"อนิเมะ" และ "มังงะ" คือเหล่าซอฟต์พาวเวอร์อันทรงพลังของญี่ปุ่น ที่มีอิทธิพลต่อความคิดของผู้คนในสังคมได้เป็นอย่างดี รวมถึงเป็นส่วนสำคัญในการช่วยสร้างแรงกระเพื่อมให้ผู้คนในประเทศของพวกเขาเกิดความสนใจในการแข่งขันกีฬาชนิดต่าง ๆ ตามที่ทุกคนเคยได้เห็นกันมา
ไม่ว่าจะเป็น "กัปตันสึบาสะ (Captain Tsubasa)" กับกีฬาฟุตบอล, "สแลมดังก์ (Slam Dunk)" กับกีฬาบาสเกตบอล และ "ก้าวแรกสู่สังเวียน (Hajime no Ippo)" กับกีฬามวยสากล
หรือล่าสุดอย่างกีฬา "แข่งม้า (Keiba) : 競馬" อีกหนึ่งกีฬาที่ได้รับความนิยมจากคนญี่ปุ่นมาอย่างยาวนาน ก็มีอนิเมะเรื่องหนึ่งที่เข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ อีกทั้งยังปลุกกระแสความคลั่งไคล้ในกีฬาชนิดนี้ของคนรุ่นใหม่ในแดนอาทิตย์อุทัยให้ตื่นขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อนิเมะเรื่องดังกล่าวมีชื่อว่า "Uma Musume: Pretty Derby" หรืออีกชื่อคือ "Uma Musume"
อนิเมะเรื่องนี้ได้เข้ามาทำอะไรให้กับวงการแข่งม้าของญี่ปุ่น ติดตามได้ที่นี่ Main Stand
กีฬาแข่งม้าในญี่ปุ่น
สำหรับกีฬาแข่งม้าสามารถพบเห็นได้ทั่วไปในประเทศญี่ปุ่น ส่วนใหญ่จะเป็นการแข่งขันที่มีการนำม้าจำนวนหลายตัวมาควบแข่งกันเพื่อหาผู้ชนะที่เข้าเส้นชัยก่อนเป็นตัวแรก ซึ่งการแข่งขันในลักษณะนี้ว่ากันว่าถูกคิดค้นโดยเหล่าราชวงศ์ ขุนนาง และผู้มีอิทธิพลของประเทศอังกฤษ ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 16 เพื่อใช้เป็นเครื่องมือเชื่อมความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันระหว่างกลุ่มคนชนชั้นสูงของประเทศ
ก่อนที่การแข่งขันดังกล่าวจะถูกนำไปเผยแพร่ตามประเทศต่าง ๆ ที่ผู้คนจากประเทศอังกฤษได้เดินทางไปสร้างสัมพันธไมตรีในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17-19 ทั้ง ฝรั่งเศส, ไอร์แลนด์, อิตาลี, เยอรมนี และอีกหลาย ๆ ประเทศในภูมิภาคอเมริกา, แอฟริกา, เอเชี และ โอเชียเนีย
กลับมาที่ประเทศญี่ปุ่น พวกเขาได้รู้จักกับกีฬา "แข่งม้า" ตามแบบฉบับที่ถูกสร้างโดยประเทศอังกฤษครั้งแรกหลังจากที่กองรบเรือดำและ นายพล แมทธิว เพอร์รี นายทหารเรือชาวสหรัฐอเมริกา ได้เดินทางมาปิดอ่าวที่เมืองเอโดะ (หรือกรุงโตเกียวในปัจจุบัน) เพื่อกดดันให้ญี่ปุ่นเปิดตลาดค้าขายกับโลกภายนอกในยุคเอโดะ (ค.ศ.1603 - 1868) ส่งผลให้ญี่ปุ่นที่ปิดประเทศอยู่ในขณะนั้นจำต้องเปิดประเทศเพื่อทำการค้าขายกับชาติตะวันตก
และการเข้ามาของชาติตะวันตกในครั้งนั้นทำให้ญี่ปุ่นได้เรียนรู้วิทยาการจากทั่วโลก ก่อนจะนำมาสร้างความเข้มแข็งและมั่งคั่งให้ประเทศในเวลาต่อมา พวกเขาได้รับวิถีชีวิต วัฒนธรรม และกิจกรรมต่าง ๆ ในแบบตะวันตกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินชีวิต และกีฬาแข่งม้าก็เป็นหนึ่งในนั้น
