ก่อนเริ่มฤดูกาล 2023-24 เรอัล มาดริด เสียขุมกำลังของทีมไปไม่น้อย หนึ่งในนั้นคือการประกาศอำลาทีมของ คาริม เบนเซม่า ในฐานะกองหน้าตัวเป้าตัวหลักที่อยู่ล่าตาข่ายกับทีมมาเป็นเวลาเกินทศวรรษ
ท่ามกลางข่าวลือกับนักเตะระดับท็อปในตำแหน่งหัวหอกที่สื่อประโคมไม่เว้นแต่ละวัน ที่สุดแล้วทัพราชันชุดขาวตกลงปลงใจในการจิ้มชื่อของ โฆเซ่ หลุยส์ มาโต้ ซานมาร์ติน (José Luis Mato Sanmartín) หรือที่รู้จักในนาม "โฆเซลู" มาร่วมก๊วน ภายใต้สัญญายืมตัวจาก เอสปันญอล 1 ซีซั่น
แน่นอนว่าคำถามย่อมเกิดขึ้นกับทีมแชมป์ลาลีกา 35 สมัยอย่างไม่ต้องสงสัย ทำไมถึงต้องเป็นชื่อของโฆเซลู แถมอายุอานามก็ปาเข้าไปถึง 33 ปี และที่สำคัญดาวยิงผู้นี้จะเข้ามาทดแทนการขาดหายไปของเบนเซม่าได้ดีแค่ไหน
Main Stand ชวนผู้อ่านมาติดตามเรื่องราวของโฆเซลู กับชีวิตที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นแข้งเยาวชนชุดขาว เคยล้มเหลวกับการค้าแข้งในต่างประเทศ ก่อนจะกลับมานับหนึ่งกับเส้นทางฟุตบอลอีกคำรบ กระทั่งได้มาอยู่กับอดีตทีมอย่างมาดริดคำรบสอง
รอบแรกที่เบร์นาเบว
โฆเซลูนั้นเกิดที่เมืองสตุ๊ตการ์ต ประเทศเยอรมนี จนเมื่ออายุได้ 4 ปี ครอบครัวของเขาซึ่งเป็นคนสแปนิชขนานแท้ ได้ตัดสินใจกลับไปใช้ชีวิตในประเทศบ้านเกิดที่แคว้นกาลิเซีย ทางตะวันตกเฉียงเหนือของสเปน
เซลต้า บีโก้ สโมสรซึ่งตั้งอยู่ในเมืองที่โฆเซลูเติบโตขึ้นมา เป็นทีมที่หยิบยื่นโอกาสให้ดาวรุ่งรายนี้สานต่อโอกาสของตัวเองบนเส้นทางฟุตบอลในวัย 11 ปี โดยที่ต้องอยู่กับป้ามากกว่าพ่อแม่ของตัวเอง เนื่องด้วยบ้านของญาตินั้นใกล้กับที่ทำการอคาเดมีของสโมสรมากกว่า
และในระหว่างที่เขาเฉิดฉายขึ้นมาเป็นดาวรุ่งน่าจับตาคนหนึ่งของวงการฟุตบอลแดนกระทิง ในฐานะแข้งทีมชาติสเปนรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี โฆเซลู ถูก เรอัล มาดริด ดึงมาเป็นแข้งในคาถาต่อในปี 2009
กระนั้นเขาก็ยังไม่ได้เป็นนักเตะของมาดริดทันที เมื่อเงื่อนไขที่ทีมโลสบลังโกสซื้อตัวโฆเซลูคือจะปล่อยให้อดีตสโมสรอย่างเซลต้า บีโก้ ที่ในเวลานั้นโลดแล่นอยู่ในระดับเซกุนด้า หรือลีกรองจากลีกสูงสุด ยืมตัวไปใช้งานก่อนเป็นเวลาหนึ่งซีซั่น (2009-10)
กับวัยที่ยังไม่ถึง 20 ปีดิบดี โฆเซลูทำผลงานได้น่าชื่นชมในระดับหนึ่งร่วมกับเซลต้า บีโก้ ไม่ว่าจะเป็นการช่วยทีมอยู่รอดปลอดภัยบนเวทีลีกรอง (จบอันดับ 12 จาก 22 ทีม) ตลอดจนผลงาน 4 ประตูร่วมกับสโมสรที่ปลุกปั้นเขามา
