ปมเหตุที่ ดิดิเยร์ เดส์ชองส์ แต่งตั้ง คีลิยัน เอ็มบัปเป้ เป็นกัปตันทีมชาติฝรั่งเศสคนใหม่แทนที่ของ อูโก้ โยริส ที่ประกาศอำลาทีมชาติหลังจบฟุตบอลโลก 2022 ทำให้มีหลายฝ่ายออกมาโต้แย้ง รวมถึงตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับนักเตะดาวโรจน์วัย 24 ปี ว่ามีความเหมาะสมต่อตำแหน่งดังกล่าวมากน้อยเพียงใด
อีกทั้งยังมีข่าวในเชิงว่า อองตวน กรีซมันน์ รู้สึกไม่พอใจต่อการตัดสินใจของเดส์ชองส์อย่างยิ่ง จนนำไปสู่ปมร้าวในแคมป์ทีมชาติฝรั่งเศสในเวลาต่อมา
เรื่องดังกล่าวมีที่มาที่ไปอย่างไร และเหตุการณ์น่าจะลงเอยในทิศทางใด ? Main Stand เปิดเผยมุมมองจาก อุไร ปทุมมาวัฒนา หรือ "มาเฟียรี่" นักข่าวสายกีฬาต่างประเทศมากประสบการณ์ และเป็นเพียงคนเดียวที่เคยได้รับเลือกให้มีสิทธิ์โหวตผู้ชนะรางวัลบัลลงดอร์ นอกจากนี้ยังเป็นกองเชียร์ทีมชาติฝรั่งเศส และติดตามเรื่องราวภายในแคมป์มาอย่างยาวนานอีกด้วย
ปมร้าว "เอ็มบัปเป้-กรีซมันน์" ไม่น่าเกิดขึ้น
อองตวน กรีซมันน์ ทำหน้าที่รับใช้ทีมชาติฝรั่งเศสชุดใหญ่มาตั้งแต่ปี 2014 จนถึงปัจจุบัน (อัปเดตล่าสุด 24 มีนาคม 2023) นับเป็นนัดที่ 118 ขึ้นสู่อันดับที่ 5 บนทำเนียบผู้เล่นที่ติดทีมชาติฝรั่งเศสสูงสุดตลอดกาล
กรีซมันน์ยังทำสถิติติดทีมชาติยาวนานต่อเนื่องมากถึง 75 นัด (นับตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม 2017 ถึงวันที่ 25 มีนาคม 2023) ซึ่งในจำนวน 75 นัดหลังสุดในนามทีมชาติ เขาลงเล่นเป็นตัวสำรองเพียง 8 นัด และ 5 ใน 8 นัด ล้วนเกิดขึ้นในเกมกระซับมิตรทั้งสิ้น
ไม่เพียงเท่านั้น เขายังเป็นหนึ่งในผู้เล่นคนโปรดของเดส์ชองส์ที่พร้อมทำตามคำสั่งของโค้ชโดยไม่เคยปริปากบ่นสักคำเดียว แม้ต้องเปลี่ยนตำแหน่งเล่นเขาก็ยินยอม กรีซมันน์จึงเป็นหนึ่งในขุนพลทัพ เลส์ เบลอส์ ที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะมีทั้งทักษะ ความว่องไว และประสบการณ์ รวมถึงยังสามารถเล่นได้หลายตำแหน่งในแดนหน้าและแดนกลาง จึงไม่แปลกที่เขาจะเป็นผู้เล่นหลักให้กับทีมชาติมาโดยตลอด
ปัจจุบันกรีซมันน์ในวัย 32 ปี ก้าวขึ้นมาเป็นพี่ใหญ่ภายในทีม อาจเรียกได้ว่ามีความเหมาะสมและคู่ควรกับปลอกแขนกัปตันทีมชาติฝรั่งเศสทุกประการ
แต่เดส์ชองส์กลับเลือกให้ เอ็มบัปเป้ แข้งรุ่นน้องวัย 24 ปี รับหน้าที่เป็นกัปตันทีม ส่วนตัวของกรีซมันน์เป็นเพียงรองกัปตันทีมเท่านั้น
จึงมีข่าวลือหนาหูว่ากรีซมันน์รู้สึกผิดหวังต่อการตัดสินใจดังกล่าวอย่างยิ่ง จนถึงขั้นคิดอยากจะประกาศอำลาทีมชาติ ซึ่งอาจเป็นชนวนเหตุให้มีความขัดแย่งกันเกิดขึ้นระหว่าง เดส์ชองส์, กรีซมันน์ และ เอ็มบัปเป้ ในเวลาต่อมา