ญี่ปุ่นได้จัดการแข่งขันกีฬาแข่งม้าขึ้นครั้งแรกในประเทศของพวกเขา เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม ค.ศ. 1860 ที่เมืองยามาเตะ จังหวัดโยโกฮามะ และมันได้กลายเป็นต้นแบบกีฬาแข่งม้าของประเทศญี่ปุ่นที่สามารถพบเห็นผู้คนเดินทางมารับชมการแข่งขันเพื่อความสนุกสนานกันได้อย่างในปัจจุบัน
นอกจากจะถูกจัดขึ้นมาเพื่อสร้างความบันเทิงและความผ่อนคลายให้กับผู้รับชมแล้ว กีฬาแข่งม้าของญี่ปุ่นยังเป็นแหล่งการพนันถูกกฎหมายชั้นดีที่ทางรัฐบาลญี่ปุ่นเปิดให้ทุกคนสามารถเข้ามาหาความตื่นเต้นในชีวิต ผ่านกิจกรรมการพนันที่เรียกว่า "แทงม้า"
โดยเป็นการเสี่ยงดวงเดาพร้อมวางเดิมพันเป็นเม็ดเงินว่าในการแข่งขันแต่ละครั้งม้าตัวไหนจะเข้าเส้นชัยก่อนเป็นตัวแรกและเข้าเส้นชัยเป็นตัวสุดท้าย หรืออาจจะเป็นเงื่อนไขอย่างอื่นที่มีความซับซ้อนมากกว่านั้นก็ได้ตามแต่จะตกลงในกลุ่มผู้วางเดิมพัน
วิธีการแทงม้ามีหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกม้าตัวที่คิดว่าจะเข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่หนึ่งเพียงตัวเดียวให้ถูกต้อง เพื่อชิงเงินรางวัลที่ได้เดิมพันเอาไว้ หรือเลือกม้าตัวที่จะเข้าเส้นชัยในอันดับที่ 1-3 หรือเลือกสองตัวแล้วเดาเอาว่าตัวไหนจะเข้าเส้นชัยก่อนกัน เป็นต้น
ซึ่งกิจกรรมการพนันเช่นนี้ได้ความนิยมจากคนญี่ปุ่นจำนวนมาก แต่ถึงกระนั้นกีฬาแข่งม้าของญี่ปุ่นก็มีปัญหาที่ปัจจุบันยังคงไม่สามารถหาทางสลัดออกได้ นั่นคือการที่มีผู้คนส่วนหนึ่งของประเทศรู้สึกไม่เห็นด้วยกับกิจกรรมการพนันดังกล่าวและมีมุมมองในแง่ลบต่อกีฬาชนิดนี้ เนื่องจากพวกเขามองว่าเกมการแข่งขันกีฬาไม่ควรมีการสอดแทรกเรื่องของการพนันเข้ามาด้วย เพราะจะเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนให้เด็ก ๆ ในประเทศสนใจการพนันผ่านการรับชมเกมกีฬา
นอกจากปัญหาการพนันแล้ว อีกหนึ่งปัญหาอย่างฐานผู้ชมเองก็เป็นอีกสิ่งที่วงการกีฬาแข่งม้าในญี่ปุ่นอยากจะปรับปรุงแก้ไขให้มันดีขึ้น โดยปัจจุบันฐานผู้ชมส่วนใหญ่ของกีฬาแข่งม้าในญี่ปุ่นจะเป็นกลุ่มคนที่มีอายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไป และมีแนวโน้มว่ากลุ่มคนที่ชื่นชอบกีฬาชนิดนี้จะมีอายุเฉลี่ยที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ
สวนทางกับกลุ่มคนอายุน้อยของประเทศที่หันหลังให้กับกีฬาแข่งม้ามากขึ้นทุกที จากระบบการแข่งขันที่คร่ำครึ และไม่ได้มีการส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่ได้เข้าถึงมนต์เสน่ห์ของกีฬาดังกล่าวได้มากพอ แตกต่างกับกีฬาชนิดอื่น ๆ ที่ดูจะเข้าถึงได้ง่ายกว่า
แต่ทว่าการมาของอนิเมะอย่าง "Uma Musume" ได้เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ความคิดของคนญี่ปุ่นรุ่นใหม่ และคนที่คิดในแง่ลบกับการกีฬาแข่งม้าญี่ปุ่นเปลี่ยนแปลงไป
