Feature

จากบันทึกเป้าหมายชีวิต : โชเฮ โอตานิ สู่ฝัน MLB ตามที่เขียนไว้ทุกตัวหนังสือ | Main Stand

เมื่อพูดถึงนักเบสบอลญี่ปุ่นที่กำลังถูกพูดถึงมากที่สุด นาทีคงหนีไม่พ้นชื่อของ "โชเฮ โอตานิ" อย่างแน่นอน

 


ด้วยผลงานต่าง ๆ ที่ได้ชายผู้นี้สร้างขึ้นมาในช่วง 6-7 ปีที่ผ่านมาบนเวทีเมเจอร์ลีกเบสบอล ของสหรัฐอเมริกา หรือ MLB มันได้กลายเป็นสิ่งที่สามารถพิสูจน์ได้แล้วว่าเขายอดเยี่ยมมากแค่ไหนในฐานะนักเบสบอลอาชีพ

อย่างไรก็ดี เส้นทางชีวิตของ โชเฮ โอตานิ หลังจากนี้ไปยังคงมีเรื่องราวต่าง ๆ ที่ต้องเจออีกมาก ตามเป้าหมายที่เขาได้บันทึกไว้ด้วยลายมือของตัวเองสมัยยังเป็นนักเรียนมัธยมปลาย

Main Stand จึงขอพาทุกคนไปทำรู้จักกับ โชเฮ โอตานิ และความฝันของเขาที่กำลังจะถูกเปลี่ยนเป็นความจริงขึ้นเรื่อย ๆ เช่นเดียวกับแชมป์ เวิลด์ซีรี่ส์ ที่ในวันนี้ เขาคว้ามันมาครองได้สำเร็จเสียที

 

ฉายแววแต่เด็ก

โชเฮ โอตานิ เกิดเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 1994 ที่เมืองโอชุ จังหวักอิวาเตะ จังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น เขาเติบโตขึ้นมาในครอบครัวเต็มไปด้วยสายเลือดนักกีฬา คุณพ่อเคยเป็นนักเบสบอลสมัครเล่น ส่วนคุณแม่เคยเป็นนักเทนนิสฝีมือดีในระดับโรงเรียนมัธยมของญี่ปุ่น ส่วนพี่ชายก็เป็นนักเบสบอลสมัครเล่นเหมือนกับคุณพ่อ

ดังนั้นมันจึงไม่แปลกเลยหากเขาจะหลงใหลและเข้าถึงมนต์เสน่ห์ของกีฬาเบสบอลตั้งแต่ยังเล็ก และมันทำให้เขากลายเป็นคนที่พร้อมจะทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อกีฬาชนิดนี้ 

ในวัยเด็กเขาได้รับการถ่ายทอดวิชาเบสบอลจากคุณพ่อของเขาเอง ก่อนจะฉายแววออกมาให้เห็นตอนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 เมื่อโอตานิสามารถขว้างบอลได้เร็วถึง 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ที่สนามอิวาเตเคเน ซึ่งไม่มีใครเลยในช่วงวัยเดียวกันกับเขา สามารถทำสถิติขว้างลูกเบสบอลได้เร็วเท่านี้มาก่อนในสนามแห่งนี้

ต่อมาโอตานิได้เข้าเรียนในระดับชั้นมัธยมปลายที่โรงเรียนฮานะมากิ ฮิงาชิ และที่แห่งนี้ได้กลายเป็นเวทีแจ้งเกิดของเขา ในการแข่งขันรอบรองชนะเลิศรอบคัดเลือกของศึกโคชิเอ็งหน้าร้อน ปี 2012 โชเฮ โอทานิ กับบทบาทพิตเชอร์ประจำทีมโรงเรียนโรงเรียนฮานะมากิ ฮิงาชิ ได้สร้างปรากฏการณ์ครั้งใหญ่ขึ้นมาด้วยการทำสถิติขว้างบอลทำความเร็วได้สูงที่สุดในประวัติศาสตร์กว่า 100 ปีของโคชิเอ็ง ที่ 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พร้อมกับพาทีมเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศของศึกโคชิเอ็งได้สำเร็จในปีดังกล่าว

