ความเร็ว ความคล่องตัว ล้วนเป็นทักษะเด่นที่นักกีฬาฟุตบอลสายสปีดทุกคนล้วนต้องมีติดตัว แต่นอกเหนือจากความสามารถ เทคนิค และชั้นเชิงฟุตบอลที่ล้วนเกิดมาจากการฝึกฝนแล้ว ยังมีอีกหนึ่งสิ่งที่เป็นปัจจัยหลักและส่งผลให้นักกีฬาสามารถโชว์ฟอร์มเด่นของเจ้าตัวออกมาได้ก็คือ “รองเท้าสตั๊ด”
รองเท้าสตั๊ดนั้นถือเป็นอุปกรณ์หลักที่ทำให้นักกีฬานั้นสามารถทำผลงานส่วนตัวออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพและเมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นนักกีฬาสายสปีดแล้วรองเท้าที่เลือกใช้นั้นต้องมีน้ำหนักเบา กระชับรูปเท้า และมีประสิทธิภาพในการยึดเกาะพื้น
เหตุผลข้างต้นทำให้ อาดิดาส ค่ายกีฬาจากเยอรมนี ได้ทำการพัฒนารองเท้าสตั๊ดรุ่นใหม่เพื่อตอบโจทย์นักกีฬาสายสปีดที่ต้องการรองเท้าน้ำหนักเบาเพื่อการทำความเร็วในสนาม จนในที่สุดทางบริษัทก็ได้เผยโฉมรองเท้ารุ่น adidas X CRAZYFAST รองเท้าสายสปีดเจเนอเรชันล่าสุดที่ออกมาเพื่อตอบโจทย์สายสปีดโดยเฉพาะ
Main Stand จะพาไปทำความรู้จักรองเท้าเจเนอเรชันที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นรองเท้าสายสปีดที่เบาที่สุดของค่ายในเวลานี้ ผ่านบทความด้านล่าง
เจเนอเรชัน X
เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าในการแข่งขันฟุตบอลที่อัดแน่นไปด้วยผู้เล่นหลายบุคลิกและสไตล์การเล่น ซึ่งแน่นอนว่าทางค่ายกีฬาจึงได้พัฒนารองเท้าสตั๊ดเพื่อตอบโจทย์การใช้งานในแต่ละบทบาท ทั้งสายคอนโทรล และสายสปีด
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2004 อาดิดาส ได้เปิดตัวรองเท้าสตั๊ดสายสปีด น้ำหนักเบา อย่าง adidas F50 เพื่อรองรับและตอบโจทย์การใช้งานของนักกีฬาสายความเร็ว โดยรองเท้ารุ่นนี้ถือเป็นหนึ่งในรุ่นที่ได้รับความนิยมจากนักฟุตบอลอาชีพทั่วโลก
นับตั้งแต่การเปิดตัวรองเท้า adidas F50 ออกมา ทาง อาดิดาส ได้พัฒนาโมเดลนี้มาตลอดระยะเวลา 11 ปี ไม่ว่าจะเป็นรองเท้ารุ่นดังอย่าง adidas +F50.6 (2006) , adidas F50.8 TUNIT (2008) , adidas F50 adizero (2010), adidas F50 adizero Prime (2011) และอีกหลายๆรุ่น พร้อมทั้งเซ็นสัญญา ลิโอเนล เมสซี่ แข้งซูเปอร์สตาร์ชาวอาร์เจนตินาเข้ามาเป็นพรีเซ็นเตอร์หลักสำหรับรองเท้าสายสปีดรุ่นนี้ รวมถึงนักกีฬาอีกหลายราย
จนกระทั่งเข้าสู่ปี 2015 การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของรองเท้าสตั๊ดสายสปีดก็ได้เริ่มต้นขึ้น…ในปีดังกล่าวทาง อาดิดาส ได้ทำการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ด้วยการพัฒนารองเท้าในโมเดลใหม่ให้เหมาะสมกับการใช้งานของผู้เล่นสายความเร็วมากยิ่งขึ้น พร้อมกับเปลี่ยนชื่อเป็น adidas X15
รองเท้าในเจเนอเรชันดังกล่าว มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่อย่าง TechFit แบบใหม่ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ทางบริษัทสร้างขึ้นมาเพิ่มความกระชับและโอบรัดรูปเท้ามากขึ้นซึ่งมีลักษณะคล้ายกับถุงเท้าอีกหนึ่งชั้นนั่นเอง ช่วยให้ผู้เล่นสามารถเคลื่อนที่และทำความเร็วที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิมและมีน้ำหนักเบา