กำเนิดเหล่า "สาวม้า"
"Uma Musume: Pretty Derby" คืออนิเมะที่ถูกสร้างขึ้นมาให้แฟน ๆ อนิเมะได้รับชมกันครั้งแรกเมื่อปี 2018 โดยเรื่องราวไม่ได้มีความซับซ้อน โดยเป็นเรื่องเกี่ยวกับโลกของกลุ่มคนที่ถูกเรียกว่า "Uma Musume" หรือเรียกเป็นภาษาไทยว่า "สาวม้า" ที่มารวมตัวกันเข้าชิงชัยในสนามแข่งขันม้าระดับประเทศ
ซึ่งอนิเมะเรื่องนี้มีการใส่ลูกเล่นเล็ก ๆ แฝงเข้าไปในตัวเรื่อง นั่นคือการนำชื่อของม้าแข่งที่เคยลงวิ่งในรายการกีฬาแข่งม้าของญี่ปุ่นมาตั้งเป็นชื่อของตัวละครทุกคนในเรื่องที่ถูกออกแบบลักษณะภายนอกให้มีความน่ารักอยู่แล้ว
ตัวละครเอกของอนิเมะเรื่องนี้ที่ชื่อว่า "Special Week" เป็นสาวม้าที่มีต้นแบบมาจากม้าแข่งที่เคยลงแข่งม้าในญี่ปุ่นมาก่อนหน้าที่ตัวอนิเมะจะออกฉาย
การทำเช่นนี้ช่วยทำให้กลุ่มคนที่มีความชื่นชอบในกีฬาแข่งม้าอยู่แล้วสนใจว่าถ้าม้าในการแข่งที่พวกเขาชมกันมาตลอดถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นเด็กผู้หญิงจะมีสภาพเป็นอย่างไร และยังเป็นการเชิญชวนให้กลุ่มคนรุ่นใหม่ในญี่ปุ่นที่ไม่ได้ให้ความสนใจกีฬาแข่งม้ากันมากนักสามารถเข้าถึงข้อมูลของม้าที่เข้าแข่งขันได้ รวมถึงสัมผัสกับมนต์เสน่ห์ของกีฬาแข่งม้าผ่านตัวละครสุดน่าหลงใหล
"ฉันเริ่มหันมาดูกีฬาการแข่งม้าเพราะ Uma Musume มันได้ปลุกเสน่ห์ของการแข่งม้าขึ้นมาให้ทุกคนได้รับรู้" เหล่าผู้ใช้บัญชีทวิตเตอร์ชาวญี่ปุ่นส่วนหนึ่งกล่าวถึงเหตุผลที่ทำให้พวกเขาให้ความสนใจในกีฬาแข่งม้าของญี่ปุ่น
ด้วยกระแสความนิยมอย่างล้มหลาม ส่งผลให้อนิเมะเรื่องนี้ได้รับไฟเขียวให้ทำภาคที่สองต่อในปี 2021 พ่วงกับการนำไปสร้างเป็นเกมมือถือในปีเดียวกัน โดยการถือกำเนิดขึ้นของเกม "Uma Musume: Pretty Derby" นี้เองที่กลายมาเป็นชนวนสำคัญที่ทำให้วงการกีฬาแข่งม้าญี่ปุ่นเติบโตอย่างก้าวกระโดด
เอย์คัน อิโคมะ นักเขียนผู้คร่ำหวอดกับวงการแข่งม้าของญี่ปุ่น เคยกล่าวถึงอิทธิพลของเกม Uma Musume ที่มีต่อกีฬาแข่งม้าญี่ปุ่นไว่ว่า
"ผมมีความรู้สึกว่าการมาของ Uma Musume ได้เพิ่มจํานวนผู้ที่ให้ความสนใจในวงการแข่งม้ามากขึ้น และผมคิดว่ามันเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับวงการกีฬานี้ คนที่ไม่รู้จักการแข่งม้าจะมีโอกาสได้เรียนรู้ระบบการแข่งขันต่าง ๆ และเริ่มรู้จักม้าแข่งแต่ละตัวอย่างถ่องแท้"
อีกทั้งอิโคมะยังเปิดเผยตัวเลขเม็ดเงินที่วงการแข่งม้าญี่ปุ่นทำได้ หลังจากเกมมือถือของ Uma Musume ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปไม่นาน และพบว่าเม็ดเงินเหล่านั้นสูงขึ้นอย่างน่าแปลกใจ
