Feature

รานิเอรี่ กับ กายารี่: การหวนมา "สร้างปาฏิหาริย์" เลื่อนชั้นกับทีมเดิม 33 ปี ก็ยังไม่สาย | Main Stand

ในช่วงที่ลีกสูงสุดปิดฤดูกาลแทบจะทั้งหมด ความบันเทิงอย่างหนึ่งของแฟนบอล นั่นคือ การหันมาติดตามการแข่งขันของ “ลีกรอง” โดยเฉพาะ หากมีการเพลย์ออฟเพื่อเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุด ความทุ่มเทและการต่อสู้อย่างถึงเครื่อง เรียกได้ว่า อาจจะมีความสนุกที่สูสี หรืออาจจะมีดีกรีที่ร้อนแรงกว่าการเจอกันของทีมใหญ่ๆ เสียอีก เพราะเดิมพันนี้มีทั้งศักดิ์ศรีและเงินทองเข้ามาเกี่ยวข้อง

 

แน่นอน ซีเรีย บี ถือว่ายังคงมีการแข่งขันเพลย์ออฟหาทีมเลื่อนชั้นที่จบทีหลังลีกใหญ่อื่นๆ และดันเกิดเรื่องราวสุด “อีปิก” ขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ นั่นเพราะ กายารี่ อดีตทีมกลางตารางของลีกสูงสุด ได้ชัยชนะเหนือ บารี่ จากประตูโทนนาทีที่ 90+4 ส่งผลให้สกอร์รวม 2-1 เลื่อนชั้นกลับสู่ซีเรีย อา อีกครั้ง 

แต่ที่อีปิกไปกว่านั้น คือโค้ชของทีม มีชื่อว่า “เคลาดิโอ รานิเอรี” กุนซือวัย 71 ปี ที่เคยนำทัพ กายารี่ เลื่อนชั้นในแบบเดียวกันนี้ เมื่อเกือบ 33 ปีก่อนมาแล้ว จึงอาจเรียกสิ่งที่เกิดขึ้นดังกล่าวว่า “ฉายหนังม้วนเดิม” เพิ่มเติมคือยิ่งใหญ่ไม่ต่างกันย่อมได้

ร่วมติดตามการ “เริ่มต้นใหม่กับคนเดิม” สุดอีปิกนี้ ไปพร้อมกันกับเรา 

 

รักนะชาวเกาะ

อย่างที่ทราบกันดีว่า กุนซือเจ้าของฉายา “เดอะ ทิงเกอร์แมน (The Tinkerman)” นั้น ผ่านร้อนผ่านหนาวในการคุมทัพมาสารพัด

มีทั้งประสบความสำเร็จ อย่างการเป็นผู้ปูทางให้เชลซี ก่อนยุคโรมัน อับราโมวิช ปูทางให้โมนาโก ช่วงเป็นเศรษฐีใหม่ๆ ในลีก เดอซ์ รวมไปถึงการสร้างผลงานมาสเตอร์พีช ในการพาเลสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2015-16 

และมีทั้งประสบความอัปยศ อย่างการคุมทัพอินเตอร์ มิลาน ยุคตกต่ำหลังเทรเบิลแชมป์ มาขายหน้ากับฟูแลม และวัตฟอร์ต หรือที่หนักที่สุด คือการคุมทีมชาติกรีซ แพ้หมู่เกาะแฟโร ไป-กลับ ก็เกิดขึ้นมาแล้ว

แต่การคุมทีมที่เรียกได้ว่า “ตัดสายสะดือ” งานโค้ชของเขาให้เข้าสู่คำว่า “วิชาชีพแบบอาชีพ” จริงๆ แน่นอนว่าต้องเป็น กายารี่ ยอดทีมจากเกาะซาร์ดิเนีย ทางตะวันตกของอิตาลี ที่ ณ ตอนนั้นเป็นทีมเคยใหญ่ แต่อาภัพ จมอยู่ใน ซีเรีย ซี 

ซึ่งโดยปกติ การจะกลับไปยิ่งใหญ่ได้ ส่วนมากมักจะให้ความสำคัญกับการจ้างโค้ชที่ “เคย” แตะขอบฟ้า หรือไปจนถึงดวงดาวมาก่อน แต่บอร์ดบริหารของพลพรรคชาวเกาะ ดันหาญกล้าจ้างโค้ชที่โนเนม ไม่รู้หัวนอนปลายเท้า และไร้โปรไฟล์ในระดับสูงมาก่อน ด้วยความคาดหวังที่สูงลิบ ว่าจะต้องกลับไปอยู่ ณ จุดที่เคยอยู่ให้จงได้

แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ว่าการคุมทัพของชายที่ชื่อว่า รานิเอรี่ กลับสร้างสิ่งที่ปาฏิหาริย์อย่างเหลือเชื่อ

“ผมเคยทำงานกับทีมนอกลีก อย่างคัมปาเนีย (Campania Puteolana) และวิกอร์ (Vigor Lamezia) แล้วผมก็กระโดดมาคุมทีมกายารี่เลย แต่แล้ว ในระยะเวลา 3 ปี ผมพาทีมขยับจาก ซีเรีย ซี ไปซีเรีย บี และก็ไปซีเรีย อา จากลีกสมัครเล่นไปลีกสูงสุดเลยนะครับ ท่านคิดดู” 

ข้างต้นคือการเปิดเผยรอยทางความสำเร็จที่มาอย่างรวดเร็วของรานิเอรี่ กับ Eurosport ที่ประเดิมงานโค้ชระดับอาชีพเพียง 3 ปี ก็เลื่อนชั้นรัวๆ เลยทีเดียว โดยแบ่งเป็นแชมป์ซีเรีย ซี และแชมป์โคปปา อิตาเลีย ซีเรีย ซี (คล้ายๆ กับถ้วย อีเอฟแอล โทรฟี่ ที่กั๊กไว้ให้ทีมจากลีกล่างๆ แข่งขัน) ตั้งแต่ฤดูกาลแรกที่คุมทัพ (1988-89) ก่อนที่ฤดูกาลต่อมา (1989-90) จะคว้าอันดับที่ 3 ในซีเรีย บี เลื่อนชั้นไปพร้อมกับ โตริโน ปิซา และปาร์มา (สมัยนั้นเลื่อนชั้น 4 ทีม) 

เรียกได้ว่า ท้้งรานิเอรี และกายารี่ เสมือนได้รับ “โชคสองชั้น” เพราะนอกจากทีมจะได้กลับสู่ลีกสูงสุด รานิเอรี่ ยังได้มีเวทีแจ้งเกิด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป็นจุดเริ่มต้นของแท็คติก “ไผ่ลู่ลม” ที่เน้นจัดทัพตามคู่ต่อสู้ที่ปะทะ ปรับเปลี่ยนไปได้เรื่อยๆ หรือไม่ก็ไปแก้หน้างาน ดังที่แฟนบอลคุ้นชินกันดี

“จุดสูงสุดในชีวิตของผม อยู่ที่กายารี่ … หากไม่ได้กายารี่ ผมก็มาถึงจุดนี้ไม่ได้ครับ” รานิเอรี่ ได้กล่าวอย่างสำนึกในพระคุณเป็นล้นพ้นอย่างหาที่สุดไม่ได้ของกายารี่ ผ่าน Football Italia

โดยจุดเริ่มต้นนี้ เป็นใบเบิกทางอย่างดีเยี่ยม ในการที่เขาจะได้สร้างชื่อเสียงให้ใหญ่คับอิตาลี ถึงแม้การประเดิมคุมทัพชาวเกาะ ลุยลีกสูงสุดเป็นฤดูกาลแรก (1990-91) นั้น จะมีผลงานสุดระทม เกือบตกชั้น โดยจบอันดับ 14 ของตาราง (ณ ตอนนั้นมี 18 ทีม อันดับตกชั้นคือ 15-18) แต่ด้วยความที่บารมีเก่ายังมี และจัดทัพแบบ “สัมพัทธ์ (Relative)” ทำให้ไม่ยึดติด ยึดมั่นถือมั่น และมีความหลากหลายทางแท็คติกอย่างมาก 

จนในที่สุด นาโปลี ได้ติดต่อเซ็นสัญญาเข้ามาสานงานต่อจากยุคแห่งความเรืองรองที่มี ดิเอโก มาราโดนา นำทัพ ในฤดูกาล 1991-92 ก่อนที่จะแยกทางไปคุมทัพ ฟิออเรนตินา ในภาระกิจพาเลื่อนชั้นจากซีเรีย บี ก่อนจะคว้าแชมป์และเลื่อนชั้นได้สำเร็จ

และหลังจกานั้น เขาก็เดินวิถีโค้ชพเนจรไปได้เรื่อยๆ กว่ากึ่งศตวรรษ อยู่ที่ใดไม่เคยเกิน 3 ฤดูกาล (ยกเว้นเชลซีและฟิออเรนตินา) 

