Feature

ฆูลิโอ เอ็นชิโซ่ : ดาวรุ่งไบรท์ตันไซส์เล็กใจใหญ่ ที่อาจคืนความน่ากลัวให้ “ปารากวัย” อีกครั้ง | Main Stand

ปารากวัย ถือเป็นชาติที่มีทีมฟุตบอลที่แข็งแกร่งไม่แพ้กับบรรดาหัวแถวของทวีปอเมริกาใต้อย่าง บราซิล อาร์เจนตินา หรือ อุรุกวัย แต่ในช่วง 10 กว่าปีมานี้ผลงานของพวกเขากลับตกต่ำลงอย่างมาก ภายหลังจากไปไกลถึงรอบชิงชนะเลิศ โคปา อเมริกา 2011 พลพรรค “แดง-ขาว” ก็มีผลงานตกต่ำลงเรื่อยมา ทั้งการหมดลุ้นไปฟุตบอลโลกตั้งแต่ไก่โห่ และฟุตบอลระดับทวีปก็จอดป้ายรอบแรก ๆ รวมถึงนักเตะระดับแถวหน้าของวงการก็ไม่มีให้เห็น

 

กระนั้นยังมีหนุ่มน้อยชาวปารากวัยนาม "ฆูลิโอ เอ็นชิโซ่ (Julio Enciso)" เขาเป็นแนวรุกร่างกระทัดรัดจากไบร์ทตัน ที่โชว์ฟอร์มสุดเทพและไล่ป่วนกองหลังพรีเมียร์ลีกเป็นว่าเล่นทั้งที่เพิ่งย้ายมาไม่ถึงปี และสามารถยึดตำแหน่งตัวจริงได้ในเวลาไม่ถึง 4 เดือน แถมในเกมรอบรองชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ที่พบกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เขายังเค้นฟอร์มฉีกเกมรับปีศาจแดงจนยับเยินมาแล้ว แม้ทีมจะแพ้จุดโทษตกรอบไปก็ตาม

ด้วยฟอร์มขนาดนี้กับอายุที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ จึงเป็นที่น่าจับตามองอย่างมากโดยเฉพาะกับทีมชาติปารากวัยว่าชายคนนี้อาจจะเป็นสตาร์ดวงใหม่ในระดับเดียวกับ มิเกล อัลมิรอน หรือ โรเก้ ซานตา ครูซ ที่จะพาปารากวัยหนีจากความมืดมิดในอนาคตอันใกล้นี้ 

ร่วมติดตาม ชายที่โดนแปะป้ายว่า "มาพร้อมความคาดหวัง" คนนี้ไปพร้อมกับเรา

 

Class of 2004

ในโลกของฟุตบอล ณ ขณะนี้ต่างจับตามองไปที่บรรดาดาวรุ่งที่เกิดในช่วงปี 2004 หรือก็คือพ่อค้าแข้งวัยละอ่อนที่อายุประมาณ 18 ปีพอดิบพอดี โดยเรียกรวม ๆ ว่า “Class of 2004” นั่นเพราะนอกจากจะอยู่ในช่วงวัยที่เป็นอนาคตใหม่ หลายคนยังมีฝีเท้าที่โตเกินอายุ และก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักของสโมสรและทีมชาติได้ 

แน่นอนว่าสตาร์แดนกลางวัยรุ่นสเปนของ บาร์เซโลนา นาม กาบี (Gavi) คือคนที่น่าจับตามองที่สุด แม้ยังไม่มีที่ยืนใน 25 ผู้เล่นชุดใหญ่ของสโมสร แต่นั่นก็เป็นเพียงปัญหาทางเทคนิค เพราะในสนามจริง ๆ เขาคือแกนหลักที่ขับเคลื่อนทีมในแดนกลางร่วมกับ เปดรี (Pedri) กองกลางปอดเหล็กสตาร์รุ่นพี่ให้นำจ่าฝูง ลา ลีกา ในฤดูกาล 2022-23 นี้ 