"จํานวนรายได้ที่ทาง JRA (สมาคมม้าแข่งแห่งประเทศญี่ปุ่น) สามารถทำได้นั้นเพิ่มขึ้นมาแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จากปี 2011 ที่เคยทำเอาไว้ที่ 2.293 ล้านล้านเยน (ราว 5.6 แสนล้านบาท) และตัวเลขก็จะอยู่ประมาณนี้มาตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทว่าในปี 2021 รายได้กลับเพิ่มขึ้นเป็น 3.009 ล้านล้านเยน (ราว 7.5 แสนล้านบาท)"
"มันสะท้อนให้เห็นภาพชัดเจนว่าการมาของเกม Uma Musume ในปี 2021 มีส่วนอย่างมากต่อรายได้ของ JRA ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่น่าเหลือเชื่อและสร้างผลดีต่อวงการแข่งม้าญี่ปุ่น"
อย่างไรก็ตาม อิโคมะยังได้ชี้อีกว่าการมาของไวรัสโควิด-19 ก็มีส่วนทำให้เกม Uma Musume กลายเป็นรู้จักไปทั่วญี่ปุ่น จากการที่ประเทศต้องงดการทำกิจกรรมต่าง ๆ นอกบ้านลงเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อ และนั่นทำให้ผู้คนใช้งานสมาร์ทโฟนกันมากขึ้นจนได้รู้จักกับเกม ๆ นี้
การนำเสนอกีฬาแข่งม้าของอนิเมะและเกม "Uma Musume" ผ่านตัวละครที่เต็มไปด้วยความน่ารักน่าเอ็นดูนั้นสะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมอย่างหนึ่งของญี่ปุ่นที่สามารถสร้างกระแสบูมให้กับวงการต่าง ๆ ในสังคมของพวกเขาได้ โดยวัฒนธรรมดังกล่าวเรียกว่า "โมเอะ กิจินคะ"
เปลี่ยนทุกอย่างให้น่ารัก
"โมเอะ กิจินคะ (Moe Gijinka) : 萌え擬人化" คือวิธีการนำเสนอรูปแบบหนึ่งของอนิเมะและมังงะ ที่จะนำอะไรก็ได้มาแปลงสภาพให้เป็นตัวละครสุดน่ารัก โดยไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นตัวละครที่ถูกออกแบบมาให้เป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ขอแค่ตัวละครเหล่านั้นสามารถสร้างความน่าดึงดูดใจให้กับผู้ที่พบเห็นได้ก็พอ
โดยสิ่งที่เรียกว่า "โมเอะ กิจินคะ" นั้นได้แฝงตัวอยู่ในอนิเมะและมังงะหลาย ๆ เรื่อง และได้กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้คนในญี่ปุ่นเกิดความสนใจในวงการสาขาต่าง ๆ ในประเทศของตัวเอง และช่วยกันให้ความสนับสนุนวงการนั้นจนเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เฉกเช่นอนิเมะและเกม Uma Musume ที่ทำไว้กับวงการแข่งม้าญี่ปุ่น
ซึ่งหากจะให้ยกตัวอย่างอีกหนึ่งกรณีที่วัฒนธรรม "โมเอะ กิจินคะ" ได้เข้ามามีส่วนสำคัญในการทำให้วงการ ๆ หนึ่งในญี่ปุ่นเกิดกระแสความบูมขึ้นมาต้องย้อนกลับไปในปี 2017 เมื่ออนิเมะเรื่องหนึ่งที่ชื่อว่า "Kemono Friends" ได้ออกฉายทางโทรทัศน์ญี่ปุ่นและสร้างกระแสความนิยมการเดินเที่ยวสวนสัตว์ในญี่ปุ่นอย่างถล่มทลาย เนื่องจากตัวละครเด็กสาวทุกคนในเรื่องมีต้นแบบมาจากสัตว์ชนิดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น เสือ สิงโต หรือกวาง ซึ่งถูกใจคนรักสัตว์และเชื่อมโยงกับสวนสัตว์ไปโดยปริยาย
