Feature

กว่าจะนิ่งต้องกลิ้งมาก่อน: ธงชัย สุขโกกี กุนซือโซเชียลผู้พา นครปฐม คว้าแชมป์กลับลีกสูงสุดในรอบ 14 ปี | Ball Thai Stand

รูดม่านปิดฉากลงไปเรียบร้อยแล้วสำหรับศึกฟุตบอลไทยลีก 2 หรือ เอ็ม-150 แชมเปียนส์ ชิพ ฤดูกาล 2022/23 ที่ต้องตัดสินแชมป์และหาทีมตกชั้นจนถึงนัดสุดท้าย 

 

ก่อนที่แชมป์จะตกเป็นของ นครปฐม ยูไนเต็ด พร้อมตั๋วเลื่อนชั้นอัตโนมัติขึ้นไปเล่นในศึก รีโว ไทยลีก 1 ในฤดูกาล 2023/24 หลังรอคอยมานาน 14 ปี นับตั้งแต่ปี 2009 ที่พวกเขากระเด็นตกชั้นไปเล่นในลีกพระรอง 

คนที่สมควรได้รับเครดิตกับความสำเร็จครั้งนี้คงหนีไม่พ้น “โค้ชธง” ธงชัย สุขโกกี กุนซือที่อยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับทีมมาตั้งแต่ตกชั้นไปเล่นในไทยลีก 4 เมื่อปี 2018 ก่อนที่จะพาทีมไต่เต้าคว้าแชมป์ทุกระดับจนเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดได้สำเร็จ 

กุนซือที่ถูกสบประมาทว่าเป็นโค้ชโซเชียล กับบทบาท Youtuber ในช่อง วิเคราะห์บอลไทยสไตล์โค้ชธง แต่ในโลกแห่งความจริงเขากลับสามารถโชว์มันสมองรังสรรค์ผลงานระดับเทพพา นครปฐม ยูไนเต็ด ซึ่งงบประมาณจำกัดจำเขี่ย แถมเต็มไปด้วยนักเตะโนเนมก้าวไปคว้าแชมป์ไทยลีก 2 ได้อย่างไร ไปติดตามกับ BallThaiStand 

 

มิสเตอร์แชมเปียนส์ลีก ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย

 

หลังจากถูกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และ บริษัท ไทยลีก จำกัด ลงโทษปรับตกชั้นจากไทยลีก 2 ไปเล่นในไทยลีก 4 หลังจบฤดูกาล 2017 เนื่องจากส่งใบอนุญาตหรือคลับไลเซนซิงไม่ทันทำให้ นครปฐม ยูไนเต็ด ต้องกลับไปนับหนึ่งใหม่ในลีกล่างสุด สโมสรจึงตัดสินใจแต่งตั้ง ธงชัย สุขโกกี เข้ามาคุมทัพแทน พยงค์ ขุนเณร เพื่อภารกิจลุยศึกไทยลีก 4 ฤดูกาล 2018 

โค้ชธง ถือเป็นกุนซือจอมพเนจรของวงการฟุตบอลไทย แต่อีกมุมเขาคือจอมพาทีมเลื่อนชั้น ไม่ว่าจะเป็น อยุธยา, พีที ประจวบ หรือ ขอนแก่น ยูไนเต็ด ล้วนใช้บริการกุนซือเครางามพาทีมเลื่อนชั้นไปเล่นในดิวิชั่น 1 เดิม หรือ ไทยลีก 2 ในปัจจุบัน จนได้รับฉายา “มิสเตอร์แชมเปียนส์ลีก” 

ทันทีที่เข้ามารับงานกุนซือ นครปฐม ยูไนเต็ด โค้ชธง ประกาศว่าจะพาทีมเลื่อนชั้นให้ได้ทุกปี โดยมีเป้าหมายใหญ่ คือการเลื่อนชั้นไปเล่นในลีกสูงสุดอีกครั้งให้ได้