จากนั้นในฤดูกาล 2010-11 โฆเซลูกลับมาอยู่กับต้นสังกัดที่แท้จริงอย่าง เรอัล มาดริด อย่างเป็นทางการ และนี่คือช่วงเวลาแรกของเขาร่วมกับทีมดังแห่งวงการฟุตบอลสเปน
อย่างไรก็ตาม เนื่องด้วยพลพรรคราชันชุดขาวอุดมไปด้วยขุมกำลังพันธุ์แกร่ง ยิ่งเป็นนักเตะตำแหน่งกองหน้าแล้ว มาดริดมีทั้ง คริสเตียโน่ โรนัลโด้, กอนซาโล่ อิกวาอิน หรือแม้แต่ คาริม เบนเซม่า เป็นแกนหลัก และแน่นอนว่าพื้นที่ของเหล่าดาวรุ่งก็ยังคงถูกจำกัด
ด้วยเหตุนี้ โอกาสของโฆเซลูมักจะอยู่ระหว่างการเล่นให้ทีมสำรองอย่าง เรอัล มาดริด กาสติย่า หรือถูกดันขึ้นชุดใหญ่ตามโอกาสเห็นควร โดยผลงานชิ้นโบว์แดงร่วมกับมาดริด กาสติย่า ของเเขาเกิดขึ้นในซีซั่น 2011-12 กับสถิติทำ 19 ประตูในลีกฤดูกาลปกติกับอีก 7 ประตูในรอบเพลย์ออฟเลื่อนชั้น
กระนั้นโมเมนต์ในช่วงแรกของเจ้าหนูโฆเซลูกับ เรอัล มาดริด ไม่มีอะไรโดดเด่นมากไปกว่าผลงาน 1 ประตู ในเกมที่ทีมซีเนียร์จัดหนัก อัลเมเรีย 8-1 ในฤดูกาล 2010-11
โดยเกมนั้นเขาได้ลงเล่นราว 6 นาทีจากที่ถูกเปลี่ยนลงสนามแทน คาริม เบนเซม่า ซึ่งคนจ่ายบอลถวายพานให้โฆเซลูที่สวมเสื้อเบอร์ 39 ลงเล่นคือ คริสเตียโน่ โรนัลโด้
"เมื่อคุณมองไปที่ห้องแต่งตัวของสโมสรซึ่งมีนักเตะอย่างกาก้า, ราอูล, คริสเตียโน่ (โรนัลโด้), มาร์เซโล่ รวมถึง เปเป้ อยู่ที่นั่น ผมได้แต่นั่งมองพื้น เพราะผมยังเด็กและกังวลมาก" โฆเซลู ย้อนความผ่าน Daily mail
"ตอนที่ มูรินโญ่ (กุนซือเรอัล มาดริด ในเวลานั้น) บอกให้ผมไปวอร์มร่างกาย ผมได้แต่ดูนาฬิกาและบอกกับตัวเองว่า เอาน่า ได้โปรดส่งผมลงสนามด้วยเถอะ ผมวอร์มร่างกายแล้ว ผมพร้อมแล้ว จากนั้นผมก็ได้ลงเล่นแทนที่ คาริม เบนเซม่า ในนาทีที่ 85 และ 60 วินาทีต่อมาคริสเตียโน่จ่ายบอลมาให้ แล้วผมก็ทำประตูได้ ผมวิ่งไปหาคริสเตียโน่เลยและบอกกับเขาว่า 'ขอบคุณครับพี่ ขอบคุณครับ ขอบคุณ' มันน่าเหลือเชื่อมาก"
ดังที่เกริ่นไปก่อนหน้านี้ เพราะพื้นที่ในทีมราชันชุดขาวเต็มไปด้วยขุมกำลังที่อัดแน่นไปทุกอณู ด้วยเหตุนี้การที่ดาวรุ่งคนหนึ่งอยากจะเติบโตและเฉิดฉายในเส้นทางของตัวเองจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องออกไปเติบโตกับทีมที่ชื่อชั้นรองลงมา
นำมาซึ่งการตัดสินใจอำลาถิ่นซานติอาโก้ เบร์นาเบว พร้อมโบยบินออกไปสู่เส้นทางใหม่ยังลีกต่างประเทศ