รองลงมาคือ อเลฆันโดร การ์นาโช (Alejandro Garnacho) จรวดทางเรียบอาร์เจนไตน์อนาคตใหม่แห่ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่โชว์ฟอร์มแจ้งเกิดแบบเต็มภาคภูมิในฤดูกาลนี้ ทั้งลงมาปั่นป่วนแนวรับคู่ต่อสู้ หรือเป็น Key Player ในการลงมาเปลี่ยนเกมและยิงประตูสำคัญให้ทีมเก็บแต้มได้เป็นว่าเล่น

ด้านคู่แค้นแสนรักอย่าง ลิเวอร์พูล ก็มี สเตฟาน ไบจ์เซติช (Stefan Bajčetić) บ็อกซ์ทูบ็อกซ์เลือดกระทิงดุที่ เยอร์เกน คล็อปป์ ไว้วางใจให้ลงสนามเป็น 11 คนแรกมากขึ้นในช่วงวิกฤตการณ์แดนกลางของทัพหงส์แดง นับว่ามีความไม่ธรรมดาประการหนึ่ง แม้จะยังไม่ได้โชว์คลาสอะไรมากมาย

อีกคนที่น่าจับตามองคือ ยูสซูฟา มูโคโค (Youssoufa Moukoko) ยอดดาวรุ่งแนวรุกของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่ทำสถิติเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดที่ลงประเดิมสนามบุนเดสลีกา ตั้งแต่อายุ 16 ปี แถมยังเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดที่ลงสนามในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ด้วยวัย 16 ปี 87 วัน แถมตอนนี้เขายังเป็นแนวรุกหมุนเวียนที่สโมสรส่งลงมาเป็นทีเด็ดเสมอ

กระนั้นนับเป็นเรื่องที่น่าฉงน เพราะสปอตไลท์ได้สาดส่องไปที่เด็กหนุ่มคนหนึ่งแม้จะไม่ได้ลงเล่นอยู่ในทีมยักษ์ใหญ่หรือทีมชาติระดับแถวหน้าของโลก แต่เขากลับได้รับการจับตามองว่าจะเป็นดาวรุ่งที่ก้าวขึ้นมาเป็นซูเปอร์สตาร์ได้ในอนาคต  แน่นอนว่าเด็กหนุ่มคนดังกล่าวมีนามว่า ฆูลิโอ เอ็นชิโซ่ 

โดยเด็กหนุ่มจากเมืองคาอากวาซู (Caaguazú) เขตการปกครองท้องถิ่นคาอากวาซู ประเทศปารากวัยคนนี้ เริ่มต้นเส้นทางบนถนนสายฟุตบอลจากการผ่านการคัดตัวเข้าสู่อคาเดมีของสโมสรลิเบอร์ตัด (Club Libertad) ยอดทีมแห่งกรุงอซุนซิออน (Asunción) เมืองหลวงของประเทศ ในวันล่วงเลยมาถึง 11 ปี ซึ่งเป็นวัยที่ออกจะช้าไปเสียเล็กน้อย 

แต่เมื่อได้เข้ามาสู่ระบบ เหมือนกับว่าเอ็นชิโซ่ได้รับ "การติดไนตรัส" เขามีพัฒนาการทางฟุตบอลที่พุ่งรัว ๆ แซงหน้าทั้งรุ่นเดียวกันและรุ่นพี่ภายในระยะเวลาอันสั้น โดยเฉพาะสกิลการไปกับบอล คอนโทรลบอล และการกระชากลากเลื้อย และที่สำคัญเขายังมีพลังงานที่เหลือล้นที่สามารถวิ่งขึ้นวิ่งลงมาช่วยเกมรับได้ตลอด ซึ่งโดดเด่นเป็นอย่างมากกับตำแหน่ง Inverted Winger และ Inside Forward ในระบบฟุตบอลร่วมสมัยยุคปัจจุบัน

และที่ได้เปรียบไปกว่านั้นคือเอ็นชิโซ่ “ถนัดทั้ง 2 เท้า” ทำให้เขาสามารถลงสนามได้ทั้งด้านซ้าย-ขวา และเป็นคำอธิบายสุดคลาสสิกสำหรับนักฟุตบอลประเภทนี้ นั่นคือ “คู่ต่อสู้จับทางยาก” ไม่รู้ว่าจะล็อกเข้าด้านในหรือด้านกว้าง ซึ่งเขาก็ใช้ประโยชน์จากจุดนี้อยู่บ่อยครั้ง

