Feature

อังเก้ ปอสเตโคกลู : กุนซือผู้เปิดรับนักเตะญี่ปุ่นเข้ามาเป็นส่วนสำคัญของความสำเร็จ | Main Stand

เปิดตัวไปอย่างเป็นทางการแล้วเรียบร้อยสำหรับกุนซือคนใหม่ของ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ อย่าง อังเก้ ปอสเตโคกลู ผู้พา กลาสโกว์ เซลติก ผงาดคว้า 5 แชมป์ในสกอตแลนด์ตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

 

ซึ่งในช่วงเวลาที่เข้ามากุมบังเหียนของ "ม้าลายขาวเขียว" ตั้งแต่ปี 2021 เขาได้สร้างความสำเร็จดังกล่าวด้วยการใช้งานเหล่าขุนพลนักเตะแดนอาทิตย์อุทัย ซึ่งนำทัพโดย เคียวโงะ ฟุรุฮาชิ เจ้าของผลงาน 23 ประตูในลีกสกอตแลนด์ฤดูกาล 2022/23 และเป็นแกนหลักสำคัญที่พาทีมเดินทางไล่ล่าถ้วยแชมป์

จนกลายเป็นเครื่องหมายการค้าไปแล้วว่ากุนซืออย่าง อังเก้ ปอสเตโคกลู กับนักเตะสัญชาติญี่ปุ่นนั้นเป็นของคู่กัน และนั่นจึงไม่แปลกเลยหากเหล่าแฟนบอลญี่ปุ่นจะส่งเสียงเชียร์ให้กุนซือรายนี้หนีบนักเตะเลือดซามูไรไปร่วมทัพ "ไก่เดือยทอง" ด้วยสักคนสองคน

อะไรคือเหตุผลที่ทำให้เขามีความชื่นชอบนักเตะญี่ปุ่นมากเพียงนี้ ติดตามได้ที่ Main Stand

 

สร้างชื่อในแดนจิงโจ้

จุดเริ่มต้นในการสร้างชื่อให้กับตัวเองในฐานะกุนซือของ อังเก้ ปอสเตโคกลู เกิดขึ้นเมื่อฤดูกาล 1997/98 หลังจากที่เขาสามารถพาทีม เซาท์เมลเบิร์น ต้นสังกัดสุดท้ายที่เขาได้ลงเล่นในฐานะนักเตะก่อนที่จะแขวนสตั๊ดคว้าแชมป์ลึกสูงสุดของออสเตรเลียได้สำเร็จ และยังสามารถป้องกันแชมป์ได้ในฤดูกาลต่อมา แถมยังพาทีมขึ้นไปสู่จุดสูงสุดของฟุตบอลสโมสรในทวีปโอเชียเนียด้วยการคว้าแชมป์ โอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ในฤดูกาล 1998/99 แล้วค่อยแยกทางกับสโมสรแห่งนี้ไปในช่วงสิ้นปี 2000

จากนั้นเขาก็หันมาเอาดีกับงานทีมชาติ โดยได้รับโอกาสให้ไปคุมทีมชาติออสเตรเลียชุดเล็ก ทั้งชุด U-17 และ U-20 โดยสามารถพาทีมคว้าแชมป์ระดับทวีปได้อย่างไม่ขาดตอนตั้งแต่ปี 2000 จนถึง 2005

เวลาผ่านไป 5 ปี ในฤดูกาล 2010/11 อังเก้กลับมาประสบความสำเร็จบนเวทีลีกสูงสุดของออสเตรเลียอีกครั้งในฐานะกุนซือของ บริสเบนรอร์ และสามารถป้องกันแชมป์ได้ในฤดูกาลต่อมา เหมือนกับสมัยที่เขาคุมทีมเซาท์เมลเบิร์นไม่มีผิด

ก่อนที่เขาจะรับโอกาสครั้งใหญ่กับการคุมทีมชาติออสเตรเลียชุดใหญ่ ในปี 2013 พร้อมกับปีต่อมาก็พาทีมไปลุยศึกฟุตบอลโลก 2014 รอบสุดท้ายที่บราซิลเป็นเจ้าภาพ แต่ผลงานกลับไม่เป็นที่น่าพอใจ หลังแพ้ 3 เกมรวดในรอบแบ่งกลุ่ม ตกรอบไปตามระเบียบ

