ศึกพรีเมียร์ลีก ในฤดูกาล 2022/23 นี้ เริ่มได้ข้อสรุปไปบ้างแล้ว เพราะเราได้ทราบถึงทีมที่คว้าถ้วยแชมป์ไปครอง และทีมที่กำลังจะตกชั้นไปเล่นในลีกรองของประเทศอังกฤษเรียบร้อยแล้ว โดยหนึ่งในทีมที่คงจะทำให้แฟน ๆ ลูกหนังตกใจไม่น้อย นั่นก็คือทีมนักบุญ เซาธ์แฮมป์ตัน ที่ต้องตกชั้นไปเป็นทีมแรก
จากทีมที่มีขุมกำลังที่พร้อมจะต่อกรกับทุกทีมในพรีเมียร์ลีกเพราะไปทุ่มซื้อสตาร์ที่อายุน้อยมาจาก
ทีมอื่น ๆ มากมายและพร้อมจะปั้นให้เป็นอนาคตของทีม แถมยังมีเจ้าพ่อลูกนิ่งอย่าง เจมส์ วอร์ด-เพราส์ อยู่ในทีม ทว่าผลลัพธ์ในฤดูกาลนี้กลับไม่เป็นดั่งหวัง พวกเขาต้องใช้กุนซือถึง 4 คนภายในฤดูกาลเดียว
สาเหตุของฤดูกาลที่แสนจะทรหดของพลพรรคนักบุญคืออะไร พวกเขามีเงินถุงเงินถังไปซื้อดาวรุ่งฝีเท้าโดดเด่นมามากมาย แต่ทำไมผลงานของทีมถึงกลับตาลปัตรขนาดนี้
Main Stand จะพาคุณไปหาคำตอบ…
ทุ่มเงินคว้าดาวรุ่ง แต่จูนกันไม่ติด
ในโลกของฟุตบอล ตลาดการซื้อนักเตะคงเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้แฟน ๆ ของทีมฟุตบอลตั้งตารอคอยว่าทีมรักของตัวเองจะไปคว้าใครมาได้ในแต่ละครั้ง และตลาดที่ผ่านมาคงทำให้แฟนนักบุญตื่นตาตื่นใจไม่น้อย เพราะทางบอร์ดบริหารไปทุ่มซื้อดาวรุ่งชื่อดังมาจากหลายสโมสร
อาทิ โรเมโอ ลาเวีย มิดฟิลด์ดาวรุ่งพุ่งแรง ที่ทุ่มซื้อตัวมาจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และเขาโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นกับทีมนักบุญ จนมีทีมชื่อดังหลายทีมที่พร้อมจะคว้าตัวดาวรุ่งพุ่งแรงคนนี้ไปครอบครอง โดยทางลาเวียลงเล่นให้เซาธ์แฮมป์ตันไปทั้งหมด 28 เกม ทำไป 1 ประตู ชนะการดวลลูกกลางอากาศ 19 ครั้ง และชนะการดวลกับคู่แข่ง 22 ครั้ง นับว่าเป็นสถิติที่ไม่ธรรมดาสำหรับเด็กวัยเพียงแค่ 19 ปี
เซาธ์แฮมป์ตันเป็นอีกทีมหนึ่งที่มีความเคลื่อนไหวอย่างมากในตลาดเดือนมกราคมที่ผ่านมา ทว่าการทุ่มซื้อนักเตะมากมายก็ไม่ได้ทำให้ทีมประสบความสำเร็จเสมอไป อีกคนหนึ่งเช่น พอล โอนูอาชู กองหน้าดาวรุ่ง เจ้าของความสูงราว 2 เมตร ถูกซื้อตัวมาให้เหมาะกับแผนของ นาธาน โจนส์ กุนซือชาวเวลส์ที่ถูกปลดออกจากตำแหน่งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา กลายเป็นว่ากองหน้าดาวรุ่งคนนี้ได้ร่วมงานกับโจนส์เพียงแค่ไม่กี่เดือนเท่านั้น
อีกทั้งการทุ่มซื้อนักเตะพุ่งเป้าไปที่ คามัลดีน ซูเลมานา ดาวรุ่งชื่อดังจากลีกเอิง ฝรั่งเศส ด้วยราคา 22 ล้านปอนด์ ซึ่งดูจะแพงเกินไปหน่อยสำหรับผลงานในสนามของเขา เพราะซูเลมานาลงเล่นเพียง 17 นัดในฤดูกาลนี้และทำไปแค่ 1 แอสซิสต์ให้ทีมนักบุญ