ออกไปหาความท้าทาย แต่ไม่เปรี้ยง
บุนเดสลีกา คือหมุดหมายแรกที่โฆเซลูตัดสินใจลองออกไปหาประสบการณ์บนถนนลูกหนัง แน่นอนว่าโฆเซลูมาพร้อมดีกรีอดีตเด็กสร้างมาดริด แถมยังเคยลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่มาแล้ว
อย่างไรก็แล้วแต่ ตลอดช่วงเวลาสามฤดูกาลที่โฆเซลูใช้เวลาไปกับสามสโมสรอย่างฮอฟเฟนไฮม์, ไอน์ทรัค แฟรงค์เฟิร์ต และ ฮันโนเวอร์ 96 ก็ดูเป็นความล้มเหลวต่างจากเป้าหมายแรกที่จะตั้งใจ
การเป็นกองหน้า ปฏิเสธไม่ได้ว่าการมองไปที่ตัวเลขการจบสกอร์ให้ทีมคือปราการด่านแรกที่ใครหลายคนจะมองเข้ามา และสำหรับดาวเตะสแปนิชแล้ว ผลงานการซัลโวตลอดสามปีปรากฏออกมาที่ 22 ประตูจากการลงเล่นทั้งหมด 79 เกม
โดยการลงเล่นที่ฮันโนเวอร์ 96 หรือปีสุดท้ายในเมืองเบียร์ ถือเป็นผลงานที่ดีที่สุดของเขา เพราะเขาได้ลงเล่นไปถึง 30 นัด พร้อมผลงาน 8 ประตู 4 แอสซิสต์
กระทั่งชีวิตเข้าวัยเบญจเพสพอดิบพอดี ด้วยการที่เขาเป็นกองหน้าประเภทสูงใหญ่ (191 เซนติเมตร) ที่มีจุดเด่นที่แรงปะทะ ความแข็งแกร่ง และได้เปรียบเรื่องลูกกลางอากาศ นำมาซึ่งหมุดหมายใหม่ในชีวิตที่เขาคิดว่าอาจจะเหมาะสมกับตัวเองมากกว่า นั่นคือ "พรีเมียร์ลีก"
และเป็น สโต๊ค ซิตี้ ของกุนซือ มาร์ค ฮิวจ์ส ที่ตัดสินใจทุ่มเงินราว 5.75 ล้านปอนด์ พาเขามาสู่ประสบการณ์ใหม่ที่เต็มไปด้วยความท้าทายในซีซั่น 2015-16
อย่างไรก็ดี ทุกอย่างกลับไม่เป็นดั่งหวังอีกครั้ง เพราะตลอดช่วงเวลา 1 ปีกับทีมช่างปั้นหม้อ โฆเซลูไม่ได้รับความไว้วางใจจากเฮดโค้ชชาวเวลส์เท่าที่ควร
ฝั่งฮิวจ์สมองว่าดาวเตะรายนี้ยังคงต้องปรับตัวกับแวดล้อมใหม่ ๆ ขณะที่ฝั่งโฆเซลูก็มองถึงโอกาสที่สมควรได้รับมากกว่านี้ และนั่นก็ทำให้เขาตกไปเป็นกองหน้าเบอร์สำรองของทีม ดังสถิติลงสนามในลีก 22 นัด แต่แบ่งเป็นการลงตัวจริงแค่ 10 นัดเท่านั้น พร้อมกับทำไป 4 ประตู
"ผมไม่ได้โอกาสเลย ผมยิงประตูได้นะ ผมเล่นได้ แต่ผู้จัดการทีมไม่ให้โอกาสผมเลย เขา (ฮิวจ์ส) คือเหตุผลที่ผมไม่ขออยู่ต่อ เขาไม่ไว้ใจผม" หัวหอกเจ้าของส่วนสูง 6 ฟุต 3 นิ้ว ย้อนความ
เมื่อเวลาผ่านไปหนึ่งซีซั่น กับความไว้ใจที่ได้รับน้อยกว่าที่คาด เป็นเหตุให้โฆเซลูตัดสินใจครั้งสำคัญอีกครั้งในชีวิต คราวนี้เขาเลือกย้ายกลับไปอยู่สเปนในช่วงสั้น ๆ หนึ่งปีกับ เดปอร์ติโบ ลา คอรุนญ่า ในรูปแบบการยืมตัว และทำผลงานแบบเสมอตัว ลงเล่นในลีก 20 นัด ทำ 5 ประตูกับอีก 1 แอสซิสต์ มีอาการเจ็บรบกวนอยู่บ้าง แถมมีชื่อยิงใส่ทีมเก่าอย่าง เรอัล มาดริด ด้วย
