Feature

มอยเซส ไคเซโด้ : จากเด็กเตะบอลบนสนามฝุ่นและการต่อสู้ สู่ว่าที่ค่าตัวสถิติเกาะอังกฤษ | Main Stand

ชื่อของ มอยเซส ไคเซโด้ ได้แย่งพื้นที่สื่อกีฬาแทบทุกสำนักกับข่าวการย้ายทีมมูลค่ามากกว่า 100 ล้านปอนด์ ที่ทั้ง ลิเวอร์พูล และ เชลซี ต่างกำลังแย่งตัวดาวเตะชาวเอกวาดอร์รายนี้ไปร่วมทีม

 

หนุ่มวัย 21 ปีรายนี้ ก้าวกระโดดจากชีวิตน้องคนสุดท้องของพี่น้อง 10 คนที่เล่นฟุตบอลบนสนามคลุกฝุ่น พร้อมเสาโกลจากแท่นหินที่พอหาได้ สู่การเป็นตัวหลักของ ไบรท์ตัน และพาต้นสังกัดไปเล่นฟุตบอลยุโรปเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร เขากำลังจะเป็นเจ้าของสถิติค่าตัวในเกาะอังกฤษหากการย้ายตัวเกิดขึ้นจริง

นี่คือเรื่องราวของ มอยเซส ไคเซโด้ เด็กหนุ่มผู้ฝันเห็นตัวเองลงเล่นให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และข่าวการย้ายทีมสุดอลเวงครั้งหนึ่งของการซื้อขายนักเตะ (ที่ไม่มีต้นสังกัดในฝันอยู่ในลิสต์ดังกล่าว)

 

ฝีเท้านำทาง

ไคเซโด้เติบโตขึ้นมาในครอบครัวยากจนที่ซอกหลืบของเมืองซานโต โดมินโก และใช้เวลาไปกับการเล่นฟุตบอลร่วมกับพี่ชายที่ไม่เคยออมมือให้กับน้องคนเล็กของตระกูลในระหว่างการฝึกซ้อม

แต่ในเช้าวันหนึ่ง อิวาน กูเอร์ร่า โค้ชของทีมฟุตบอลท้องถิ่น ได้ผ่านมาเห็นไคเซโด้ที่กำลังซ้อมเตะบอลใส่กำแพงบ้านอยู่ “มันมีบางสิ่งที่พิเศษในตัวเขา วิธีที่เขาเตะลูกด้วยเท้าทั้งสอง” ซึ่งนั่นเป็นใบเบิกทางให้เด็กหนุ่มคนนี้ได้มาร่วมทีมของเขา ซึ่งตั้งชื่อตามทีม ‘บาร์เซโลน่า’ ในลีกสูงสุดของเอกวาดอร์ พร้อมกับรับผิดชอบดูแลค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ทั้งรองเท้าฟุตบอล ค่าเดินทาง รวมไปถึงค่าอาหารของครอบครัว

ไคเซโด้กล่าวถึงกูเอร์ร่าไว้ว่า “เขาคือคนที่ค้นพบและช่วยเหลือผมในทุกทางที่สามารถทำได้ และยังเป็นคนเดียวที่เชื่อมั่นในตัวผม”

จากการลงเล่นในรายการระดับภูมิภาค ไคเซโด้ค่อย ๆ ไต่เต้าระดับขึ้นมาจนกระทั่งเมื่ออายุได้ 15 ปี เขาก็ผ่านการทดสอบฝีเท้าเข้ามาเป็นผู้เล่นในอคาเดมีของ อินดิเพนเดนเต้ แต่เส้นทางสู่การเป็นนักเตะอาชีพของเขาก็ไม่ได้ราบรื่นนัก เมื่อเด็กหนุ่มคนนี้เคยต้องเข้ารับการผ่าตัดอาการเอ็นไขว้หน้าหัวเข่าฉีกขาด จนต้องพักรักษาตัวไปนานถึง 10 เดือน