แน่นอนว่าการทุ่มซื้อนักเตะมาหลายคน ทางบอร์ดบริหารย่อมคาดหวังที่จะให้ทีมประสบความสำเร็จและให้เล่นแบบที่เขาต้องการ แผนการเล่นต่าง ๆ ต้องถูกหารือในห้องประชุมของทีมโดยผู้บริหารเป็นที่มีอำนาจในการตัดสินใจ ซึ่งพวกเขาก็หมกมุ่นกับความสำเร็จมากเกินไปจนเร่งรีบทุ่มซื้อตัวสตาร์มาล้นทีม
สโลแกนที่ทางบอร์ดบริหารประกาศต่อที่ประชุมคือ “ต้องมีศักยภาพสู่ความเป็นเลิศ” ทว่ากลยุทธ์แบบนี้มันใช้ได้ในระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น และมันกลายเป็นบ่วงมัดตัวบอร์ดบริหารเอาไว้ว่าต้องทำทีมให้ประสบความสำเร็จ จึงกลายเป็นความกดดันในเวลาต่อมา และมันก็พังทลายลงถึงขั้นตกชั้นไปเล่นในลีกรองในรอบ 11 ปี
นโยบายซื้อนักเตะดาวรุ่งเพื่อปั้นให้เป็นอนาคตของทีมอาจจะยังใช้ไม่ได้กับทีมนักบุญทีมนี้ เห็นได้ชัดว่าการทุ่มซื้อดาวรุ่งหลายคนในช่วงตลาดเดือนมกราคมไม่ได้ช่วยให้ทีมมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย
แตกต่างจากทีมนักบุญในยุคที่ โรนัลด์ คูมัน คุมทีมอยู่ โดยเขาเป็นคนที่สร้างสถิติทำแต้มได้สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสรในฤดูกาล 2015-16 โดยทำไปได้ถึง 63 แต้ม จบด้วยอันดับที่ 6 ของตารางคะแนน
บางครั้งฟุตบอลอาจไม่ใช่แค่การทุ่มซื้อเยาวชนเพียงอย่างเดียว บางครั้งมันต้องผสมผสานกับตัวผู้เล่นชุดเดิมที่ต้องเป็นประคองน้อง ๆ ด้วยเช่นกัน ซึ่งถ้าหากมองไปที่ทีมชุดปัจจุบันแล้ว การผสมผสานระหว่างช่วงอายุยังดูค่อยลงตัวเท่าไรนัก
การหวังพึ่งแต่ เจมส์ วอร์ด-เพราส์ คงจะใช้ไม่ได้อีกต่อไปแล้วในตอนนี้ แม้ว่าลูกนิ่งของเขาจะยังคงไว้ใจได้เสมอ ทว่าคงไม่มีทีมไหนที่ได้ประตูจากลูกนิ่งทุกเกม และคงไม่มีใครที่ไม่เคยผิดพลาด กระนั้นการจูนกันไม่ติดของทีมนักบุญในครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งปัญหาใหญ่ที่นำไปสู่การตกชั้น
เปลี่ยนโค้ชบ่อย ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จ
ปัญหาในห้องแต่งตัวเป็นอีกหนึ่งปัญหาใหญ่ในการทำทีมฟุตบอล ซึ่งถ้าหากทีมใดประสบปัญหานี้แล้วคงยากที่จะทำทีมฟุตบอลให้ประสบความสำเร็จ เพราะหากพูดถึงในทางจิตวิทยาแล้ว การทำงานร่วมกันระหว่างนักเตะและโค้ชต้องเป็นการทำงานแบบเกื้อหนุนกัน เพราะฉะนั้นแล้วหากทีมใดเจอปัญหาในห้องแต่งตัวขึ้นมามักจะจบไม่สวยกันทุกทีม
ตั้งแต่ ราล์ฟ ฮาเซนฮุทเทิล ที่โดนไล่ออกไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2022 ที่ผ่านมา ทางทีมนักบุญต้องพบเจอกับความลำบากมากมาย เพราะตอนนั้นเซาธ์แฮมป์ตันเก็บได้เพียง 12 แต้ม จาก 14 เกม หล่นไปอยู่ในโซนตกชั้น ซึ่งเขาอยู่กับเหล่าเดอะเซนส์มาถึง 4 ปี