“ผมมีความตั้งใจจริงที่จะเข้ามาทำทีม นครปฐม ยูไนเต็ด เป้าหมายสูงสุด คือพาทีมเลื่อนชั้นสู่ ไทยลีก 1 ให้ได้” โค้ชธง กล่าวหลังถูกแต่งตั้งเขามาคุมทีม


แม้จะดูเหมือนโม้ แต่ โค้ชธง สามารถทำได้จริง เมื่อพาทีม เสือป่าราชา คว้าแชมป์ไทยลีก 4 ได้ทันที พร้อมพาทีมเลื่อนชั้นไปเล่นในไทยลีก 3 เรียกว่านั่นคือจุดเริ่มต้นของการกลับไปผงาดในลีกสูงสุดอีกครั้ง

เท่านั้นยังไม่พอในฤดูกาล 2019 เขายังพาทีมคว้าแชมป์ไทยลีก 3 ตีตั๋วเลื่อนชั้นขึ้นไปเล่นในไทยลีก 2 หรือ เอ็ม-150 แชมเปียนส์ ชิพ ได้สำเร็จ 

การคุมทีม 2 ปี พาทีมได้ 2 แชมป์ พร้อมเลื่อนชั้นทุกปี ถือเป็นการการันตีฝีมืออันยอดเยี่ยมของ โค้ชธง ชนิดไร้ข้อกังขา

 

อกหักชวดเลื่อนชั้น โดนพิษจงอางผยอง เล่นงาน 

 

อีกแค่ก้าวเดียวที่ โค้ชธง และ นครปฐม ยูไนเต็ด จะทำได้ตามเป้าหมายในการคว้าตั๋วไปเล่นในลีกสูงสุดตามที่เคยพูดไว้ แม้จะไม่ใช่งานที่ง่าย เพราะคู่แข่งแต่ละทีมล้วนทุ่มเงินซื้อนักเตะฝีเท้าดีทั้งไทยและต่างชาติมาเสริมทัพกันเพียบ 

แต่ นครปฐม ยูไนเต็ด ก็ไม่ได้เกรงกลัว แถมผลงานดีจบฤดูกาลปกติด้วยอันดับ 3 เป็นรองแค่ หนองบัว พิชญ และ เชียงใหม่ ยูไนเต็ด ทีมแชมป์และรองแชมป์ แต่ยังได้โควต้าเข้าไปในรอบเพลย์ออฟ 

พวกเขาเริ่มต้นด้วยการเด็ดปีก ชัยนาท ฮอร์นบิล ด้วยสกอร์รวม 2 นัด 4-1 โคจรไปพบกับ ขอนแก่น ยูไนเต็ด ในรอบชิงชนะเลิศอีกครั้ง เพื่อชิงตั๋วใบสุดท้ายเลื่อนชั้นขึ้นไปเล่นในลีกสูงสุด 

การเจอกับพลพรรค จงอางผยอง ไม่ใช่เรื่องใหม่หรือเรื่องน่าตื่นเต้นแต่อย่างใด เนื่องจากพวกเขาเอาชนะคู่ปรับจากแดนอีสานได้ทั้งหมดในศึกไทยลีก 4 และ ไทยลีก 3 รอบชิงแชมป์ประเทศไทย 2 ปีติดต่อกัน 

การต่อสู้กัน 2 นัดเหย้า-เยือน ทั้งสองทีมผลัดกันแพ้ชนะด้วย 2-1 เท่ากัน ทำให้สกอร์รวมเสมอกัน 3-3 กลายเป็นซีรีย์ยาวจนถึงช่วงต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาที แต่ยังไม่มีผู้ชนะ จนต้องไปวัดกันในการยิงจุดโทษ แม้ โค้ชธง จะกำชับลูกทีมว่าอย่ายิงลูกคลาสสิก