แต่ถึงกระนั้นเขาก็สามารถปลุกชีพทัพ "ซอกเกอร์รูส์" กลับมาได้สำเร็จใน 2015 ด้วยการพาทีมผงาดคว้าแชมป์เอเชียน คัพ ในปีดังกล่าว โดยสามารถเอาชนะ เกาหลีใต้ ได้ในเกมรอบชิงชนะเลิศด้วยสกอร์ 2-1 ถือเป็นการเอาคืนที่เจ็บแสบหลังจากพวกเขาแพ้ให้กับทัพ "โสมขาว" ไปก่อน 0-1 ในรอบแบ่งกลุ่ม

"เหตุผลที่ผมหมกมุ่นอยู่กับการคว้าแชมป์เอเชียน คัพ เพราะผมคิดว่านั่นอาจเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของวงการฟุตบอลออสเตรเลีย ผมคิดว่าการคว้าแชมป์ในครั้งนี้จะสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรหลาย ๆ อย่างได้" อังเก้ ปอสเตโคกลู กล่าวกับ Stan Sports

"การคิดแบบนั้นได้มอบพลังให้แก่ผมเพื่อพาทีมไปสู่จุดที่ควรจะเป็นเฉกเช่นในตอนนี้ จุดที่เราก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งในภูมิภาคแห่งนี้ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่าย"

อังเก้อยู่ช่วยทีมชาติออสเตรเลียคว้าตั๋วลุยศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบสุดท้ายได้สำเร็จ หลังเอาชนะ ฮอนดูรัส ในเกมเพลย์ออฟระหว่างทวีป สกอร์รวมสองเลก 3-1 ก่อนจะประกาศอำลาการคุมทีมชาติ เพื่อออกเดินทางหาความท้าทายใหม่ในปี 2018 ซึ่งหวยก็ไปออกที่ประเทศญี่ปุ่นกับ โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส ในศึกเจลีก ซึ่งเป็นจุดหมายต่อไปของกุนซือวัย 57 ปีรายนี้

และมันก็เป็นช่วงเวลาสำคัญต่ออนาคตการเป็นกุนซือของเขาด้วยเช่นกัน

 

ปลุกชีพ "มารินอส"

กุนซือชาวออสเตรเลียตกลงรับงานเป็นกุนซือให้กับ โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส ในปี 2018 โดยแบกรับภารกิจใหญ่ไว้ด้วย นั่นคือการพาทีมคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของญี่ปุ่นให้ได้ หลังห่างเหินจากความสำเร็จในรายการนี้มานานกว่า 14 ปี

เขาได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงรูปแบบและแนวทางของมารินอสให้มีความเป็นดุดันและทันสมัยมากขึ้น ด้วยการนำวิธีการเพรสซิ่ง วิ่งเข้ากดดันคู่แข่งอย่างหนักหน่วงตั้งแต่แดนบนมาติดตั้งเป็นอาวุธหลักให้แก่ลูกทีม 

พร้อมกับเสริมสร้างเกมรุกให้มีอานุภาพการทำลายล้างที่สูงขึ้น ด้วยการวางระบบแผนการเล่น 4-2-3-1 ที่มีจุดเด่นคือการมอบหมายให้ฟูลแบ็กทั้งสองฝั่งหุบเข้ามาเล่นเป็นกองกลางในบางจังหวะ หรือที่รู้จักกันในชื่อ "Inverted Back" เพื่อช่วยให้ทีมสามารถกระหน่ำเกมบุกใส่คู่แข่งได้แบบไม่มีหยุด และปิดช่องทางไม่ให้คู่แข่งสามารถสร้างเกมรุกตอบโต้ได้ง่าย ๆ