เขาได้กลายเป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวางในวงสนทนาเรื่องเบสบอลของญี่ปุ่น จากผลงานการขว้างบอลที่เร็วจนยากจะหาคนในช่วงวัยเดียวกันมาเทียบเคียงได้ และเขาก็ตกเป็นที่หมายปองของหลายทีมเบสบอลชั้นนำในประเทศบ้านเกิด 

ทว่าการได้ลงเล่นให้กับทีมเบสบอลอาชีพในญี่ปุ่นไม่ใช่สิ่งที่ตัวเขาในวัย 18 ปี ต้องการเลยแม้แต่น้อย

 

บันทึกที่ถูกเขียนไว้

เพราะโอตานิได้วางเป้าหมายแต่ละช่วงชีวิตของตัวเองไว้ก่อนหน้านี้แล้ว เมื่อครั้งที่คุณครูประจำชั้นของเขาสมัยเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลายที่ปีสามหรือชั้นมัธยมศึกษาปีที่หกของไทย ได้ให้นักเรียนทุกคนเขียนเป้าหมายที่ตัวเองอยากจะทำให้สำเร็จในอนาคต ซึ่งโอตานิที่พร้อมจะทุ่มทั้งกายและใจให้กับกีฬาเบสบอลได้เขียนบันทึกถึงเป้าหมายในชีวิตข้อแรกของตัวเองไว้ว่า ในวัย 18 ปี เขาจะได้รับโอกาสลงเล่นในเมเจอร์ลีก เบสบอล ที่สหรัฐอเมริกา

"ผมอยากไปที่นั่น เมเจอร์ (ลีกเบสบอล) เป็นความฝันของผมมาโดยตลอด" โชเฮ โอตานิ กล่าวกับ Sponichi

เขายึดมั่นในการทำตามเป้าหมายที่ตัวเองได้ตั้งไว้อย่างเหนียวแน่น และเขาก็เลือกปฏิเสธการเซ็นสัญญากับทาง นิปปอนแฮม ไฟท์เตอร์ สโมสรในลีกเบสบอลญี่ปุ่น ที่ได้ดราฟท์ตัวเขาเข้าร่วมทีมเมื่อปี 2013 พร้อมให้เหตุผลว่าต้องการที่จะไปเล่นเบสบอลอาชีพในเมเจอร์ลีกตามที่ใฝ่ฝันไว้เท่านั้น

แต่สุดท้าย โชเฮ โอตานิ ได้ตัดสินใจละทิ้งเป้าหมายในชีวิตข้อที่ 1 ของตัวเองแล้วเซ็นสัญญาเป็นผู้เล่นของ นิปปอนแฮม ไฟท์เตอร์ ในที่สุด หลังสโมสรแห่งนี้ได้ยื่นข้อเสนอให้เขาลงเล่นทั้งในตำแหน่งพิตเชอร์หรือคนขว้าง และตำแหน่งแบตเตอร์หรือคนตี 

โดยพวกเขาเชื่อว่าการทำแบบนี้จะเป็นการขัดเกลาโอตานิให้เป็นนักเบสบอลที่เพียบพร้อมไปด้วยความสามารถก่อนจะเดินทางไปเจอกับโลกภายนอก และเมื่อใดที่สโมสรฟูมฟักเด็กหนุ่มคนนี้จนเติบโตเต็มที่ มันก็จะถึงเวลาอันควรที่โอตานิจะได้ไปต่อที่เมเจอร์ลีก

โอตานิใช้เวลา 4 ปีกับ นิปปอนแฮม ไฟท์เตอร์ รังสรรค์ผลงานต่าง ๆ จนก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นระดับท็อปของวงการเบสบอลอาชีพญี่ปุ่น เช่น แชมป์ เจแปน ซีรีส์ 2016 พ่วงตำแหน่งผู้เล่นทรงคุณค่า MVP ของลีกเบสบอลญี่ปุ่นในปีเดียวกัน รวมถึงติดทีมยอดเยี่ยมของลีกเบสบอลญี่ปุ่น 5 ปีติดต่อกัน (2013-2017) 