สุดท้ายกลายเป็น ขอนแก่น ยูไนเต็ด ที่ยิงแม่นกว่า เอาชนะไป 4-3 พร้อมคว้าตั๋วใบสุดท้ายเลื่อนชั้นไปลีกสูงสุดสำเร็จ ทำให้ นครปฐม ยูไนเต็ด กลายเป็นผู้ถูกเลือกให้ผิดหวังอกหักไปตามระเบียบ 

 

โดนมรสุมโควิดซ้ำเติม ต้องจำใจปล่อยแข้งตัวเก่ง

 

เนื่องจากสถานการณของโควิด-19 ระบาด จน บริษัท ไทยลีก จำกัด มีการหยุด เลื่อน และปรับโปรแกรมการแข่งขัน ส่งผลถึงหลายสโมสร เช่นเดียวกับ นครปฐม ยูไนเต็ด

เมื่อฟุตบอลลีกแข่งไม่ได้ สปอนเซอร์ถอนตัว รายได้ที่เคยมี ก็ค่อยๆ หายไป จนทีมต้องตกอยู่ในสภาวะขาดสภาพคล่องทางการเงิน สโมสรต้องหาทางออกด้วยการขอลดเงินเดือนและปล่อยนักเตะระดับกระดูกสันหลังออกไป

ไม่ว่าจะเป็น นันทวัฒน์ กกฝ้าย, ณัฐพล วรสุทธิ์, เลสลีย์ อับโบรห์ และ จีรพันธ์ ผาสุขขันธ์ ส่วน โค้ชธง กลับยืดอกขอจมหัวจมท้ายกับสโมสร และขอสร้างทีมใหม่ด้วยนักเตะโนเนม 

“ขอยืนยันว่าจะอยู่สู้ต่อ และจะไม่มีวันทิ้งทีมไปไหน เราอยู่ด้วยกันมาหลายปี เราเป็นมากกว่าลูกจ้างนายจ้าง เราเหมือนคนอยู่ในครอบครัวเดียวกัน ฉะนั้นไม่ว่าเราจะอยู่ในสถานการณ์แบบไหน เราพร้อมสู้ไปด้วยกัน”

เป้าหมายที่ประกาศไว้ว่าจะต้องเลื่อนชั้นขึ้นไปลีกสูงสุดให้ได้ต้องพับเก็บไปตามระเบียบ เพราะศักยภาพของทีมลดลง คุณภาพนักเตะแตกต่างจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด การต่อสู้ของ เสือป่าราชา ในไทยลีก 2 ฤดูกาล 2021/22 จึงเป็นแค่การประคองตัวเพื่ออยู่รอดปลอดภัยให้ได้ สุดท้ายก็ทำสำเร็จ จบฤดูกาลด้วยอันดับ 10 ของตารางคะแนน

 

เน้นระบบมากกว่าฝีเท้านักเตะ

 

ด้วยความเป็น Youtuber พ่วงด้วยตำแหน่งกุนซือ ทำให้ โค้ชธง พยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับการเล่นฟุตบอลทั่วโลกมาประยุกต์ พร้อมถ่ายทอดเรื่องราวให้แฟนบอลในโลกออนไลน์ได้รับความรู้เกี่ยวกับศาสตร์ลูกหนังอันหลากหลายมิติ

สิ่งหนึ่งที่เขาค้นพบในฤดูกาล 2021/22 คือ แม้จะมีแค่นักเตะโนเนมอย่าง อาทิตย์​ เบิร์ก, ก้องนธีชัย บุญมา, สัจพร ตุ้มสุวรรณ์, อภิณัฐ สุขสงวน และณัฐนันท์ เบี้ยสัมฤทธิ์ แต่ทุกคนสามารถเล่นได้ตามแท็คติคที่วางไว้ได้อย่างสุดเป๊ะ นั่นทำให้ โค้ชธง หันมาเน้นระบบมากกว่าพึ่งนักเตะเพียงไม่กี่คน 