และแล้ว โชคชะตาฟ้าลิขิต ก็ได้ขีดเขียนให้เขาได้กลับมายัง “บ้าน” ที่เคยฟูมฟัก และให้ที่ทางในวงการฟุตบอลแก่เขอีกครั้ง หลังจากออกเดินทางไปกว่า 33 ปี

 

กลับบ้านเรารักรออยู่

“นับหนึ่งสู่การขีดเขียนตำนานบทใหม่ … ยินดีต้อนรับครับท่าน (รานิเอรี่) ดีใจที่ได้โอบกอดท่านอีกครั้ง”

เบื้องต้นคือคำแถลงการณ์ในการเปิดตัวรานิเอรี่ ณ วันที่ 1 มกราคม 2023 โดยเป็นการกลับมายังถิ่น อูนิโปล โดมูซ (Unipol Domus) อีกครั้งในรอบ 33 ปี ซึ่งสร้างความปิติให้แก่บอร์ดบริหาร สตาฟฟ์ นักเตะ แฟนบอล อย่างมาก รวมไปถึงรานิเอรี่เองด้วย จากการเปิดเผยลงเว็บไซต์สโมสร ความว่า

“ผมกลับมายังกายารี่ ถิ่นที่คุ้นเคย ผมรู้เลยผมจะได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง แบบที่ผมเว้าวอนตลอดมา ตั้งแต่จากกันไปไกล ที่นี้สอนให้ผมรู้ว่าผมมาถูกทางในสายอาชีพนี้ ตั้งแต่การสร้าง 3 ปีแห่งความอัศจรรย์ได้สำเร็จ เพราะ ทั้งทีม แฟนบอล และผม เรารวมกันเป็นหนึ่งเดียว”

“ที่ผมตัดสินใจได้ในวันนี้ เพราะพวกคุณ (แฟนบอลกายารี่) เลย หลายฤดูกาลที่ผ่านมาของผมนั้น ไม่ง่ายเลย แต่เราก็เชื่อมร้อยกันด้วยความเคารพซึ่งกันและกัน ความรัก รวมถึงความทรงจำดีๆ ที่เคยเกิดขึ้น” 

“ในการนี้ ผมยังเปี่ยมแพชชั่นเช่นเดิม แต่ไม่ได้คุมทัพแบบเหงาๆ อีกต่อไป สโมสรต้องการผมในการเติมความแข็งแกร่ง ความช่วยเหลือจะต้องกระทำโดยไว ผมจัดให้ผ่านเด็กๆ ที่ผมจะเทรนนิ่ง แฟนบอลไม่ต้องเป็นกังวล ได้ในสิ่งที่หวังแน่นอน เราจะแข็งแกร่งขึ้น กายารี่จะกลับมาอีกครั้ง”

แต่ถึงรักกันปานจะแหกทวารสูดกลิ่น ณ ขณะนั้น กายารี่ยังป้วนเปี้ยนอยู่ในโซนท้ายตาราง ยังลูกผีลูกคนว่าจะตกลงไปยัง ซีเรีย ซี หรือไม่ แน่นอน สำหรับการเผชิญหน้ากับสถานการณ์ดังกล่าว ถือเป็นเรื่องที่แปลกใหม่สำหรับรานิเอรี่อย่างมาก เพราะถือเป็น Condition ที่ลำบากแทบจะที่สุดในอาชีพของเขา นั่นคือ การเข้ามาทำทีมกลางทาง หากพลาดคือเปลี่ยนจากระดับอาชีพ เป็นระดับสมัครเล่นในทันที (ไม่เหมือนคุมฟูแลม หรือวัตฟอร์ต ที่ตกชั้นก็ยังอยู่ในระดับอาชีพ และเงินสูงกว่ามาก)

กระนั้น แม้จะยากลำบากเพียงใด ทิงเกอร์แมนยังคงยึดแนวทางในวิถีการทำทีมเช่นเดิม นั่นคือดชุดความคิดว่าด้วย “การปรับเปลี่ยนตามคู่ต่อสู้” แต่ที่เพิ่มเติมเข้ามาตามสีผมที่เปลี่ยนไป ด้วยการเพิ่มเติมแนวคิด “นำลูกฟุตบอลไปข้างหน้าให้เร็วที่สุด” แบบแบบฉบับของฟุตบอลร่วมสมัยที่เน้นความเฉียบคมและรวดเร็วไปพร้อมๆ กัน