ด้วยฟอร์มขนาดนี้ ทำให้ผู้หลักผู้ใหญ่ในสโมสรเห็นแวว ต่อมาเขาจึงได้รับการยกสถานะขึ้นสู่ลิเบอร์ตัดชุดใหญ่ และไม่นานหลังจากนั้นเขาก็ถูกส่งลงสนามในฐานะตัวสำรองในลีกสูงสุดของประเทศที่พบกับ ซานตานี (Deportivo Santaní) เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2019 ด้วยวัยเพียง 15 ปี 1 เดือน 19 วัน ทำสถิติเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดของสโมสรที่ลงสนามจากทุกรายการ และวันนั้นทีมก็ชนะไปถึง 4-0 อีกด้วย

แต่ที่เข้าตาจริง ๆ นั่นคือเขาถูกเรียกไปติดทีม 2019 South American Under-15 Football Championship ที่จัดขึ้นในปารากวัยช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2019 พร้อมกับโชว์ฟอร์มสุดยอดเป็นที่พึ่งในการทำเกมรุก เรียกได้ว่าเป็นผู้บิลด์อัพเกมบุกฝั่งเดียว ก่อนฝากผลงานไว้ที่ 1 ประตูยิงใส่ อุรุกวัย แต่น่าเสียดายที่พลพรรคแดง-ขาว จอดป้ายที่รอบรองชนะเลิศ โดยแพ้ บราซิล ไป 2-0 

ตรงนี้นับเป็นขวบปีแรกของการเป็นนักฟุตบอลอาชีพที่น่าเหลือเชื่ออย่างมากสำหรับคนที่เทรนนิ่งแบบมืออาชีพมาในระยะเวลาไม่ถึง 4 ปี 

กระนั้นดาวรุ่งก็คือดาวรุ่ง ไม่ว่าจะได้รับโอกาสในชีวิตขนาดไหน แต่การเล่นในสนามให้ทรงประสิทธิภาพอย่างสม่ำเสมอ ยังคงเป็นคำถามสำคัญ เพราะในฤดูกาลต่อมาลิเบอร์ตัดถือว่าผิดฟอร์มลงไปมาก พวกเขาหมดลุ้นแชมป์ตั้งแต่ไก่โห่ ทำให้เป็นการปิดประตูการให้โอกาสดาวรุ่งไปก่อนโดยเน้นกู้ฟอร์มเก่งให้กลับมา นั่นทำให้ขวบปีที่สองของเอ็นชิโซ่ไม่มีอะไรหวือหวามากไปกว่าการนั่งเชียร์ข้างสนาม

แต่ด้วยฟอร์มการเล่นสุดระทมนี้เหมือนไปกระตุ้นอะไรบางอย่างกับ ดานิเยล การ์เนโร (Daniel Garnero) เฮดโค้ชลิเบอร์ตัด ณ ตอนนั้น ให้ทำการผ่าตัดทีม โดยเฉพาะในแนวรุกที่เริ่มให้โอกาสเอ็นชิโซ่ที่ตอนนั้นอายุ 17 ปี มากยิ่งขึ้น 

และก็เหมือนเด็กจะดังรั้งไม่อยู่ เพราะเขาสามารถปั่นป่วนแนวรับของทั้งลีกให้กระจุยเป็นชิ้น ๆ แม้จะไม่ค่อยยิงหรือแอสซิสต์ แต่ในจังหวะของการบิลด์อัพทำเกมรุกที่ส่วนมากจะมาขึ้นที่เขาอยู่บ่อยครั้ง ก่อนจะจ่ายหรือรอทำชิ่งเพื่อให้คนอื่น ๆ สร้างจังหวะเข้าทำและเป็นประตูในขั้นต่อไป