เมื่อกลับมายังถิ่นบริแทนเนีย สเตเดียม อีกครั้งในซีซั่น 2017-18 โดยที่กุนซืออย่างฮิวจ์สยังคงทำหน้าที่อยู่ โฆเซลูไม่เห็นถึงโอกาสต่อเนื่องกับทีมอีกต่อไป
กระทั่งช่วงซัมเมอร์ดังกล่าว เป็น นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ทีมดีกรีแชมป์แชมเปี้ยนชิพคัมแบ็กพรีเมียร์ลีก ซึ่งมีกุนซือ "คนบ้านเดียวกัน" อย่าง ราฟาเอล เบนิเตซ ยื่นข้อเสนอจำนวน 5 ล้านปอนด์ (รวมแอดออน) เพื่อสู่ขอเขาพร้อมสัญญา 3 ปี และเขาก็ตอบรับโอกาสครั้งใหม่แบบไม่ยากเย็น
สถานะของสาลิกาดงในเวลานั้นไม่ได้เป็นทีมเงินถุงเงินถังเฉกเช่นสมัยปัจจุบันหลังการเข้ามาของกลุ่มทุนซาอุดีอาระเบีย โดยนิวคาสเซิลในช่วงดังกล่าวมีงบประมาณการเสริมทัพที่จำกัด
แผนการของเบนิเตซก็คือการควานหาทรัพยากรภายใต้งบประมาณที่จำกัด แต่สามารถเล่นในแท็กติกของเขาให้ได้มากที่สุด
"ที่นิวคาสเซิล เราเซ็นสัญญานักเตะด้วยเงินที่ไม่มากนัก" The Athletic เผยคำพูดของ ราฟาเอล เบนิเตซ "มันเหมือนกับเมื่อคุณซื้อรถยนต์ ถ้าคุณมีงบที่สูงคุณก็สามารถซื้อรถแบรนด์ดี ๆ ได้ แต่ถ้าคุณไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้น คุณก็จะซื้อรถแค่เอามาใช้งาน ซึ่งราคาของเขา (โฆเซลู) ดูโอเคเลย"
อาจเพราะองค์ประกอบของนิวคาสเซิล ณ เวลานั้นอยู่ในสถานการณ์ "สู้เท่าที่กำลังมี" ขนาดทีมไม่ได้ใหญ่โอ่อ่า อาศัยนักเตะเกรดรอง ๆ เข้าสู้ แต่เบนิเตซก็พาสโมสรจบด้วยอันดับ 10 ในซีซั่นแรกที่ทีมมีโฆเซลูเป็นตัวเลือกในแนวรุก ซึ่งกองหน้าสแปนิชรายนี้ยิงให้ทีมไป 4 ประตู
ปีต่อมา (2018-19) โฆเซลูเจอช่วงเวลาที่ต้องพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง แต่คราวนี้ดูจะหนักกว่าเดิม เมื่อเขาเจอคู่แข่งในแดนหน้าที่มีทั้ง อโยเซ่ เปเรซ, ซาโลมอน รอนดอน รวมถึง โยชิโนริ มุโตะ จนกลายเป็นว่าตัวเองแทบจะกลายเป็นตัวเลือกที่สี่ในแดนหน้า
นำมาซึ่งจากโอกาสลงเล่นในลีกให้ทีมซีซั่นแรก 30 นัด ลดลงมาเหลือแค่ 16 นัด พร้อมผลงาน 2 ประตู
กับอายุสัญญาที่เหลือเพียง 1 ปี กอปรกับโอกาสที่โฆเซลูได้รับซึ่งน้อยนิด ทำให้ดาวเตะฉายา "มหาเทพ" ในหมู่แฟน ๆ สาลิกาดงรู้สึกพอแล้ว และเขาก็เลือกออกมาผจญภัยต่างถิ่นอีกครั้ง และเป็น อลาเบส ทีมในลาลีกา ที่เลือก "เซ้ง" ดาวยิงรายนี้ให้กลับไปเริ่มต้นใหม่อีกครั้งในแผ่นดินบ้านเกิดด้วยสนนราคาราว 2.5 ล้านปอนด์เท่านั้น