จริงๆ เขาได้ใช้วิธีการแบบนี้กับ “เลสเตอร์ ซิตี้” ชุดแชมป์ประวัติศาสตร์มาแล้ว หากแต่ต่อๆ มา กลับจางหายไป พร้อมกับคำครหาว่ารานิเอรี่นั้น “กาก” หรือ “แก่” เกินกว่าที่จะตามฟุตบอลร่วมสมัยทัน กระนั้น ที่กายารี่ แบบแผนดังกล่าวกลับมา “เกิดใหม่” อย่างเหลือเชื่ออีกครั้ง ทีมค่อยๆ ซึมซับอย่างรวดเร็ว และไต่อันดับขึ้นมาเรื่อยๆ จนในที่สุดก็เข้ามาอยู่ในโซนเพลย์ออฟเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดได้อย่างน่าทึ่ง โดยจบอันดับที่ 5 ของตารางคะแนน

ก่อนที่จะเข้าสู่หนทางแห่งการสร้าง “อีปิก” อีกครั้ง อย่างเหลือเชื่อ

 

เริ่มต้นใหม่กับคนเดิม เพิ่มเติมคือปาฏิหาริย์

ก่อนจะไปกันต่อ ต้องทำความเข้าใจรูปแบบในการเพลย์ออฟของซีเรีย บี เสียก่อน 

โดยระบบดังกล่าว จะคัดทีมอันดับ 3-8 ของลีก เข้ามาเพลย์ออฟ เพื่อหาเพียง “ทีมเดียว” ขึ้นสู่ลีกสูงสุดตามแชมป์และรองแชมป์ โดยใน 6 ทีมนี้ จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ประเภทแรก คือทีมอันดับที่ 3-4 จะได้บาย ไปรอแข่งขันในรอบเพลย์ออฟรอบที่สอง 

ส่วนอันดับที่ 5-8 จะต้องแข่งขันเพลยบย์ออฟรอบแรก เพื่อหาสองทีมมาพบกับทีมที่ได้บาย ก่อนจะคัดให้เหลือสองทีมไปแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ เพื่อชิงตั๋วเลื่อนชั้น โดยแข่งขันแบบแมตช์เดียวจบในรอบแรก ส่วนที่เหลือแข่ง เหย้า-เยือน จนจบ

แน่นอน เช่นนี้ การจบอันดับที่ 5 ของกายารี่ แง่หนึ่งคือเรื่องของความไกลเกินฝัน จากการดิ้นรนออกจากโซนท้ายตาราง แต่ในอีกแง่หนึ่ง ก็นับว่าเป้นความน่าเสียดาย ที่ทีมอดบายในรอบแรก นั่นเพราะ ถึงแม้ว่าจะคะแนนเท่ากับทีมอันดับ 4 อย่างปาร์มา (60 คะแนน) แต่เฮดทูเฮดเป็นรอง เลยเพิ่มความเหนื่อยขึ้นมาอีกแมตช์

แต่ไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรงของรานิเอรี่ เพราะพวกเขาผ่าน เวเนซี มาได้ ด้วยการชนะไป 2-1 ผ่านเข้าไปเจอปาร์มา ที่เคยฝากรอยช้ำเอาไว้จากเฮดทูเฮด ดังที่กล่าวไป

ซึ่งแมตช์แรก ก็เกือบงามไส้ เพราะปาร์มา บุกมาขึ้นนำได้ก่อนถึง 0-2 ตั้งแต่ครึ่งแรก แต่เดชะบุญที่ทิงเกอร์แมน ได้เปลี่ยนตัว ซีโต ลูวุมโบ (Zito André Sebastião Luvumbo) ดาวรุ่งของทีมลงมา และช่วยซัด 2 เม้ด บวกกับ จานลูกา ลาปาดูลา (Gianluca Lapadula) ดาวยิงของทีมไปอีกเม็ด จึงทำให้พลิกกลับมาชนะได้แบบเหลือเชื่อ

ก่อนที่วิถีของเขาจะทำงาน คือการเปลี่ยนมาอุดยับ และได้ผลงานที่ต้องการในแมตช์ที่สอง โดยเสมอ 0-0 สกอร์รวม 3-2 ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศกับ บารี่

แน่นอน ในแมตช์แรก กายารี่ขึ้นนำได้อย่างรวดเร็ว จากลาปาดูลาเจ้าเก่า ซัดขึ้นนำตั้งแต่นาทีที่ 9 แต่บทจะงามไส้ก็เกิดขึ้นมาได้อย่างเหลือเชื่อ เพราะในช่วงที่จะจบแมตช์อยู่แล้ว ทีมดันมาเสียจุดโทษในช่วงต่อเวลาพิเศษนาทีที่ 6 และก็โดนยิงตีเสมอไป จบเกมด้วยสกอร์ 1-1 แถมยังได้เปรียบจากการที่มีเฮดทูเฮดดีกว่าเสียด้วย (รอบเพลย์ออฟ ยังคงนับเฮดทูเฮดต่อมาจากการแข่งฤดูกาลปกติ)