และการเปิดตัวในครั้งนั้นนับเป็นจุดเริ่มต้นของรองเท้าสตั๊ดน้ำหนักเบาในตระกูล X และชื่อนี้ได้ปรากฏอยู่บนรองเท้าสายสปีดน้ำหนักเบาจนถึงปัจจุบัน ในโมเดล 2023 อย่าง adidas X CRAZYFAST
เทคโนโลยีใหม่
การออกแบบรองเท้าสายสปีดนอกจากรูปทรงของรองเท้าที่ได้รับการออกแบบมาอย่างปราดเปรียวเพื่อเน้นทำความเร็วแล้ว เทคโนโลยียังมีส่วนสำคัญที่ให้ผู้เล่นสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างมีประสิทธิภาพและคล่องตัว โดยในแต่ละปีทาง อาดิดาส ได้พัฒนารองเท้าสตั๊ดสายสปีดด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆโดยทำการศึกษาจากการสวมใส่ของนักกีฬาฟุตบอลระดับแนวหน้าของโลกทั้งพร้อมนำข้อมูลในเชิงลึกมาพัฒนาและปรับใช้
จนในที่สุดแล้วรองเท้าสายสปีดอย่าง adidas X CRAZYFAST โฉมปัจจุบันมาพร้อมกับเทคโนโลยีล่าสุดอย่าง Speedskin และ Aerocage พร้อมเปิดตัวออกมทั้งหมด 3 โมเดล ประกอบไปด้วย adidas X CRAZYFAST .1 แบบมีเชือก , adidas X CRAZYFAST .1 แบบไร้เชือก และ adidas X CRAZYFAST+ ที่มีน้ำหนักเบาที่สุด
สำหรับเทคโนโลยี Speedskin ที่ถูกนำมาใช้ในโมเดลนี้นั้น เป็นนวัตกรรมที่ออกแบบขึ้นมาเพื่อรองรับการระบายอากาศจากวัสดุโมโนเมชแบบชั้นเดียว และยังมาพร้อมกับแผ่นคาร์บอน Aeroplate ที่พื้นรองเท้าแทนเพลตคาร์บอนแบบเดิมเพื่อช่วยลดน้ำหนัก ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสุดล้ำของทางค่ายสามขีดที่นำชุดพื้นคาร์บอนน้ำหนักเบามาปรับใช้ในรองเท้าสตั๊ด
นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งเทคโนโลยีได้แก่ Aerocage โครงสร้างด้านในของรองเท้าที่ช่วยรองรับและซัพพอร์ตรูปเท้าของนักเตะ ช่วยส่งเสริมการทรงตัว หนึ่งในทักษะสำคัญขณะที่นักกีฬากำลังเคลื่อนไหว ซึ่งเทคโนโลยีทั้งหมดนี้ส่งผลให้รองเท้า adidas X CRAZYFAST.1 ไซส์ 9 US มีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 185 กรัมต่อข้างเท่านั้น
X CRAZYFAST รุ่นใหม่ยังมีดีไซน์ที่เน้นความเร็วเป็นหลัก สิ่งที่น่าสนใจที่สุดเกี่ยวกับรองเท้าฟุตบอลคือแถบสามขีด เรียกว่า "Dynamic Double Branding" ซึ่งแต่ละแถบจะมีความยาวที่ต่างกันออกไปมีความโฉบเฉี่ยวมากขึ้น พร้อมกับเปิดตัวมาในโทน "Crazyrush"
ธนีกานต์ แดงดา ศูนย์หน้าหญิงทีมชาติไทยที่ย้ายไปค้าแข้งกับ AC Nagano Parceiro Ladies ในลีกญี่ปุ่น เผยความรู้สึกหลังจากได้ทดลองสวมใส่รองเท้าสายสปีดรุ่นใหม่นี้ว่า
“เป็นรองเท้าที่มีความกระชับเท้า ปุ่มสตั๊ดเองก็จิกสนามได้ดีมากๆค่ะ ทำให้เคลื่อนไหวได้อย่างมั่นคง อีกอย่างคือไหมเป็นคนขายาวและมั่นใจว่าในระดับนักฟุตบอลหญิงด้วยกันความสามารถในการทำความเร็วของไหมก็ไม่แพ้ใคร ซึ่ง X CRAZYFAST ช่วยให้ไหมสามารถเร่งความเร็วเพื่อเข้าแย่งบอลฝ่ายตรงข้ามได้ดียิ่งขึ้นค่ะ”
ลุยศึก FIFA Women’s World Cup 2023