เขากลายเป็นกุนซือของเซาธ์แฮมป์ตันที่คุมทีมยาวนานที่สุดในรอบ 20 ปี เขาค่อย ๆ ฝังรายละเอียดเกี่ยวกับแผนการเล่นและวิธีการของเขาเข้าไป ทว่ามันกลับใช้ไม่ได้กับนักเตะซีเนียร์บางคน ราล์ฟทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในการปลุกเร้าความเป็นอันหนึ่งเดียวกันของทีม แต่ไม่มีใครรู้เลยว่านี่คือ จุดเริ่มต้น … ของจุดจบ
มีรายงานว่านักเตะบางคนรู้สึกแปลกใจที่ราล์ฟไม่ถูกไล่ออกในช่วงซัมเมอร์ หลังจากที่เขาคุมทีมชนะเพียงแค่เกมเดียวจาก 12 เกมหลังสุดในฤดูกาล 2021/22 ในเกมที่พวกเขาแพ้ให้กับ เอฟเวอร์ตัน 2-1 เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2022 ราล์ฟไม่มีการปฏิสัมพันธ์ใด ๆ กับผู้เล่นในทีมเลย เขาไม่แยแสต่อสิ่งไหนจนเวลาของเขาหมดลง
บางทีการไล่ราล์ฟออกจากตำแหน่งในช่วงเดือนพฤศจิกายนอาจเป็นเวลาที่ช้าไป และเสี่ยงมากที่จะให้นักเตะอายุน้อยที่ไม่มีประสบการณ์นำทัพ เดอะ เซนส์ ต่อไป
ต่อมาในยุคของ นาธาน โจนส์ กุนซือชาวเวลส์ ที่เข้ามาคุมเกมได้เพียงแค่ 14 เกม ชนะไปเพียง 5 เกม และแพ้ไปถึง 9 เกม นับว่าเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ที่ไม่ค่อยดีนักสำหรับกุนซือคนนี้ โจนส์เป็นกุนซือที่ไม่มีแบบแผนที่ชัดเจน บวกกับการมาคุมทีมที่มีดาวรุ่งทำให้แผนการเล่นไม่ชัดเจนมากไปยิ่งกว่าเดิม กุนซือคนก่อนอย่างราล์ฟถึงแม้จะฟอร์มไม่ดีแต่เขาก็ยังมีแบบแผนชัดเจน
เหล่าแฟนของ เดอะ เซนส์ ต่างพากันบ่นในใจว่า หากจะเปลี่ยนกุนซือจากราล์ฟทำไมถึงไม่ใช้กุนซือที่หัวกะทิกว่านี้ การเอา นาธาน โจนส์ ที่ไม่มีประสบการณ์ในลีกสูงสุดมาคุมทีมที่มีดาวรุ่งมากมายอย่างเซาธ์แฮมป์ตันจึงนับว่าเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้นักบุญมาสู่จุดตกต่ำเร็วขนาดนี้
โดย Sky Sports เคยรายงานไว้ว่า ในช่วงที่โจนส์เป็นกุนซืออยู่บรรยากาศของทีมแย่มาก
“คุณจะเห็นแฟน ๆ ตะโกนก้องทั่วสนามว่า พวกคุณไม่รู้จริง ๆ หรือว่ากำลังทำอะไรอยู่ มันเป็นบรรยากาศที่แย่จริง ๆ เรารับรู้ถึงความเศร้าของแฟน ๆ มานานแล้ว”
“เวลาที่เขา (โจนส์) ออกมาแถลงไม่ว่าจะก่อนเกมหรือหลังเกม บรรยากาศมันมักจะไม่ค่อยดี”
นาธาน โจนส์ เป็นคนที่หัวแข็งคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ เพราะเขาเคยออกมายอมรับว่า ลูตัน ทาวน์ ในช่วงที่เขาคุมอยู่นั้นถือเป็นทีมที่ดีที่สุดในยุโรป ด้วยความหัวแข็งของเขาทำให้เขาไปไม่รอดเมื่อมารับงานคุมทีมในลีกสูงสุด แฟน ๆ ต่างไม่พอใจวิธีการเล่นและแทคติกของเขา