เริ่มต้นใหม่ในแดนกระทิง
กับลีกที่คุ้นเคย กับลีกที่เขาเคยสร้างชื่อตั้งแต่สมัยเป็นดาวรุ่ง โฆเซลูในวัยใกล้เลขสามกลับมานับหนึ่งใหม่อีกครั้งในเส้นทางนักฟุตบอลอาชีพ
ที่อลาเบส เขาได้ปลดล็อกอะไรหลาย ๆ อย่างจากที่เคยขาดหายไปตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไล่มาตั้งแต่ฤดูกาลแรก (2019-20) ดาวยิงรายนี้ทำผลงาน 11 ประตูจากการลงเล่นเกมลีก 36 นัด เป็นครั้งแรกที่เขาทำประตูต่อฤดูกาลแตะหลักสิบลูกขึ้นไป
ความร้อนแรงของเขามาพร้อมกับอายุที่มากขึ้น ไม่น่าเชื่อว่าสองปีต่อจากนั้นโฆเซลูยังคงผลงานดังกล่าวร่วมกับอลาเบส แบ่งเป็นสถิติซัด 11 ประตู และ 14 ประตู ตามลำดับ และที่สำคัญอลาเบสเป็นทีมที่เขาอยู่ค้าแข้งจนครบสัญญาอีกด้วย
จากนั้นเป็น เอสปันญอล ที่เล็งเห็นความสำคัญของศูนย์หน้าร่างโย่งผู้นี้ กระชากไปเสริมคมต่อแบบไม่มีค่าตัวในซีซั่น 2022-23 คราวนี้เขาทำผลงานได้เกินกว่าที่ใครหลายคนคาดคิด กับสถิติกดสกอร์แบบฉุดไม่อยู่ที่ 16 ประตู จากสถิติ 33 นัดในลาลีกา
โฆเซลู กลายเป็นดาวซัลโวอันดับสามของลีกฤดูกาลนั้น เป็นรองแค่ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี และ คาริม เบนเซม่า เท่านั้น
อย่างไรก็ดี แม้ผลงานส่วนตัวจะออกมาน่าชื่นชม ทว่าสวนทางกับผลงานภาพรวมของทีม เขาไม่อาจช่วยอีกหนึ่งทีมดังจากแคว้นกาตาลันให้อยู่รอดปลอดภัยบนลีกสูงสุด หลังจบอันดับที่ 19 ของตาราง
และในระหว่างนี้โฆเซลูสถาปนาตัวเองเป็นกองหน้าระดับท็อปของลีกไปแล้ว นอกจากจะมีดีกรีเป็นดาวซัลโวอันดับสามของลีก เขายังมีชื่อติดทีมชาติสเปนชุดใหญ่หนแรกในฤดูกาลดังกล่าวด้วยวัยใกล้ 33 กะรัต
มากไปกว่านั้น เขาหยิบโทรฟี่แรกร่วมกับทัพ ลา โรฆา ได้เรียบร้อย กับผลงานหนึ่งประตู และเป็นประตูชัยในนัดชิงชนะเลิศยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก 2023 กับชัยชนะเหนือ อิตาลี 2-1 ในช่วงซัมเมอร์ 2023
เมื่อราศีจับมาที่ตัวของโฆเซลูแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย เมื่อเอสปันญอลไม่ได้อยู่ในลีกสูงสุดต่อไป มันก็กระไรอยู่หากดาวยิงเนื้อหอมรายนี้จะลดระดับตัวเองไปเตะฟุตบอลในลีกรอง
