Feature

เชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ : เทพนิยายนกเค้าแมว ที่รอวันกลับมาโบยบินบนลีกสูงสุดอีกครั้ง | Main Stand

สโมสรของคนไทย เป็นที่พูดถึงกันอย่างหนาหูในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่ที่ ทัพจิ้งจอกสยาม หรือ เลสเตอร์ ซิตี้ สร้างเทพนิยายคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้อย่างน่าประทับใจในปี 2016 

 


จนมาถึงในปีนี้ นิยามคำว่าสโมสรของคนไทยกลับมาเป็นกระแสอีกครั้ง หลังจากที่ พลพรรคนกเค้าแมว ที่หลังจากนี้คงจะมีคนนิยามให้ใหม่ว่า ทัพเค้าแมวสยาม อย่างแน่นอน พวกเขาได้สร้างปาฏิหาริย์เลื่อนชั้นสู่ เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ได้สำเร็จ ทำให้แฟนบอลรุ่นเก๋าต่างพากันย้อนถึงอดีตที่เคยยิ่งใหญ่ของทีมฟุตบอลทีมนี้

จากการเทคโอเวอร์ของ เดชพล จันศิริ นักธุรกิจรายใหญ่ผู้ผลิตทูน่ากระป๋องรายใหญ่ที่สุดในโลก ในปี 2017 สโมสรแห่งนี้ก็ยังไม่เข้าใกล้คำว่าเลื่อนชั้นเลยแม้แต่ปีเดียว จนมาปีนี้ที่ภารกิจของพวกเขาสำเร็จลุล่วง พลพรรคนกเค้าแมวทำอย่างไรเพื่อการเลื่อนชั้นสู่ลีกรองของประเทศอังกฤษ ?

Main Stand จะพาไปหาคำตอบ

 

อดีตเคยยิ่งใหญ่

ทัพนกเค้าแมว เชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ เป็นทีมที่เคยยิ่งใหญ่ในอดีต พวกเขาเคยคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษถึง 4 สมัย และแชมป์เอฟเอ คัพ อีก 3 สมัย และทำผลงานอย่างยอดเยี่ยมมาตลอดช่วงยุค 80s ไปจนถึงช่วงต้นของยุค 2000s แถมยังเคยเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศทั้งถ้วยเอฟเอ คัพ และลีก คัพ 

มีแข้งที่แฟนลูกหนังรุ่นเก๋าคงคุ้นชื่อกันดีคือ ศูนย์หน้าดาวยิงชาวอังกฤษอย่าง เดวิด เฮิร์สต์, มิดฟิลด์อย่าง จอห์น เชอริแดน, คริส วอดเดิล ฯลฯ ชื่อเหล่านี้คงทำให้แฟน ๆ รุ่นเก๋านึกย้อนไปถึงอดีตอันหอมหวานได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

ทีมดูทำท่าจะไปได้สวย ทว่ามันกลับไม่เป็นอย่างนั้น จากทีมที่กำลังสร้างขุมกำลังที่แข็งแกร่งด้วยการเสริมทัพนำนักเตะต่างชาติเข้ามาทั้ง เปาโล ดิ คานิโอ, เบนิโต คาร์โบเน, วิม ยองค์ เพื่อหวังที่จะยกระดับสำหรับการแข่งขันที่เข้มข้นขึ้น ทว่าผลลัพธ์กลับไม่เป็นดังหวัง นักเตะต่างชาติที่อิมพอร์ตเข้ามากลับช่วยทีมไม่ได้มากเท่าที่ควร อีกทั้งทีมยังต้องแบกรับค่าเหนื่อยมหาศาล และมันเกินกว่าที่พวกเขาจะจ่ายไหว

ด้วยภาระทางการเงินและฟอร์มที่แสนแย่ของทีม ทำให้ทัพนกเค้าแมวต้องตกชั้นลงไปสู่ดิวิชั่น 1 หรือแชมเปี้ยนชิพในปัจจุบัน ในฤดูกาล 1999-00 ด้วยการอยู่ในอันดับรองบ๊วยของตารางคะแนน นี่เป็นจุดเริ่มต้นของความตกต่ำของพลพรรคนกเค้าแมว ทีมที่ในอดีตเคยสร้างความยิ่งใหญ่ไว้มากมาย

พวกเขาประสบปัญหาทางการเงินมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้พวกเขาต้องวนเวียนอยู่ในแชมเปี้ยนชิพ และตกไปอยู่ในลีกวันอยู่ครั้งแล้วครั้งเล่า จนในปี 2003 พวกเขาต้องตกอยู่ไปถึงดิวิชั่นสองของอังกฤษ และนั่นก็เป็นเป็นการตกชั้นครั้งที่สองในรอบ 4 ปี

เชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ ใช้เวลาสองปีในการกลับมาสู่แชมเปี้ยนชิพอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม สภาวะทางการเงินที่เข้าขั้นวิกฤต ก็ทำให้พวกเขาไม่สามารถก้าวผ่านคำว่าลีกรองได้เสียที มิหนำซ้ำในปี 2010 พวกเขายังต้องประสบปัญหาทางการเงินขั้นรุนแรง และเผชิญกับคำสั่งยุติการเรียกเก็บภาษีค้างชำระ หลังจากที่สโมสรเป็นหนี้ชำระกว่า 500,000 ปอนด์ ซึ่งการไม่ชำระหนี้ส่งผลให้พวกเขาถูกฟ้องร้อง 

ทั้งฟอร์มในสนามที่ไม่ค่อยจะดีนัก บวกกับภาระหนี้สินทางการเงินในช่วงนั้น ทำให้เป็นที่น่าเสียดายที่ทัพนกเค้าแมวไม่สามารถรักษาความยิ่งใหญ่แบบในอดีตไว้ให้คนรุ่นหลังได้รับชมกันได้

 

นกเค้าแมวสยาม 

ต้องเท้าความก่อนว่ากีฬาลูกหนังเป็นกีฬาที่มีความนิยมสูงที่สุดในประเทศไทยเลยก็ว่าได้ ส่งผลให้นักธุรกิจของประเทศไทยบางรายตัดสินใจไปลงทุนเทคโอเวอร์เพื่อเป็นเจ้าของทีมฟุตบอลในต่างประเทศกัน อาทิ ทักษิณ ชินวัตร ที่ในตอนนั้นตัดสินใจซื้อสโมสรยักษ์ใหญ่ในพรีเมียร์ลีกอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งถือเป็นการเปิดประตูของการเข้ามามีบทบาทของคนไทยในวงการลูกหนังโลก

เช่นเดียวกับ เชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ ที่ถูกเทคโอเวอร์ในปี 2014 โดยนักธุรกิจชาวไทยอย่าง เดชพล จันศิริ เจ้าของโรงงานส่งออกทูน่ากระป๋องรายใหญ่ ที่ทุ่มเงินกว่า 37.5 ล้านปอนด์ (ราว ๆ 2 พันล้านบาท) ไปขอซื้อทีมนี้จากเจ้าของเดิมอย่าง มิลาน มันดาริช 

โดยความหวังเพียงหนึ่งเดียวของคุณเดชพลคือต้องการพา เชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ เลื่อนชั้นกลับสู่ลีกสูงสุดเหมือนในอดีตให้ได้ภายในระยะเวลา 2 ปี

"ผมเชื่อว่าสโมสรแห่งนี้มีศักยภาพมาก และอยากให้แฟน ๆ ได้มั่นใจว่าผมจะทำงานหนักเต็มที่เพื่อนำความสำเร็จกลับมาสู่สโมสรให้ได้" เดชพล กล่าวในวันแรกที่การเทคโอเวอร์เสร็จสิ้น

ในตอนนั้นไม่มีใครเชื่อว่า เชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ จะขึ้นสู่ลีกสูงสุดได้ เพราะในฤดูกาล 2014-15 ปีสุดท้ายของ มิลาน มันดาริช พลพรรคนกเค้าแมวยังจบถึงอันดับ 13 ในแชมเปี้ยนชิพ และยังดูห่างไกลจากคำว่าเลื่อนชั้น ผู้คนจึงสงสัยว่าโปรเจ็กต์นี้ของเดชพลจะสามารถทำได้จริง ๆ หรือ ?

อย่างไรก็ตาม เมื่อมีเป้าหมายชัดเจนแล้ว ทางบอร์ดบริหารก็ไม่รอช้าทยอยซื้อตัวนักเตะมากฝีมือเข้ามาสู่ทีม ยอมจ่ายค่าเหนื่อยสูง ๆ เพื่อต้องการที่จะยกระดับทีมให้ดีขึ้น จากสถิติในฤดูกาลแรกในยุคของเดชพลในฤดูกาล 2015-16 พลพรรคนกเค้าแมวจ่ายค่าเหนื่อยนักเตะหลายคนเป็นจำนวนเงินที่สูงทีเดียว ซึ่งเริ่มตั้งแต่ 10,000-42,000 ปอนด์ ต่อสัปดาห์ 

ในฤดูกาลแรกของการเข้าสู่ยุคใหม่ ทัพนกเค้าแมวได้ตัวผู้เล่นที่ดีเข้ามาเสริมทัพมากมาย อาทิ ไอเดน แมคเกียดี้ ที่ยืมตัวมาจากเอฟเวอร์ตัน, แกรี ฮูเปอร์ และ เฟอร์นันโด ฟอเรสติเอรี่ 