แม้จะมีช่วงที่ขาดหายไป แต่ด้วยความเพียบพร้อมในระบบอคาเดมีที่ถือว่าดีที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ กอปรกับทักษะความแข็งแกร่ง ความเร็ว และความคล่องตัว ทำให้ไคเซโด้สามารถเรียกฟอร์มตัวเองกลับมาได้อีกครั้ง

รามิเรซ ผู้อำนวยการอคาเดมีของอินดีเพนเดนเต้ในช่วงนั้น ระบุว่า “เราเรียกเขาว่า ‘ไอ้ปลาหมึก’ เพราะขาของเขาสามารถแย่งบอลได้ทั่วทุกตำแหน่งในสนาม เขาชนะการดวลตัว ๆ ได้แทบทุกครั้ง มันน่าทึ่งมาก”

ไคเซโด้ขึ้นมาติดทีมชุดใหญ่ตั้งแต่อายุเพียง 17 ปี และกลายเป็นนักเตะที่เก่งที่สุดของประเทศด้วยวัยเพียง 19 ปีเท่านั้น จนไปดึงดูดสายตาแมวมองจากนานาสโมสรให้มารับชมฝีเท้าของเด็กหนุ่ม ‘Wonderkid’ รายนี้ ไม่ว่าจะแมตช์ทีมชาติหรือเกมระดับสโมสรก็ตาม

มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เขาติดทีมชาติชุดเยาวชนไปลงแข่งและมีกิจกรรมสร้างความสัมพันธ์ของบรรดานักเตะ ซึ่งแต่ละคนถูกถามให้นึกภาพตัวเองว่าในอีก 3 ปีข้างหน้าพวกเขาจะเป็นอย่างไร และเจ้าหนูไคเซโด้ตอบด้วยความจริงจังว่าเขาเห็นตัวเองลงเล่นให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด…

 

สู่เวทียุโรป

ไบรท์ตัน สโมสรอันเลื่องชื่อของการเซ็นสัญญานักเตะมาปั้นจนโด่งดังได้แม่นยำ เป็นทีมที่ได้ตัวไคเซโด้มาครอบครองเมื่อต้นปี 2021 แต่เขาก็ได้โอกาสลงสนามเป็นตัวสำรองเพียงแมตช์เดียว ก่อนปล่อยให้ เบียร์สช็อต ทีมในลีกเบลเยียมยืมตัวไปใช้งานเพื่อเสริมกระดูกและความมั่นใจให้กับดาวรุ่งรายนี้

เขาทราบดีว่าลีกยุโรปมีจังหวะที่เร็วกว่าลีกบ้านเกิดอยู่หลายระดับ แม้จะเป็นทีมในลีกเบลเยียมก็ตาม และมันไม่มีทางลัดอื่นใดที่จะนำพาไคเซโด้ไปสู่ความสำเร็จได้นอกจากการฝึกซ้อมและพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง

ฮาเวียร์ ตอร์เรนเต้ ผู้จัดการทีมของเขา เปิดเผยหลังได้เห็นพัฒนาการของดาวรุ่งชาวเอกวาดอร์รายนี้ว่า “ทุกครั้งที่เขาสัมผัสบอลเขาได้แสดงให้เห็นว่าเป็นนักเตะที่พิเศษมาก ๆ เขาสามารถเอาชนะการครองบอลได้เมื่อจำเป็น และรักษาการครองบอลได้ดี คุณไม่ค่อยเห็นนักเตะที่มีสองทักษะนั้นในคนคนเดียวมากนัก เขาอยู่ในอีกระดับหนึ่งแล้ว”

มกราคม 2022 ไบรท์ตันตัดสินใจดึงตัวไคเซโด้กลับทีมและแทบติดปีกให้มิดฟิลด์รายนี้ ทั้งความเร็ว ความแกร่ง และทักษะการผ่านบอลที่แม่นยำ โดยมีสถิติว่าในฤดูกาลที่ผ่านมา (2022/23) ไคเซโด้มีสถิติเข้าสกัดสำเร็จ 99 ครั้ง เป็นรองเพียง เจา เปาลินญ่า ของฟูแล่ม เท่านั้น