ทันใดนั้น เมื่อ เรอัล มาดริด เผชิญช่วงเวลาที่ต้องหากองหน้าตัวเป้ามาเสริมทัพทดแทนเหล่าผู้เล่นในตำแหน่งนี้ที่ทยอยออกจากทีมไปไล่ตั้งแต่ คาริม เบนเซม่า ไปจนถึง มาเรียโน่ ดิอาซ หวยจึงมาออกที่ชื่อของ โฆเซลู ในฐานะอดีตเด็กสร้างของสโมสร และเมื่อเป็นเช่นนี้มันก็ยากจะปฏิเสธ
Hala Madrid
"ตอนที่ผมออกจากที่นี่ ผมเป็นเด็กที่ทำตามความฝันที่จะเดบิวต์กับเรอัล มาดริด แต่ตอนนี้มันต่างออกไป ผมมีประสบการณ์ที่มากขึ้น และประสบการณ์เหล่านั้นทำให้ผมกลับมาได้"
"สำหรับผม เรอัล มาดริด คือทีมในชีวิตของผม ผมมาจากทีมนี้ และผมโชคดีพอที่จะได้ประเดิมสนามที่ซานติอาโก้ เบร์นาเบว ด้วยเสื้อตัวนี้" โฆเซลู เปิดใจหลังก้าวเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่เรอัล มาดริด โดยที่ราชันชุดขาวใช้เงื่อนไขจ่ายค่ายืมตัวให้เอสปันญอลเป็นจำนวนห้าแสนยูโร พร้อมออปชั่นซื้อขาดที่ไม่มีข้อผูกมัดบังคับที่ราคา 1.5 ล้านยูโร หากแข้งวัยเก๋าทำผลงานเป็นที่น่าพอใจ
เบอร์เสื้อเลข 14 ของโฆเซลูอาจจะไม่ใช่เบอร์เสื้อที่ขายดีเทน้ำเทท่าเฉกเช่นซูเปอร์สตาร์คนอื่น ๆ และต่อให้ใครจะตั้งคำถามถึงการเข้ามาเป็นศูนย์หน้าของทีมแทนที่ตำนานอย่างเบนเซม่า แต่เรื่องนี้กลับมีบทสรุปแบบไม่ต้องเดากันนาน ว่ากันว่านี่คือดีลที่มาจากความตั้งใจของกุนซือมากประสบการณ์อย่าง คาร์โล อันเชล็อตติ
"ผมคิดว่าเราพร้อมแล้วนะ นักเตะใหม่ทำได้อย่างยอดเยี่ยม อย่าง บราฮีม (ดิอาซ) และ โฆเซลู ต่างก็แสดงให้เห็นว่าพวกเขาสามารถช่วยเหลือทีมในเกมรุกได้ ผมคิดว่าทีมมีตัวเลือกที่หลากหลายในการสร้างโอกาสการทำประตู"
"เรามีวิธีทดแทนเบนเซม่าอยู่แล้ว อาจจะเป็นโฆเซลูหรือการปรับแผนให้เข้ากับผู้เล่นที่มี เช่น จู๊ด เบลลิ่งแฮม" อันเชล็อตติ สรุปสถานการณ์ตัวแทนของเบนเซม่าในช่วงพรีซีซั่น 2023
เช่นเดียวกับบทสัมภาษณ์ที่มีต่อลูกทีมคนนี้หลังวันประเดิมสีเสื้อมาดริดในเกมอุ่นเครื่อง ที่ซึ่งเขาจัดการจักรยานอากาศพาทีมเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-0 "เขาไม่จำเป็นต้องสร้างความมั่นใจเพิ่มเติม เพราะเรามั่นใจในตัวเขาตั้งแต่ตอนที่เราเซ็นสัญญากับเขาแล้วล่ะ เรารู้ดีว่าเขาสามารถทำอะไรได้บ้าง"
ไม่ว่าจะเรื่องความสูงใหญ่ มีลูกโหม่งเป็นอาวุธ ตลอดจนการเรียนรู้กับแท็กติคและวีธีการเล่นของอันเชล็อตติ ดูเหมือนว่าช่วงเวลาของโฆเซลูกับ เรอัล มาดริด คำรบสองจะมีแต่พลังงานบวกอยู่บ่อย ๆ