แม้แนวทางการทำทีมของเขาจะไม่สามารถพาทีมประสบความสำเร็จในศึกเจลีกได้ตั้งแต่ฤดูกาลแรก แต่หลังจากที่เหล่านักเตะในทีมได้ซึมซับแทคติกของอังเก้อย่างเต็มที่ ฤดูกาลต่อมาในปี 2019 พวกเขาก็ระเบิดฟอร์มพา โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส คว้าแชมป์เจลีกได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปี 

พร้อมกับได้รับเสียงชื่นชมจากแฟนบอลอย่างล้มหลามจากสไตล์การเล่นฟุตบอลของทีมที่แตกต่างไปและเต็มไปด้วยเกมรุกบุกแหลก เน้นเอนเตอร์เทนคนดู ชนิดที่ไม่ว่าคู่แข่งจะเป็นใครพวกเขาก็พร้อมที่จะเดินหน้าท้าชนแบบไม่เกรงกลัว

"เขา (อังเก้ ปอสเตโคกลู) แสดงให้เห็นถึงเสน่ห์ที่โค้ชคนอื่นไม่มี มันเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยพบเจอในฟุตบอลญี่ปุ่น ต่อให้ โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส จะล้มเหลวในการคว้าแชมป์ แต่ผมก็ยังอยากให้เขาอยู่คุมทีมในญี่ปุ่นต่อไป" ชิเงกิ ซูกิยามะ นักข่าวผู้คลุกคลีอยู่กับฟุตบอลญี่ปุ่นมาเป็นเวลานาน กล่าว

"ไม่มีทีมไหนในเจลีกที่เล่นฟุตบอลในสไตล์แบบนี้ ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยมีทีมไหนเคยเล่นฟุตบอลแบบนี้มาก่อน"

"โค้ชในเจลีกหลายคนเคยพูดถึงสไตล์การเล่นฟุตบอลที่ดุดัน ฮาจิเมะ โมริยาสุ กุนซือทีมชาติญี่ปุ่น ก็เคยพูดถึงเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม ที่พูด ๆ กันมานั้นมันก็ยังเป็นแนวคิดที่ยังไม่มีใครทำออกมาให้เห็นภาพชัดเจน แต่อังเก้ได้ทำมันสำเร็จแล้วกับ โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส"

แน่นอนว่าเหล่าลูกทีมก็ได้ให้คำชื่นชมสำหรับความสุดยอดของกุนซือของพวกเขาด้วยเช่นกัน

"ไม่ใช่เรื่องง่ายที่คุณจะเป็นตัวจริงของมารินอส ผมพูดได้เลยว่าไม่มีทีมไหนในเจลีกเล่นฟุตบอลแบบมารินอส มันสุดทางของผมจริง ๆ ที่ได้เรียนรู้จากแทคติคจากโค้ชคนนี้" ธีราทร บุญมาทัน อดีตแบ็กซ้ายของ โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส กล่าวถึงความยอดเยี่ยมของปรัชญาการเล่นฟุตบอลตามแบบฉบับ อังเก้ ปอสเตโคกลู

ความสำเร็จดังกล่าวได้ปูทางให้อังเก้ก้าวขึ้นไปสู่เวทีลูกหนังที่สูงขึ้นไปอีกขึ้น นั่นคือการได้รับโอกาสไปคุมทีม กลาสโกว์ เซลติก ทีมยักษ์ใหญ่ในศึกพรีเมียร์ชิพ สกอตแลนด์ ฤดูกาล 2021/22 ซึ่งเขาก็ไม่ลืมที่จะนำสิ่งที่ตัวเองได้สร้างไว้ที่ญี่ปุ่นมาสร้างใหม่อีกครั้งที่นี่

แต่ครั้งนี้เขาได้พาเหล่านักเตะญี่ปุ่นที่ตัวเองให้การยอมรับแล้วว่าเป็นกลุ่มคนที่สามารถตอบโจทย์ปรัชญาการทำทีมของเขาได้เป็นอย่างดี มาค้าแข้งที่ลีกแห่งนี้ด้วย ภายใต้การสวมเสื้อแข่งของ "ม้าลายขาวเขียว"

และมันก็เป็นการตัดสินใจที่คุ้มค่าอย่างมาก

 