ขณะที่ตำแหน่งเฮดโค้ชก็ไปดึงตัว คาร์ลอส คาร์บาฮาล โค้ชมากประสบการณ์ชาวโปรตุเกสที่เคยคุมทั้ง สปอร์ติ้ง ลิสบอน, เบซิคตัส และ อิสตันบูล บาซัคเซฮีร์ เข้ามาทำงาน เรียกได้ว่าพวกเขายกเครื่องใหม่และพร้อมที่จะทวงคืนความสำเร็จอย่างเต็มตัวแล้ว


 
ฤดูกาลนั้น 2015-16 เชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ จบอันดับที่ 6 ในศึกแชมเปี้ยนชิพ มีสิทธิ์เข้าไปเล่นในรอบเพลย์ออฟ น่าเสียดายที่พวกเขาแพ้ ฮัลล์ ไป 1-0 ทำให้พลพรรคนกเค้าแมวยังทำภารกิจเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดตามปณิธานของท่านประธานสโมสรไม่สำเร็จ

พวกเขาทุลักทุเลอยู่หลายฤดูกาล ทั้งการเข้าใกล้กับคำว่าเลื่อนชั้นมาก ๆ แต่ก็ทำไม่ได้เสียที เม็ดเงินที่ทางประธานสโมสรลงทุนไปก็ไม่ใช่เงินจำนวนน้อย ความหวังเดียวที่มีคือต้องพาทีมไปเล่นในพรีเมียร์ลีกเท่านั้นกำไรจึงจะกลับมาสู่พวกเขาได้ 

ผลงานของทีมแย่ลงเรื่อย ๆ แฟนบอลก็เข้าสนามน้อยลงถึงขนาดเคยลดลงเหลือ 24,000 คนต่อปี จนเกิดประเด็นวิจารณ์มากมายว่าประธานสโมสรทุ่มเงินไปผิดจุดหรือเปล่า เขาเน้นไปที่การซื้อตัวนักเตะใหม่ ๆ เพิ่มค่าเหนื่อยให้นักเตะ แต่ไม่ให้ความสำคัญกับระบบหลังบ้าน ระบบอำนวยความสะดวก เช่น สนามซ้อม โครงสร้างนักเตะเยาวชน ฯลฯ

และแล้ววันนั้นก็มาถึง … เชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ ถูกตัด 6 แต้ม ในฤดูกาล 2020-21 เนื่องจากมีงบที่ขาดดุลเกิน 39 ล้านปอนด์ ในระยะเวลา 3 ฤดูกาล พวกเขาสุ่มเสี่ยงที่จะตกชั้นตั้งแต่เริ่มต้นฤดูกาลนั้นด้วยซ้ำ อีกทั้งยังโดนวิกฤตโควิด-19 เล่นงาน ทำให้เกิดปัญหาทางการเงินอย่างหนัก ส่งผลต่อบรรยากาศในห้องแต่งตัวอย่างชัดเจน

นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเขาจมอยู่อันดับบ๊วยของตารางคะแนน มีเพียง 41 แต้ม จาก 46 นัด หล่นไปเล่นในลีกวัน ทว่าจิตใจที่ไม่ยอมแพ้ของประธานสโมสร พวกเขาจึงค่อย ๆ ไต่เต้าจนขึ้นมาสู่แชมเปี้ยนชิพได้ในที่สุด

“ในฐานะประธานสโมสร ผมต้องรับผิดชอบอย่างเต็มที่สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น ผมขอโทษที่เราต้องตกชั้นไปสู่ลีกวัน ในวงการฟุตบอลย่อมมีทั้งช่วงที่แย่และดี นี่คือช่วงเวลาที่ยากลำบาก เราทำอย่างเต็มที่แล้วแต่มันยังไม่พอ ตอนนี้เราต้องเผชิญหน้ากับความเป็นจริงและสิ่งที่รอเราอยู่ข้างหน้า นั่นก็คือลีกวัน”

“เราต้องทิ้งความเสียใจและก้าวไปข้างหน้า เรามีแผนสำหรับสถานการณ์นี้แล้ว ผมให้คำมั่นสัญญาว่าผมจะทุ่มเททุกอย่างที่ทำได้และให้การสนับสนุนมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ พวกเราจะกลับมาให้ได้ในปีแรก” 

 

ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ

“You can’t have a rainbow without a little rain.” คุณไม่มีวันได้เจอสายรุ้ง หากไม่ยอมให้มีฝนตกลงมาก่อนบ้าง แน่นอนว่ามนุษย์ไม่มีใครชอบที่จะพบเจอกับความผิดหวังและความเจ็บปวด กับโลกกีฬาก็เช่นกัน ปณิธานของประธานสโมสรทุกคนย่อมอยากที่จะให้ทีมของตัวเองประสบความสำเร็จ และคงไม่มีประธานสโมสรคนไหนอยากให้ทีมพบเจอกับอุปสรรคใด ๆ  

แต่ถ้ามันไม่ตรงกับใจหวัง เราก็เพียงแค่ยอมรับผลและก้มหน้าสู้ต่อ เหมือนกับทัพนกเค้าแมวทีมนี้ พวกเขาต้องตกไปเล่นอยู่ในลีกวัน หรือดิวิชั่น 2 ของอังกฤษ ถึงสองฤดูกาล 

จนมาในฤดูกาลนี้ 2022-23 พวกเขาจบด้วยอันดับที่ 3 ของตารางคะแนน มีสิทธิ์เข้าไปเล่นในรอบเพลย์ออฟ โดยในรอบรองชนะเลิศ พวกเขาโกงความตายมาอย่างหวุดหวิดหลังจากนัดแรกพวกเขาพ่ายต่อ ปีเตอร์โบโร ไป 0-4 ซึ่งพูดกันตามตรงคงไม่มีใครคิดว่าทัพนกเค้าแมวจะกลับมาได้อย่างแน่นอน หลังโดนยิงไปถึง 4 ประตู 

แต่พวกเขาไม่หมดหวังและพลิกกลับมาชนะได้ในบ้านของตัวเองด้วยผลรวม 5-1 และดวลจุดโทษชนะไปในที่สุด

มาที่รอบไฟนอล พวกเขาต้องเจอกับ บาร์นลีย์ ที่สู้กันได้อย่างสูสี เกมทำท่าว่าจะเสมอกันในเวลาและต้องไปหาผู้ชนะในการดวลจุดโทษ ทว่า จอช วินดัสส์ รับบทฮีโร่ทำประตูในนาทีที่ 120+3 ส่งให้ เชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ ชนะไปด้วยสกอร์ 1-0 คว้าตั๋วกลับเข้าสู่ เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ได้สำเร็จ หลังจากที่ตกไปเล่นอยู่ในลีกวันสองฤดูกาล

โดยทางลูกหม้อของสโมสรอย่าง เลียม พาล์มเมอร์ ที่อยู่กับเชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ มาตั้งแต่เป็นเยาวชน เผยถึงความสำเร็จครั้งนี้ว่า 

“พวกเราทำสำเร็จแล้ว! เราจะกลับมาฝึกซ้อมในเดือนมิถุนายน และทุกอย่างจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง เพื่อภารกิจต่อไปของเราในการเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดให้ได้” 

ดาร์เรน มัวร์ เฮดโค้ชของทีม เปิดใจว่า “มันเป็นช่วงเวลาที่แสนพิเศษและเต็มไปด้วยความยินดี มันมีความหมายสำหรับผมจริง ๆ เราสมควรได้รับมัน เพราะมันมาจากความพยายามของทุกคน” 

เทพนิยายนกเค้าแมวกลับมาโบยบินอีกครั้งในลีกรองของประเทศอังกฤษ ด้วยจิตใจที่ไม่ยอมแพ้และต่อสู้กันมาอย่างหนัก การกลับมาสู่ เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ครั้งนี้เปรียบเสมือนการเริ่มต้นใหม่ของพลพรรคนกเค้าแมว และหวังว่าในอนาคตเราจะได้เห็นพวกเขากลับมาโลดแล่นบนลีกสูงสุดอีกครั้ง

 

แหล่งอ้างอิง :

https://www.skysports.com/football/news/11703/12301185/sheffield-wednesday-owner-dejphon-chansiri-takes-blame-for-relegation-to-league-one
https://en.wikipedia.org/wiki/Sheffield_Wednesday_F.C.
https://www.capology.com/club/sheffield-wednesday/salaries/2015-2016/
https://ca.news.yahoo.com/darren-moore-hails-brilliant-joint-070700660.html
https://youtu.be/OZPxhlYwbeU
https://www.theguardian.com/football/2010/sep/08/sheffield-wednesday-administration-tax-bank 

Author

ยลดา เวียงสิงขรณ์

เด็กอักษรเอกเยอรมัน เชียร์เชลซีและการท่าเรือ ติดตามนางงามทุกเวที

Graphic

อรรนพ สะตะ

graphic design ผู้ชื่นชอบกีฬาฮอกกี้, เกมส์, เดินเขา เป็นชีวิตจิตใจ