ความร้อนแรงของโอตานิส่งผลให้เขามีชื่อติดทีมชาติญี่ปุ่นลุยศึกเวิลด์ เบสบอล คลาสสิก (WCB) ในปี 2017 ซึ่งการติดทีมชาติครั้งนี้จะเป็นการทำให้เป้าหมายข้อที่ 6 ของเขาอย่างการติดทีมชาติญี่ปุ่นไปลุยศึก WBC นั้นเป็นจริง

ทว่าโอตานิก็ต้องเจอกับความโชคร้าย เมื่อเขาได้รับบาดเจ็บจากการลงสนามช่วยต้นสังกัด นิปปอนแฮม ไฟท์เตอร์ คว้าแชมป์ เจแปน ซีรีส์ 2016 ทำให้เป้าหมายข้อที่ 6 ของเขายังไม่กลายเป็นจริง

แต่ถึงกระนั้นจากผลงานตลอด 5 ปีที่ผ่านมากับ นิปปอนแฮม ไฟท์เตอร์ มันก็เครื่องการันตีฝีมือของเขาแล้วว่าดีพอกับการได้เป็นนักเบสบอลอาชีพในเมเจอร์ลีก และเป็น ลอสแองเจลิส แองเจิลส์ ที่โอตานิเลือกเซ็นสัญญาด้วย 

 

เดินทางสู่ MLB

ในที่สุดเป้าหมายชีวิตข้อแรกของ โชเฮ โอตานิ ก็กลายเป็นจริง นั่นคือการเป็นนักเบสบอลอาชีพในเมเจอร์ลีก แม้จะช้าจากกำหนดเดิมไป 5 ปีก็ตาม

เขาได้กลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นของ ลอสแองเจลิส แองเจิลส์ อย่างเป็นทางการเมื่อปี 2018 พร้อมกับความมุ่งมั่นอย่างเต็มร้อยที่จะสานฝันของตัวเองให้กลายเป็นจริง ตามที่ได้เขียนบันทึกเป้าหมายต่าง ๆ ที่จะต้องทำให้สำเร็จในอนาคต

โอตานิออกสตาร์ทบนเวที MLB ด้วยการเป็นผู้เล่นสองตำแหน่งทั้งพิตเชอร์และแบตเตอร์ เหมือนกับสมัยที่เขาลงเล่นให้กับ นิปปอนแฮม ไฟท์เตอร์ ที่ญี่ปุ่น ก่อนใช้เวลาไม่นานในการประเดิมโฮมรันแรกของตัวเองในศึกเมเจอร์ลีก และโฮมรันครั้งต่อ ๆ มาแบบไม่ขาดสาย 

จนสร้างสถิติเป็นผู้เล่นหน้าใหม่ของ ลอสแองเจลิส แองเจิลส์ ที่ทำโฮมรันได้ 3 เกมติดต่อกันเป็นคนแรก ต่อมาเขาได้กลายเป็นผู้เล่นหน้าใหม่สัญชาติญี่ปุ่นที่ทำโฮมรันได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยการทำโฮมรันที่ 19 ครั้งหลังได้โชว์ฝีมืออยู่ในเมเจอร์ลีกเป็นเวลา 4 เดือน

ทางด้านบทบาทพิตเชอร์ โอตานิก็สามารถทำผลงานในตำแหน่งนี้ได้ดีเช่นกัน ด้วยการทำ 63 สไตรก์เอาต์ ในปีแรกของตัวเองบนเวทีเมเจอร์ลีก และจบฤดูกาล 2018 ด้วยการถูกรับเลือกให้เป็นนักกีฬาหน้าใหม่ยอดเยี่ยมแห่งปี กลายเป็นนักเบสบอลญี่ปุ่นคนแรกในรอบเกือบ 20 ปีที่ได้รับรางวัลนี้ ต่อจาก อิจิโระ ซูซุกิ นักเบสบอลระดับตำนานของญี่ปุ่น ที่เคยได้รับรางวัลนี้ไปเมื่อปี 2001