แน่นอนว่าลิเบอร์ตัดติดลมบน คว้าแชมป์อาแปร์ทูรา (Apertura: ระบบลีกแบบละตินอเมริกา แบ่งแข่งขั้นเป็นสองครึ่ง บางประเทศจับมาชนกันหาแชมป์ออฟแชมป์ แต่ปารากวัยถือว่าเป็นแชมป์ด้วยกัน) ไปแบบสบายเท้า

ตรงนี้สำหรับดาวรุ่งคนหนึ่งถือว่าเป็นวิถีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วมาก ๆ หากจิตใจไม่แข็งจริงก็มีโอกาสเป็นไบโพลาร์ได้ แต่ความพีกยังไม่หมดเพียงเท่านั้น เพราะทีมชาติปารากวัยชุดใหญ่ประกาศ 26 ขุนพล ลุยศึก โคปา อเมริกา 2021 ที่บราซิล และมีชื่อของ เอ็นชิโซ่ ติดไปด้วย

และเรื่องราวของเขากับทีมชาติก็เริ่มต้นขึ้น

 

อนาคตใหม่แห่งปารากวัย

ถึงแม้ว่าระยะเวลาในการสัมผัสเกมอย่างเป็นทางการในนามทีมชาติจะเกิดขึ้นในระดับทัวร์นาเมนต์ยิ่งใหญ่ที่สุดของทวีป แต่โอกาสในการนำเท้าไปเหยียบผืนหญ้าของเอ็นชิโซ่มีเพียง 3 นาที กับช่วงต่อเวลาอีกเล็กน้อย โดยเปลี่ยนตัวลงไปแทน กาบี อวารอส (Gabriel Ávalos) ในนาทีที่ 87 ในเกมที่เปิดสนามชนะ ชิลี ไป 3-1 นอกจากนั้นเอ็นชิโซ่ก็ไม่ได้มีส่วนร่วมกับเกมใด ๆ

มองเผิน ๆ เหมือนว่านี่เป็นการ “นำเด็กมาฆ่า” แต่การได้รับโอกาสของนักเตะดาวรุ่งคนหนึ่งที่สร้างชื่อได้ไม่ถึง 2 ปี นับว่าเป็นประสบการณ์ที่มีค่ายิ่ง 

แต่ไม่อาจทราบได้ว่าด้วยเหตุที่เอ็นชิโซ่ไม่ได้รับโอกาสในทัวร์นาเมนต์มากเท่าที่ควรหรือไปแอบกินรังแตนที่ไหน เมื่อกลับมาเตะ เคลาซูรา (Clausura: ลีกครึ่งหลังของฤดูกาล) การ์นาโรจึงได้ทำการปรับระบบ โดยโยกเอ็นชิโซ่ให้มาเล่นในแดนกลาง โดยมอบหมายหน้าที่ให้เป็น “All-out striker” หรือกองหน้าแบบ “ทำทุกอย่าง” ยืนหลัง เซบ เฟเรย์รา (Sebastián Ferreira) ดาวซัลโวของทีม

แม้ผลงานโดยรวมจะตกลง แต่แผนนี้ได้สร้างคุณสมบัติและชูความเป็นสตาร์มาสู่เอ็นชิโซ่อย่างมาก เขาเริ่มมีส่วนร่วมกับเกมมากขึ้น ในบางแมตช์เรียกได้ว่าลงมาสร้างสรรค์เกมและบัญชาเกมในแนวลึกเสียด้วยซ้ำ ซึ่งผลดีไปตกแก่เฟเรย์ราที่ยิงได้ถึง 9 ประตู ร่วมกับ ลอเรนโซ เมลกาเรโฆ (Lorenzo Melgarejo) ปีกของทีมอีกคนหนึ่ง และคว้าดาวซัลโวไปครอง 

“ผมเนี่ยแหละต้องเล่นแนวรุกแบบนี้ ผมจัดให้ได้หมด ขออย่างเดียวอย่าให้ไปยืนค้ำแบบศูนย์หน้าเป็นพอ” เอ็นชิโซ่ ได้กล่าวถึงการเปลี่ยนตำแหน่งของตนเองมาเล่นแบบ All-out striker