อย่างไรก็ตาม "มาเฟียรี่" มองว่า ปมร้าวดังกล่าวไม่น่าจะมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น
เพราะถึงแม้กรีซมันน์จะเป็นเพียงรองกัปตันทีม แต่เขาก็ได้รับความเคารพอย่างสูงจากผู้เล่นทุกคนภายในทีม โดยเฉพาะเอ็มบัปเป้ที่เคารพนับถือแข้งรุ่นพี่รายนี้ถึงขนาดเคยกล่าวไว้ว่า
"กรีซมันน์มีประสบการณ์ที่ผมไม่มี เขาเป็นคนที่ได้รับการยอมรับนับถือจากทุกคนในทีม เราต้องการเขา และเราจะจับมือกันเพื่อทำให้ฝรั่งเศสยิ่งใหญ่ระดับโลกในอนาคต"
"ถ้าหากเขามีเรื่องจะพูดกับทุกคนในทีม ผมจะนั่งลงและรับฟังเขาด้วยความเคารพ"
มาเฟียรี่ได้ตั้งข้อสังเกตต่อคำพูดดังกล่าวว่ามันแสดงให้เห็นถึงสถานการณ์ที่เป็นไปในทิศทางที่ดีอย่างยิ่ง ซึ่งหมายถึงต้องมีการพูดคุยหรือปรับความเข้าใจกันมาก่อนแล้ว จึงไม่น่ามีความเป็นไปได้ที่ปมรอยร้าวที่มาจากกรีซมันน์จะเกิดขึ้น
อีกทั้งกรีซมันน์ยังเป็นผู้เล่นที่มีบุคลิกเล่นเพื่อทีมมากกว่าตัวเอง ดังนั้นจึงยิ่งเป็นไปได้ยากที่เขาจะน้อยใจจนถึงขั้นคิดอยากประกาศอำลาทีมชาติ ซึ่งถือเป็นการสร้างผลเสียมากกว่าผลดีต่อตัวเขาในอนาคตอย่างแน่นอน
กัปตันทีมชาติไม่ควรเปลี่ยนบ่อย
มาเฟียรี่ได้ให้ข้อสังเกตว่า เดส์ชองส์เป็นเฮดโค้ชที่มีแนวทางชัดเจน แม้ว่าเขารู้ดีว่ากรีซมันน์มีความเหมาะสมทุกประการสำหรับตำแหน่งดังกล่าว แต่เมื่อมองถึงการใช้งานในระยะยาว ปัจจุบันกรีซมันน์มีอายุล่วงเข้ากว่า 32 ปีให้แล้ว อาจเรียกได้ว่าเป็นผู้เล่นคนปัจจุบันที่กำลังจะกลายเป็นอดีต และคงไม่สามารถเล่นในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ได้นาน
และในฐานะที่ชื่นชอบกรีซมันน์เป็นการส่วนตัว มาเฟียรี่จึงทำได้เพียงแค่พูดว่า "รู้สึกเห็นใจกรีซมันน์ แต่ความผิดหวังของเขาก็เป็นสิ่งที่เข้าใจได้"
รวมถึงผู้เล่นคนอื่น ๆ ที่เล่นอยู่ในยุคเดียวกันอย่าง ปอล ป็อกบา ซึ่งอาจมีบารมีเทียบเท่าหรือมากกว่ากรีซมันน์ แต่ระยะหลังมีปัญหาเรื่องอาการบาดเจ็บอย่างต่อเนื่อง เขาจึงไม่ถูกพิจารณาเรื่องการเป็นกัปตันทีมจากโค้ช
อีกทั้งยังมี โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ที่ติดทีมชาติมาอย่างยาวนาน แต่ด้วยอายุที่ล่วงเข้ากว่า 36 ปีแล้ว ก็มีแนวโน้มว่าเขาอาจตัดสินใจอำลาทีมชาติในเร็ว ๆ นี้เช่นกัน
ผู้เล่นคนอื่น ๆ เช่น อุสมาน เดมเบเล่ วัย 25 ปี, ร็องดาล โกโล มูอานี่ วัย 24 ปี, โอเรเลียง ชูอาเมนี่ วัย 23 ปี หรือ เอดูอาร์โด้ กามาวินก้า วัย 20 ปี ซึ่งล้วนเป็นผู้เล่นสายเลือดใหม่ที่น่าจับตามองแทบทั้งสิ้น แต่ยังไม่มีใครที่จะสามารถเป็นเดอะแบกของทีมชาติได้อย่างแท้จริง ต่างจาก คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ที่พิสูจน์ตัวเองมาแล้วตั้งแต่ฟุตบอลโลก 2018 ที่ฝรั่งเศสคว้าแชมป์โลก