ไล่มาตั้งแต่ระบบการเล่น 4-4-2 แบบไดมอนด์ ซึ่งเป็นดั่งระบบการเล่นไม้ตายของกุนซืออิตาเลียน ซึ่งถูกนำมาปรับใช้กับโลส บลังโกส เป็นส่วนใหญ่ในฤดูกาลนี้ โฆเซลูเข้ากับการเล่นในระบบนี้อยู่ไม่น้อย ยกตัวอย่างผลงานตลอด 8 เกมในลาลีกา หรือนับจนถึงเดือนกันยายน 2023 เขาทำไปแล้ว 4 ประตูกับอีก 2 แอสซิสต์
ทั้งยังได้ชื่อว่าเป็นดาวยิงจอม "หัวดี" จากโอกาสการจบสกอร์ด้วยลูกโหม่งที่เขาทำไม่ค่อยพลาด ตลอดจนความสนิทสนทกับ จู๊ด เบลลิ่งแฮม สตาร์คนใหม่ของสโมสร จากการที่เขาเองก็พูดภาษาอังกฤษได้แบบฉะฉาน
และยังไม่นับเรื่องการได้รับโอกาสให้เป็นมือสังหารจุดโทษเบอร์หนึ่งของทีม แถมยังถูกเสนอชื่อลุ้นแข้งยอดเยี่ยมของสโมสรในเดือนกันยายนมาแล้วด้วย
"มันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าทึ่ง (สำหรับโฆเซลู) คุณต้องให้เครดิตเขาในเรื่องของการยืนหยัดและเชื่อมั่นในตัวเอง นี่เป็นเส้นทางอาชีพที่ยาวนาน เป็นเรื่องของการเดินทาง และเป็นเรื่องราวที่พร้อมส่งไปหานักเตะทุกคนว่าต่อให้คุณเคยทำผลงานไม่ดีกับสโมสรใดสโมสรหนึ่ง แต่มันยังมีโอกาสใหม่เกิดขึ้นกับสโมสรต่อ ๆ ไป" เชย์ กิฟเวน อดีตเพื่อนร่วมทีมโฆเซลูที่สโต๊ค กล่าว
หากไม่เจ็บไม่แบน พร้อม ๆ กับการรักษาฟอร์มการเล่นที่สม่ำเสมอร่วมกับเรอัล มาดริด ได้อย่างต่อเนื่อง
โฆเซลูมีโอกาสไม่น้อยที่จะได้สานต่อเส้นทางฟุตบอลในบ้านหลังเดิมจากที่เขาเคยอยู่มาเมื่อกว่าทศวรรษที่แล้ว ในรูปแบบสัญญาถาวร
แหล่งอ้างอิง
https://en.wikipedia.org/wiki/Joselu
https://www.goal.com/en/lists/joselu-much-more-newcastle-flop-key-real-madrid-trophy-hunt/blt8799cc3e95c75aa7#cs3221e3c677880d46
https://theathletic.com/4873282/2023/09/18/real-madrid-joselu-real-sociedad-karim-benzema
https://theathletic.com/4628425/2023/06/23/joselu-real-madrid-stoke-newcastle/
https://www.realmadrid.com/en/news/2023/06/19/joselu-is-a-new-real-madrid-player
https://www.goal.com/en/lists/joselu-much-more-newcastle-flop-key-real-madrid-trophy-hunt/blt8799cc3e95c75aa7#cs29c8d909993a446f
https://www.skysports.com/football/news/11701/9886789/stoke-set-to-sign-spanish-striker-joselu-from-hannover-96
https://onefootball.com/es/noticias/ancelotti-praises-new-signings-after-real-madrid-2-0-las-palmas-contributed-good-things-to-the-team-38294718