย ๆ ประคองตัวเองไปชมเกมการแข่งขันได้ ทว่าไม้เท้าก็เป็นอีกหนึ่งบาดแผลใหญ่ทางจิตใจจากสมัยเด็กที่เขาเคยได้รับมา
แต่กระนั้น เขาก็ไม่ปล่อยให้กิจกรรมที่แสนวิเศษนี้หายไปไหน กระทั่งเริ่มคำนึงถึงการนำสุนัขนำทาง (Guide Dogs) มาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต
อนึ่ง ด้วยการที่สายพันธ์ุลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ เป็นสุนัขที่มีอุปนิสัยฉลาด เข้ากับคนง่าย ฝึกง่าย ชอบทำกิจกรรม ไม่หยุดอยู่เฉย ๆ ทำให้สุนัขสายพันธุ์นี้ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มสุนัขนำทางมนุษย์ รวมถึงผู้พิการเป็นสายพันธุ์ต้น ๆ
แน่นอนว่าสุนัขนำทางจะได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีก่อนนำมาปฏิบัติหน้าที่ให้ความช่วยเหลือผู้คน ยิ่งกับผู้พิการ ปฏิเสธไม่ได้ว่าสุนัขนำทางเปรียบดั่งอวัยวะที่ขาดหายไป
และนั่นก็ทำให้แมตต์ได้รู้จักกับสุนัขพันธ์ุลาบราดอร์แสนรู้ที่ชื่อ เจฟฟรี่ กระทั่งการเดินทางของทั้งคู่ก็เริ่มต้นขึ้น
เพื่อนที่ดีที่สุด
“เขาตอบสนองต่อเสียงนกหวีด (ของผู้ตัดสิน) เมื่อเสียงนกหวีดดังขึ้น เขาจะเงยหน้าขึ้นมอง แต่ปกติแล้วเขาจะหลับครับ” แมตต์ พูดถึงเจ้าเจฟฟรี่
“ถ้าผมกระโดดเฮหลังทีมทำประตูได้ เจฟฟรี่ก็จะกระโดดไปกับผมด้วย”
แมตต์ คลาริดจ์ และ เจฟฟรี่ เดินทางร่วมกันในฐานะแฟนบอลกับสุนัขนำทางมาเป็นเวลาร่วม 6 ปี โดยมีสายคล้องคอที่เป็นดั่งสัญลักษณ์ของสุนัขนำทาง ทั้งยังให้ความรู้สึกดั่งสายสัมพันธ์ของเพื่อนที่ดีที่สุดจากต่างสายพันธุ์ไปด้วยอีกทาง
นั่นเท่ากับว่าการผจญภัยของทั้งคู่เกิดขึ้นแบบครบอรรถรสทั้งสมัยที่ลูตัน ทาวน์ โลดแล่นอยู่ในลีกทู กระทั่งซีซั่น 2023/24 ที่ทีมเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีกอย่างเต็มภาคภูมิ
แน่นอนว่าเจฟฟรี่ซึ่งเปรียบดั่ง “ดวงตา” ของแมตต์ มักจะเดินนำหน้าเขาทั้งบริเวณทางเท้าในย่านชุมชน พาเดินข้ามถนน พาขึ้นรสบัสประจำทาง เดินนำทางเข้า-ออกสนามเคนิลเวิร์ธ โรด นำทางแมตต์ให้เข้าไปทำธุระส่วนตัวที่ห้องน้ำในระหว่างพักครึ่งเวลาแข่งขัน
หรือแม้แต่นำทางให้แมตต์แวะไปจิบเครื่องดื่มเย็น ๆ ที่บาร์แถวสนาม เจฟฟรี่ก็ทำมาหมดแล้ว
ไม่ใช่ว่าแมตต์จะมีเจฟฟรี่เดินทางไปกับเขาในทุก ๆ วันที่มีแมตช์แข่งขัน โดยเฉพาะวันที่สโมสรลงแข่งขันในฐานะทีมเยือน เพราะปัจจัยหลาย ๆ อย่างที่อาจไม่เอื้ออำนวยและไม่ได้คุ้นเคยกับเจฟฟรี่ เหมือนกับที่รังเหย้าของลูตัน เช่น ขั้นบันไดบนอัฒจันทร์ เรื่องความสว่างของสนาม ตลอดจนความไม่พออกพอใจของคนบางกลุ่ม เป็นต้น
และที่สำคัญ แมตต์เองก็คำนึงถึงสภาพจิตใจและการทำหน้าที่ของเพื่อนซี้สี่ขาตัวนี้มาก ๆ
“ผมจะไม่บังคับให้เจฟฟรี่มาที่สนามด้วยกันบ่อย ๆ หากมันมีเรื่องอะไรที่เข้ามารบกวนตัวเขาที่อาจรับมือไม่ไหว” แมตต์ ยืนยัน
ความสุขที่ล้นใจในระหว่างชมการแข่งขันของทั้งแมตต์และเจฟฟรี่ยังได้รับการเติมเต็มขึ้นไปอีก เมื่อช่วงหลายปีให้หลัง คริส พ่อของแมตต์ กลับมาชมเกมการแข่งขันได้อีกครั้ง หลังเอาชนะมะเร็งร้ายได้โดยสมบูรณ์
อย่างไรก็ตาม การทำหน้าที่ของสุนัขนำทางก็มีอายุขัยของมัน เมื่อถึงเวลาหนึ่ง สุนัขที่เคยทำหน้าที่ตรงนี้ก็จะถูกปลดระวางไปตามกาลเวลา
เช่นเดียวกับเจฟฟรี่ที่จะเดินนำทางแมตต์ไปจนถึงเดือนสิงหาคม 2024 นี้ ก่อนที่เดือนถัดไปจะเป็นช่วงเวลาเจ้าเจฟฟรี่ที่ปัจจุบันอายุ 9 ขวบ ต้องปลดประจำการพอดิบพอดี (สุนัขนำทางมีอายุการทำงานราว 7-10 ปี)
กับเรื่องราวการเดินทางของ ลูตัน ทาวน์ โดยเฉพาะการไต่ระดับจากลีกล่างสู่ลีกสูงสุดในฤดูกาล 2023/24 นับว่าเป็นเรื่องสุดมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นที่เคนิลเวิร์ธ โรด ชนิดไม่มีใครสงสัย
ขณะเดียวกัน ที่นี่ยังมีเรื่องสุดมหัศจรรย์อีกเรื่องที่เกี่ยวข้อง โดยเป็นเรื่องราวที่มีตัวละครหลักของเรื่องเป็นมนุษย์กับสุนัข ซึ่งเปี่ยมไปด้วยเรื่องราวให้อบอุ่นหัวใจและชวนให้ใครหลายคนหุบยิ้มไม่ลงไปตาม ๆ กัน
แหล่งอ้างอิง
https://theathletic.com/4939718/2023/10/08/luton-dog-premier-league/
https://x.com/footballontnt/status/1710617802657103950?s=20
https://www.facebook.com/photo/?fbid=839605557952071&set=a.733692288543399
http://dth.or.th/infographic/international-guide-dog-day-%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%
https://en.wikipedia.org/wiki/Guide_dog