อีกทั้งมาเฟียรี่ได้ให้มุมมองว่า ตำแหน่งกัปตันไม่ควรเปลี่ยนบ่อยเพราะเปรียบเสมือนศูนย์กลางของทีมที่มีหน้าที่คอยบัญชาการผู้เล่นทุกคนภายในสนาม โดยเฉพาะกับทีมชาติฝรั่งเศสซึ่งถือเป็นทีมใหญ่ หากต้องเปลี่ยนแปลงกัปตันทีมบ่อย ๆ อาจจะส่งผลเสียมากกว่าผลดี
เอ็มบัปเป้จึงถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในเวลานี้ ด้วยอายุเพียง 24 ปี เขาสามารถยืนระยะในตำแหน่งกัปตันทีมได้ยาวนานต่อเนื่องอย่างแน่นอน
บุคลิกและผลงานพร้อม
มาเฟียรี่ได้วิเคราะห์ต่อไปอีกว่า นอกจากผลงานและความสามารถที่เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาของผู้คนแล้ว เอ็มบัปเป้ยังมีบุคลิกที่สามารถเป็นผู้นำได้
ยกตัวอย่างในเกมนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2022 ซึ่ง ทีมชาติฝรั่งเศส ในฐานะแชมป์ฟุตบอลโลก 2018 พบ ทีมชาติอาร์เจนตินา ที่มี ลิโอเนล เมสซี่ นำทัพ ทันที่ที่เสียงนกหวีดดังขึ้น กลับกลายเป็นว่าผู้เล่นฝรั่งเศสเกือบทั้งทีมมีท่าทีฟอร์มตกลงไปอย่างน่าใจหาย
มีเพียงเอ็มบัปเป้คนเดียวเท่านั้นที่ไม่ตื่นตระหนกไปกับแรงกดดันที่ถาโถมเข้ามาอย่างหนัก อีกทั้งเขายังสามารถตะบันประตูตามตีเสมออาร์เจนตินา ทั้งการยิง 2 ประตู ตามตีเสมอใน 90 นาทีด้วยสกอร์ 2-2 ก่อนยิงเพิ่มอีกลูกเป็นแฮตทริกตีเสมอใน 120 นาที 3-3 ยื้อเกมไปตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ ก่อนแพ้ด้วยสกอร์ 2-4 คว้ารองแชมป์โลกไปอย่างน่าเจ็บปวด
เอ็มบัปเป้ยังเป็นคนที่กล้าแสดงออกอย่างชัดเจนและตรงไปตรงมา ยกตัวอย่างช่วงก่อนฟุตบอลโลก 2022 ที่เขาขอปฏิเสธไม่ถ่ายรูปร่วมกับทีมชาติเพราะไม่พอใจปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ภาพลักษณ์ เนื่องจากสมาคมฟุตบอลฝรั่งเศสได้ทำการตลาดกับบริษัทรับพนันออนไลน์ถูกกฎหมายเจ้าหนึ่ง จนทำให้เอ็มบัปเป้หรือผู้เล่นอื่น ๆ ในทีมชาติไม่พอใจ เพราะพวกเขาไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับบริษัทการพนันทุกรูปแบบ
"กรณีเรื่องของลิขสิทธิ์ภาพลักษณ์ เอ็มบัปเป้ไม่ได้ทำเพื่อตัวเองอย่างที่ทุกคนเข้าใจกัน แต่เขาทำเพื่อผู้เล่นฝรั่งเศสทั้งประเทศ มันแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้เห็นแก่ตัวอย่างที่สื่อหลาย ๆ สำนักพยายามเล่นข่าวกันมาเมื่อก่อนหน้านี้" มาเฟียรี่ เปิดเผย