"โมเอะ กิจินคะ" ยังมีส่วนในการทำให้เกิดอีกหนึ่งวัฒนธรรม นั่นคือ "การแสวงบุญ : 聖地巡礼" เป็นการเดินทางไปยังสถานที่ที่เป็นต้นแบบของฉากต่าง ๆ ที่ปรากฏอยู่ในอนิเมะหรือมังงะ ซึ่งก็มีหลายคนที่ตัดสินใจเดินทางไปยังสนามแข่งม้าหลาย ๆ แห่งที่มีอยู่จริงในญี่ปุ่น เพื่อพาตัวเองเข้าไปดื่มด่ำบรรยากาศตอนที่ม้าแข่งกำลังวิ่งอยู่ในสนาม เหมือนกับตอนที่ได้ดูเหล่าสาวม้าในเรื่อง Uma Musume กำลังแข่งขันกัน
อย่างไรก็ตาม กว่าที่อนิเมะและเกม Uma Musume จะถือกำเนิดขึ้นแล้วกลายมาเป็นสิ่งที่ช่วยสร้างมูลค่าให้กับวงการแข่งม้าญี่ปุ่นได้นั้น พวกเขาก็ต้องผ่านการยอมรับจากกลุ่มคนผู้เป็นเจ้าของม้าแข่งตัวจริงให้ได้ก่อน
ประตูด่านสำคัญ
อย่างที่กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่าอนิเมะและเกม "Uma Musume: Pretty Derby" นั้นเป็นสื่อผสมที่จะนำม้าแข่งตัวจริงในญี่ปุ่นมาเปลี่ยนให้เป็นตัวละครหญิงน่ารัก ซึ่งด่านแรกที่ฝ่ายผู้จัดทำอนิเมะและเกมนี้จะต้องเจอคือการเจรจากับทางเจ้าของม้าแข่งตัวจริง เพื่อขออนุญาตในการนำม้าแข่งของพวกเขามาแปลงโฉมเป็นตัวละครสาวม้า
ซึ่งเสียงของเหล่าเจ้าของม้าแข่งนั้นก็แตกออกเป็น 2 ทางจากฝ่ายที่อนุญาตและไม่อนุญาต โดยฝ่ายที่อนุญาตมองว่าการทำเช่นนี้จะสามารถช่วยให้วงการแข่งม้าญี่ปุ่นเติบโตขึ้นไปได้อีกขั้น ด้วยการใช้พลังของอนิเมะและเกม Uma Musume เป็นเครื่องมือหลักในการสร้างความนิยมให้เกิดขึ้นกับคนรุ่นใหม่ของประเทศ
"แน่นอนว่าผมโอเคกับเรื่องนี้ ผมยินดีเป็นอย่างยิ่ง" มาซายูกิ นิชิยามะ เจ้าของม้าที่ชื่อ Nishino Flower กล่าวยินดีที่ม้าของเขาจะได้เข้าไปอยู่ใน Uma Musume
ส่วนฝ่ายที่ไม่อนุญาต พวกเขาไม่อยากที่จะให้ม้าของตัวเองถูกเปลี่ยนเป็นตัวละครหญิง เพราะม้าเหล่านี้เปรียบเสมือนกับลูก ๆ ของเขาที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่ยังเล็กจนเติบโตขึ้นมาเป็นม้าที่แข็งแรงสมบูรณ์ และพวกเขาจะไม่ยอมให้ใครเอามาสร้างเป็นตัวอะไรที่ผิดแปลกไปจากเดิมเด็ดขาด
"โอกาสที่ม้าของพวกเขาจะไปปรากฏตัวใน Uma Musume นั้นแทบไม่มีความเป็นไปไม่ได้เลย" เจ้าของเว็บไซต์ Mesomablog ได้เขียนถึงโอกาสที่ม้าในสังกัดของ Shadai Group จะเข้ามาอยู่ในเกม Uma Musume
แต่สุดท้ายก็มีเจ้าของม้าแข่งหลายคนที่เปิดใจยอมรับให้กับอนิเมะและเกม Uma Musume พร้อมกับก้าวไปข้างหน้าด้วยกันในที่สุด
และนี่ก็คืออีกครั้งที่ "อนิเมะ" พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นถึงพลังที่สามารถเข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีให้กับโลกของกีฬาได้
แหล่งอ้างอิง
https://soreyuke.tv/post-429/
https://www.cyzo.com/2022/04/post_307300_entry.html
https://netbase.tdse.jp/trend-report/umamusume-keiba/
https://infodirebear.com/umamusume-real/
https://mesomablog.com/883.html