นครปฐม ยูไนเต็ด มีระบบการเล่นที่ดีเล่นเกมรับเหนียวแน่น จังหวะเปลี่ยนจากเกมรับเป็นรุก ทำได้อย่างรวดเร็วสุดอันตราย บางนัดพวกเขาใช้การต่อบอลไม่กี่จังหวะเข้าไปซัลโวประตูคู่แข่งได้

นอกจากนี้ยังมีทีเด็ดจากลูกเซ็ตพีซและลูกทุ่มไกลของ อนุกรณ์ สางรัมย์ แนวรับจอมเก๋า ไม่แปลกที่กองหลังอย่าง อมิราลี เชจีนี จะสอดมาโหม่งทำประตูหลายครั้ง พร้อมทำไปถึง 5 ประตู เป็นรองดาวซัลโวของทีม

ขณะที่ดาวซัลโวประจำทีมอย่าง ปีเตอร์ เนอร์การ์ด ยิงได้เพียง 8 ประตู น้อยกว่า ริคาร์โด ซานโตส หัวหอกของ อุทัยธานี เจ้าของตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดของไทยลีก 2 ที่ยิงไป 28 ประตู เกือบ 3 เท่าตัว รวมแล้ว นครปฐม ยูไนเต็ด ใช้ผู้เล่นทำประตูไป 11 คนเท่านั้น 

“เด็กเราไม่ได้เก่ง ผมก็ไม่ได้เก่ง แต่เด็กทุกคนรู้วิธีการว่าจะเอาชนะคู่ต่อสู้ยังไง”

“เรามีไม่กี่วิธีการที่จะชนะได้ แต่นี่คือ 1 วิธีการ แสดงให้เห็นว่าคนที่จะเป็นแชมป์ ไม่ต้องใช้เงินเยอะ ใช้เงินพอเพียงก็ทำได้” โค้ชธงกล่าว

 

เกมรุกจะทำให้คุณชนะ แต่เกมรับจะทำให้คุณเป็นแชมป์ 

 

สไตล์การเล่นของ นครปฐม ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของ โค้ชธง คือการเดินหน้าฆ่ามัน บุกแหลก เอนเตอร์เทนแฟนบอล ในฤดูกาล 2018 ในรอบปกติของโซนกรุงเทพและปริมณฑล พวกเขายิงไป 63 ประตู มากกว่าอันดับ 2 ของโซนอย่าง สมุทรสาคร ที่ยิงไป 31 ประตูแบบครึ่งต่อครึ่ง เป็นทีมที่ยิงมากที่สุดอันดับ 2 เป็นรอง ขอนแก่น ยูไนเต็ด ที่ยิงไปมากที่สุด 65 ประตู

ในฤดูกาล 2019 นครปฐม ยิงไป 57 ประตู มากที่สุดเท่ากับ ขอนแก่น ยูไนเต็ด เมื่อเลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นในไทยลีก 2 ในฤดูกาล 2020/21 พวกเขายังคงสไตล์เดิม บุกแหลกและยิงไป 66 ประตู มากที่สุดในลีก และคว้าอันดับ 3 มาครอง แม้ในฤดูกาล 2021/22 จะเสียกำลังหลักไปเยอะ แต่ก็ยิงได้ถึง 42 ประตู ถือว่าอยู่ในระดับกลางๆ 

แน่นอนว่า โค้งธง เริ่มเห็นอะไรบางอย่างเพราะใน 2 ฤดูกาลหลังสุด แม้พวกเขาจะยิงได้เยอะ แต่ก็เสียเยอะไม่แพ้กันที่ 36 ประตูในฤดูกาล 2020/21 ขณะที่ทีมแชมป์และรองแชมป์อย่าง หนองบัว พิชญ และ เชียงใหม่ ยูไนเต็ด เสียไป 16 และ 28 ประตูเท่านั้น ส่วนฤดูกาล 2021/22 พวกเขาเสียไป 47 ประตู