ต่อเนื่องในฤดูกาล 2021 หลังจากที่เมเจอร์ลีกไม่สามารถทำการแข่งขันได้อย่างเต็มพิกัดในปี 2020 เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โชเฮ โอตานิ ได้ยกระดับฝีมือของตัวเองขึ้นไปอีกขั้นจนได้รับเลือกให้เป็นผู้เล่นทรงคุณค่า MVP ของ MLB พร้อมกับมีชื่อติดทีมยอดเยี่ยมของเมเจอร์ลีกเป็นครั้งแรก

"ผมมีความสุขมาก และผมอยากจะขอบคุณทุกคนที่คอยให้ความช่วยเหลือผม ขอบคุณผู้จัดการทีม โค้ช เทรนเนอร์ แฟน ๆ และทุกคนที่คอยสนับสนุนผม" โชเฮ โอตานิ กล่าวหลังได้รับเลือกให้เป็น MVP กับทาง NHK

ขณะเดียวกัน โชเฮ โอตานิ ก็เริ่มพูดถึงอย่างจริงจังอยู่เรื่อย ๆ กับบทบาทผู้เล่น "Two-Way Player" หรือบทบาทผู้เล่นสองตำแหน่ง โอตานิสามารถเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมในตำแหน่งพิตเชอร์และแบตเตอร์ ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนัก เพราะนักเบสบอลส่วนใหญ่จะเลือกเล่นตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งจนถนัดไปเลยระหว่างคนตีกับคนขว้าง แต่โอตานิกลับสามารถเล่นได้ดีทั้งสองตำแหน่ง และเป็นเหตุที่ทำให้เขาได้รับฉายาว่าเป็น "Nito-ryu : 二刀流" หรือ "ซามูไรสองดาบ" 

มีคนเคยเปรียบเทียบว่า ถ้าหากเปลี่ยนให้ โชเฮ โอทานิ มาเล่นกีฬาฟุตบอลในลีกแห่งหนึ่ง เขาจะมีฝีเท้าที่เก่งกาจจนสามารถคว้ารางวัลดาวซัลโวของลีกพ่วงกับรางวัลถุงมือทองคำได้เลย ทั้งที่ความจริงมันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่นักฟุตบอลคนหนึ่งจะสามารถคว้าทั้งสองรางวัลนี้พร้อมกันได้

"สิ่งที่ โชเฮ โอตานิ ทำมันเป็นเรื่องที่บ้าคลั่งมาก มันไม่เหมือนการที่นักบาสเกตบอลสักคนจะสามารถเล่นได้ดีทั้งเกมรับและรุก" บัญชีทวิตเตอร์ของ NBA University กล่าวถึงฝีมือในการเล่นเบสบอลของ โชเฮ โอตานิ

"เพราะกีฬาเบสบอล การขว้างและการตีเป็นทักษะที่มีวิธีการฝึกฝนที่แตกต่างกัน มันคนละแบบกันเลย เพราะฉะนั้นการที่ใครสักคนจะสามารถทำทั้งสองอย่างได้ดีขนาดนี้ มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากมาก"

"หรือจะให้เทียบมันก็เหมือนกับการที่ใครสักคนสามารถเล่นบาสเกตบอลได้ในระดับ 5 ของโลก พ่วงกับเล่นกอล์ฟอยู่ในระดับท็อป 10 ของโลก คือมันเป็นกีฬาคนละชนิดกันเลย ตำแหน่งพิตเชอร์กับแบตเตอร์เป็นตำแหน่งที่มีวิธีการเล่นแตกต่างกัน"

อย่างไรก็ตาม แม้ฝีมือจะยอดเยี่ยมมากแค่ไหน แต่เป้าหมายในชีวิตที่ได้ตั้งไว้สมัยเป็นนักเรียนมัธยมปลายยังคงมีเหลือให้ทำอีกมาก

 

เป้าหมายที่รออยู่ข้างหน้า

จนถึงตอนนี้เป้าหมายที่โอตานิตั้งไว้แล้วยังทำไม่สำเร็จเหลืออยู่อีกหลายอย่าง อย่างแรก คือการคว้าแชมป์ เวิลด์ ซีรีส์ ให้ได้ ซึ่งโอตานิยังไม่เคยคว้าแชมป์รายการนี้ได้เลย แม้จะโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมกับ ลอสแองเจลิส แองเจิลส์ มาหลายฤดูกาลแล้วก็ตาม