ซึ่งสอดคล้องกับ โรแบร์โต โรฆาส์ (Roberto Rojas) นักข่าวจาก DAZN ที่กล่าวถึงเอ็นชิโซ่ในบทบาทนี้ว่า “เขาเป็นปีกจรวดที่สามารถหุบเข้าในไปหาช่องยิงได้ตลอดเป็นทุน นี่แหละว่าที่ดาวดวงใหม่ของละตินอเมริกา เขามีพร้อมทุกอย่างจริง ๆ ครับ”

และในช่วงจบฤดูกาลได้มีการจัดรางวัล Premios de Primera หรือการประกาศเกียรติคุณนักเตะประจำฤดูกาล ที่จัดโดยสมาคมฟุตบอลปารากวัย ซึ่งเอ็นชิโซ่ได้รับรางวัล “นักเตะน่าจับตามองที่สุด” ไปครอง แน่นอนว่าเขาคือนักเตะที่อายุน้อยที่สุดที่เคยได้รางวัลนี้ แม้จะเป็นรางวัลสำหรับดาวรุ่งก็ตาม 

ฤดูกาล 2021 ว่าโดดเด่นแล้ว แต่ฤดูกาล 2022 ถือว่าโดดเด่นกว่านั้นอย่างมาก เพราะครั้งนี้เขาเรียนรู้ที่จะ “ยิง” ให้เป็น 11 ประตู คือจำนวนที่ทำได้ (อาแปร์ตูรา) ซึ่งเคยขึ้นไปครองตำแหน่งดาวซัลโวของลีกเลยทีเดียว (แต่จบฤดูกาลด้วยการเป็นดาวซัลโวอันดับที่ 3)

ตรงนี้เขาได้ให้เครดิตกับ ออสการ์ การ์โดโซ (Óscar Cardozo) กองหน้ารุ่นพี่ระดับตำนานของเบนฟิก้า ความว่า “เขา (การ์โดโซ) ได้มาทุกอย่างแล้วในการเล่นฟุตบอล เขาเลยสอนผมทุกอย่างทั้งในและนอกสนาม ด้วยประสบการณ์ ความรู้ความสามารถ และถ่ายทอดความลับสำหรับการเป็นซูเปอร์สตาร์ คนดุดันไม่เกรงใจใครในการถล่มประตูแบบเขาช่วยผมได้มาก นี่คือคนที่เยี่ยมยอดคนหนึ่งของวงการฟุตบอล”

แถมการเล่นสไตล์นี้ยังทำให้เขายึดตำแหน่งตัวจริงกับทีมชาติแบบเกาะแน่น โดยประสานงานร่วมกับ มิเกล อัลมิรอน ซูเปอร์สตาร์ชั่วข้ามคืนของทั้งนิวคาสเซิลและทีมชาติได้อย่างไม่มีที่ติ แม้ผลงานของทีมจะไม่ค่อยชนะใน FIFA Day สักเท่าไร รวมถึงในฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก

แต่ดวงของเอ็นชิโซ่ยังพีกได้มากกว่านั้น ในขณะที่การแข่งขันอาแปร์ตูรายังไม่จบดี ไบรท์ตัน ยอดทีมระดับกลางสายไล่เก็บทีมใหญ่ในพรีเมียร์ลีกของ แกรห์ม พอตเตอร์ ณ ตอนนั้นได้ยื่นสัญญาระยะยาว 4 ปี ด้วยค่าตัว 9.5 ล้านปอนด์ ไม่รวม Add-on และอื่น ๆ

แน่นอนว่าเอ็นชิโซ่คือนักเตะคนหนึ่งที่อยากไปค้าแข้งในยุโรปมาก ๆ ไม่ว่าให้สัมภาษณ์สื่อที่ไหนเขามักจะแสดงเจตจำนงว่า “ความฝันอันสูงสุดของผมคือการบินไปค้าแข้งที่ยุโรป” เสมอ ๆ โชคทองหล่นทับถึงเพียงนี้มีหรือที่เขาจะไม่จรดปากกาเซ็นสัญญา

 