แต่ความอีปิกนั้น เกิดขึ้นในแมตช์ที่สอง อย่างที่ไม่มีใครคาดคิด

เพราะกายารี่ เหมือน “เอาคืน” จากแมตช์ที่แล้ว ด้วยการยิงในนาทีที่ 90+4 จากผลงานการซัลโวของ เลโอ ปาโวเล็ตติ (Leonardo Pavoletti) ส่งผลให้กายารี่ พลิกกลับขึ้นมาคว้าตั๋วเลื่อนชั้นได้สำเร็จ

เรื่องนี้ สร้างความปิติยินดีต่อรานิเอรี่เป็นอย่างมาก ดังที่เขาให้สัมภาษณ์กับ DAZN ความว่า

“เป็นเหมือนน้ำทิพย์ชะโลมจิตใจมากครับ กายารี่คือทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของผม … 33 ปีก่อน ผมเคยอยู่ที่นี่ และทีมได้ปล่อยผมให้โบยบินทั่วทั้งทวีป ผมรู้สึกปลื้มใจอย่างบอกไม่ถูก ที่ได้กลับมายังที่แห่งนี้อีกคครั้ง … แรกๆ ผมก็กลัวที่จะกลับมา คือกลัวจะมาสร้างความเสื่อมเสียให้แฟนบอล จากที่เคยทำสิ่งดีๆ ไว้นะครับ แต่คำโน้มน้าวของ จีจี้ ริวา (Gigi Riva: ตำนานของกายารี่) ได้ทำให้ผมฉุกคิดและเปลี่ยนการตัดสินใจอีกครั้ง … คือพูดขนาดนี้ หากไม่รับข้อเสนอของกายารี่ ผมก็ดูเป็นไอ้บัดซบไปเสียหน่อย ที่ปล่อยให้สโมสรต้องตกระกำลำบากอยู่แบบนี้"

มาถึงตรงนี้ ต้องยอมรับว่า ที่เขาเคยโม้กับ Eurosport ความว่า “ในความคิดของท่าน การเป็นโค้ชของผมโคตรกากเลยหรือ? ผมไม่เห็นควรด้วยแน่นอน คนมักบริภาษผมว่ามีรานิเอรี่ไม่มีชนะ แต่ท่านไม่คำนึงถึง Condition ที่ผมประสบมาเลย โดยเฉพาะทีมที่ผมคุมในอิตาลี ใครจะมาคุมทีมได้ดีเท่าผม ไม่มีทางครับ” นับว่าเป็นความจริงทีเดียว

เพราะอย่างน้อยที่สุด กายารี่ ที่ “ใครเห็นก็ว่าตาย” แต่กลับ “ฟื้นจากไข้” ขึ้นมาได้อย่างเหลือเชื่อ 

นับว่าการเริ่มต้นใหม่กับทีมเดิม เป็นสิ่งที่ Win-win situation อีกครั้งในรอบ 33 ปี อย่างแท้จริง

 

แหล่งอ้างอิง

https://www.theguardian.com/football/2022/dec/23/claudio-ranieri-makes-managerial-return-cagliari-serie-b 
https://www.theguardian.com/football/2023/jun/12/claudio-ranieri-leads-cagliari-promoted-playoff-winner-bari 
https://football-italia.net/ranieri-cagliari-my-best-achievement/
https://totalfootballanalysis.com/article/claudio-ranieri-at-cagliari-202223-tactical-analysis-tactics#:~:text=As%20such%2C%20Ranieri%20instructs%20his,sustain%20an%20attack%20further%20forward.
https://www.sportinglife.com/football/news/claudio-ranieri-guides-cagliari-to-promotion-to-serie-a/210010 
https://www.eurosport.com/football/premier-league/2015-2016/leicester-boss-claudio-ranieri-defends-his-career_sto5444905/story.shtml 

Author

วิศรุต หล่าสกุล

หน้าตา 4KINGS ฟังเพลง 4EVE

Photo

วัชพงษ์ ดวงแปง

Main Stand's Backroom staff

Graphic

อรรนพ สะตะ

graphic design ผู้ชื่นชอบกีฬาฮอกกี้, เกมส์, เดินเขา เป็นชีวิตจิตใจ