แข้งญี่ปุ่นเต็มไปหมด

ฤดูกาลแรกของ อังเก้ ปอสเตโคกลู กับตำแหน่งกุนซือของเซลติก เขาได้ดึงตัว เคียวโงะ ฟุรุฮาชิ กองหน้าชาวญี่ปุ่นของ วิสเซล โกเบ ในศึกเจลีก เข้ามาร่วมทีมในตลาดซื้อขายนักเตะฤดูร้อนปี 2021 ซึ่งมันก็กลายเป็นหนึ่งในการเซ็นสัญญานักเตะเข้าทีมที่ดีที่สุดของเขา หลังแข้งรายนี้ทำประตูได้อย่างเป็นกอบเป็นกำในลีกสกอตแลนด์

นำไปสู่การตบเท้าเข้ามายังถิ่นเซลติกพาร์กของนักเตะญี่ปุ่นรายต่อ ๆ มา ได้แก่ โยสุเกะ อิเดกุจิ, เรโอะ ฮาตาเตะ และ ไดเซ็น มาเอดะ ในช่วงตลาดซื้อขายนักเตะฤดูหนาวปี 2022 ก่อนที่สองแข้งรายหลังจะกลายเป็นกำลังหลักช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ลีกสูงสุดสกอตแลนด์ และแชมป์สกอตติช ลีก คัพ ในฤดูกาล 2021/22 ได้สำเร็จ

ต่อมาในฤดูกาล 2022/23 อังเก้ก็ดึงนักเตะญี่ปุ่นเข้ามาเสริมทีมอีก ได้แก่ ยูกิ โคบายาชิ เซ็นเตอร์แบ็กจาก วิสเซล โกเบ ในช่วงตลาดซื้อขายนักเตะฤดูหนาวปี 2023 และยืมตัว โทโมกิ อิวาตะ แข้ง MVP ของเจลีกประจำฤดูกาล 2022 มาในช่วงต้นปี 2023 ก่อนจะถูกส่งกลับไปยังต้นสังกัดเดิมอย่าง โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส เมื่อวันที่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมา

พร้อมกับพาเซลติกคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ในฤดูกาล 2022/23 นั่นคือแชมป์ลีกสูงสุดสกอตแลนด์, แชมป์สกอตติช คัพ และแชมป์สกอตติช ลีก คัพ 

ซึ่งอังเก้ก็ได้เปิดเผยถึงเหตุผลที่เขานิยมชมชอบในการอิมพอร์ตแข้งญี่ปุ่นเข้ามาค้าแข้งกับเซลติกภายใต้การคุมทีมของเขา ว่านักเตะเหล่านี้มีคุณภาพและเหมาะสมกับแทคติคของเขาจริง ๆ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่อยากให้ทุกคนมองว่าการที่เขาดึงตัวนักเตะญี่ปุ่นมาเป็นเพราะเคยคุมทีมในญี่ปุ่นมาก่อนถึงได้รู้วิธีใช้งานนักเตะเหล่านี้ แต่เขาอยากให้ทุกคนมองเหล่านักเตะญี่ปุ่นเป็นเหมือนกับนักเตะต่างชาติที่ถูกดึงตัวเข้ามาเพื่อยกระดับคุณภาพทีมให้สูงขึ้นมากกว่า

"เราต้องระวังกับการพูดว่า 'ผู้เล่นญี่ปุ่น 4 คน' พวกเขาเหล่านี้คือสี่คนที่มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน" อังเก้ ปอสเตโคกลู กล่าวถึงช่วงเวลาที่เซลติกมีนักเตะญี่ปุ่นอยู่ในทีมถึง 4 คน

"หากคุณเคยมีโอกาสพบกับพวกเขา คุณจะเห็นว่าพวกเขาเป็นคนที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เป็นผู้เล่นที่แตกต่างกัน คุณอาจจะบอกว่าผมพาคนญี่ปุ่น 4 คนมาร่วมทีม แต่มุมมองของผม ผมคิดว่าตัวเองได้นักเตะที่มีคุณภาพเข้ามาร่วมทีม 4 คน ซึ่งเป็นนักเตะที่ผมคิดว่าสามารถเข้ามาช่วยให้ทีมประสบกับความสำเร็จ พวกเขาแตกต่างกันและมีบุคลิกที่แตกต่างกัน พวกเขาจะมอบสิ่งที่แตกต่างกันให้กับสโมสรแห่งนี้"