อนาคตใหม่กว่าแห่งไบรท์ตัน

“เขา (เอ็นชิโซ่) คือดาวรุ่งที่เทพมาก ๆ แถมเริ่มต้นอาชีพได้ดีเสียด้วย แน่นอนว่าในระดับทีมชาติก็เช่นกัน … เขาจากบ้านมาไกลเป็นครั้งแรกในชีวิต เราจะต้อนรับขับสู้เขาอย่างดีและไม่ทำให้เขารู้สึกแปลกแยกแน่นอน … เราไม่ได้ซื้อกองหน้าแบบเขามาเพื่อพัฒนาทีมอย่างเดียว แต่เราจะช่วยเขาพัฒนาตนเองให้พร้อมด้วย เชื่อเหลือเกินว่าเขาเป็นคนที่ใช่ในการเป็นตัวเลือกในตำแหน่งเพชฌฆาตของเรา”

คำสัมภาษณ์ในข้างต้นคือสิ่งที่ แกรห์ม พอตเตอร์ กล่าวถึงการจ่ายเงินเกือบ 10 ล้าน เพื่อดึงดาวยิงร่างเล็กคนนี้มาสู่ทีม ซึ่งเอ็นชิโซ่เองก็ได้หยอดกลับไป ความว่า

“มันสุดยอดมากเลยครับ ผมอยากจะฝึกซ้อมและลงสนามเป็นตัวจริงแล้ว … นี่คือลีกที่เยี่ยมยอดที่สุดในโลก คนบ้านผมนี่ดูตลอด การได้มาอยู่ที่นี่คือฝันที่เป็นจริงเลยครับ … ผมรู้ตัวว่าผมต้องเจองานหนักแน่นอน แต่เพื่อโค้ช (พอตเตอร์) และการพัฒนาตนเองแล้ว ผมได้แต่มองไปข้างหน้าอย่างเดียว คิดแล้วก็ท้าทายมากครับ ก็ได้แต่ต้องสู้ต่อไป ผมจะไม่ทำให้พ่อแม่ผิดหวังแน่นอนครับ”

แต่การแข่งขันภายในทีมของพลพรรคนกนางนวลก็ถือว่าเข้มข้นจริง ๆ เพราะบรรดาแนวรุก ณ ตอนนั้นอัดแน่นไปด้วยสิงสาราสัตว์ และทีมก็กำลังมั่นใจแบบสุดขีด ไม่ต้องพิจารณาอื่นไกล นับเฉพาะแนวรุกก็มีทั้ง ซอลลี มาร์ช, ปาสคาล โกรสส์, เลอันโดร ทรอสซาร์ รวมถึง คาโอรุ มิโตมะ และ แดนนี่ เวลเบ็ค หนุ่มน้อยจากแดนละตินคนนี้จะเอาอะไรไปสู้

แต่ใครเลยจะรู้ว่าโอกาสครั้งแรกใน คาราบาว คัพ รอบ 2 ในเกมที่พบกับ ฟอเรสต์ กรีน โรเวอร์ส (Forest Green Rovers) เขาก็ถวายพานทำแอสซิสต์แรกให้กลับตนเองได้ แถมทีมยังชนะไป 3-0 อีกด้วย กระนั้นนี่คือโอกาสชิมลางเดียวของเขา เพราะพอตเตอร์เลือกใช้งานเด็กในคาถาที่คุ้นมือมากกว่าที่จะเป็นเอ็นชิโซ่ เขาจึงมีสถานะเป็นนักเตะสแตนบาย เผื่อแนวรุกของทีมเจ็บที 5-6 คน

จนกระทั่งพอตเตอร์อำลาทีมไปคุมเชลซี การเข้ามาของ โรแบร์โต เดอ แซร์บี้ คือจุดเปลี่ยนที่สำคัญ ทั้งกับทีมและตัวเขาเอง

เอ็นชิโซ่มีชื่อในม้านั่งสำรองมากขึ้น พร้อมกับได้โอกาสในการลงสนามมากขึ้น และที่พีกคือการประเดิมสนามในพรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกเป็นแมตช์ที่ชนะ เชลซี ของโค้ชที่ไม่ค่อยให้โอกาสเขาไป 4-1 