“ฟุตบอลโลก” นับเป็นการแข่งขันทัวร์นาเมนต์สุดยิ่งใหญ่ที่แฟนบอลทั่วโลกต่างตั้งตารอที่จะได้เห็นชาติชั้นนำทั้ง 32 ประเทศที่ผ่านการคัดเลือกเข้ามาร่วมแข่งขันเพื่อก้าวขึ้นมาเป็นที่ 1 ในโลกฟุตบอล แต่ก่อนที่จะไปถึงจุดนั้นได้แน่นอนว่าอุปกรณ์สำคัญอย่างรองเท้าสตั๊ดก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ช่วยสนับสนุนและคอยซัพพอร์ตผู้เล่นให้ไปถึงเป้าหมาย
ทุกๆปี เหล่าบรรดาค่ายกีฬายักษ์ใหญ่ได้มีการเปิดตัวรองเท้าสตั๊ดแพ็คใหม่เพื่อให้นักกีฬาได้สวมใส่ในการแข่งขันทัวร์นาเมนต์ระดับโลก และแสดงศักยภาพสูงสุดในการแข่งขัน เฉกเช่นเดียวกับการแข่งขันฟุตบอลโลกหญิงปีนี้ (FIFA Women’s World Cup 2023) ทาง อาดิดาส สปอนเซอร์หลักในการแข่งขันได้มอบอาวุธสุดพิเศษให้กับเหล่านักกีฬาทีมชาติพันธมิตรสวมใส่ในการแข่งขันเป็นครั้งแรก
สำหรับรองเท้าที่ได้เดบิวต์และสัมผัสพื้นหญ้าในการแข่งขันฟุตบอลโลกหญิง 2023 ที่ประเทศออสเตรเลีย - นิวซีแลนด์ เจ้าภาพในการแข่งขันครั้งนี้เป็นครั้งแรกได้แก่ adidas X CRAZYFAST+
โดยรองท้ารุ่นนี้ได้รับการพัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานของสายสปีดอย่างแท้จริง เนื่องจากค่ายกีฬาของเยอรมนีได้ทำการปรับโฉมครั้งใหญ่เพื่อให้รองเท้าคู่นี้มีน้ำหนักเบาที่สุด ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้าง Aerocage+ ลิ้นรองเท้าแบบไมโครไฟเบอร์ที่บางเฉียบ ที่เข้ามาแทนที่ลิ้นรองเท้าแบบ Primeknit มีการเจาะรูรอบบริเวณข้อเท้า ปลายเท้า และส่วนต่างๆรอบรองเท้า ส่งผลให้ X CRAZYFAST+ มีน้ำหนักเหลือเพียง 175 กรัมต่อข้างเท่าน้ันเมื่อเทียบไซส์ 9 US
ถือเป็นผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียมที่สุดของแบรนด์สำหรับรองเท้าที่ผลิตออกมาทำตลาด ไม่เพียงแค่การออกแบบที่ล้ำสมัย แต่ยังเป็นรองเท้าที่ได้รับการพัฒนาจากโมเดล adidas X Speedportal+ โฉมปี 2022 แต่ยังใช้เทคโนโลยี Speedskin และ Aerocage เช่นเคย
ปัจจุบันรองเท้า adidas X CRAZYFAST ถูกใส่ลงประเดิมในสนามจากเหล่านักกีฬาชั้นนำของโลกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งแฟนๆสามารถสัมผัสประสิทธิภาพทางด้าน ความเบา คล่องตัว ของรองเท้าสตั๊ดสายสปีดเจเนอเรชันใหม่ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ผ่านทุกช่องทางของอาดิดาสและตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ
สำหรับ adidas X CRAZYFAST .1 ราคา 8,500 และ adidas X CRAZYFAST+ ราคา 10,500 บาท
แหล่งอ้างอิง :
https://www.footballboots.co.uk/review-crazyfast.html
https://www.soccer.com/guide/adidas-x-crazyfast-tech-review
https://www.prodirectsport.com/soccer/articles/buying-guides/which-adidas-x-crazyfast-football-boot-is-for-me/
https://www.fourfourtwo.com/features/adidas-x-and-f50-boots-every-version-of-the-boot-through-the-years
https://www.footyheadlines.com/2022/11/next-gen-adidas-x-crazyfast-23-24-boots.html