หลังจากพาเซลติกผงาดคว้า 5 แชมป์ ภายในเวลา 2 ฤดูกาล อังเก้ ปอสเตโคกลู ก็ได้เจอกับความท้าทายครั้งใหม่อีกครั้ง โดยครั้งนี้มันอาจความท้าทายครั้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตการเป็นกุนซือของเขาแล้วก็ได้ กับบทบาทนายใหญ่ของ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ลีกที่ขึ้นชื่อว่าโหดและหินที่สุดลีกหนึ่งของโลก

 

สู่ความท้าทายครั้งใหญ่

อังเก้ ปอสเตโคกลู เดินทางมาเปิดตัวชูเสื้อเป็นกุนซือคนใหม่ของเปอร์สอย่างเป็นทางการเมื่อคืนวันศุกร์ที่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยเขามีภารกิจในการกอบกู้สเปอร์สให้กลับมาประสบความสำเร็จ คว้าถ้วยแชมป์รายการต่าง ๆ และแย่งพื้นที่ท็อปโฟร์ของพรีเมียร์ลีก เพื่อคว้าตั๋วไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ให้ได้

เขาจะต้องเผชิญกับปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นภายในทีม "ไก่เดือยทอง" อย่างแน่นอน โดยเฉพาะวัฒนธรรมการทำงานของสโมสรแห่งนี้ที่หลายฝ่ายมองว่าส่งผลให้ทัศนคติการเล่นฟุตบอลโดยรวมของนักเตะในทีมไม่ค่อยดีนัก

แต่ด้วยปรัชญาลูกหนังเขาที่เป็นการเล่นฟุตบอลสไตล์เกมรุกจัดจ้าน ชนิดที่โนสนโนแคร์ว่าคู่แข่งจะเป็นใครหน้าไหน อังเก้พร้อมที่จะเข้ามาเปลี่ยนกรอบความคิดเก่า ๆ ของลูกทีมให้มีแนวคิดที่อยากจะเล่นฟุตบอลแบบเดินเครื่องบุกขึ้นหน้าอย่างเต็มกำลัง พร้อมกับวิ่งไล่บีบเพรสซิ่งคู่แข่งจนไปต่อไม่เป็น

"ครองบอลให้เหนียวแน่น แย่งบอลกลับมาให้เร็ว ทำประตู และสนุกไปกับทุกจังหวะการเล่น นี่คือปรัชญาในการทำทีมของผม" อังเก้ ปอสเตโคกลู กล่าวถึงสไตล์การทำทีมของตัวเอง

ไม่แน่ว่าเราอาจจะได้เห็นกุนซือชาวออสเตรเลียรายนี้ปลุกชีพสเปอร์สให้ตื่นขึ้นมาคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของประเทศอังกฤษได้สำเร็จ 

เฉกเช่นกับที่เขาเคยปลุก โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส ให้ตื่นขึ้นจากหลับใหล เพื่อผงาดคว้าแชมป์เจลีกเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผลงานของเขาจะเป็นอย่างไร รอติดตามได้ในฤดูกาล 2023/24 นี้

 

แหล่งอ้างอิง

https://www.espn.com.au/football/story/_/id/37625481/ange-postecoglou-australia-never-built-2015-asian-cup-win
https://www.mainstand.co.th/th/features/5/article/3503
https://sport.optus.com.au/news/j1-league/os2390/how-japan-sees-ange
https://www.scotsman.com/node/3528903

Author

อิสรา อิ่มเจริญ

ชายผู้สนใจญี่ปุ่นเพียงเพราะได้ดูฟุตบอลเจลีก โปรดปรานข้าวไข่เจียวเป็นที่สุด

Photo

วัชพงษ์ ดวงแปง

Main Stand's Backroom staff

Graphic

ภราดร ภราดร

อยากจะทำให้ดี ไม่ใช่แค่อยากจะทำให้เป็น