และทักษะที่โดดเด่นเช่นนี้ ย่อมแปลว่าทีมเจ้านกนางนวลอาจต้องเสียดาวเตะวัย 21 ปีออกจากทีมไปในเร็ววัน เพราะก่อนหน้านี้ อาร์เซนอล ก็เคยมีข่าวยื่นข้อเสนอขอดึงตัวไคเซโด้มาร่วมทีมด้วยมูลค่า 70 ล้านปอนด์ เมื่อเดือนมกราคม 2023 ก่อนถูกปฏิเสธไปในที่สุด

 

ก้าวต่อไป ?

สถานการณ์ของไคเซโด้ในตอนนี้ค่อนข้างชี้หัวเรือไปทางเชลซีอยู่ไม่น้อย เมื่อทัพสิงโตน้ำเงินครามได้ตามจีบเขามาตลอดตลาดซื้อขาย และยังมีแต้มต่อจากการที่เขามีไอดอลเป็นอดีตผู้เล่นอย่าง เอ็นโกโล่ กองเต้ อีกด้วย

ไคเซโด้ในวัย 16 ปี เคยให้สัมภาษณ์ว่า “ผมชอบเขานะ เขาสามารถคุมเกมได้ทั่วสนาม แถมยังมีความเยือกเย็น ในการโฟกัสไปที่เกมของตัวเอง แทนที่จะไปมีเรื่องกับคู่แข่งในสนาม”

แม้ลิเวอร์พูลจะยื่นข้อเสนอมาด้วยสถิติ 110 ล้านปอนด์ เพื่อเกทับข้อเสนอมูลค่า 100 ล้านปอนด์ของเชลซี แต่ทางสิงห์บลูส์ก็ยังคงมุ่งมั่นในการปิดดีลไคเซโด้ให้ได้ ซึ่งรวมถึงการถอยออกจากดีลดึงตัว ไทเลอร์ อดัมส์ ไปเป็นที่เรียบร้อย

ด้านต้นสังกัดปัจจุบันอย่างไบรท์ตัน โรเบอร์โต้ เดอร์ แซร์บี้ กุนซือของทีมได้กล่าวในงานแถลงข่าวว่า “ผมได้ลืมมอยเซสไปแล้ว และผมภูมิใจในนักเตะที่เรามีอยู่”

“เมื่อนักเตะย้ายทีมก็เป็นเพราะพวกเขาเล่นได้ดี ต้องยกเครดิตให้ตัวเขาเอง สโมสร และทีมงานของเรา”

ไม่ว่าการย้ายทีมของไคเซโด้จะออกมุมแดงหรือน้ำเงิน ก็มีโอกาสสูงที่เขาจะตอบแทนค่าตัวระดับสถิติเกาะอังกฤษได้อย่างคุ้มค่า โดย รามิเรซ ผู้ได้เห็นการเจียระไนเพชรเม็ดงามรายนี้มาตั้งแต่ต้น เปิดเผยว่า “เขามีความสามารถในการลงเล่นระดับสูงได้แน่นอน และเขาสามารถเป็นหนึ่งในนักเตะที่เก่งที่สุดในโลกสำหรับตำแหน่งนี้ได้เลย”

 

แหล่งอ้างอิง:

https://theathletic.com/4523976/2023/05/24/brighton-moises-caicedo-player-of-the-season/
https://theathletic.com/4670519/2023/07/07/moises-caicedo-brighton-chelsea-he-was-made-for-the-big-clubs/
https://www.premierleague.com/players/112203/Mois%C3%A9s-Caicedo/overview
https://www.bbc.com/sport/football/64435218

Author

กรทอง วิริยะเศวตกุล

2000 - Football and F1 fanatics - Space enthusiasts - aka KornKT

Photo

วัชพงษ์ ดวงแปง

Main Stand's Backroom staff

Graphic

ภราดร ภราดร

อยากจะทำให้ดี ไม่ใช่แค่อยากจะทำให้เป็น