ปัจจุบัน เดอะ เซนส์ ใช้โค้ชขัดตาทัพชาวสเปนอย่าง รูเบน เซลเลส ที่เคยคุมทีม U-18 ของบาเลนเซียมาก่อน เขาประเดิมเกมแรกด้วยการชนะเชลซี 1-0 จากฟรีคิกของ เจมส์ วอร์ด-เพราส์ ทีมดูทำท่าว่าจะไปได้สวย แต่เหล่า เดอะ เซนส์ ที่ประสบปัญหามาตั้งแต่เริ่มฤดูกาลก็ต้องตกชั้นไปในที่สุด
เน้นปั้นขาย จนทีมเหลือแต่ดาวรุ่ง
สโมสแต่ละสโมสรย่อมมีแนวทางในการปั้นนักเตะแตกต่างกัน บางทีมก็ปั้นนักเตะเพื่อใช้เอง ส่วนบางทีมก็ปั้นนักเตะเพื่อขายให้ทีมอื่น ๆ ซึ่งแนวทางของเซาธ์แฮมป์ตันเป็นอย่างหลัง พวกเขามีนักเตะฝีเท้าดีมากมายในช่วงหนึ่งทศวรรษมานี้ เช่น ซาดิโอ มาเน่, เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ก, เดยัน ลอฟเรน ที่ได้ขายไปให้กับลิเวอร์พูลทั้งสามคน
การปั้นนักเตะขายมีข้อดีคือ คุณจะได้เงินมากมายเข้าสู่สโมสร แต่ในทางกลับกันข้อเสียคือ คุณจะต้องเสียขุมกำลังหลักไปทุกปีทำให้โค้ชต้องมาวางแผนใหม่ในทุกปีเช่นกัน ทำให้ทีมขาดความต่อเนื่องและสามารถทำให้ทีมเสียหลักไปจากเดิมได้มากทีเดียว
จากการตกชั้นในฤดูกาล 2004-05 พวกเขาใช้เวลา 7 ฤดูกาลกว่าจะสร้างทีมและกลับขึ้นมาสู่ศึกพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง ตั้งแต่ฤดูกาล 2012-13 พวกเขาก็สร้างทีมอย่างต่อเนื่อง แต่ทีมก็เริ่มมีปัญหาจากการบริหารที่ผิดพลาดของบอร์ดบริหาร
จากนั้นกว่าทศวรรษ พวกเขาก็ตกชั้นลงไปสู่ลีกรองอีกครั้ง ทีมขาดทุนย่อยยับจากการบริหารที่ผิดพลาด จากการใช้กุนซือมือดีอย่างราล์ฟ พวกเขาเปลี่ยนกุนซือจนกราฟพุ่งลงอย่างน่าเหลือเชื่อ ทำให้เซาธ์แฮมป์ตันต้องกลับไปตั้งหลักในลีกรองอีกครั้ง
แม้จะมีการยกห้องเครื่องใหม่ในช่วงซัมเมอร์จากการไปทุ่มคว้าตัว โรเมโอ ลาเวีย และ กาวิน บาซูนู มาด้วยค่าตัวก้อนโต แต่ด้วยประสบการณ์อันน้อยนิดทำให้พวกเขายังห่างไกลจากความสามารถในการพาทีมประสบความสำเร็จ จากนี้เซาธ์แฮมป์ตันคงต้องหาทางปรับแก้กันใหม่เพื่อเป้าหมายเดียวคือการกลับมาสู่ลีกสูงสุด
หวังว่าสโลแกนของทีมอย่าง “Never stand still that's the motto” หรือ “อย่าหยุดนิ่ง นั่นคือคำขวัญของพวกเรา” จะเป็นพลังใจให้เหล่านักบุญกลับมาสู่ลีกสูงสุดได้อีกครั้ง
แหล่งอ้างอิง :
https://talksport.com/football/1423001/southampton-relegated-premier-league-championship-fulham-defeat/
https://www.dailyecho.co.uk/sport/23451554.southampton-go-must-blaze-glory/
https://www.skysports.com/football/news/11700/12144413/ralph-hasenhuttl-exclusive-interview-southampton-boss-on-long-term-vision
https://www.transfermarkt.com/fc-southampton/startseite/verein/180