แต่ก็เหมือนจะวนกลับลูปเดิม เพราะในตำแหน่งแนวรุก แม้ทีมจะเสีย เลอันโดร ทรอสซาร์ ไปให้อาร์เซนอล แต่โอกาสกลับตกเป็นของ เอแวน เฟอร์กูสัน (Evan Ferguson) แนวรุกลูกหม้อรุ่นราวคราวเดียวกับเขาไปเสียอย่างนั้น ซึ่งตรงนี้อาจจะว่าไม่ได้เต็มปาก เพราะ เดอ แซร์บี้ ถือว่าตาถึงจริง ๆ

แต่ว่าเทพีแห่งโชคได้เข้าข้างเอ็นชิโซ่ไม่มากก็น้อย เพราะเฟอร์กูสันดันมาเจ็บในช่วงที่ทีมกำลังขับเคี่ยวแย่งโควตาฟุตบอลสโมสรระดับทวีป และเข้ารอบรองชนะเลิศ เอฟเอ คัพ พร้อม ๆ กับที่ชายตาไปมองแนวรุกที่เหลือที่มี แดนนี่ เวลเบ็ค และ เดนิส อุนดาฟ ที่ผลงานก็ไม่ดี ทำให้โอกาสนั้นตกมาถึงเขาแบบเหมาะเหม็ง

และเหมือนว่าโอกาสครั้งนี้เอ็นชิโซ่จะไม่ยอมปล่อยให้หลุดมือ เพราะเขาได้สร้างปาฏิหาริย์ในการตะบันประตูชัยให้ทีมบุกไปชนะ เชลซี ถึงสแตมฟอร์ด บริดจ์ 1-2 พร้อมกับยึดตำแหน่งตัวจริงยาว ๆ มาจนถึงตอนนี้

แม้จะยังไม่พ้นวัยของคำว่าดาวรุ่ง แต่ด้วยผลงานขนาดนี้ เชื่อได้เลยว่าเอ็นชิโซ่คือความหวังของปารากวัยรวมถึงไบรท์ตัน กระนั้นแม้จะเข้าสู่ปีที่ 3 ในนามทีมชาติ เขากลับยังยิงประตูแรกไม่ได้ เรียกได้ว่ายังคงเป็นเครื่องหมายคำถามต่อไป ว่าท้ายที่สุดแล้วหนุ่มน้อยคนนี้จะตอบแทนความคาดหวังที่เหลือล้นของคนในประเทศได้หรือไม่

แต่เหนือสิ่งอื่นใด ในโคปา อเมริกา 2024 ที่จะจัดขึ้นที่สหรัฐอเมริกาในปีหน้า หากเขายังรักษาและพัฒนาฟอร์มการเล่นแบบนี้ต่อไปได้ ปารากวัยจะทวีความน่ากลัวขึ้นมาอีกมากโขอย่างแน่นอน

 

แหล่งอ้างอิง

https://www.foottheball.com/rising-ballers/julio-enciso-career-profile-stats-analysis-scout-report-libertad-brighton-paraguay-premier-league/ 
https://www.brightonandhovealbion.com/news/2648140/julio-enciso-its-a-dream-come-true 
https://www.wearebrighton.com/newsopinion/paraguay-expert-ralph-hannah-talks-julio-enciso/ 
https://www.babagol.net/blog/2021/2/24/julio-enciso-baba-scouted 
https://paraguayfootball.wordpress.com/2021/05/28/paraguay-talent-julio-enciso/ 
https://www.transfermarkt.us/enciso-quot-i-want-to-play-in-europe-quot-libertad-star-among-most-valuable-born-in-2004/view/news/388444 
https://www.brightonandhovealbion.com/news/2647985/julio-enciso-signs-for-albion 

Author

วิศรุต หล่าสกุล

หน้าตา 4KINGS ฟังเพลง 4EVE

Photo

วัชพงษ์ ดวงแปง

Main Stand's Backroom staff

Graphic

ภราดร ภราดร

อยากจะทำให้ดี ไม่ใช่แค่อยากจะทำให้เป็น