จากนั้นทีมจึงปรับสไตล์การเล่นใหม่ในฤดูกาล 2022/23 คือกลับมาเน้นเกมรับมากขึ้น จากทีมที่เดินหน้าฆ่ามันหันมาเล่นอย่างเจียมตัว ตามศักยภาพของทีม ทำให้สามารถเกาะกลุ่มผู้นำได้อย่างเหนียวแน่น 

ฤดูกาลนี้พวกเขาเสียไปเพียง 20 ประตู น้อยที่สุดในลีก และยิงได้เพียง 32 ประตู น้อยเป็นอันดับ 4 ของลีกเท่ากับ สมุทรปราการ ซิตี้ โดยทีมที่ยิงได้น้อยกว่าพวกเขาคือ 3 ทีมที่ตกชั้น ทั้ง อุดรธานี, แกรนด์​อันดามัน ระนอง ยูไนเต็ด และ ราชประชา เท่านั้น 

นอกจากนี้ โค้ชธง ยังเล่นในแบบที่เรียกว่า “คาร์เตนัชโช” หรือภาษาบ้านๆ ว่าตีหัวเข้าบ้าน ซึ่งเป็นแท็คติคการเล่นที่โด่งดังมาก โดยเฉพาะในฟุตบอลอิตาลี แน่นอนว่ามันใช้ได้ผลกับทีม เพราะทั้งฤดูกาลพวกเขานำคู่แข่ง 19 นัด ผลจบด้วยการไร้พ่าย นั่นคือสิ่งสำคัญในการพาทีมผงาดคว้าแชมป์มาครองสำเร็จ เหมือนคำที่บอกว่าเกมรุกจะทำให้คุณชนะ แต่เกมรับจะทำให้คุณเป็นแชมป์

 

อนาคตของทีม

 

ในช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาลที่ผ่านมา โค้ชธง ประกาศว่าหากพาทีมเลื่อนชั้นไม่ได้ จะขอพิจารณาลาออกจากตำแหน่งเก้าอี้กุนซือ หลังคุมทีมมา 6 ปีเต็ม

แต่เมื่อภารกิจลุล่วง โอกาสที่ โค้ชธง จะคุมทีมต่อมีสูง แต่ระเบียบของ ไทยลีก ที่ระบุว่า กุนซือของแต่ละทีมต้องเป็นระดับโปรไลเซนส์ เท่านั้น ทางสโมสรจะหาทางออกเรื่องนี้อย่างไร เนื่องจาก โค้ชธง มีผ่านการอบรมโค้ชระดับ เอ ไลเซนส์ เท่านั้น 

ส่วนอนาคตของ กฤษดา วงษ์แก้ว นักฟุตซอลทีมชาติไทย ที่ยืมตัวจาก บลูเวฟ ชลบุรี ในเลกที่ 2 มีส่วนพาทีมเลื่อนชั้นก็ต้องอยู่ทีม ฉลามโต๊ะเล็ก ว่าจะปล่อยตัวหรือไม่

แต่เหนือสิ่งอื่นใด นครปฐม ยูไนเต็ด คงต้องทุ่มเงินคว้านักเตะฝีเท้าดีมายกระดับทีมให้ดีกว่าเดิม เพราะคุณภาพของรีโว ไทยลีก ต้องยอมรับว่าคุณภาพห่างจากไทยลีก 2 เยอะ 

เส้นทางคุมทีมของ โค้ชธง กว่าจะประสบความสำเร็จวันนี้ ต้องออกแรงกลิ้งมาก่อน จน นครปฐม ยูไนเต็ด คัมแบ็คสู่ลีกสูงสุดได้ตามเป้าหมาย 

ถือเป็นการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของ ธงชัย สุขโกกี ว่า นอกจากจะปากดีแล้ว ฝีมือคุมทีมยังยอดเยี่ยมสุดๆ ไปเลย 

Author

ศุภฤกษ์ สีทองเขียว

หนุ่มแดนหมอแคน ผู้คลั่งไคล้ในฟุตบอล