รวมถึงยังมีอีกหลายกรณีที่เอ็มบัปเป้แสดงให้เห็นว่าเขามีจิตใจที่นิ่งสงบเกินอายุและไม่เคยหวั่นไหวหรือกลัวเกรงหากต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่กดดันถึงขีดสุด ด้วยบุคลิกที่มีความมั่นใจในตัวเองสูงและมีอารมณ์ร่วมกับเกมเสมอทำให้เขาโดดเด่นและสามารถกระตุ้นผู้เล่นคนอื่น ๆ ในทีมได้
มาเฟียรี่เผยในตอนท้ายว่า
"เอ็มบัปเป้มีบุคลิกความเป็นผู้นำมากกว่าที่เราคิด เขายังมีผลกับความรู้สึกของผู้เล่นสายเลือดใหม่ภายในทีมชาติอีกด้วย ดังนั้นเขาจึงมีความเหมาะสมที่จะเป็นกัปตันทีมชาติฝรั่งเศสคนต่อไปมากกว่าทุก ๆ คนในทีมชาติ ณ เวลานี้"
"หากวิเคราะห์ตามรูปการณ์แล้ว เอ็มบัปเป้จึงถือเป็นผู้เล่นที่มีเครดิตสูงสุด ทั้งเรื่องอายุที่สามารถใช้งานได้ในระยะยาว รวมถึงยังเป็นเดอะแบกของทีมที่แท้จริงที่ทีมจะขาดไปไม่ได้อย่างเด็ดขาด การที่เขาได้เป็นกัปตันทีมจึงเป็นสิ่งที่เข้าใจได้"
และสิ่งที่เกิดขึ้นในเกมนัดแรกของทีมชาติฝรั่งเศสภายใต้การนำของเอ็มบัปเป้ที่เปิดบ้านถล่ม เนเธอร์แลนด์ 4-0 ในเกมยูโร 2024 รอบคัดเลือก ซึ่งเกมนั้นกรีซมันน์ยิงเปิดหัว ก่อนที่เอ็มบัปเป้จะบวกเพิ่มอีก 2 ประตู ตลอดจนภาษากายต่าง ๆ ที่ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี
สิ่งเหล่านี้น่าจะตอบคำถามได้เกินพอแล้วว่า ทีมชาติฝรั่งเศสไร้ปัญหารอยร้าวในแคมป์ และทีมตราไก่กำลังเข้าสู่ยุคใหม่ที่มี คีลิยัน เอ็มบัปเป้ นำทีมอย่างเต็มตัว
ประวัติ มาเฟียรี่ โดยสังเขป
"มาเฟียรี่" เป็นนามปากกาของ อุไร ปทุมมาวัฒนา หรือ หมวย ผู้สื่อข่าวและคอลัมนิสต์อาวุโสฝ่ายต่างประเทศที่มีผลงานมาอย่างโชกโชนจนได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในกูรูด้านกีฬาที่ทรงอิทธิพลอย่างสูงในวงการข่าวกีฬาไทย
มีประสบการณ์เดินทางทำข่าวในมหกรรมกีฬาระดับนานาชาติมาแล้วทั่วโลก เช่น แรลลี่วิบาก ปารีส-ดาการ์ หรือปัจจุบันในชื่อ ดาการ์ แรลลี่ (ปี 1992-1997) และยังมีโอกาสเดินทางทำข่าวฟุตบอลโลกอย่างใกล้ชิดถึง 6 สมัย (1998-2018) ฟุตบอลยูโรอีก 5 สมัย (2000-2016) และอื่น ๆ ที่ยังไม่ได้กล่าวถึงอีกมาก
มาเฟียรี่ยังเป็นผู้สื่อข่าวคนไทยเพียงคนเดียวที่ได้รับเชิญจากนิตยสาร ฟรองซ์ ฟุตบอล (France Football) นิตยสารข่าวของประเทศฝรั่งเศส ให้เป็นหนึ่งในกรรมการผู้มีสิทธิ์โหวตรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของโลก หรือ บัลลงดอร์ (Ballon d'Or) ซึ่งได้ทำหน้าที่นี้มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2010-2021 กระทั่งปี 2022 ที่ ฟรองซ์ ฟุตบอล เปลี่ยนกฎใหม่ อนุญาตให้เฉพาะผู้สื่อข่าวจากชาติที่ติด 100 อันดับแรกใน ฟีฟ่า แรงกิ้ง เท่านั้นที่มีสิทธิ์โหวต ประเทศไทยที่มี ฟีฟ่า แรงกิ้ง เกินอันดับที่ 100 จึงหมดสิทธิ์โหวตบัลลงดอร์ด้วยประการฉะนี้