ส่วนอีกเป้าหมายอย่างการพาทีมชาติญี่ปุ่น คว้าแชมป์ เวิลด์ เบสบอล คลาสสิก (WCB) ให้ได้ พร้อมกับได้ MVP พ่วงด้วยนั้น โอตานิได้ทำสำเร็จไปแล้วเรียบร้อยเมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมากับศึก WBC 2023

แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็หวังว่าตัวเองจะสามารถพาทีมชาติญี่ปุ่นคว้าแชมป์รายการนี้ให้ได้อีกสองครั้ง จากบันทึกเป้าหมายที่เขียนไว้

และนอกจากเป้าหมายในสนามแล้ว โอตานิยังได้วางแผนเป้าหมายชีวิตนอกสนามของตัวเองไว้ด้วย โดยเขาตั้งเป้าจะแต่งงานมีครอบครัวหลังจากที่คว้าแชมป์ เวิลด์ ซีรีส์ สมัยแรกได้สำเร็จ มีลูกชาย 2 คน ลูกสาว 1 คน พร้อมกับส่งเสริมอย่างเต็มที่ให้เหล่าลูกชายของเขามีใจรักในกีฬาเบสบอลเหมือนกับเขาในวัยเด็ก

เขาวางแผนเลิกเล่นเบสบอลตอนอายุ 40 ปี และนำประสบการณ์ที่เขาเคยได้เล่นเบสบอลในเมเจอร์ลีกมาช่วยวางรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับลีกเบสบอลญี่ปุ่น ก่อนจะวางมือกับวงการเบสบอลอย่างจริงจังในวัย 57 ปี เพื่อกลับไปใช้ชีวิตอย่างสงบสุขในช่วงบั้นปลายของชีวิตที่บ้านเกิดของเขาที่เมืองโอชุ จังหวักอิวาเตะ รวมถึงออกเดินทางเที่ยวรอบโลกในวัย 66 ปี

ปัจจุบัน โชเฮ โอตานิ กำลังสานฝันจากบันทึกเป้าหมายชีวิตที่ถูกเขียนไว้เมื่อ 10 ปีก่อนให้กลายเป็นความจริง แม้จะต้องเจออุปสรรคมากมายเพียงใด แต่มันก็ไม่สามารถทำลายความมุ่งมั่นของเขาในการทำตามเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้

แม้บางครั้ง ชีวิตจริงอาจต่างกับเป้าหมายที่วางไว้ เพราะ โชเฮ โอตานิ ตัดสินใจแต่งงานเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2024 กับ มามิโกะ ทานากะ อดีตนักบาสเกตบอลอาชีพชาวญี่ปุ่นด้วยกัน ซึ่ง ณ เวลานั้น เขายังไม่ได้คว้าแชมป์เวิลด์ซีรี่ส์อย่างที่ตั้งใจ

แต่ดูเหมือนที่สุดแล้ว โชเฮ โอตานิ ก็สามารถทำได้ตามบันทึกเป้าหมายชีวิต เพราะในปี 2024 ที่เขาตัดสินใจย้ายทีมมาอยู่กับ ลอสแอนเจลิส ดอดเจอร์ส พร้อมได้ค่าเหนื่อยมหาศาล โอตานิก็สามารถคว้าแชมป์เวิลด์ซีรี่ส์ที่รอคอยได้เสียที

 

แหล่งอ้างอิง

https://gekibuzz.com/archives/36493
https://www.bayhills.co.jp/wp-content/uploads/BH_fp1806.pdf
https://day-rich.com/article.php?id=564
https://www.sanook.com/sport/832041/
https://twitter.com/NBA_University/status/1674030610694717440

Author

อิสรา อิ่มเจริญ

ชายผู้สนใจญี่ปุ่นเพียงเพราะได้ดูฟุตบอลเจลีก โปรดปรานข้าวไข่เจียวเป็นที่สุด

Photo

ปฐวี ยอดเนียม

Man u is No.2 But YOU is No.1

Graphic

อรรนพ สะตะ

graphic design ผู้ชื่นชอบกีฬาฮอกกี้, เกมส์, เดินเขา เป็นชีวิตจิตใจ